วันต่อมา..
"วารีแกจะทำงานนี้จริง ๆ เหรอ ฉันว่าแกลองคิดดูอีกทีดีไหม" ไวน์ปรายตาถามเพื่อนสาวด้วยความไม่สบายใจ ขณะกำลังขับรถพาเพื่อนสาวไปหาลูกค้าที่ดีลงานให้หลังจากพาเพื่อนสาวไปอาบน้ำแต่งตัวที่คอนโดเสร็จ
วารีที่นั่งทอดสายตามองออกไปนอกกระจกรถอย่างเหม่อลอยหลุดออกจากภวังค์ หันกลับมาตอบด้วยนัยน์ตาเศร้า "ฉันตัดสินใจดีแล้ว งานนี้แหละที่จะทำให้ฉันหาเงินได้มากและเร็วที่สุด ตอนนี้ฉันคิดเพียงว่าทำยังไงก็ได้ให้ลูกได้รับการรักษาเรื่องอื่นฉันไม่สนใจ"
"อืม..หากคิดดีแล้วฉันก็เคารพในการตัดสินใจของแก" ไวน์ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเพื่อนสาวตัดสินใจแน่วแน่แบบนี้เธอก็คงพูดให้เปลี่ยนใจไม่ได้ วารีฝืนระบายยิ้มให้เพื่อนสาวบาง ๆ แล้วทอดสายตามองบรรยากาศนอกรถต่อ ในใจรู้สึกทุกข์ระทมไม่น้อย ต้องทำงานที่ไม่คิดอยากจะทำสักนิดไม่เคยอยู่ในสมองเธอเลยด้วยซ้ำ แต่จะทำยังไงได้ชีวิตที่ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองแบบเธอก็ต้องทำทุกวิถีทางให้ได้เงิน
@ร้านอาหาร
"ถึงแล้ววา"
เธอนั่งเหม่อลอยโดยไม่รู้เลยว่ารถมาจอดลงหน้าร้านอาหารที่นัดกับลูกค้าแล้วจนเสียงของไวน์ดังขึ้นทำให้เธอสะดุ้งหลุดจากห้วงความคิด "อะ..อ๋อถึงแล้วเหรอ"
"แกโอเคไหมเนี่ยวารี" ไวน์ยื่นมือไปแตะไหล่เพื่อนสาวอย่างนึกเป็นห่วงกับท่าทาง และสีหน้าที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่โอเคกับงานที่กำลังจะทำเลยสักนิด
"โอเค ๆ ไปกันเถอะ" วารีพยักหน้าระรัวเชิงบอกว่าเธอโอเคดี สิ้นเสียงพูดก็เปิดประตูลงจากรถทันที ส่วนไวน์ก็เปิดประตูลงตามมาจากนั้นก็เดินนำเพื่อนสาวเข้าไปในร้านอาหารสุดหรู
"นั่นไงลูกค้าเขาชื่อณวัฒน์ อายุ 32ปี ฉันคัดเลือกมาให้แกแบบดีสุดเลยนะ" ไวน์หันไปเอ่ยกับเพื่อนสาว ก่อนชี้ไปยังโต๊ะที่มีชายหนุ่มหน้าตาดูดีนั่งอยู่
ณวัฒน์เป็นถึงเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ สถานะโสดแถมยังนิสัยดีอีกต่างหากมีความเป็นสุภาพบุรุษมากเธอจึงติดต่อเขาให้เพื่อนสาวเพราะเชื่อว่าเขาไว้ใจได้และให้เกียรติผู้หญิงแน่นอน เธอเคยรับงานทานข้าวและเป็นเพื่อนเที่ยวเขาสี่ห้าครั้งเลยค่อนข้างรู้จักนิสัยใจคอดี
"อืม" วารเพียงพยักหน้ารับมองไปที่ชายหนุ่มด้วยแววตาเศร้า ถึงเขาจะหน้าตาหล่อเหลาก็ไม่ได้ทำให้เธอตื่นเต้นหรือรู้สึกดีสักนิดคิดเพียงว่าอยากทำงานให้เสร็จเร็ว ๆ
ไวน์ถึงกับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เมื่อเห็นสีหน้าซังกะตายของเพื่อนสาวหากลูกค้าเห็นก็คงคิดว่าไม่เต็มใจรับงาน หรือไม่ก็โดนบังคับมา "ทำหน้าให้สดชื่นหน่อยสิวารี คุณณวัฒน์จะได้ถูกใจแล้วเรียกใช้แกบ่อย ๆ"
สิ้นเสียงเพื่อนสาววารีก็สูดลมหายใจเข้าปอดพรืดใหญ่พยายามปรับสีหน้า และอารมณ์ให้เป็นปกติที่สุดท่องไว้ในใจว่าเพื่อบุตรสาว ๆ เธอต้องทำได้
"ต้องแบบนี้สิคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว" ไวน์ยกนิ้วโป้งให้อย่างชื่นชมในความเข้มแข็ง และความรักที่มีต่อบุตรสาวจนยอมทำได้ทุกอย่างของเพื่อน ก่อนจะพาเพื่อนสาวเข้าไปหาชายหนุ่ม "สวัสดีค่ะคุณณวัฒน์"
“อ้าว! คุณไวน์สวัสดีครับ” เสียงของไวน์ทำให้ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่กำลังนั่งก้มหน้ากดโทรศัพท์เงยหน้าขึ้น ณวัฒน์ระบายยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงคือหญิงสาวที่ตัวเองรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี ทักทายกลับอย่างเป็นกันเอง แล้วเลื่อนสายตามองร่างบางที่ยืนข้าง ๆ ไวน์อย่างสนใจ ไวน์ที่เห็นดังนั้นก็รีบแนะนำให้ทั้งสองคนได้รู้จักกันทันที
“นี่วารีค่ะคุณณวัฒน์” ประโยคแรกเธอเอ่ยกับณวัฒน์ ประโยคหลังเอี่ยวหน้าไปเอ่ยกับเพื่อนสาว “นี่คุณณวัฒน์วารี”
“สวัสดีค่ะคุณณวัฒน์” สิ้นเสียงเพื่อนสาววารีก็น้อมศีรษะกล่าวทักทายชายหนุ่มอย่างนบน้อมพร้อมระบายยิ้มให้บาง ๆ ท่าทางแสนนบน้อมของหญิงสาวทำให้ณวัฒน์ชอบใจไม่น้อยดูแตกต่างจากเด็กรับงานเอนหลายคนที่ผ่านมา เขาพยักหน้ารับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแล้วเชื้อเชิญให้ทั้งสองนั่ง “เชิญนั่งครับ”
“ไวน์แค่มาส่งเพื่อนค่ะ ยังไงไวน์ขอตัวกลับก่อนดีกว่า” ไวน์ปฏิเสธอย่างเกรงใจเธอแค่มาส่งเพื่อนสาวเฉย ๆ เพราะเห็นว่านี่เป็นการทำงานครั้งแรกของเพื่อนส่งเสร็จแล้วก็จะกลับ
“ไหน ๆ ก็มาแล้วอยู่ด้วยกันก่อนสิครับ เอาเป็นว่าผมจ้างคุณสองคนเลยแล้วกัน” ณวัฒน์เอ่ยตัดบทดีเสียอีกนั่งกันหลายคนจะได้สนุก เขาก็แค่ต้องการหาเพื่อนคุยหาเพื่อนทานข้าวเท่านั้นไม่ได้คิดไปถึงขั้นอื่น เมื่อเป็นความต้องการของลูกค้าวีไอพีไวน์จึงไม่อาจขัดได้สุดท้ายทั้งสองก็นั่งพูดคุยและทานข้าวกับณวัฒน์ไปเรื่อย ๆ
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับมีงานด่วนเข้ามา วันหน้าค่อยเจอกันใหม่” กระทั่งทานข้าวเสร็จณวัฒน์ก็รีบขอตัวกลับเพราะเลขาเพิ่งส่งไลน์มาบอกว่ามีงานด่วน ขณะที่มือก็จัดการโอนเงินค่าจ้างสำหรับทั้งสองคนเข้าบัญชีธนาคารไวน์เป็นเงินเต็มจำนวนตามที่ได้ดีลกันไว้ “ค่าจ้างคุณไวน์กับคุณวารีผมโอนเข้าบัญชีคุณไวน์แล้วนะครับ ยังไงผมขอตัวก่อน”
“ค่ะ” วารีกับไวน์พยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียงกัน หลังจากณวัฒน์เดินออกไปไวน์ก็หันไปพูดกับเพื่อนสาว “ค่าจ้างวันนี้ได้คนละสองหมื่นนะ เดี๋ยวฉันโอนเข้าบัญชีแกให้”
“ทำงานแค่แป๊บเดียวเนี่ยนะทำไมได้เยอะจัง” วารีทำตาโตเมื่อได้ยินจำนวนเงินค่าจ้างจากเพื่อนสาวไม่คิดเลยว่าแค่ทานข้าวไม่ถึงชั่วโมงก็ได้เงินเท่ากับทำงานออฟฟิศหนึ่งเดือนแล้ว แต่ถ้าถามว่าเธอดีใจและรู้สึกอยากทำงานนี้ขึ้นมาบ้างไหมเธอก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ หากไม่ใช่ต้องการเงินรักษาบุตรสาวด่วนคงไม่ทำ
“บอกแล้วไงว่าคุณณวัฒน์เขาใจดี และใจป๋ามาก”
“อือ..กลับกันเถอะฉันเป็นห่วงน้องปริม” วารีเพียงพยักหน้ารับ ก่อนรีบชวนเพื่อนสาวกลับโรงพยาบาลเพราะรู้สึกเป็นห่วงบุตรสาวถึงแม้จะฝากให้พยาบาลช่วยดูแลแล้วก็ตาม ไวน์พยักหน้ารับก่อนทั้งสองจะพากันลุกเดินออกจากร้านอาหารไปขึ้นรถมุ่งตรงสู่โรงพยาบาล
“มองแบบนี้อยากได้ลูกเพิ่มเหรอครับ” ประภาวินท์ที่เงยหน้าขึ้นมาเจอกับสายตาของเมียสาวเอ่ยเย้าแหย่ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงกรุ่มกริ่ม “คนบ้า” คำพูดจาแสนทะลึ่งของคนเป็นสามีทำเอาวารีถึงกับหมดอารมณ์ซึ้ง แว้ดใส่เบา ๆ เพราะไม่อยากให้บุตรสาวได้ยินเอื้อมมือไปหยิกมือหนาที่วางบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้จนอีกคนสะดุ้งโหยง นัยน์ตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังในเสี้ยววินาทีทำปากขมุบขมิบต่อว่าเบา ๆ “ในสมองพี่มีแต่เรื่องแบบนี้หรือไงกัน”“ครับก็เมียน่ากินนิ” คนหื่นยอมรับหน้าระรื่นหนำซ้ำยังส่งสายตาพราวระยับราวกับเสือร้ายใส่ เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยเธอคงไม่รู้ตัวสินะว่าตัวเองน่ากินขนาดไหนยิ่งท้องก็ยิ่งมีน้ำมีนวลจับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือไปหมด แค่คิดส่วนนั้นของเขาก็กระตุก“เฮ้อ พี่นี่มันจริง ๆ เลย” วารีได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาว่าคนหน้ามึนหื่นกามอย่างสามีหนุ่มยังไงดี ก่อนหันมองบุตรสาวที่นั่งดูการ์ตูนในไอแพด ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กด้วยความรักใคร่ขี้เกียจจะสนใจคนเป็นสามีแล้วไม่อย่างนั้นคงเย้าแหย่เธอไม่เลิกผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีพนักงานก็ทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟสี่คนพ่อแม่ล
ชายหนุ่มมอบความรักให้กับเธอ มอบสิ่งล้ำค่าอย่างลูก ๆ ให้กับเธอ เข้ามาเติมส่วนที่ขาดหายในชีวิตจากเด็กกำพร้าที่โหยหาความรักความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็กบัดนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ความรักและความอบอุ่นที่เขามอบให้ ประภาวินท์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้หญิงอันเป็นที่รัก เอื้อมมือไปโยกศีรษะเล็กทุยด้วยความรักใคร่เอ็นดู มองสบแววตาหวานฉ่ำอย่างลึกซึ้ง เป็นเขาเองมากกว่าที่ต้องของคุณเธอที่มอบความรักดี ๆ และลูก ๆ ที่น่ารักให้กับเขาทำให้เขามีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างเช่นทุกวันนี้ “พี่รักหนูกับลูกมากนะครับ”“น้องปริมก็รักคุณพ่อ คุณแม่ น้องปันค่ะ” ปราณรวีที่ก้มหน้าก้มตาก่อประสาททรายหยุดการกระทำเงยขึ้นมองหน้าพ่อแม่ และน้องสาวสลับไปมาก่อนเอ่ยออกมาเสียงเจื้อยแจ้วฉีกยิ้มจนตาหยี จากนั้นก็โน้มตัวไปจูบท้องนูน ๆ ของผู้เป็นแม่ที่มีน้องชายอยู่ด้านใน “แล้วก็รักน้องปลื้มด้วยค่ะ”“ฮ่าฮ่า” ความน่ารักของบุตรสาวทำเอาคนเป็นพ่อแม่มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาอย่างชอบใจยิ่งนับวันบุตรสาวคนโตก็ยิ่งช่างเจรจาฉอเลาะมากขึ้นจนน่ามันเขี้ยว ก่อนคนเป็นพ่อจะเลื่อนมือไปโยกศีรษะเล็กเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยวระคนเอ็นดู จากนั้
“ฮ่าฮ่า”“คุณพ่ออย่าวิ่งเร็ว ๆ สิคะน้องปริมวิ่งหนีไม่ทัน” “พ่อวิ่งช้าที่สุดแล้วครับ” เสียงหัวเราะแห่งความสุขเคล้าเสียงตะโกนพูดคุยกันของสามพ่อลูกทำให้วารีที่เอนกายพักผ่อนสายตาบนเก้าอี้ชายหาดที่ตั้งอยู่บนผืนทรายสีขาวนวลปรือตาขึ้นมา ก่อนหยัดกายลุกขึ้นนั่งตัวตรงสอดส่องสายตามองหาต้นเสียง คิ้วสวยพลันขมวดยุ่งเหยิงเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับสามีและลูกน้อยกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุก นึกตำหนิผู้เป็นสามีในใจลำพังพาปราณรวีบุตรสาวคนโตวิ่งเล่นเธอไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่ดันอุ้มปราณตะวันบุตรสาวอีกคนวัยขวบครึ่งวิ่งด้วย เกิดเขาพลาดท่าหกล้มขึ้นมาจะทำยังไง“มันน่าจับตีทั้งพ่อทั้งลูก” เธอบ่นพึมพำอย่างคาดโทษ ก่อนลุกเดินไปหาสามคนพ่อลูกด้วยท่าทางอุ้ยอ้ายเพราะท้องที่เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวันตามอายุครรภ์ ใช่ฟังไม่ผิดตอนนี้ในท้องเธอมีลูกคนที่สามอยู่อายุครรภ์ได้ห้าเดือนกว่า ๆ แล้ว ผลงานของคุณพ่อตัวดีเลยที่ขยันผลิตลูกเหลือเกิน เธอบอกว่ามีสองคนพอ แต่เขาก็ใช้ลูกอ้อนเว้าวอนทุกวันว่าขอมีลูกชายอีกสักคน สุดท้ายเธอก็ใจอ่อนจนได้ คราวนี้เขาก็ได้ลูกชายสมใจอยากแล้วล่ะ “พี่ปราณพาลูกวิ่งทำไมเกิดล้มขึ้นมาจะทำยังไงคะ” เธอเอ่ยเสียงดุ
ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มบาง ๆ เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วพบว่าเมียสาวกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เท้าใหญ่เดินไปหยุดด้านหลังร่างบางแล้วโน้มตัวลงเกยคางบนไหล่มน สอดมือเข้าไปโอบกอดเอวคอดหลวม ๆ "เมียพี่ไม่ต้องแต่งหน้าก็สวยอยู่แล้วครับ""ปากหวาน" วารีมองสบสายตาชายหนุ่มอันเป็นที่รักผ่านกระจกพร้อมกับระบายยิ้มออกมาบาง ๆ "พี่พูดจริงครับน้องสวยทั้งหน้าตาและจิตใจ" เขาว่าพลางเคลื่อนนิ้วมือขึ้นจิ้มบนอกด้านขวาที่มีก้อนเนื้อเต้นอยู่ด้านใน สิ้นเสียงพูดก็หอมแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่ทำให้คนที่กำลังบรรจงทาลิปสติกหน้านิ้วคิ้วขมวดเพราะรบกวนการแต่งหน้าของเธอ เปล่งเสียงดุอย่างไม่จริงจังมากนัก "วาแต่งหน้าอยู่พี่ปราณอย่าเล่นสิคะ""โอเคครับพี่จะอยู่นิ่ง ๆ" ร่างสูงยอมอยู่นิ่ง ๆ มองเมียสาวแต่งหน้าไปเงียบ ๆ กระทั่งเสร็จเขาจึงผละอ้อมกอดออกจากเอวคอด จับเก้าอี้แล้วหมุนให้ร่างบางหันมาเผชิญหน้า"ขอพิสูจน์หน่อยว่าลิปสติกสีนี้ดีจริงไหม" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ จับจ้องริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบลิปสติกสีสวยด้วยแววตาปรารถนา ว่าจบก็จับคางมนเงยขึ้นมารับรสจูบแสนหวานคนที่นั่งงงงวยกับคำพูดของเขาเข้าใจได้ในทันทีว่าหมา
หลายวันต่อมา..แสงแดดยามแปดโมงเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระจกกระทบสามคนพ่อแม่ลูกที่กำลังนอนกอดกันอยู่ โดยคนเป็นลูกน้องอยู่ตรงกลางมีพ่อแม่กกกอดไว้ ประภาวินท์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกตามด้วยบุตรสาว ส่วนวารียังคงหลับสนิทเพราะเมื่อคืนโดนพ่อของลูกรังแกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกว่าจะได้นอนก็ครึ่งค่อนคืน"ชูว์""อย่ากวนแม่ครับให้แม่นอนต่ออีกสักหน่อย" เขายกนิ้วขึ้นชูว์ปากห้ามปรามบุตรสาวที่กำลังจะหันไปปลุกคนเป็นแม่เบา ๆ ซึ่งเด็กน้อยก็ทำตามในทันทียกมือปิดปากพร้อมกับค่อย ๆ ขยับตัวไปนั่งห้อยขาริมเตียงประภาวินท์ระบายยิ้มมองบุตรสาวด้วยความรักใคร่พร้อมกับขยับไปนั่งห้อยขาข้าง ๆ ยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กทอย เอียงหน้ากระซิบข้างกกหูเล็กเบา ๆ พอได้ยิน "เดี๋ยวพ่อพาไปอาบน้ำนะครับ จะได้ลงไปทานอาหารเช้ากัน""ค่ะ" เมื่อเสียงใส ๆ ขานรับเขาก็หยัดกายลุกลงจากเตียงเดินไปเตรียมน้ำให้บุุตรสาวในอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กที่เขาเพิ่งซื้อมา ตีฟองสบู่และใส่น้ำนมให้เสร็จสรรพจึงเดินออกมาจัดการปลดเปลื้องชุดนอนให้บุตรสาวต่อจนหมด จากนั้นก็จูงบุตรสาวเข้าห้องน้ำแล้วเริ่มลงมืออาบน้ำให้โดยให้บุตรสาวนอนแช่ในอ่างน้ำนมวางศีรษะบนที่ร
@บ้านกิตติธนปกรณ์“คุณปราณคะคุณผู้หญิงสั่งไว้ว่าหากกลับมาแล้วให้คุณปราณกับคุณวารีไปพบท่านที่ห้องด้วยค่ะ” ทันทีที่ประภาวินท์ วารีและบุตรสาวย่างกายเข้ามาในบ้านอิมแม่บ้านวัยสามสิบห้าก็เดินเข้ามาบอกกล่าวทันที“อืม” ประภาวินท์ขานรับสั้น ๆ แล้วยื่นถุงกล่องเค้กไปให้ “จัดเค้กใส่จานแล้วเอาขึ้นไปให้คุณแม่ด้วยนะ”“ไปหาแม่กันครับ” จากนั้นก็หันไปพยักเพยิดหน้าชวนหญิงสาว ก่อนจะอุ้มบุตรสาวเดินตรงขึ้นไปยังห้องผู้เป็นแม่ วารีเดินตามหลังไปติด ๆ"แม่มีอะไรเหรอครับ" เสียงทุ้มถามไถ่ด้วยความสงสัยหลังจากเดินมาหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงนอนผู้เป็นแม่แล้ว"วันนี้ไปเที่ยวมาสนุกไหมคะน้องปริม" คุณหญิงรตีหาได้สนใจเสียงถามบุตรชายไม่กลับระบายยิ้มถามหลานสาวตัวน้อยที่นั่งข้างบุตรชายแทน"สนุกมากค่ะคุณย่า น้องปริมซื้อเค้กมาฝากคุณย่าด้วยนะคะ" เด็กน้อยเปล่งเสียงตอบเจื้อยแจ้วพร้อมกับขยับไปนั่งชิดคนเป็นย่า"น่ารักจริงรู้จักนึกถึงย่าด้วย" คุณหญิงรตีที่เห่อหลานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งหลงหนักเข้าไปอีกเมื่อเจอความน่ารักของหลาน เอื้อมมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มด้วยความรักใคร่ เอ็นดู ประภาวินท์กับวารีได้แต่ยืนมองหน้ากันตาปริบ ๆ ก่อนวารีจะปราย