Home / โรแมนติก / บ่วงรักผีเสื้อ / บทที่ 6 คู่หมั้นของฉันคือคุณผีดิบ - 35%

Share

บทที่ 6 คู่หมั้นของฉันคือคุณผีดิบ - 35%

last update Last Updated: 2024-12-26 12:45:37

“คุณพ่อว่าอะไรนะคะ!

รวิชาถามอย่างไม่เชื่อหู เธอไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ตนหูแว่วไปเองหรือเปล่า

“น้องอายต้องหมั้นกับอาภีมนะลูก แล้วพ่อจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมเราถึงต้องหมั้น แต่ตอนนี้...” อาทิตย์ยังพูดไม่ทันจบ รวิชาก็ลุกพรวดแล้วหันไปหาผู้เป็นมารดาที่นั่งอยู่อีกด้าน

“คุณแม่คะ ดูคุณพ่อสิพูดอะไรก็ไม่รู้ หมั้นอะไรกันน่ะ” เธอต้องการตัวช่วยเพื่อยืนยันคำพูดของบิดาว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่น แต่พอเห็นสีหน้าและแววตาของท่านทั้งสอง หญิงสาวถึงกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตามเดิม ใบหน้างอง้ำอย่างไม่พอใจ แล้วนั่งนิ่งเพื่อรอฟังเหตุผลจากบิดา

“ฟังพ่อนะ ที่พ่อกับแม่ให้หนูหมั้นกับอาภีมก็เพราะว่าจะได้กันตาวิชรไม่ให้มายุ่งกับหนู หนูรู้หรือเปล่าว่าทุกวันนี้ลุงบุญทรงยังมาทาบทามหนูให้ลูกชายเขาอยู่เลย ถึงแม้พ่อจะปฏิเสธไปแล้วก็เถอะ พ่อไม่อยากให้เขามาลำเลิกบุญคุณเก่า ๆ ที่เคยช่วยพ่อตอนเปิดบริษัท หนูเป็นลูกสาวของพ่อ ทำไมพ่อจะไม่รู้ว่าหนูไม่ชอบหน้าตาวิชร เพราะฉะนั้นพ่อถึงให้หนูหมั้นกับอาภีมเสีย ทางนั้นจะได้ไม่กล้ามายุ่งกับเราอีก เพราะอาภีมค่อนข้างมีอิทธิพลพอตัว พ่อกับแม่จะได้สบายใจด้วย อย่างน้อยเวลาไปทำงานต่างประเทศ หรือต้องไปต่างจังหวัดหลายวัน อาภีมก็ยังดูแลหนูแทนพ่อกับแม่ได้”

อาทิตย์พยายามยกเหตุผลต่าง ๆ นานา มากล่อมบุตรสาว ด้วยรู้ดีว่าคนอย่างรวิชา หากบังคับขู่เข็ญก็ยิ่งต่อต้าน ฉะนั้นจึงต้องหาเหตุผลดี ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายได้คิดตาม

“โหย...แล้วทำไมต้องเป็นอาภีมด้วยล่ะคะ”

รวิชายังคงนั่งทำหน้างอเป็นม้าหมากรุก ยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเขา ทำไมไม่เป็นคนอื่น และทำไมต้องหมั้น

“น้องอายไม่ชอบอาภีมหรือลูก”

รวิวรรณเอ่ยปากถามเมื่อเห็นหน้าบอกบุญไม่รับของรวิชา จำได้ว่าตอนไปรับประทานมื้อค่ำกันวันนั้นก็ดูปกติดี บุตรสาวของเธอไม่มีท่าทางรังเกียจรังงอนภีมพลแม้แต่นิดเดียว

“เปล่าหรอกค่ะ ไม่ใช่ไม่ชอบหรอก เฉย ๆ มากกว่า แต่...อาภีมเนี่ยนะ เขาแก่จะตายไปคุณแม่”

สาวน้อยถอนหายใจหนัก ๆ อย่างไม่เกรงใจ นี่ถ้าบรรดาเพื่อน ๆ รู้ว่าเธอต้องหมั้นกับผู้ชายที่แก่กว่าขนาดเป็นน้องของพ่อได้นี่ เธอต้องโดนล้อยันเรียนจบแน่ ถ้าเขาแก่กว่าเธอแค่สี่ห้าปีจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่ดูท่าทางแล้วน่าจะสิบปีขึ้นไป ดูอย่างไรก็คนละรุ่นกันชัด ๆ

“เขายังไม่แก่สักหน่อย น้องอายไปว่าอาเขาอย่างนั้นได้ยังไงกันลูก หนูแค่หมั้นกับเขาเพื่อให้เขาคอยคุ้มครองดูแลหนูได้เต็มที่ จะได้ไม่ถูกคนอื่นมองไม่ดี หรือนินทาเอาได้ แล้วพอหนูเรียนจบเมื่อไร หรืออาภีมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาจริง ๆ ตอนนั้นเราค่อยถอนหมั้นก็ได้นี่นา เมื่อเช้าพ่อกับแม่คุยตกลงกับเขาเอาไว้แล้ว” ผู้เป็นแม่เอ่ยสำทับ แต่ดูเหมือนสาวน้อยยังคงงอแง เพราะไม่อยากมีห่วงมาผูกคอ

“ก็ให้อาภีมดูแลน้องอายอย่างเดียวก็ได้นี่คะไม่เห็นต้องหมั้นเลย จะว่าไปแล้วน้องอายก็ดูแลตัวเองได้แล้วนะ ไม่ต้องให้เขามาทำตัวเหมือนเป็นผู้ปกครองคนที่สองก็ได้”

“น้องอาย ถ้าหนูดูแลตัวเองได้อย่างที่พูดจริง คืนนั้นคงไม่โดนตาวิชรมันวางยาหรอกนะ” อาทิตย์จำเป็นต้องพูดทั้งที่ตอนแรกว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว แต่ก็อดไม่ได้ ทำเอารวิชาเบิกตาโตขึ้นมาทันที

“อาภีมมาฟ้องคุณพ่อคุณแม่หรือคะ น่าเกลียดที่สุดเลย คนอะไรขี้ฟ้อง!”

หญิงสาวพาลพาโลโกรธชายหนุ่มที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าจะไม่เล่าให้บิดามารดาของเธอฟัง แต่กลับทำไม่ได้อย่างที่รับปากไว้ ผ่านไปแค่ไม่กี่วันเขาก็ผิดสัญญาเสียแล้ว

“น้องอาย...อย่าพาลสิลูก ถ้าคืนนั้นอาภีมไม่ช่วยหนูไว้ ป่านนี้หนูจะเป็นยังไงบ้างรู้รึเปล่า พ่อจะไม่ดุหนูเรื่องที่หนูหนีไปเที่ยวกลางคืนแบบนั้นหรอกนะ เพราะพ่อกับแม่เองก็มีส่วนผิดที่มาตามนัดของหนูไม่ได้ และอาภีมก็ขอร้องไว้ว่าอย่าดุหรือทำโทษหนู เพราะเหตุผลนี้แหละ พ่อถึงอยากให้หนูหมั้นกับอาภีมเสีย เพราะถ้ามีข่าวเรื่องการหมั้นของหนูกับอาภีมแพร่สะพัดออกไป ลุงบุญทรงจะได้เลิกตอแยพวกเรา แล้วก็อย่างที่คุณแม่บอกนั่นแหละว่าถ้าหนูเรียนจบ ช่วยเหลืองานของพ่อได้เมื่อไร หรืออาภีมมีคนรักตัวจริงขึ้นมา เมื่อนั้นเราก็ค่อยถอนหมั้น ป่านนั้นลุงบุญทรงก็คงเลิกสนใจหนูให้ลูกชายแล้วล่ะมั้ง พ่อว่า”

“ก็ได้ค่ะ หมั้นก็หมั้น”

สาวน้อยจนใจต้องตกปากรับคำทั้งที่หน้ายังงอง้ำ นึกถึงตอนคุยกับภีมพลเมื่อตอนสาย และสายตาท่าทางแปลก ๆ ของเขาแล้วจึงเข้าใจว่า ทำไมเขาถึงพูดอย่างนั้น

แล้วเจอกันใหม่เพราะเราคงได้เจอกันอีกนาน

“อาภีมจะมาบอกเรื่องวันและเวลาอีกที หนูจะชวนเพื่อนคนไหนมาบ้างลูก” รวิวรรณถามเพื่อจะได้เตรียมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ แต่รวิชากลับส่ายหน้าหวือ

“ไม่ชวนหรอกค่ะ อายเขาตายเลย ขืนชวนเพื่อนมา น้องอายต้องโดนเพื่อนล้อแน่”

“ตามใจหนูแล้วกัน”

สองสามีภรรยาหันมองหน้ากันแล้วได้แต่ยิ้มขำ เข้าใจอยู่ว่าลูกยังเด็กเกินไปกับการหมั้นหมาย ถึงแม้จะไม่ได้ยึดถือเป็นเรื่องจริงจังก็ตาม คิดแล้วก็อดกังวลไม่ได้ แค่รู้ว่าต้องหมั้นยังออกอาการไม่ชอบใจขนาดนี้ ไม่อยากนึกเลยว่าเมื่อถึงวันหมั้นจริง ๆ รวิชาจะพยศสักแค่ไหน

รวิชาตรงดิ่งไปทิ้งตัวลงบนเตียงนอนหนานุ่ม หวนคิดถึงเรื่องที่คุยกับบิดามารดาเมื่อครู่ แล้วนึกย้อนไปถึงเมื่อก่อนที่เธอทำได้เพียงแอบซุ่มมองเขาจากบนระเบียงบ้าน จากที่เคยคิดว่าเส้นทางของเขากับเธอคงเหมือนเส้นขนาน ไม่คิดมาก่อนเลยว่าท้ายที่สุดแล้วต้องมาพัวพันกันในที่สุด

หญิงสาวนึกย้อนไปวันที่ตื่นมาเจอภีมพลนอนอยู่ข้างกาย หลังจากนั้นมาเธอก็ได้เจอกับเขาบ่อยขึ้น นึกถึงตอนเขาเอาตัวเข้ามาชิดใกล้ ตอนที่ทำให้เธอเขินอายจนหน้าแดงบ่อย ๆ และสุดท้าย...ตอนที่เธอเห็นไอ้นั่นของเขาเต็มสองตา

รวิชากรี๊ดเบา ๆ แล้วคว่ำหน้าลงกับที่นอน รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวไปหมด ตอนนี้เธออยากคุยกับเพื่อนสักคน อยากเล่า อยากระบาย อยากถ่ายทอดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกไปบ้าง มิเช่นนั้นเธอต้องอกแตกตายเป็นแน่

คนแรกที่รวิชานึกถึงคืออารดา ซึ่งเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้น อารดาเป็นคนเรียบร้อย เป็นเด็กเรียนดีมาแต่ไหนแต่ไร เป็นเพื่อนที่รวิชารักและไว้ใจมากที่สุด ทั้งยังเป็นผู้ฟังที่ดี คอยรับฟังปัญหาทุกอย่าง และให้คำแนะนำอย่างจริงใจเสมอ

คิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมากดโทร. หาเพื่อนสนิททันที รอสายไม่นานนัก ปลายสายก็กดรับเสียงใส

“อุ้ย ว่างไหมเรามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”

รวิชาเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง ตั้งแต่เรื่องที่พรรณรายชวนไปเที่ยวกลางคืนแล้วเกิดอะไรขึ้นกับตนบ้าง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเรื่องราวจริง ๆ เป็นอย่างไร แต่เท่าที่ฟังจากคุณผีดิบ รวิชาก็เชื่อว่าคงเป็นตามที่เขาเล่ามา เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่ภีมพลจะโกหก

รวิชาเคยเล่าเรื่องคุณมาเฟียผีดิบที่อยู่รั้วบ้านติดกันให้อารดาฟังหลายครั้ง พออีกฝ่ายรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังจะหมั้นกับเขา จึงทำให้อารดาตื่นเต้นเป็นพิเศษ

“ฉันว่ามันต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ ๆ เลยอาย” อารดาเพิ่งได้เปิดปากพูดหลังจากนิ่งเงียบฟังรวิชาพูดอยู่ฝ่ายเดียวมาร่วมยี่สิบนาทีเต็ม

“พรหมลิขิตบ้าอะไรกันแก คราวเคราะห์ของฉันน่ะสิไม่ว่า แกคิดดูสิว่าตาคุณผีดิบนั่นน่ะแก่กว่าฉันตั้งกี่ปี ฉันไม่ได้อยากมีพ่อคนที่สองหรอกนะ” รวิชาทำปากยื่นใส่คนปลายสาย ถึงแม้จะรู้ว่าทำไปเพื่อนรักก็คงไม่เห็น

“อ้าว! แกคิดดูสิ แต่ไหนแต่ไรมาแกกับเขาก็ไม่ได้พูดคุยกันเลย แกบอกฉันเองไม่ใช่หรือว่าตอนเด็ก ๆ แกติดเขาอย่างกับอะไรดี ฉันว่านะ แกกับคุณผีดิบอาจจะเป็นเนื้อคู่กันอยู่แล้วก็ได้ พรหมลิขิตก็เลยขีดให้แกกับเขาต้องมาเจอกันอีกครั้งในเวลาที่เหมาะสมไงล่ะ โอ๊ย! โรแมนติกชะมัด อย่างกับนิยายแน่ะยายอาย”

อารดาพูดไปตามประสาสาวน้อยช่างฝัน ทำเอาคนฟังทำหน้าเมื่อย แม้จะเริ่มคล้อยตามเพื่อนแล้วก็ตาม

“เพ้อเจ้อแล้วยายอุ้ย เด็กเรียนอย่างแกยังมีเวลาอ่านนิยายกับเขาด้วยหรือไง ว่าแต่แกเถอะ พอจะมีเวลาว่างมางานหมั้นฉันไหมล่ะ”

รวิชาคิดเอาไว้ว่าคงชวนแค่อารดาคนเดียว เพื่อนคนอื่นเธอไม่ชวนมาอย่างเด็ดขาด ขืนชวนมามีหวังเรื่องหมั้นของเธอต้องกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ประจำรุ่นแน่ ๆ

“แล้วแกจะหมั้นวันไหน ฉันยังรับปากไม่ได้หรอกนะอาย เพราะไม่รู้ว่าจะลางานได้รึเปล่า”

อารดาอยากไป แต่เพราะต้องทำงานพิเศษที่ร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน ซึ่งมีวันหยุดให้แค่อาทิตย์ละวันเท่านั้น จึงไม่แน่ใจว่าจะสามารถไปร่วมงานของเพื่อนได้หรือไม่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทส่งท้าย หยุดอยู่กับเธอคนเดียว - 100%

    “อ้าว! วันนี้คุณอายไม่เข้าบริษัทหรือ” เมื่อเช้าก็ออกมาด้วยกันแท้ ๆ แต่แม่เจ้าประคุณแอบหนีไปเที่ยวไหนกันล่ะนี่ ชายหนุ่มคิดอย่างเข่นเขี้ยวในใจเมื่อเจอ “เซอร์ไพรส์” สุดพิเศษจากศรีภรรยาภีมพลยิ้มกริ่มอย่างหมายมาด เห็นทีต้องรีบกลับไปรับขวัญก่อนเวลาเสียแล้ว ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถออกมา เหลือบไปเห็นแฟ้มงานสองแฟ้มที่ยังคงแผ่หราอยู่เต็มโต๊ะ แล้วนึกขึ้นได้ว่ายังดูค้างเอาไว้ เขากวาดตามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ใจจริงเขามีตัวเลือกเอาไว้อยู่แล้ว เมื่อตัดสินใจได้เขาก็คว้าแฟ้มขวามือเดินออกจากห้องทันที จากนั้นจึงไปยื่นให้กับเลขาฯ ส่วนตัว“ผมเลือกของบริษัทนี้ ให้ฝ่ายจัดซื้อทำเรื่องได้เลย อ้อ วันนี้ผมไม่เข้าแล้วนะ” พูดจบชายหนุ่มก็ผละออกไป และต้องหยุดชะงักเมื่อเลขาฯ รีบวิ่งมาถามถึงงานบางอย่างที่เขาให้เตรียมไว้สำหรับช่วงบ่ายนี้“คุณภีมคะ แล้วเรื่องที่ให้เตรียมเอาไว้บ่ายนี้ล่ะคะ”“ยังคอนเฟิร์มอยู่ แต่ว่าคุณช่วยอะไรผมหน่อยสิ”ภีมพลหันมายิ้มพรายเต็มวงหน้าเมื่อคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทส่งท้าย หยุดอยู่กับเธอคนเดียว - 70%

    อดคิดไปถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับไปแล้วไม่ได้ ท่านทั้งสองช่างมีความอดทนและมุมานะอย่างล้นเหลือที่สู้ฝ่าฟันจนกระทั่งบริษัทเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้ นึกมาถึงตอนนี้แล้วก็โกรธตัวเองที่ตอนนั้นเอาแต่น้อยใจ คิดว่าท่านทำแต่งานจนไม่สนใจใยดีกับเธอผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว‘รวิชา แปลว่าลูกพระอาทิตย์ เพราะฉะนั้นหนูต้องเข้มแข็ง อดทนให้สมกับที่เป็นลูกสาวของพ่อ ชีวิตของหนูจะต้องรุ่งโรจน์สดใสเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า’ถ้อยคำจากบิดายังคงดังก้องอยู่ในหัวทุกครั้งที่นึกถึงเวลาเมื่อรู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าไม่มีแม่นมชราและสามีที่คอยเป็นกำลังใจให้ ป่านนี้ชีวิตเธอจะหักเหไปทางไหนแล้วบ้างก็สุดรู้“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับจุมพิตเบา ๆ ที่ข้างแก้ม จากนั้นคนตัวโตก็ทรุดตัวลงนั่งซ้อนหลังไว้พร้อมกับดึงบ่าของเธอให้เอนซบลงมาบนตัวเขา“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” หญิงสาวทักทายกลับไปก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของสามี“จำเป็นต้องตื่นเช้าน่ะ จู่

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทส่งท้าย หยุดอยู่กับเธอคนเดียว - 35%

    หลังจากถวายสังฆทานจนกระทั่งกรวดน้ำเสร็จเรียบร้อย ภีมพล รวิชา และนมพิมก็พากันเดินออกมาเทน้ำที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้ากุฏิ ชายหนุ่มสวดบทกรวดน้ำพึมพำโดยไม่ออกเสียง ในขณะที่หญิงสาวและนมพิมอธิษฐานเพื่อส่งผลบุญให้แก่ผู้ล่วงลับอยู่ในใจวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของบิดามารดาของรวิชา นมพิมเปรยเอาไว้หลายวันก่อนหน้าแล้วว่าอยากมาทำบุญให้ท่านทั้งสอง ซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยเพราะคิดไว้เหมือนกันว่าจะมาทำบุญวันนี้ จึงชวนสามีหนุ่มให้มาด้วยกัน และเขาก็ไม่ขัดข้อง เพราะตั้งแต่ผ่านพ้นพิธีแต่งงานมาได้สองเดือน ภีมพลก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพุทธศาสนาอีกเลยจากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางกลับบ้าน พอมาถึง ชายหนุ่มปล่อยให้รวิชาได้อยู่กับแม่นมตามลำพังเพราะคิดว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องอยากพูดคุยกัน เขาเองก็เห็นใจคนแก่อย่างนมพิม เพราะตั้งแต่รวิชาเรียนจบมาก็เอาแต่ทำงาน แถมหลังจากนั้นสองเดือนก็เข้าพิธีแต่งงานกับเขา ทำให้บางคืนรวิชาไม่ได้กลับไปนอนบ้านตัวเอง ถึงแม้เขากับรวิชาจะแก้ปัญหาด้วยการสลับบ้านนอนเป็นวันเว้นวันแล้วก็ตาม แต่หัวอกคนแก่ก็คงหงอยเหงาเป็นธรรมดา

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 24 ผีเสื้อสยายปีก - 100%

    “ตอบแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย อย่างนี้ต้องให้รางวัล”ชายหนุ่มจับล็อกปลายคางมนของหญิงสาวไว้ แล้วก้มลงตบรางวัลให้คนปากหวานช่างจำนรรจาจนเขากระชุ่มกระชวยทุกทีที่ได้ฟังนาทีนี้ภีมพลเหมือนจะคลั่งเสียให้ได้ สาวน้อยช่างหวานจับจิตจับใจสมกับที่รอคอยมานานแสนนาน ถ้าไม่ติดว่าเธอยังใหม่กับความสัมพันธ์แบบนี้แล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าทั้งเขาและเธอยังคงนัวเนียกันอยู่บนเตียงเป็นแน่“อื้ม...อาภีมขา นี่มันริมถนนนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”แค่หญิงสาวพูดเบา ๆ แต่สำหรับชายหนุ่มแล้วน้ำเสียงสั่นพร่านิด ๆ นั้นช่างฟังดูเซ็กซี่ยั่วยวนดีเหลือเกิน เขานึกถึงตอนเธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ทั้งภาพทั้งเสียงยังคงติดตาตรึงใจเสียจนอะไร ๆ มันพรักพร้อมขึ้นมาอีกแล้ว“เราเข้าหมู่บ้านมาแล้ว ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมาหรอก รถอาก็มืด ใครจะมองเข้ามาเห็นล่ะคะ”เอาอีกแล้ว ลงท้ายด้วยคะ ขาแบบนี้แปลว่าเริ่มไม่ปลอดภัยแล้วเป็นแน่ ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไร แต่ชายหนุ่มก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“แวะบ้านอาก่อนนะคะ”แค่เห็นแววตาระยิบระยับแพรวพราวของเข

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 24 ผีเสื้อสยายปีก - 70%

    “ถ้าอย่างนั้น...คืนนี้อยู่กับอาทั้งคืนได้ไหม ตามใจอาหน่อยได้ไหมคะ”เขาถามพร้อมกับประพรมจุมพิตไปทั่วหน้าอย่างหลงใหล ก่อนจะเอ่ยประโยคสำคัญที่ทำให้คนฟังหัวใจพองฟูคับอก“อาก็รักน้องอาย ไม่ใช่แค่คืนนี้ที่อาอยากให้น้องอายอยู่ด้วยแต่เป็นทุก ๆ คืน และตื่นมาตอนเช้าก็เห็นหน้าน้องอายเป็นคนแรกในทุก ๆ เช้า”ชายหนุ่มหยุดพูด แล้วก้มลงจุมพิตที่หน้าผากอีกครั้งหนึ่งแล้วไต่ระเรื่อยมาจนถึงใบหู ใจอยากจะโจนจ้วงเข้าหาร่างเย้ายวนนี้ให้สมกับที่รอคอยมานานแสนนาน แต่ก็อยากให้หญิงสาวได้สัมผัสกับความสวยงามจากประสบการณ์ในรักครั้งแรกมากกว่า เขาจึงต้องอ่อนโยนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้ว่าความต้องการจะอัดแน่นจนแทบระเบิดแล้วก็ตาม“แต่งงานกับอานะคะ”ไหน ๆ เธอก็เรียนจบแล้ว มีงานมีการทำถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว หนำซ้ำยังจดทะเบียนสมรสเป็นคนคนเดียวกันในทางกฎหมายแล้วด้วย เขาจึงคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรออีกต่อไป เพราะเขากับเธอก็แทบจะเป็นของกันและกันอยู่แล้ว จะเหลือก็แต่การอยู่ร่วมบ้านเดียวกันในฐานะของสามีภรรยาเท่านั้นรวิชาคลี่ยิ้มกว้างพล

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 24 ผีเสื้อสยายปีก - 35%

    ภีมพลยืนยิ้ม มองภรรยาทางนิตินัยที่กำลังยักย้ายส่ายสะโพกอย่างสนุกสนานกับเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่ข้างล่างด้วยแววตาทอดอ่อน เมื่อวานสอบวันสุดท้าย วันนี้รวิชาจึงขออนุญาตเขาพาเพื่อน ๆ มาสนุกกันที่คลับอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการฉลองจบการศึกษา อีกทั้งฉลองที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสปานั้นทะลุเป้าเกินกว่าที่คาดหมายไว้พอสมควรสาวน้อยของเขาเรียนจบแล้ว...ปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งคู่หมั้น สองปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งสามีตามกฎหมาย รวมแล้วร่วมสี่ปีเต็มกับการเฝ้าดูแลเด็กสาวคนหนึ่งให้เติบโตเป็นหญิงสาวแสนสวย และมากความสามารถจนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปเมื่อก่อนเขาเอาแต่นั่งนับวันเวลาว่าเมื่อไรเธอจะเรียนจบ เพราะอยากตีตราจองเธอเอาไว้ด้วยร่างกาย ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียวตามประสาผู้ชายทั่วไปที่คิดอยากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรัก ทว่าพอวันเวลาผ่านไป ความคิดของเขาก็ค่อยปรับเปลี่ยนไปทีละนิดตามความผูกพันที่เพิ่มขึ้นระหว่างเขากับเธอเซ็กซ์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่เขาต้องการจากเธอเพียงอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกมั่นคงในรัก และการรับรู้ถึงการเป็นส่วนหนึ่งขอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status