สาวสวยหุ่นดีที่นั่งกระแซะอยู่ข้างกายมีดีกรีเป็นถึงดาวคณะ เขาใช้เวลาจีบเธอแค่สัปดาห์เดียวก็สามารถพาขึ้นเตียงได้แล้ว ตอนนี้เขาจึงเดินยืดได้เต็มที่ในมหาวิทยาลัยเมื่อมีหญิงสาวคนนี้เดินเกาะแขนไม่ห่าง ท่ามกลางสายตาอิจฉาของผู้ชายคนอื่นที่เรียงแถวกันมาจีบเธอแต่ไม่ติด
แต่ก็นั่นแหละ สำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ในเมื่อเขาพาเธอขึ้นเตียงได้ง่าย ๆ คนอื่นที่เคยคบกับเธอมาก็คงพาขึ้นเตียงได้ง่ายไม่ต่างกัน ต่อให้สวยเลิศเลอแค่ไหนเขาก็ไม่คิดจะจริงจังอยู่ดี เพราะเขาเชื่อว่าหากหลุดจากเขาไป สาวสวยคนนี้ก็มีหนุ่มรายใหม่มาเดินอยู่ข้างกายไม่เคยขาดอยู่แล้ว
แต่ที่แน่ ๆ กลวิชรจะไม่รามือจากรวิชาแน่นอน เขาอยากแก้เผ็ดไอ้เจ้าพ่อคลับซุสที่บังอาจมาชุบมือเปิบคนของเขาไป อยากรู้นักว่ามันจะทำหน้าอย่างไรถ้ารู้ว่าเขาเอาผู้หญิงของมันมานอนกกได้
“ผมมาดูแหวนหมั้นครับ”
ภีมพลแจ้งความประสงค์กับพนักงานขายที่ยืนต้อนรับอยู่หน้าตู้โชว์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พนักงานสาวรีบกุลีกุจอแนะนำหนุ่มสาวทั้งคู่อย่างกระตือรือร้น
“ชอบแบบไหนคะ เพชรเม็ดเดี่ยว หรือว่าแบบอื่น” พนักงานถามสาวน้อยที่ยืนหน้าแดงก่ำอยู่ข้างชายหนุ่มหน้าตาดี
รวิชาหันไปมองภีมพล เห็นเขายิ้มแล้วพยักหน้าให้ เธอจึงบอกพนักงานขายไปตามความต้องการของตัวเอง
“อยากได้แหวนที่ดูไม่เหมือนแหวนหมั้นน่ะค่ะ แบบที่ใส่ได้ทุกวัน ไม่ดูอลังการมากเกินไป”
รวิชาไม่อยากได้แหวนเพชรวงใหญ่ เพราะเธอยังต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยจึงไม่อยากทำอะไรเวอร์เกินไปนัก อยากได้แหวนที่สามารถใส่ติดนิ้วได้ตลอดเวลามากกว่า
“ถ้างั้นลองดูวงนี้ไหมคะ ดีไซน์ใหม่ล่าสุดเลยค่ะ เป็นเพชรเดี่ยวรูปหัวใจ”
พนักงานสาวยื่นกล่องแหวนมาตรงหน้า รวิชามองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะรูปทรงและการออกแบบไม่ดูใหญ่โต หรืออลังการมากจนเกินไปตามที่เธอคิดเอาไว้ อีกทั้งดีไซน์ยังออกแบบมาราวกับเอาใจวัยรุ่นโดยเฉพาะ ตัวเรือนเป็นเนื้อทองคำขาวพ่นทรายตลอดทั้งวง ตรงกลางฝังเพชรเม็ดเดี่ยวรูปหัวใจ มีลวดลายที่ไม่ถูกพ่นทรายเป็นรูปคล้ายเถาไม้เลื้อยพันกันไปตลอดรอบวง
ภีมพลหยิบแหวนในกล่องแล้วเอื้อมไปจับมือซ้ายของรวิชามาลองใส่แหวนทันที เขาจับมือนุ่มนิ่มของหญิงสาวมาวางบนมือของตนเองแล้วเลื่อนแหวนเข้าไปอย่างเบามือ ท่าทางทะนุถนอมของเขาทำให้รวิชาอดหวั่นไหวไม่ได้
“ดูเหมือนจะหลวมไปนิดนะน้องอาย ว่าไหมครับ” ชายหนุ่มก้มลงถามคนหน้าแดงก่ำอย่างเอ็นดู
“ค่ะ หลวมไปหน่อย น้องอายกลัวใส่แล้วจะหล่นหาย”
หญิงสาวรีบดึงมือกลับมาแล้วถอดแหวนยื่นให้พนักงาน จากนั้นก็รอพนักงานเอาไซซ์ที่เล็กกว่ามาให้สวมอีกครั้ง
เป็นภีมพลอีกเช่นเคยที่คว้ามาถือไว้ และเป็นฝ่ายสวมเข้าไปในนิ้วนางข้างซ้ายให้เธอเสียเอง
รวิชาพยายามจะชักมือของตนกลับไป แต่ชายหนุ่มทำทีเป็นไม่สนใจอาการนั้นพลางกุมมือเธอไว้แน่นกว่าเดิม เขามองหน้าสะเทิ้นอายของหญิงสาวด้วยนัยน์ตาพราวระยับ รอยยิ้มเต็มวงหน้า อาศัยช่วงที่รวิชากำลังประหม่ากับสายตาของเขา รีบยกมือเธอขึ้นมาจุมพิตลงไปตรงนิ้วนางซ้าย จากนั้นบอกพนักงานขายท่ามกลางอากัปกิริยาขัดเขินจนทำอะไรไม่ถูกของสาวน้อยว่า
“ผมเอาวงนี้ครับ”
พนักงานสาวยิ้มกว้าง รีบถามเผื่อไว้สำหรับอนาคตทันที
“สนใจดูแหวนแต่งงานไปด้วยเลยไหมคะ ทางร้านมีส่วนลดพิเศษให้ค่ะ”
ภีมพลคลี่ยิ้มพร้อมกับหยิบบัตรเครดิตยื่นส่งให้
“คงไม่ละครับเพราะผมเตรียมเอาไว้แล้ว แหวนแต่งงานผมจะใช้แหวนของคุณแม่ผม” แม้เขาจะพูดกับพนักงานแต่ตานั้นมองแต่ใบหน้าของรวิชาที่เม้มปากกลั้นยิ้มจนแก้มป่อง จนอยากจะหอมฟอดใหญ่ให้สมกับความน่ารักน่าใคร่ของเธอ
ภีมพลมองคนเดินข้างกาย ตั้งแต่ออกจากร้านเพชร รวิชาก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่ช่างพูดช่างคุยอย่างเคย เขารู้ว่าเธอไม่โกรธ หรือรู้สึกไม่ดีที่เขารุกหนักจนเกินไป แต่คิดว่าเจ้าตัวอาจจะวางหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะวางตัวอย่างไรมากกว่า
รวิชานั้นมองผิวเผินเหมือนเด็กสาวที่ร่าเริงสดใส แต่ลึกลงไปนั้นกลับเก็บความรู้สึกเก่งยิ่งกว่าผู้ใหญ่บางคนด้วยซ้ำ ยังดีที่ไม่ถึงกับเป็นเด็กเก็บกด จิตใต้สำนึกของความรู้ผิดชอบชั่วดียังคอยปรามสติเอาไว้อยู่บ้าง แต่ที่เขาเป็นห่วงคือตอนเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยมากกว่า ไม่รู้ว่ารวิชาจะไปคบหา และเจอเพื่อนแบบไหน
เด็กนักศึกษาสมัยนี้ใช่ว่าจะเหมือนสมัยก่อน มีหลายคนที่ศีลธรรมในใจเริ่มตกต่ำลงสวนทางกับความฟุ้งเฟ้อในวัตถุนิยมที่พุ่งสูงขึ้น เขาทำงานกลางคืน อีกทั้งยังวนเวียนอยู่ในแวดวงพวกนี้ ทำไมจะไม่รู้ว่าเด็กนักศึกษาทุกวันนี้ไปไกลจนแทบจะเรียกได้ว่าก้าวกระโดด ในขณะที่ความสามารถ และความรับผิดชอบกลับถอยหลังลงคลองอย่างน่าใจหาย
คิดแล้วเขาก็เป็นห่วงคนข้างกาย เห็นทีคงจะปล่อยเธอไว้ลำพังอย่างนี้ไม่ได้เสียแล้ว แต่ถ้าจะให้คนตามประกบติดทุกฝีก้าว ก็เกรงว่าเจ้าตัวจะไม่พอใจจนพานต่อต้านเขาเปล่า ๆ
“น้องอายเปิดเทอมอีกทีเมื่อไร”
ชายหนุ่มเปิดปากถามหลังจากที่เดินเงียบกันมาพักใหญ่ แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็รีบเอื้อมมือไปคว้าเอวของเธอให้เข้ามาแนบชิดกับตัว เพราะเห็นจากหางตาว่ามีเด็กต่างชาติตัวเล็กสองคนกำลังวิ่งเล่นไล่กันมาตรงที่รวิชาเดินอยู่ เขาจึงดึงเธอให้หลบออกมาก่อนที่จะถูกเด็กวิ่งชน
“อ๊ะ! เอ่อ...ขอบคุณค่ะอาภีม”
ตอนแรกหญิงสาวตกใจที่จู่ ๆ เขาก็ดึงเข้าไปกอด แต่พอเห็นเด็กผู้ชายวิ่งเฉียดหลังไปแบบฉิวเฉียดจึงหันไปอ้อมแอ้มขอบคุณพร้อมกับตอบคำถามที่เขาถามค้างไว้เมื่อครู่
“ประมาณต้นเดือนหน้าก็รู้ผลสอบแล้วค่ะว่าจะได้เรียนที่ไหน เปิดเทอมก็คงอีกประมาณหนึ่งเดือนหลังจากนั้น อาภีมถามทำไมหรือคะ” หญิงสาวหันไปถามหลังจากที่เขาปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระแล้ว
“งั้นก็แปลว่าช่วงที่รอฟังผลก็ว่างใช่ไหม” ชายหนุ่มก้าวเดินต่อ ในหัวเริ่มมีความคิดบางอย่างผุดวาบขึ้นมา
“ใช่ค่ะ อาภีมมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไปช่วยงานอาที่บริษัทไหม ดีกว่าอยู่บ้านเฉย ๆ”
ภีมพลหยุดยืนหน้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังร้านหนึ่ง เขาหันมองรวิชาเพื่อดูท่าทีของเธอว่าคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องที่เขาเสนอไป เห็นเธอเลิกคิ้วขึ้น แววตามีร่องรอยของความประหลาดใจปรากฏอยู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นเข้ามาแทนที่
“จะดีหรือคะ น้องอายยังไม่เคยทำงานเลย จะไปช่วยให้อาภีมวุ่นวายมากกว่าเดิมน่ะสิไม่ว่า”
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย อาชอบนะถ้าเราอยากจะมาวุ่นวายด้วย ทั้งเต็มใจทั้งยินดีเลยล่ะ”
นัยน์ตายิ้มได้ของเขาดูระยิบระยับพริบพราวจนคนมองต้องรีบเบือนหน้าหลบตาไปทางอื่น หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างเพื่อกลั้นยิ้ม แต่ภีมพลกลับยกมือขึ้นแตะคางมนของหญิงสาวพร้อมกับเอานิ้วโป้งเกลี่ยที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา
“เดี๋ยวก็เป็นแผลในปากจนได้ อยากยิ้มก็ยิ้มสิ” ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม แล้วรีบชวนคุยไปเรื่องอื่นก่อนที่สาวน้อยจะเขินจนเปลี่ยนเป็นงอน
“หรือว่าเราอยากจะลองไปช่วยงานที่โรงงานของพ่อกับแม่ เคยตามท่านไปดูบ้างหรือเปล่า”
รวิชาช้อนตาขึ้นมองคนพูด ผิวเนื้อตรงคาง และริมฝีปากที่เขาสัมผัสเมื่อครู่ยังร้อนผ่าวราวกับมือข้างนั้นเป็นเหล็กร้อน ๆ ที่แตะตรงไหนก็ละลายตรงนั้น
“เคยไปไม่กี่ครั้งเองค่ะ ส่วนใหญ่จะเข้าไปในส่วนของออฟฟิศมากกว่า ไม่ได้เข้าไปดูในโรงงาน เพราะคุณแม่บอกว่าในโรงงานค่อนข้างยุ่ง แต่จะว่าไปแล้วน้องอายก็อยากลองเข้าไปดูโรงงานมากกว่านะคะ ดูแล้วน่าจะมีอะไรให้ทำมากกว่าที่จะเข้าไปออฟฟิศ”
“อ้าว! วันนี้คุณอายไม่เข้าบริษัทหรือ” เมื่อเช้าก็ออกมาด้วยกันแท้ ๆ แต่แม่เจ้าประคุณแอบหนีไปเที่ยวไหนกันล่ะนี่ ชายหนุ่มคิดอย่างเข่นเขี้ยวในใจเมื่อเจอ “เซอร์ไพรส์” สุดพิเศษจากศรีภรรยาภีมพลยิ้มกริ่มอย่างหมายมาด เห็นทีต้องรีบกลับไปรับขวัญก่อนเวลาเสียแล้ว ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถออกมา เหลือบไปเห็นแฟ้มงานสองแฟ้มที่ยังคงแผ่หราอยู่เต็มโต๊ะ แล้วนึกขึ้นได้ว่ายังดูค้างเอาไว้ เขากวาดตามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ใจจริงเขามีตัวเลือกเอาไว้อยู่แล้ว เมื่อตัดสินใจได้เขาก็คว้าแฟ้มขวามือเดินออกจากห้องทันที จากนั้นจึงไปยื่นให้กับเลขาฯ ส่วนตัว“ผมเลือกของบริษัทนี้ ให้ฝ่ายจัดซื้อทำเรื่องได้เลย อ้อ วันนี้ผมไม่เข้าแล้วนะ” พูดจบชายหนุ่มก็ผละออกไป และต้องหยุดชะงักเมื่อเลขาฯ รีบวิ่งมาถามถึงงานบางอย่างที่เขาให้เตรียมไว้สำหรับช่วงบ่ายนี้“คุณภีมคะ แล้วเรื่องที่ให้เตรียมเอาไว้บ่ายนี้ล่ะคะ”“ยังคอนเฟิร์มอยู่ แต่ว่าคุณช่วยอะไรผมหน่อยสิ”ภีมพลหันมายิ้มพรายเต็มวงหน้าเมื่อคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้
อดคิดไปถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับไปแล้วไม่ได้ ท่านทั้งสองช่างมีความอดทนและมุมานะอย่างล้นเหลือที่สู้ฝ่าฟันจนกระทั่งบริษัทเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้ นึกมาถึงตอนนี้แล้วก็โกรธตัวเองที่ตอนนั้นเอาแต่น้อยใจ คิดว่าท่านทำแต่งานจนไม่สนใจใยดีกับเธอผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว‘รวิชา แปลว่าลูกพระอาทิตย์ เพราะฉะนั้นหนูต้องเข้มแข็ง อดทนให้สมกับที่เป็นลูกสาวของพ่อ ชีวิตของหนูจะต้องรุ่งโรจน์สดใสเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า’ถ้อยคำจากบิดายังคงดังก้องอยู่ในหัวทุกครั้งที่นึกถึงเวลาเมื่อรู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าไม่มีแม่นมชราและสามีที่คอยเป็นกำลังใจให้ ป่านนี้ชีวิตเธอจะหักเหไปทางไหนแล้วบ้างก็สุดรู้“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับจุมพิตเบา ๆ ที่ข้างแก้ม จากนั้นคนตัวโตก็ทรุดตัวลงนั่งซ้อนหลังไว้พร้อมกับดึงบ่าของเธอให้เอนซบลงมาบนตัวเขา“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” หญิงสาวทักทายกลับไปก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของสามี“จำเป็นต้องตื่นเช้าน่ะ จู่
หลังจากถวายสังฆทานจนกระทั่งกรวดน้ำเสร็จเรียบร้อย ภีมพล รวิชา และนมพิมก็พากันเดินออกมาเทน้ำที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้ากุฏิ ชายหนุ่มสวดบทกรวดน้ำพึมพำโดยไม่ออกเสียง ในขณะที่หญิงสาวและนมพิมอธิษฐานเพื่อส่งผลบุญให้แก่ผู้ล่วงลับอยู่ในใจวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของบิดามารดาของรวิชา นมพิมเปรยเอาไว้หลายวันก่อนหน้าแล้วว่าอยากมาทำบุญให้ท่านทั้งสอง ซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยเพราะคิดไว้เหมือนกันว่าจะมาทำบุญวันนี้ จึงชวนสามีหนุ่มให้มาด้วยกัน และเขาก็ไม่ขัดข้อง เพราะตั้งแต่ผ่านพ้นพิธีแต่งงานมาได้สองเดือน ภีมพลก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพุทธศาสนาอีกเลยจากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางกลับบ้าน พอมาถึง ชายหนุ่มปล่อยให้รวิชาได้อยู่กับแม่นมตามลำพังเพราะคิดว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องอยากพูดคุยกัน เขาเองก็เห็นใจคนแก่อย่างนมพิม เพราะตั้งแต่รวิชาเรียนจบมาก็เอาแต่ทำงาน แถมหลังจากนั้นสองเดือนก็เข้าพิธีแต่งงานกับเขา ทำให้บางคืนรวิชาไม่ได้กลับไปนอนบ้านตัวเอง ถึงแม้เขากับรวิชาจะแก้ปัญหาด้วยการสลับบ้านนอนเป็นวันเว้นวันแล้วก็ตาม แต่หัวอกคนแก่ก็คงหงอยเหงาเป็นธรรมดา
“ตอบแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย อย่างนี้ต้องให้รางวัล”ชายหนุ่มจับล็อกปลายคางมนของหญิงสาวไว้ แล้วก้มลงตบรางวัลให้คนปากหวานช่างจำนรรจาจนเขากระชุ่มกระชวยทุกทีที่ได้ฟังนาทีนี้ภีมพลเหมือนจะคลั่งเสียให้ได้ สาวน้อยช่างหวานจับจิตจับใจสมกับที่รอคอยมานานแสนนาน ถ้าไม่ติดว่าเธอยังใหม่กับความสัมพันธ์แบบนี้แล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าทั้งเขาและเธอยังคงนัวเนียกันอยู่บนเตียงเป็นแน่“อื้ม...อาภีมขา นี่มันริมถนนนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”แค่หญิงสาวพูดเบา ๆ แต่สำหรับชายหนุ่มแล้วน้ำเสียงสั่นพร่านิด ๆ นั้นช่างฟังดูเซ็กซี่ยั่วยวนดีเหลือเกิน เขานึกถึงตอนเธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ทั้งภาพทั้งเสียงยังคงติดตาตรึงใจเสียจนอะไร ๆ มันพรักพร้อมขึ้นมาอีกแล้ว“เราเข้าหมู่บ้านมาแล้ว ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมาหรอก รถอาก็มืด ใครจะมองเข้ามาเห็นล่ะคะ”เอาอีกแล้ว ลงท้ายด้วยคะ ขาแบบนี้แปลว่าเริ่มไม่ปลอดภัยแล้วเป็นแน่ ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไร แต่ชายหนุ่มก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“แวะบ้านอาก่อนนะคะ”แค่เห็นแววตาระยิบระยับแพรวพราวของเข
“ถ้าอย่างนั้น...คืนนี้อยู่กับอาทั้งคืนได้ไหม ตามใจอาหน่อยได้ไหมคะ”เขาถามพร้อมกับประพรมจุมพิตไปทั่วหน้าอย่างหลงใหล ก่อนจะเอ่ยประโยคสำคัญที่ทำให้คนฟังหัวใจพองฟูคับอก“อาก็รักน้องอาย ไม่ใช่แค่คืนนี้ที่อาอยากให้น้องอายอยู่ด้วยแต่เป็นทุก ๆ คืน และตื่นมาตอนเช้าก็เห็นหน้าน้องอายเป็นคนแรกในทุก ๆ เช้า”ชายหนุ่มหยุดพูด แล้วก้มลงจุมพิตที่หน้าผากอีกครั้งหนึ่งแล้วไต่ระเรื่อยมาจนถึงใบหู ใจอยากจะโจนจ้วงเข้าหาร่างเย้ายวนนี้ให้สมกับที่รอคอยมานานแสนนาน แต่ก็อยากให้หญิงสาวได้สัมผัสกับความสวยงามจากประสบการณ์ในรักครั้งแรกมากกว่า เขาจึงต้องอ่อนโยนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้ว่าความต้องการจะอัดแน่นจนแทบระเบิดแล้วก็ตาม“แต่งงานกับอานะคะ”ไหน ๆ เธอก็เรียนจบแล้ว มีงานมีการทำถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว หนำซ้ำยังจดทะเบียนสมรสเป็นคนคนเดียวกันในทางกฎหมายแล้วด้วย เขาจึงคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรออีกต่อไป เพราะเขากับเธอก็แทบจะเป็นของกันและกันอยู่แล้ว จะเหลือก็แต่การอยู่ร่วมบ้านเดียวกันในฐานะของสามีภรรยาเท่านั้นรวิชาคลี่ยิ้มกว้างพล
ภีมพลยืนยิ้ม มองภรรยาทางนิตินัยที่กำลังยักย้ายส่ายสะโพกอย่างสนุกสนานกับเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่ข้างล่างด้วยแววตาทอดอ่อน เมื่อวานสอบวันสุดท้าย วันนี้รวิชาจึงขออนุญาตเขาพาเพื่อน ๆ มาสนุกกันที่คลับอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการฉลองจบการศึกษา อีกทั้งฉลองที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสปานั้นทะลุเป้าเกินกว่าที่คาดหมายไว้พอสมควรสาวน้อยของเขาเรียนจบแล้ว...ปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งคู่หมั้น สองปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งสามีตามกฎหมาย รวมแล้วร่วมสี่ปีเต็มกับการเฝ้าดูแลเด็กสาวคนหนึ่งให้เติบโตเป็นหญิงสาวแสนสวย และมากความสามารถจนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปเมื่อก่อนเขาเอาแต่นั่งนับวันเวลาว่าเมื่อไรเธอจะเรียนจบ เพราะอยากตีตราจองเธอเอาไว้ด้วยร่างกาย ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียวตามประสาผู้ชายทั่วไปที่คิดอยากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรัก ทว่าพอวันเวลาผ่านไป ความคิดของเขาก็ค่อยปรับเปลี่ยนไปทีละนิดตามความผูกพันที่เพิ่มขึ้นระหว่างเขากับเธอเซ็กซ์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่เขาต้องการจากเธอเพียงอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกมั่นคงในรัก และการรับรู้ถึงการเป็นส่วนหนึ่งขอ