ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเปิดวิดีโอ ก่อนจะใช้สายตามองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อหามุมที่พอจะตั้งกล้องแล้วไม่ผิดสังเกตได้
เมื่อมองเห็นว่ามุมตรงนั้นมันไม่เป็นที่จับสังเกตก็รีบเอากล้องไปตั้ง ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อกันเอาไว้เพราะหลังจากคืนนี้ไม่รู้ว่าตุลจะเป็นยังไง การมีคลิปฉันสามารถใช้ข่มขู่เขาได้
เข้าข่ายแบล็กเมลใช่ไหมล่ะ มันก็ประมาณนั้นนั้นแหละ
… ครั้งแรกของฉันมันดูไม่โรแมนติกอย่างที่วาดฝันเอาไว้เลย แต่ทั้งหมดนี้ฉันเลือกให้มันเกิดขึ้นเอง
หลังจากตั้งกล้องเสร็จฉันก็เดินกลับมานั่งที่เดิม นั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงแบบนั้นจนกระทั่งเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า
ทั้งที่ตุลบอกเอาไว้ว่าขอแค่ครึ่งชั่วโมงแท้ ๆ แต่นี่มันเกือบจะเช้าแล้ว ด้วยความที่มันนานเกินไปฉันจึงลุกขึ้นจากเตียงกำลังจะเปิดประตูออกไปดูว่าตุลยังดื่มกับเพื่อนอยู่หรือเปล่า หรือว่าเขาหนีไปแล้ว จู่ ๆ ประตูห้องกูถูกเปิดเข้ามาซะก่อน
ตุลขมวดคิ้วเข้มมองฉันที่ยืนอยู่หน้าประตู ฉันจึงรีบพูดขึ้น “พี่จะออกไปดูว่าตุลดื่มเสร็จหรือยังน่ะ”
“รีบมากขนาดนั้น?”
“ป… เปล่าพี่ไม่ได้รีบ ก็… ก็ตุลพูดเองว่าขอครึ่งชั่วโมงแต่นี่มันผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้วพี่แค่จะไปดู” ฉันเม้มปากแน่นมองใบหน้าของตุลทำเอาหัวใจเต้นแรงเพราะความหล่อของเขา แต่สายตาคู่นั้นมันแฝงไปด้วยความร้ายกาจ
ตุลเดินผ่านหน้าฉันไปก่อนที่เขาจะถอดเสื้อแล้วโยนไปใส่ตะกร้า นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเขาเปลือยท่อนบน ร่างหนาที่มีซิกซ์แพ็กเล็ก ๆ เรียงรายอยู่มันช่างดึงดูดสายตาจริง ๆ
“ยืนทื่ออยู่ทำไม แก้ผ้าออก” เขาตวาดบอกคำสั่ง
“ก… แก้ผ้าเลยเหรอ” ฉันทวนคำพูดนั้นอย่างตกใจ คิดว่าต้องทำอะไรมากกว่านี้ก่อนไม่ใช่มาถึงแล้วจะให้แก้ผ้าเลย
เหมือนตุลจะเริ่มหงุดหงิดกับท่าทางของฉัน เขาเดินมากระชากแขนฉันแล้วจับเหวี่ยงกระแทกลงบนเตียง มันไม่ได้แรงมากหรอก
“นอนลงไป”
เมื่อถูกเสียงทุ้มเข้มสั่งฉันก็นอนราบลงมาบนเตียงตัวแข็งทื่ออย่างกับหุ่นยนต์
“จะแสดงละครให้คิดว่าไม่เคยเอากับใครมาก่อน?” สายตาของตุลมองมาที่ฉันแล้วถามอย่างหงุดหงิด
“พี่ไม่เคย…”
“ไปบอกเด็กอนุบาลมันยังไม่เชื่อ” พูดไม่ทันจะจบตุลก็รีบแทรกขึ้น ฉันจึงตอบไปแบบไม่แก้ตัวอะไรทั้งสิ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูสิจะได้รู้ว่าพี่ผ่านผู้ชายมาแล้วกี่คน”
ตุลขบกรามแน่นก่อนที่เขาจะขึ้นมาคร่อมบนร่างของฉันเอาไว้
“ทำไมไม่ถอดเสื้อผ้า”
“พี่อยากให้ตุลถอดให้” การที่ถูกอีกคนถอดเสื้อผ้าให้มันคงทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง
“อยากให้ถอดหรือฉีก?”
“ถ… ถอดสิพี่ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนนะ”
“ถ้างั้นก็ทำเอง ถนัดฉีกไม่ถนัดถอด” ตุลหยัดตัวลุกขึ้นยืน ส่วนฉันก็ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าเพราะไม่อยากโดนฉีก ถ้าฉีกแล้วพรุ่งนี้คงไม่มีเสื้อผ้าใส่กลับแน่ ๆ
ในขณะที่ถอดเสื้อผ้าสายตาของตุลก็จ้องมองตลอดเวลา
“… ตุลไม่ถอดเหรอ” ความเขินอายไม่อยากถูกจ้องมองทำให้ฉันต้องถามออกไปแบบนั้น
ตุลไม่ตอบอะไรเขาใช้มือปลดกางเกงแต่สายตาก็ยังมองเรือนร่างของฉันอยู่ ฉันจึงเลี่ยงที่จะสบตา
เสื้อผ้าบนตัวของฉันถูกถอดออกแล้วทิ้งมันไว้ที่พื้นจนเรือนร่างเปลือยเปล่า ตุลก็เช่นกัน ฉันมองเพียงหางตาเมื่อเห็นว่าบนตัวเขาไม่มีเสื้อผ้าก็ไม่กล้ามอง
เป็นอีกครั้งที่ตุลผลักฉันลงบนเตียงแล้วขึ้นมาคร่อม ใบหน้าคมคายก้มลงมาซุกไซร้ซอกคอของฉันพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่บีบเคล้นหน้าอกสองเต้าแรง ๆ
“บะ… เบา ๆ หน่อยให้ไหมตุลพี่เจ็บ” ถึงกับต้องออกปากบอกเพราะมันเจ็บจริง ๆ แต่คนที่ถูกท้วงไม่ได้สนใจอะไร เขายังเอาแต่บีบเคล้นหน้าอกแรง ๆ เหมือนเดิม
ใบหน้าคมคายเลื่อนลงมาเรื่อย ๆ จนถึงหน้าอกของฉัน อุ้งปากร้อน ๆ ครอบงำเอาเม็ดไตที่ชูชันตรงหน้าเข้าปากแล้วดูดเม้มแรง ๆ พร้อมทั้งให้สองมือขยำ
“อื้อ~” ฉันกัดริมฝีปากแน่นอยากให้เขาทำเบา ๆ กว่านี้แต่พูดไปแล้วก็ไม่ยอมผ่อนแรงลง
“อื้อ จะ… เจ็บ ๆ อย่ากัดแบบนั้นสิตุล” ฉันร้องออกมาเสียงหลงเมื่อถูกเขี้ยวฟันงับมาที่เนินหน้าอกแรง ๆ
คนที่ถูกท้วงหยัดตัวขึ้นขยับจัดที่ให้อยู่ตรงกลางระหว่างขาของฉัน
“ม… ไม่ปิดไฟก่อนเหรอ” ฉันถามเสียงสั่นแต่ตุลก็ไม่ได้ตอบอะไร
ร่างหนาของตุลโน้มตัวลงมาจนใบหน้าของเราใกล้กันแค่คืบ เขาใช้มือคลำหาอะไรบางอย่างที่ใต้หมอน ก่อนจะกดจูบลงมาบนริมฝีปากของฉันหนัก ๆ
ริมฝีปากล่างถูกดูดจนรู้สึกชาหนึบก่อนที่ตุลจะใช้ลิ้นสากเข้ามาควานสำรวจในโพรงปากของฉัน เขาจูบอย่างชำนาญต่างกับฉันที่ทำไม่เป็น
ตุลถอดจูบออก เขาหยัดตัวขึ้นพร้อมกับถุงยางอนามัยที่มือ เรียวขาของฉันถูกจับให้อ้าออกจากกันกว้าง ๆ ในขณะที่ตุลกำลังสวมใส่ถุงยางอนามัยอยู่
แก่นกายใหญ่ถูกจับมาจ่อที่ช่องทางคับแคบของฉันแล้วถูขึ้นลงสามสี่ครั้งก่อนจะค่อย ๆ ดันส่วนปลายหัวเข้ามา
“อ๊ะ! จะ… เจ็บ ตุลหยุดก่อนพี่เจ็บ” ฉันสะดุ้งขยับสะโพกหนีแต่ถูกฝ่ามือใหญ่รั้งไว้
ตุลก้มมองชุดเชื่อมของเราทั้งคู่แล้วพยายามจะสอดใส่แก่นกายของตัวเอง
“ตุลพี่เจ็บอย่าเพิ่งเอาเข้ามาได้ไหม อื้อ”
“ทำไมเข้ายากแบบนี้วะ” ตุลบ่นพึมพำก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฉันที่นอนตัวเกร็งเพราะความเจ็บ เขามองนิ่ง ๆ ก่อนจะถามด้วยความไม่เชื่ออีกครั้ง “ไม่เคยจริง ๆ?”
“… พี่เจ็บ” ฉันบอกไปเสียงสั่น ความกลัวมันเริ่มปะทุขึ้นมาในใจเพราะเจ็บเอามาก ๆ
ตุลนิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนเขากำลังสับสนอะไรอยู่ จู่ ๆ เอาก็ดึงเอาถุงยางอนามัยที่สวมใส่อยู่ออกแล้วก้มลงมาใช้ลิ้นสากตวัดเลียเม็ดไตบนเนินหน้าอกของฉัน
“พะ… พอแล้ว” เพราะความเจ็บเมื่อครู่ทำให้ฉันไม่อยากจะสานต่อจึงใช้มือผลักไสเขา “อย่านะตุลพี่เจ็บ ไม่! บอกว่าอย่า อร้าย~”
ฉันพยายามหนีบขาตัวเองเอาไว้ไม่ยอมให้ตุลเอาแก่นกายดันเข้ามาอีกแต่ก็สู้แรงไม่ไหว เมื่อถูกส่วนหัวของแก่นกายใหญ่สอดใส่เข้ามาฉันก็ร้องเสียงหลงเกร็งไปทั้งตัว
ตุลยังคงใช้ริมฝีปากดูดเลียที่เม็ดไตบนเนินหน้าอกจนเปียกชุ่ม เขาตวัดลิ้นหยอกล้อพร้อมกับค่อย ๆ ดันเอาแก่นกายของตัวเองเข้ามาในช่องทางคับแคบเรื่อย ๆ
“พี่เจ็บไม่ไหวแล้วตุล พะ… พอก่อนได้ไหม” ฉันกำผ้าปูที่นอนแน่นมันเจ็บจนสั่นไปทั้งตัว ยิ่งความเป็นชายของตุลถลำลึกเข้ามามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเพิ่มพูนความเจ็บปวด
ตุลหยัดตัวขึ้น เขาใช้สองมือของตัวเองมาจับประสานกับมือฉัน ใบหน้าคมคายในตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ
ปัก!
“กรี๊ด~” ฉันร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่นห้องเมื่อถูกกระแทกเอวสอบแรง ๆ จนแก่นกายดันเข้ามาในร่องแคบทั้งลำ
ความเจ็บปวดมันทวีคูณเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าราวกับตรงนั้นฉีกขาด
“อ๊า~ อย่าเกร็งมันจะเจ็บ” ตุลบอกเสียงแหบพร่าพร้อมกับเอวสอบที่ค่อย ๆ ขยับ
“ไม่ไหวตุล พี่ไม่ไหวแล้วพอก่อน อึก~” ฉันสะอื้นเบา ๆ แต่ตุลไม่ยอมรับฟังความเจ็บปวดของฉันเลย
ปัก ปัก ปัก~ เสียงที่ได้ยินคือเสียงจากแรงกระแทกเอวสอบของตุล เขาเริ่มรุนแรงขึ้นและมันก็ทำให้ฉันเจ็บขึ้นเรื่อย ๆ
“อ๊า~ รัดแน่นฉิบ ซี๊ด”
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนห้อเลือด
ปัก ปัก ปัก~ เสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นมาต่อเนื่อง ตุลก้มลงมาตะโบมดูดเลียหน้าอกสองเต้าพร้อมกับบีบเคล้นมันเป็นระยะ ๆ เขาไม่มีท่าทีว่าจะหยุดจนกว่าตัณหาจะสิ้นสุด
“อ๊า~” เสียงทุ้มครางออกมาอย่างพึงพอใจต่างกับฉันที่นอนน้ำตาคลออย่างทรมาน
เรียวขาข้างหนึ่งถูกจับขึ้นไปพาดบ่าจากนั้นเขาก็กระแทกเอวสอบรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
“จ… เจ็บ อึก~” ฉันพยายามจะดันตัวออกแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะถูกฝ่ามือใหญ่รั้งเอาไว้อยู่
ตุลก้มหน้าลงมามองฉันที่กำลังเจ็บปวด ก่อนจะพูด “เลือกเองจะโทษใครได้ ซี๊ด~”
ใช่ จะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะฉันเป็นคนโหยหาความเจ็บปวดนี้เอง
เรียวขาของฉันถูกวางลง สองมือหนาจับที่สะโพกแน่นก่อนที่ตุลจะอัดกระแทกเอวสอบป่าเถื่อนยิ่งกว่าเดิม ร่างกายของฉันมันกระเพื่อมสั่นไหวรุนแรง
“อ๊า จะ… เจ็บ ตุลพี่เจ็บไม่ไหวแล้ว อึก เอาออกไปได้ไหม กรี๊ด!”
ความเจ็บปวดมันพุ่งทะยานถึงขีดสุดฉันกรีดร้องออกมาออกมาเสียงดัง เป็นจังหวะเดียวกันที่ตุลดึงเอาแก่นกายออกแล้วรีดน้ำสีขุ่นลงบนหน้าท้องของฉัน
“อ๊า~” ฉันเห็นมือที่เปื้อนเลือดของตุลก็ไม่กล้ามองอีก รู้ดีว่านั่นคือเลือดความบริสุทธิ์ของตัวเอง
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ตุลลุกขึ้นไปหาผ้าเช็ดมือและหยิบเอาผ้าขนหนูมาพันรอบเอว ส่วนฉันก็รีบดึงผ้าห่มมาปิดคลุมเรือนร่างที่เปลือยเปล่าของตัวเอง
ครืด~ ครืด~ เสียงมือถือสั่น ตุลเดินไปหยิบดูมือถือของตัวเองปรากฎว่าไม่มีคนโทรเข้า
นั่นทำให้หัวใจดวงน้อยของฉันเต้นรัวเพราะความกลัว ในตอนนี้ตุลเริ่มมองหาว่าเสียงสั่นนี้ดังมาจากไหน ถ้าเขาเห็นโทรศัพท์ของฉันจะเกิดอะไรขึ้นไม่อยากจะจินตนาการเลย
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“