Share

บทที่ 3

last update Last Updated: 2025-02-11 20:37:11

หลายวันต่อมา..

วารีเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งเอนกายบนโซฟาในห้องพักผู้ป่วยด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ห้าวันมานี้เธอแทบไม่ได้พักเลยเพราะทำงานตลอด กลางวันรับงานเอนพอตกกลางคืนก็รับงานนั่งดริ้งดื่มเป็นเพื่อนลูกค้าเพื่อหาเงินให้ได้เร็วที่สุด ทว่าถึงแม้จะทำงานอย่างหนักหน่วงจนแทบไม่มีเวลาพักก็ยังได้เงินไม่ครบตามจำนวนอยู่ดี งานเอนที่เธอรับกับงานนั่งดริ้งเป็นแบบธรรมดาไม่ได้ขึ้นเตียงหรือแตะเนื้อต้องตัวแต่ละครั้งจึงได้ค่าตอบแทนแค่ 15,000 -20,000 บาท ตอนนี้รวม ๆ กันแล้วก็ได้ประมาณ 100,000 กว่าบาท บวกกับเงินเก็บในบัญชี 200,000 ก็ได้แค่ 300,000 กว่าบาทซึ่งมันก็ยังไม่พออยู่ดีไม่รู้ว่าต้องทำงานแบบนี้อีกกี่ครั้งถึงจะครบ

“อึก” เธอยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ยอมรับว่าตอนนี้ทั้งท้อทั้งเหนื่อยกับปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่แต่กระนั้นก็ไม่คิดถอยเพราะคำว่าลูกคำเดียวที่ทำให้เธอยืนหยัดฝ่าฟันอุปสรรคมาได้จนถึงตอนนี้ ลูกคือสิ่งสำคัญและกำลังใจเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่

เธอกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็กเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าพ่อแม่สักครั้งต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว และขาดความอบอุ่นมาตลอดจนกระทั่งได้เจอกับพ่อของลูกที่เข้ามาเติมเต็ม ทว่าความสุขมันช่างแสนสั้นเธอคบหาเป็นแฟนอยู่กินกับเขาได้เพียงห้ากว่า ๆ ก็มีเรื่องทำให้ต้องแยกจากกันทั้งที่ยังรักสุดหัวใจ

“คุณแม่คะ” ขณะที่เธอกำลังปิดหน้าร้องไห้เสียงแหบพร่าของบุตรสาวที่นอนอยู่บนเตียงก็ดังขึ้น เธอรีบใช้มือเช็ดน้ำตาจนแห้งปรับสีหน้าให้สดใสที่สุด แล้วลุกเดินไปยืนข้างเตียง 

“ว่าไงคะคนเก่งของแม่” ใบหน้าเรียวฝืนระบายยิ้มหวานให้บุตรสาวบาง ๆ ยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กทุยด้วยความรักใคร่

“หนูอยากกลับบ้านค่ะคุณแม่” 

"หนูยังไม่หายดียังกลับไม่ได้ค่ะ"

"หนูจะกลับบ้าน หนูไม่อยากอยู่โรงพยาบาลค่ะคุณแม่" เด็กน้อยเริ่มออกอาการงอแงสีเท้าไปมาเมื่อไม่เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ

"ไม่ดื้อสิคะน้องปริม หนูหายดีเมื่อไรแม่จะพากลับบ้านทันที" วารีรีบโอบกอดบุตรสาวไว้พลางใช้มือลูบศีรษะเล็กทุยเชิงปลอบประโลม เด็กน้อยหยุดงอแงทันทีเงยหน้าขึ้นมองมารดาตาปริบ ๆ "จริง ๆ นะคะ"

"จริงค่ะ แต่หนูต้องไม่ดื้อไม่งอแงทำตามคุณหมอทุกอย่างนะคะ"

"ค่ะ" เด็กน้อยยอมสงบลงซบหน้ากับอกผู้เป็นแม่สวมกอดลำตัวไว้แน่น วารีก็ลูบศีรษะเล็กทุยปลอบประโลมอยู่อย่างนั้น

“แฮ่ก ๆ ฮึก” 

“ปริม ๆ หนูเป็นอะไรลูก ปริม” ทว่าเธอก็ต้องร้องเรียกบุตรสาวด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ บุตรสาวก็อ้าปากหอบหายใจพะงาบจนตัวสั่นไหว ตาเหลือกขึ้นบนจนน่ากลัวหัวใจของคนเป็นแม่แทบจะขาดร่อน ๆ ทั้งกลัวทั้งตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปล่อยโฮออกมาด้วยความหวาดกลัวจับใจมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูกไปหมด 

“ใจเย็น ๆ ปริม” เธอพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกเรียกสติตัวเองซ้ำ ๆ ก่อนรีบเอื้อมมือกดปุ่มบนหัวเตียงเรียกพยาบาล เพียงไม่นานหมอเจ้าของไข้และพยาบาลสองคนก็วิ่งกรูเข้ามาในห้อง

“ช่วยด้วยค่ะคุณหมอจู่ ๆ น้องก็หอบหายใจแรงเป็นแบบที่เห็นค่ะ” เธอรีบบอกหมอปากคอสั่นพร้อมกับวางบุตรสาวลงบนเตียงถอยออกมายืนห่าง ๆ หลีกทางให้หมอกับพยาบาลได้ดูอาการบุตรสาว มือเรียวทั้งสองข้างกอบกุมเข้าหากันแน่นจับจ้องการทำงานของหมอและพยาบาลไม่วางตาพลางภาวนาในใจขอให้บุตรสาวปลอดภัยไม่เป็นอะไรร้ายแรง

“น้องมีภาวะแทรกซ้อนต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจอย่างเร่งด่วน คุณแม่จะยินยอมไหมครับ” แต่เหมือนคำขอร้องอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเธอไม่สัมฤทธิ์ผล หัวใจของคนเป็นแม่หล่นวูบลงสู่ตาตุ่มเมื่อได้ยินคำบอกกล่าวจากหมอ พยายามตั้งสติไม่ให้ตัวเองสติแตก รีบพยักหน้ารับโดยไม่คิดไตร่ตรองสักนิด “ยินยอมค่ะ หมอรักษาได้เต็มที่เลยนะคะ”

“งั้นคุณแม่ช่วยตามไปเซ็นเอกสารยินยอมด้วยนะครับ” เมื่อได้รับความยินยอมหมอวัยกลางคนก็เรียกบุรุษพยาบาลมาเคลื่อนย้ายเด็กน้อยไปทันที วารีเดินตามเปลที่ใช้เคลื่อนย้ายบุตรสาวไม่ห่างจนมาถึงห้องผ่าตัด ยืนมองบุตรสาวถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดจนประตูปิดลงจึงเดินมานั่งบนเก้าอี้หน้าห้องผ้าตัด ก้มลงใช้มือปิดหน้าร้องไห้ออกมาอย่างหนัก 

รู้สึกกลัวจับใจกลัวว่าจะเกิดปัญหาระหว่างการผ่าตัด กลัวว่าบุตรสาวจะเป็นอะไรไป กลัวไปหมดทุกอย่างตอนนี้เธอไม่สนไม่แคร์เรื่องค่ารักษาแล้วต่อให้แพงแค่ไหนก็ยอมจ่ายขอเพียงบุตรสาวปลอดภัย และกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเด็กในวัยเดียวกัน

เธอนั่งปิดหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้นเนินนานหลายนาที ก่อนพยายามข่มก้อนสะอื้นใช้มือปาดน้ำตาออกลวก ๆ เชิดหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดพรืดใหญ่เรียกแรงฮึดสู้ให้ตัวเองเพราะเธอเป็นที่พึ่งเดียวของบุตรสาวจะมานั่งอ่อนแอไม่ได้ และเชื่อว่าสวรรค์คงไม่ใจร้ายกับเธอซ้ำ ๆ โดยการพรากคนที่รักไปจากเธออีกคน

นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองก้มมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือสลับกับประตูห้องผ่าตัดเป็นระยะ ๆ ด้วยใจที่ทรมาน แต่ผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนในห้องผ่าตัดจะออกมาสักที ด้วยความเหนื่อยล้าที่สะสมมานานหลายวันทำให้เปลือกตาบางค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ จนสนิทในที่สุด

“คุณคะ ๆ” ไม่รู้ว่าวารีนั่งหลับไปนั่งแค่ไหน เธอค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นข้างหู เธอผลุนผลันลุกขึ้นยืนพลางใช้มือขยี้ตาไล่อาการตาพร่าเบลอ เมื่อนึกขึ้นได้ก็รีบเอ่ยถามพยาบาลที่เป็นคนปลุกเธอด้วยความร้อนรนใจ “ลูกดิฉันผ่าตัดเสร็จหรือยังคะ เด็กหญิงปราณรวีน่ะค่ะ”

“อ่อ” พยาบาลสาวทำท่าคิดชั่วครู่ก่อนตอบ “ผ่าตัดเสร็จแล้วค่ะ ตอนนี้หมอให้น้องอยู่ในห้องไอซียูรอดูอาการอย่างใกล้ชิด คุณแม่กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ สองสามวันนี้หมอห้ามเยี่ยมกลัวว่าแผลผ่าตัดน้องจะติดเชื้อ..ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะทางเราจะดูแลอย่างดี”

“ค่ะ” วารีถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่การผ่าตัดของบุตรสาวผ่านไปได้ด้วยดี ทว่าความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายกลับประเดประดังเข้ามาแทนที่ เงินตั้ง 800,000-900,000 จะไปหาที่ไหนได้ทันในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ เธอทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้งในสมองหนักอึ้งไปหมดคิดไม่ตกว่าจะหาเงินจากที่ไหน ก่อนความคิดบางอย่างจะแวบเข้ามาในสมอง นั่นก็คืองานเอนแบบวีจบที่เตียง ไวน์เคยบอกว่าได้ค่าจ้างสูงถึง 60,000-200,000 หากเจอลูกค้าใจป๋ากระเป๋าหนักก็ได้เยอะกว่าที่กล่าวมา 

แต่นั่นหมายถึงเธอต้องขายศักดิ์ศรีตัวเองและมีอะไรกับคนแปลกหน้าซึ้งเธอไม่อยากทำเลยจริง ๆ แล้วจะพอมีทางไหนบ้างที่ทำให้เธอหาเงินจำนวนมากได้ในเวลาเพียงสั้น ๆ โดยไม่ต้องขายตัวแลกเงิน 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ปราณวารี   บทส่งท้าย 3

    “มองแบบนี้อยากได้ลูกเพิ่มเหรอครับ” ประภาวินท์ที่เงยหน้าขึ้นมาเจอกับสายตาของเมียสาวเอ่ยเย้าแหย่ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงกรุ่มกริ่ม “คนบ้า” คำพูดจาแสนทะลึ่งของคนเป็นสามีทำเอาวารีถึงกับหมดอารมณ์ซึ้ง แว้ดใส่เบา ๆ เพราะไม่อยากให้บุตรสาวได้ยินเอื้อมมือไปหยิกมือหนาที่วางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้จนอีกคนสะดุ้งโหยง นัยน์ตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังในเสี้ยววินาทีทำปากขมุบขมิบต่อว่าเบา ๆ “ในสมองพี่มีแต่เรื่องแบบนี้หรือไงกัน”“ครับก็เมียน่ากินนิ” คนหื่นยอมรับหน้าระรื่นหนำซ้ำยังส่งสายตาพราวระยับราวกับเสือร้ายใส่ เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยเธอคงไม่รู้ตัวสินะว่าตัวเองน่ากินขนาดไหนยิ่งท้องก็ยิ่งมีน้ำมีนวลจับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือไปหมด แค่คิดส่วนนั้นของเขาก็กระตุก“เฮ้อ พี่นี่มันจริง ๆ เลย” วารีได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาว่าคนหน้ามึนหื่นกามอย่างสามีหนุ่มยังไงดี ก่อนหันมองบุตรสาวที่นั่งดูการ์ตูนในไอแพด ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กด้วยความรักใคร่ขี้เกียจจะสนใจคนเป็นสามีแล้วไม่อย่างนั้นคงเย้าแหย่เธอไม่เลิกผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีพนักงานก็ทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟสี่คนพ่อแม่ล

  • ปราณวารี   บทส่งท้าย 2

    ชายหนุ่มมอบความรักให้กับเธอ มอบสิ่งล้ำค่าอย่างลูก ๆ ให้กับเธอ เข้ามาเติมส่วนที่ขาดหายในชีวิตจากเด็กกำพร้าที่โหยหาความรักความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็กบัดนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ความรักและความอบอุ่นที่เขามอบให้ ประภาวินท์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้หญิงอันเป็นที่รัก เอื้อมมือไปโยกศีรษะเล็กทุยด้วยความรักใคร่เอ็นดู มองสบแววตาหวานฉ่ำอย่างลึกซึ้ง เป็นเขาเองมากกว่าที่ต้องของคุณเธอที่มอบความรักดี ๆ และลูก ๆ ที่น่ารักให้กับเขาทำให้เขามีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างเช่นทุกวันนี้ “พี่รักหนูกับลูกมากนะครับ”“น้องปริมก็รักคุณพ่อ คุณแม่ น้องปันค่ะ” ปราณรวีที่ก้มหน้าก้มตาก่อประสาททรายหยุดการกระทำเงยขึ้นมองหน้าพ่อแม่ และน้องสาวสลับไปมาก่อนเอ่ยออกมาเสียงเจื้อยแจ้วฉีกยิ้มจนตาหยี จากนั้นก็โน้มตัวไปจูบท้องนูน ๆ ของผู้เป็นแม่ที่มีน้องชายอยู่ด้านใน “แล้วก็รักน้องปลื้มด้วยค่ะ”“ฮ่าฮ่า” ความน่ารักของบุตรสาวทำเอาคนเป็นพ่อแม่มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาอย่างชอบใจยิ่งนับวันบุตรสาวคนโตก็ยิ่งช่างเจรจาฉอเลาะมากขึ้นจนน่ามันเขี้ยว ก่อนคนเป็นพ่อจะเลื่อนมือไปโยกศีรษะเล็กเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยวระคนเอ็นดู จากนั้

  • ปราณวารี   บทส่งท้าย 1

    “ฮ่าฮ่า”“คุณพ่ออย่าวิ่งเร็ว ๆ สิคะน้องปริมวิ่งหนีไม่ทัน” “พ่อวิ่งช้าที่สุดแล้วครับ” เสียงหัวเราะแห่งความสุขเคล้าเสียงตะโกนพูดคุยกันของสามพ่อลูกทำให้วารีที่เอนกายพักผ่อนสายตาบนเก้าอี้ชายหาดที่ตั้งอยู่บนผืนทรายสีขาวนวลปรือตาขึ้นมา ก่อนหยัดกายลุกขึ้นนั่งตัวตรงสอดส่องสายตามองหาต้นเสียง คิ้วสวยพลันขมวดยุ่งเหยิงเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับสามีและลูกน้อยกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุก นึกตำหนิผู้เป็นสามีในใจลำพังพาปราณรวีบุตรสาวคนโตวิ่งเล่นเธอไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่ดันอุ้มปราณตะวันบุตรสาวอีกคนวัยขวบครึ่งวิ่งด้วย เกิดเขาพลาดท่าหกล้มขึ้นมาจะทำยังไง“มันน่าจับตีทั้งพ่อทั้งลูก” เธอบ่นพึมพำอย่างคาดโทษ ก่อนลุกเดินไปหาสามคนพ่อลูกด้วยท่าทางอุ้ยอ้ายเพราะท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวันตามอายุครรภ์ ใช่ฟังไม่ผิดตอนนี้ในท้องเธอมีลูกคนที่สามอยู่อายุครรภ์ได้ห้าเดือนกว่า ๆ แล้ว ผลงานของคุณพ่อตัวดีเลยที่ขยันผลิตลูกเหลือเกิน เธอบอกว่ามีสองคนพอ แต่เขาก็ใช้ลูกอ้อนเว้าวอนทุกวันว่าขอมีลูกชายอีกสักคน สุดท้ายเธอก็ใจอ่อนจนได้ คราวนี้เขาก็ได้ลูกชายสมใจอยากแล้วล่ะ “พี่ปราณพาลูกวิ่งทำไมเกิดล้มขึ้นมาจะทำยังไงคะ” เธอเอ่ยเสียงดุ

  • ปราณวารี   บทที่ 39

    ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มบาง ๆ เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วพบว่าเมียสาวกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เท้าใหญ่เดินไปหยุดด้านหลังร่างบางแล้วโน้มตัวลงเกยคางบนไหล่มน สอดมือเข้าไปโอบกอดเอวคอดหลวม ๆ "เมียพี่ไม่ต้องแต่งหน้าก็สวยอยู่แล้วครับ""ปากหวาน" วารีมองสบสายตาชายหนุ่มอันเป็นที่รักผ่านกระจกพร้อมกับระบายยิ้มออกมาบาง ๆ "พี่พูดจริงครับน้องสวยทั้งหน้าตาและจิตใจ" เขาว่าพลางเคลื่อนนิ้วมือขึ้นจิ้มบนอกด้านขวาที่มีก้อนเนื้อเต้นอยู่ด้านใน สิ้นเสียงพูดก็หอมแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่ทำให้คนที่กำลังบรรจงทาลิปสติกหน้านิ้วคิ้วขมวดเพราะรบกวนการแต่งหน้าของเธอ เปล่งเสียงดุอย่างไม่จริงจังมากนัก "วาแต่งหน้าอยู่พี่ปราณอย่าเล่นสิคะ""โอเคครับพี่จะอยู่นิ่ง ๆ" ร่างสูงยอมอยู่นิ่ง ๆ มองเมียสาวแต่งหน้าไปเงียบ ๆ กระทั่งเสร็จเขาจึงผละอ้อมกอดออกจากเอวคอด จับเก้าอี้แล้วหมุนให้ร่างบางหันมาเผชิญหน้า"ขอพิสูจน์หน่อยว่าลิปสติกสีนี้ดีจริงไหม" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ จับจ้องริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบลิปสติกสีสวยด้วยแววตาปรารถนา ว่าจบก็จับคางมนเงยขึ้นมารับรสจูบแสนหวานคนที่นั่งงงงวยกับคำพูดของเขาเข้าใจได้ในทันทีว่าหมา

  • ปราณวารี   บทที่ 38

    หลายวันต่อมา..แสงแดดยามแปดโมงเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระจกกระทบสามคนพ่อแม่ลูกที่กำลังนอนกอดกันอยู่ โดยคนเป็นลูกน้องอยู่ตรงกลางมีพ่อแม่กกกอดไว้ ประภาวินท์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกตามด้วยบุตรสาว ส่วนวารียังคงหลับสนิทเพราะเมื่อคืนโดนพ่อของลูกรังแกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกว่าจะได้นอนก็ครึ่งค่อนคืน"ชูว์""อย่ากวนแม่ครับให้แม่นอนต่ออีกสักหน่อย" เขายกนิ้วขึ้นชูว์ปากห้ามปรามบุตรสาวที่กำลังจะหันไปปลุกคนเป็นแม่เบา ๆ ซึ่งเด็กน้อยก็ทำตามในทันทียกมือปิดปากพร้อมกับค่อย ๆ ขยับตัวไปนั่งห้อยขาริมเตียงประภาวินท์ระบายยิ้มมองบุตรสาวด้วยความรักใคร่พร้อมกับขยับไปนั่งห้อยขาข้าง ๆ ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กทอย เอียงหน้ากระซิบข้างกกหูเล็กเบา ๆ พอได้ยิน "เดี๋ยวพ่อพาไปอาบน้ำนะครับ จะได้ลงไปทานอาหารเช้ากัน""ค่ะ" เมื่อเสียงใส ๆ ขานรับเขาก็หยัดกายลุกลงจากเตียงเดินไปเตรียมน้ำให้บุุตรสาวในอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กที่เขาเพิ่งซื้อมา ตีฟองสบู่และใส่น้ำนมให้เสร็จสรรพจึงเดินออกมาจัดการปลดเปลื้องชุดนอนให้บุตรสาวต่อจนหมด จากนั้นก็จูงบุตรสาวเข้าห้องน้ำแล้วเริ่มลงมืออาบน้ำให้โดยให้บุตรสาวนอนแช่ในอ่างน้ำนมวางศีรษะบนที่ร

  • ปราณวารี   บทที่ 37

    @บ้านกิตติธนปกรณ์“คุณปราณคะคุณผู้หญิงสั่งไว้ว่าหากกลับมาแล้วให้คุณปราณกับคุณวารีไปพบท่านที่ห้องด้วยค่ะ” ทันทีที่ประภาวินท์ วารีและบุตรสาวย่างกายเข้ามาในบ้านอิมแม่บ้านวัยสามสิบห้าก็เดินเข้ามาบอกกล่าวทันที“อืม” ประภาวินท์ขานรับสั้น ๆ แล้วยื่นถุงกล่องเค้กไปให้ “จัดเค้กใส่จานแล้วเอาขึ้นไปให้คุณแม่ด้วยนะ”“ไปหาแม่กันครับ” จากนั้นก็หันไปพยักเพยิดหน้าชวนหญิงสาว ก่อนจะอุ้มบุตรสาวเดินตรงขึ้นไปยังห้องผู้เป็นแม่ วารีเดินตามหลังไปติด ๆ"แม่มีอะไรเหรอครับ" เสียงทุ้มถามไถ่ด้วยความสงสัยหลังจากเดินมาหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงนอนผู้เป็นแม่แล้ว"วันนี้ไปเที่ยวมาสนุกไหมคะน้องปริม" คุณหญิงรตีหาได้สนใจเสียงถามบุตรชายไม่กลับระบายยิ้มถามหลานสาวตัวน้อยที่นั่งข้างบุตรชายแทน"สนุกมากค่ะคุณย่า น้องปริมซื้อเค้กมาฝากคุณย่าด้วยนะคะ" เด็กน้อยเปล่งเสียงตอบเจื้อยแจ้วพร้อมกับขยับไปนั่งชิดคนเป็นย่า"น่ารักจริงรู้จักนึกถึงย่าด้วย" คุณหญิงรตีที่เห่อหลานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งหลงหนักเข้าไปอีกเมื่อเจอความน่ารักของหลาน เอื้อมมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มด้วยความรักใคร่ เอ็นดู ประภาวินท์กับวารีได้แต่ยืนมองหน้ากันตาปริบ ๆ ก่อนวารีจะปราย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status