รวิชาอยากเห็นโรงงานในส่วนที่เป็นการปฏิบัติการบ้าง ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดสนใจในธุรกิจของครอบครัวเลยสักครั้ง น่าแปลกที่พอได้มาคุยกับภีมพล เธอกลับคิดเรื่องการทำงานมากขึ้น
“คิดอย่างนั้นได้ก็ดี อาว่าถึงเวลาแล้วนะที่น้องอายต้องเข้าไปศึกษางานของครอบครัว ค่อย ๆ หัดค่อย ๆ เรียนรู้ไป กว่าน้องอายจะเรียนจบป่านนั้นความรู้ความสามารถก็แข็งแกร่งพอที่จะช่วยพ่อกับแม่ได้แล้ว ถ้างั้นพรุ่งนี้อาจะมารับไปที่โรงงานแล้วกันนะ”
ภีมพลรีบอาสา ตั้งใจไว้ว่าในช่วงสองอาทิตย์ก่อนถึงวันหมั้น เขาต้องทำตัวติดกับรวิชาเพื่อลดความตึงเครียดของเธอเมื่อต้องเข้าพิธีหมั้นทั้งที่อายุยังน้อย
“ให้พี่บุญเกิดขับไปส่งก็ได้ค่ะ ลำบากอาภีมเปล่า ๆ”
รวิชารีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ เธอรู้ว่าเขางานยุ่งมากแค่ไหนเพราะต้องทำงานทั้งกลางวันกลางคืน เวลาพักผ่อนก็มีน้อย จนสงสัยว่าเขาเอาเวลาที่ไหนไปนอน
“อาเคยบอกแล้วไงว่าถ้าเกี่ยวกับเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรอายอมลำบากทั้งนั้นแหละ”
ชายหนุ่มวางมือบนศีรษะเธอแล้วโยกไปมา ก่อนจะเลื่อนมือลงมาเกาะบ่าบอบบางแบบเนียน ๆ
ภีมพลหันไปมองด้านข้างทันทีเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกจับจ้องด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ครั้นพอเห็นว่าเป็นใครมุมปากหยักก็แค่นยิ้มออกมาเพียงนิด
นึกว่าใคร ไอ้ตัวแสบนี่เอง...กลวิชร
“ดูชุดร้านนี้ไหมน้องอาย ชุดที่จะใส่วันงาน หรือเรามีร้านประจำอยู่แล้ว”
ภีมพลก้มลงถามคนในอ้อมแขนที่ยืนมองเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังอย่างสนอกสนใจ
รวิชาหันมาพยักหน้าให้เขาพร้อมกับยิ้มกว้าง หญิงสาวมองป้ายแบรนด์ที่ติดอยู่ด้านบนของร้านที่เธอไม่เคยมีโอกาสได้เข้าไปอุดหนุนสักครั้ง เพราะคิดว่าราคาค่อนข้างแพงเกินไปสำหรับนักเรียนที่ยังหาเงินเองไม่ได้อย่างเธอ โดยส่วนใหญ่แล้วเธอกับเพื่อน ๆ มักชอบซื้อเสื้อผ้าแถวสยาม หรือสั่งซื้อออนไลน์มากกว่า ดังนั้นเมื่อภีมพลโอบไหล่เธอแล้วพาเดินเข้าร้าน เธอจึงยอมเดินตามเขาไปอย่างไม่อิดออด
“ชุดหนึ่งต้องแพงมากแน่ ๆ เลยค่ะอาภีม”
แม้เสียงจะฟังเหมือนหวาดหวั่นแต่แววตาของหญิงสาวกลับเป็นประกายระยิบระยับ ภีมพลเห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มพลางบีบไหล่เธอเบา ๆ อย่างเอ็นดู ก่อนจะก้มลงพูดอย่างอ่อนโยนเหมือนพูดกับเด็กน้อย
“อาไปนั่งรอตรงนั้นนะ อยากได้ชุดไหนก็เลือกเลยตามสบายไม่ต้องเกรงใจ”
“พูดอย่างนี้เดี๋ยวน้องอายก็เหมาทั้งร้านหรอก”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นย่นจมูกใส่เขา ภีมพลยักไหล่อย่างไม่ยี่หระราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อยมากหากเธอจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ
“เอาเลย ขนหน้าแข้งอาไม่ร่วงอยู่แล้ว แค่นี้จิ๊บ ๆ” แต่ตอนเอาคืนอย่ามาโอดครวญก็แล้วกัน...
ชายหนุ่มต่อประโยคอยู่ในใจ เขายิ้มมุมปากพร้อมกับหลิ่วตาข้างหนึ่งให้สาวน้อย ก่อนจะหันหลังเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่ทางร้านเตรียมเอาไว้ให้สำหรับลูกค้าที่จะลองรองเท้า แต่ในเมื่อยังไม่มีลูกค้าคนไหนมาใช้บริการในส่วนนี้ เขาจึงเดินไปนั่งรอรวิชาเงียบ ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเช็กอีเมลระหว่างรอ
รวิชานึกขอบคุณเขาที่ไม่มาเดินตามให้ต้องรู้สึกอึดอัดตอนที่เธอเลือกเสื้อผ้า หญิงสาวเดินดิ่งไปยังเดรสเข้ารูปสีเปลือกไข่ที่ทางร้านนำใส่หุ่นโชว์ไว้ด้านหน้าทันที เธอเลือกไซซ์ของตนเองออกมาจากราวแขวนแล้วชูขึ้นเล็กน้อยในระดับสายตาเพื่อดูภาพรวมของชุดนี้ใกล้ ๆ
เดรสคอกลมแขนกุดสีเปลือกไข่ ช่วงเหนือหน้าอกขึ้นไปจนถึงครึ่งของแผ่นหลังเป็นลูกไม้ซีทรูสีเดียวกัน ลูกไม้เนื้อนิ่มนั้นเป็นผ้าผืนเดียวกันทั้งหมดโดยไม่มีรอยต่อ หรือรอยตะเข็บที่บ่าให้รบกวนสายตาตอนมอง ช่วงหน้าอกลงไปเป็นผ้าเนื้อดีไม่หนาและไม่บางจนเกินไป รอยต่อระหว่างเนื้อผ้าและลูกไม้มีไข่มุกร้อยติดเอาไว้เพื่อซ่อนรอยต่อของผ้า นอกนั้นก็ไม่มีลวดลายอื่นใด สไตล์เรียบหรู ดูดี ไม่ดูเป็นทางการหรือดูมีอายุมากเกินไป เธอดูแล้วคิดว่าชุดนี้สามารถใส่ซ้ำไปเที่ยวได้อีกหลายครั้ง
รวิชาเดินเลือกอยู่ในร้านอีกสองสามชุดท่ามกลางสายตายิ้มได้ของคนพามาและอาสาจ่ายเงิน ภีมพลมองหญิงสาวตลอดเวลาราวกับกลัวเธอจะหนีหาย จนกระทั่งหญิงสาวหอบชุดที่เลือกมาเดินเข้าห้องลองเสื้อผ้า เขาจึงเลิกมอง
ภีมพลนั่งยิ้มกับตนเองเมื่อนึกถึงเรื่องราวตลอดหลายวันที่ผ่านมา มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย และรวดเร็วเหลือเกิน เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าตนจะหาห่วงมาผูกคอ และต้องลงเอยกับใครสักคนไปชั่วชีวิต เขารักอิสระ ไม่คิดรักใคร หรือผูกติดกับผู้หญิงคนใดไม่ว่าจะสวยแค่ไหนก็ตาม
แต่กับรวิชา เด็กสาวข้างบ้านที่เขาเคยรักและเอ็นดูราวกับเป็นน้องสาว ใครจะเชื่อว่าเธอจะมาเขย่าหัวใจของเขาได้ นอกจากจะมาทำให้เขาเปลี่ยนความรู้สึกเอ็นดูแบบน้องสาว มาเป็นในแบบที่ลึกซึ้งกว่านั้นได้แล้ว เธอยังทำให้เขามีรสนิยมอยากกินหญ้าอ่อนขึ้นมาอีกด้วย และแน่นอนว่าหญ้าอ่อนต้นนั้นก็ต้องเป็นเธอคนเดียว เขาจึงต้องหาทางผูดมัดเธอเอาไว้กับเขาแบบนี้ เพราะไม่คิดจะปล่อยรวิชาไปให้ผู้ชายหน้าไหนอย่างแน่นอน
แต่รวิชาก็ยังเด็กเกินไป เขาคงไม่สามารถทำอะไรได้ มากไปกว่าการสบโอกาสขอชื่นใจบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจในแต่ละวัน จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน อีกสี่ปีต่อจากนี้เขาจะได้หยอดความรักใส่ลงไปในหัวใจของสาวน้อยวันละนิดทีละหน่อย เขาจะทำให้เธอรู้สึกว่า เขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เธอจะขาดไม่ได้แม้แต่วันเดียว!
“อาภีมขา ชุดนี้เป็นไงบ้างคะ สวยไหม”
เสียงกังวานใสดังขึ้นอยู่เบื้องหน้า ปลุกให้ภีมพลตื่นจากภวังค์พร้อมกับเงยหน้ามองเจ้าของเสียง เขาตกตะลึงจนเผลอมองเธอตาค้างเมื่อเห็นคนที่เขามองว่าเป็นสาวน้อยนั้นได้กลายร่างเป็นสาวสวยน่าหลงใหลไปทั้งเนื้อทั้งตัวจนอยากจะรวบร่างนั้นมากอดแน่น ๆ ให้สมกับความน่ารักเสียเหลือเกิน
รวิชาเห็นเขามองอยู่นานโดยไม่มีแม้แต่รอยยิ้มที่มักส่งให้เป็นประจำก็เริ่มใจเสีย ก้มลงมองตัวเองพลางคิดว่าชุดนี้คงไม่เหมาะกับเธอกระมัง เขาถึงไม่กล้าแสดงความเห็นออกมาให้เธอเสียความมั่นใจ
“น้องอายลองชุดอื่นอีกก็ได้ค่ะ ชุดนี้ไม่เอาแล้วก็ได้” น้ำเสียงเอื่อยอ่อยราวกับต้นไม้ขาดน้ำของหญิงสาว ทำให้ภีมพลรีบคว้าข้อมือเธอไว้ทันที
“สวยมากจ้ะน้องอาย เอาชุดนี้แหละนะ”
ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อน ยิ่งเห็นสีหน้าไม่แน่ใจของคนฟังเขาก็ยิ่งต้องพูดสำทับไปอีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้สาวน้อยขี้งอน
“อาพูดจริง ๆ น้องอายใส่ชุดนี้แล้วสวยครับ สวยมากเลยด้วย เล่นเอาอาหลงจนถอนสายตาไม่ได้เลยนะ รู้ตัวหรือเปล่า”
เขารวบมือของหญิงสาวไว้ทั้งสองข้างแล้วทำท่าจะก้มลงจูบ แต่รวิชารีบดึงหนีเสียก่อนเพราะเขินอายกับสายตาของพนักงานในร้าน และตกใจกับการกระทำของเขา
“งั้นเดี๋ยวน้องอายจะลองชุดอื่นมาให้ดูนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็เดินลิ่วเข้าไปยังห้องลองเสื้อ รวิชาทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ในนั้นอย่างหมดแรงพลางยกมือขึ้นทาบอกด้านซ้ายที่เต้นกระหน่ำ
เธอรู้สึกสับสนเหลือเกิน การแสดงออกทั้งหมดที่ภีมพลทำลงไปนั้นเป็นเพราะเขามองเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง หรือแค่เอ็นดูอย่างน้องนุ่งเหมือนเมื่อก่อนกันแน่ แล้วเธอเล่าคิดอย่างไรกับเขา
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วยายอาย อายุห่างกันขนาดนั้นเขาคงไม่คิดกับเราเป็นอย่างอื่นไปได้หรอก”
รวิชาบอกกับตนเองในกระจกก่อนจะเริ่มลองชุดที่เหลือต่อ โดยพยายามปัดความคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับชายหนุ่มออกไปให้พ้นหัว
“อ้าว! วันนี้คุณอายไม่เข้าบริษัทหรือ” เมื่อเช้าก็ออกมาด้วยกันแท้ ๆ แต่แม่เจ้าประคุณแอบหนีไปเที่ยวไหนกันล่ะนี่ ชายหนุ่มคิดอย่างเข่นเขี้ยวในใจเมื่อเจอ “เซอร์ไพรส์” สุดพิเศษจากศรีภรรยาภีมพลยิ้มกริ่มอย่างหมายมาด เห็นทีต้องรีบกลับไปรับขวัญก่อนเวลาเสียแล้ว ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถออกมา เหลือบไปเห็นแฟ้มงานสองแฟ้มที่ยังคงแผ่หราอยู่เต็มโต๊ะ แล้วนึกขึ้นได้ว่ายังดูค้างเอาไว้ เขากวาดตามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ใจจริงเขามีตัวเลือกเอาไว้อยู่แล้ว เมื่อตัดสินใจได้เขาก็คว้าแฟ้มขวามือเดินออกจากห้องทันที จากนั้นจึงไปยื่นให้กับเลขาฯ ส่วนตัว“ผมเลือกของบริษัทนี้ ให้ฝ่ายจัดซื้อทำเรื่องได้เลย อ้อ วันนี้ผมไม่เข้าแล้วนะ” พูดจบชายหนุ่มก็ผละออกไป และต้องหยุดชะงักเมื่อเลขาฯ รีบวิ่งมาถามถึงงานบางอย่างที่เขาให้เตรียมไว้สำหรับช่วงบ่ายนี้“คุณภีมคะ แล้วเรื่องที่ให้เตรียมเอาไว้บ่ายนี้ล่ะคะ”“ยังคอนเฟิร์มอยู่ แต่ว่าคุณช่วยอะไรผมหน่อยสิ”ภีมพลหันมายิ้มพรายเต็มวงหน้าเมื่อคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้
อดคิดไปถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับไปแล้วไม่ได้ ท่านทั้งสองช่างมีความอดทนและมุมานะอย่างล้นเหลือที่สู้ฝ่าฟันจนกระทั่งบริษัทเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้ นึกมาถึงตอนนี้แล้วก็โกรธตัวเองที่ตอนนั้นเอาแต่น้อยใจ คิดว่าท่านทำแต่งานจนไม่สนใจใยดีกับเธอผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว‘รวิชา แปลว่าลูกพระอาทิตย์ เพราะฉะนั้นหนูต้องเข้มแข็ง อดทนให้สมกับที่เป็นลูกสาวของพ่อ ชีวิตของหนูจะต้องรุ่งโรจน์สดใสเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า’ถ้อยคำจากบิดายังคงดังก้องอยู่ในหัวทุกครั้งที่นึกถึงเวลาเมื่อรู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าไม่มีแม่นมชราและสามีที่คอยเป็นกำลังใจให้ ป่านนี้ชีวิตเธอจะหักเหไปทางไหนแล้วบ้างก็สุดรู้“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับจุมพิตเบา ๆ ที่ข้างแก้ม จากนั้นคนตัวโตก็ทรุดตัวลงนั่งซ้อนหลังไว้พร้อมกับดึงบ่าของเธอให้เอนซบลงมาบนตัวเขา“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” หญิงสาวทักทายกลับไปก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของสามี“จำเป็นต้องตื่นเช้าน่ะ จู่
หลังจากถวายสังฆทานจนกระทั่งกรวดน้ำเสร็จเรียบร้อย ภีมพล รวิชา และนมพิมก็พากันเดินออกมาเทน้ำที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้ากุฏิ ชายหนุ่มสวดบทกรวดน้ำพึมพำโดยไม่ออกเสียง ในขณะที่หญิงสาวและนมพิมอธิษฐานเพื่อส่งผลบุญให้แก่ผู้ล่วงลับอยู่ในใจวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของบิดามารดาของรวิชา นมพิมเปรยเอาไว้หลายวันก่อนหน้าแล้วว่าอยากมาทำบุญให้ท่านทั้งสอง ซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยเพราะคิดไว้เหมือนกันว่าจะมาทำบุญวันนี้ จึงชวนสามีหนุ่มให้มาด้วยกัน และเขาก็ไม่ขัดข้อง เพราะตั้งแต่ผ่านพ้นพิธีแต่งงานมาได้สองเดือน ภีมพลก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพุทธศาสนาอีกเลยจากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางกลับบ้าน พอมาถึง ชายหนุ่มปล่อยให้รวิชาได้อยู่กับแม่นมตามลำพังเพราะคิดว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องอยากพูดคุยกัน เขาเองก็เห็นใจคนแก่อย่างนมพิม เพราะตั้งแต่รวิชาเรียนจบมาก็เอาแต่ทำงาน แถมหลังจากนั้นสองเดือนก็เข้าพิธีแต่งงานกับเขา ทำให้บางคืนรวิชาไม่ได้กลับไปนอนบ้านตัวเอง ถึงแม้เขากับรวิชาจะแก้ปัญหาด้วยการสลับบ้านนอนเป็นวันเว้นวันแล้วก็ตาม แต่หัวอกคนแก่ก็คงหงอยเหงาเป็นธรรมดา
“ตอบแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย อย่างนี้ต้องให้รางวัล”ชายหนุ่มจับล็อกปลายคางมนของหญิงสาวไว้ แล้วก้มลงตบรางวัลให้คนปากหวานช่างจำนรรจาจนเขากระชุ่มกระชวยทุกทีที่ได้ฟังนาทีนี้ภีมพลเหมือนจะคลั่งเสียให้ได้ สาวน้อยช่างหวานจับจิตจับใจสมกับที่รอคอยมานานแสนนาน ถ้าไม่ติดว่าเธอยังใหม่กับความสัมพันธ์แบบนี้แล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าทั้งเขาและเธอยังคงนัวเนียกันอยู่บนเตียงเป็นแน่“อื้ม...อาภีมขา นี่มันริมถนนนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”แค่หญิงสาวพูดเบา ๆ แต่สำหรับชายหนุ่มแล้วน้ำเสียงสั่นพร่านิด ๆ นั้นช่างฟังดูเซ็กซี่ยั่วยวนดีเหลือเกิน เขานึกถึงตอนเธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ทั้งภาพทั้งเสียงยังคงติดตาตรึงใจเสียจนอะไร ๆ มันพรักพร้อมขึ้นมาอีกแล้ว“เราเข้าหมู่บ้านมาแล้ว ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมาหรอก รถอาก็มืด ใครจะมองเข้ามาเห็นล่ะคะ”เอาอีกแล้ว ลงท้ายด้วยคะ ขาแบบนี้แปลว่าเริ่มไม่ปลอดภัยแล้วเป็นแน่ ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไร แต่ชายหนุ่มก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“แวะบ้านอาก่อนนะคะ”แค่เห็นแววตาระยิบระยับแพรวพราวของเข
“ถ้าอย่างนั้น...คืนนี้อยู่กับอาทั้งคืนได้ไหม ตามใจอาหน่อยได้ไหมคะ”เขาถามพร้อมกับประพรมจุมพิตไปทั่วหน้าอย่างหลงใหล ก่อนจะเอ่ยประโยคสำคัญที่ทำให้คนฟังหัวใจพองฟูคับอก“อาก็รักน้องอาย ไม่ใช่แค่คืนนี้ที่อาอยากให้น้องอายอยู่ด้วยแต่เป็นทุก ๆ คืน และตื่นมาตอนเช้าก็เห็นหน้าน้องอายเป็นคนแรกในทุก ๆ เช้า”ชายหนุ่มหยุดพูด แล้วก้มลงจุมพิตที่หน้าผากอีกครั้งหนึ่งแล้วไต่ระเรื่อยมาจนถึงใบหู ใจอยากจะโจนจ้วงเข้าหาร่างเย้ายวนนี้ให้สมกับที่รอคอยมานานแสนนาน แต่ก็อยากให้หญิงสาวได้สัมผัสกับความสวยงามจากประสบการณ์ในรักครั้งแรกมากกว่า เขาจึงต้องอ่อนโยนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้ว่าความต้องการจะอัดแน่นจนแทบระเบิดแล้วก็ตาม“แต่งงานกับอานะคะ”ไหน ๆ เธอก็เรียนจบแล้ว มีงานมีการทำถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว หนำซ้ำยังจดทะเบียนสมรสเป็นคนคนเดียวกันในทางกฎหมายแล้วด้วย เขาจึงคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรออีกต่อไป เพราะเขากับเธอก็แทบจะเป็นของกันและกันอยู่แล้ว จะเหลือก็แต่การอยู่ร่วมบ้านเดียวกันในฐานะของสามีภรรยาเท่านั้นรวิชาคลี่ยิ้มกว้างพล
ภีมพลยืนยิ้ม มองภรรยาทางนิตินัยที่กำลังยักย้ายส่ายสะโพกอย่างสนุกสนานกับเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่ข้างล่างด้วยแววตาทอดอ่อน เมื่อวานสอบวันสุดท้าย วันนี้รวิชาจึงขออนุญาตเขาพาเพื่อน ๆ มาสนุกกันที่คลับอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการฉลองจบการศึกษา อีกทั้งฉลองที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสปานั้นทะลุเป้าเกินกว่าที่คาดหมายไว้พอสมควรสาวน้อยของเขาเรียนจบแล้ว...ปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งคู่หมั้น สองปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งสามีตามกฎหมาย รวมแล้วร่วมสี่ปีเต็มกับการเฝ้าดูแลเด็กสาวคนหนึ่งให้เติบโตเป็นหญิงสาวแสนสวย และมากความสามารถจนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปเมื่อก่อนเขาเอาแต่นั่งนับวันเวลาว่าเมื่อไรเธอจะเรียนจบ เพราะอยากตีตราจองเธอเอาไว้ด้วยร่างกาย ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียวตามประสาผู้ชายทั่วไปที่คิดอยากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรัก ทว่าพอวันเวลาผ่านไป ความคิดของเขาก็ค่อยปรับเปลี่ยนไปทีละนิดตามความผูกพันที่เพิ่มขึ้นระหว่างเขากับเธอเซ็กซ์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่เขาต้องการจากเธอเพียงอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกมั่นคงในรัก และการรับรู้ถึงการเป็นส่วนหนึ่งขอ