รุ่งเช้า.. คนตัวเล็กได้พักผ่อนน้อยกว่าที่ควร เพราะซีจงจวินสะดุ้งตื่นเกือบทั้งคืน
ทุกครั้งที่ตื่นเขาจะลืมตาไม่ขึ้น แต่จะขยับตัวนิดหน่อย เมื่อได้กลิ่นมี่ฮวาอยู่ใกล้ๆก็ค่อยๆเคลิ้มหลับไปอีกพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
หญิงสาวนึกแล้วยังแปลกใจ นางไม่เคยยอมให้เขามาฉวยโอกาสแบบนี้แท้ๆ ทำไมครั้งนี้ถึงยอมง่ายไม่ว่าอะไรสักคำ
มี่ฮวามองใบหน้าของเทพอสูรด้วยสายตาที่ชาตินี้ทั้งชาติเขาคงไม่มีวันได้เห็น
..เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือ...
นางถามในใจ นึกย้อนไปถึงสิ่งต่างๆที่ซีจงจวินทำ ความอดทนของเขานับว่ามีมากกว่าใครที่เคยเจอมาทั้งชีวิต
"อืม..."
ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอเบาๆ ขยับเปลือกตายุกยิกก่อนเลื่อนเปิดช้าๆและพบว่าใบหน้าของภรรยาอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งชุ่น...
ซีจงจวินกะพริบตาถี่ขึ้นเหมือนประสาทสัมผัสเริ่มกลับมาทำงาน มือทั้งหกข้างคลายออกหลวมๆให้คนข้างในเขยิบออกมาได้
มี่ฮวาไม่ทันว่าอะไร ซีจงจวินลุกขึ้นบ้างแต่ด้วยความมึนงงทำให้ศีรษะส่ายโคลงเคลงไร้ความมั่นคงจนต้องพุ่งปักลงทิ่มพื้น แม้พยายามเอาแขนทั้งหกยันกายขึ้นก็ยังรู้สึกไม่มีแรง แผ่นหลังแทบจะขนานพื้น หางปล้องสีดำชูโค้งสูง
ท่าทางของซีจงจวินตอนนี้ดูเหมือนแมงป่องยักษ์..ที่ในสายตาภรรยา ดูอย่างไรก็ไม่น่ากลัวสักนิด
คนไม่สร่างเมาดียังส่งเสียงครางต่ำไม่หยุด เดาว่าคงปวดหัวหนักใกล้ระเบิด
"ซวนเฟย! ชิงเหลียง!" มี่ฮวาตะโกนเรียกอสูรรับใช้ ไม่นานก็ได้ยินเสียงวิ่งตึงๆตามมาด้วยเสียงเปิดประตูห้อง พวกมันถึงกับผงะตกใจสภาพอันไม่น่าดูของเจ้านาย
"เอานี่ไปต้มให้นายเจ้ากิน"
หญิงสาวเสกพืชสมุนไพรขึ้นมาต้นหนึ่งยื่นให้ชิงเหลียง และบอกให้ซวนเฟยมาช่วยกันพยุงซีจงจวิน ทว่า..
"อุ..แหวะ!!!"
ทันทีที่ร่างถูกประคองขึ้น ซีจงจวินเวียนหัวอย่างหนักจนเผลอส่งของเหลียวในกระเพาะพร้อมทั้งเศษอาหารพุ่งออกมาเต็มพื้นห้อง มี่ฮวากระโดดหลบไม่ทันโดนน้ำอาเจียนราดเต็มขา
"เจ้า! บังอาจ!!"
คนตัวเลอะเกิดโทสะขึ้นมาฉับพลัน ซีจงจวินไม่ตั้งใจจึงพยายามจะเข้าไปเช็ดออกให้แต่ไม่ทันได้พูดอะไร ระลอกสองก็ตามมาติดๆจนตอนนี้พื้นห้องทั้งเละทั้งเหม็น
คงเพราะเมื่อคืนดื่มเข้าไปตั้งหนึ่งไห เช้ามาถึงได้อาการหนักเช่นนี้
"สกปรกโสโครก!!!"
มี่ฮวาแผดเสียงอย่างเหลืออด ในชีวิตไม่เคยมีใครมาทำกับนางแบบนี้มาก่อน ส่วนทางคนแพ้ฤทธิ์สุรา อาเจียนออกมาแล้วก็หอบเหนื่อย ได้ยินคำด่าชัดเต็มสองหูแต่ยังคงปวดหัวจนทำอะไรไม่ได้
"เจ้าจัดการกันไปเลย ข้าจะไปล้างตัว"
นางรีบลุกเดินออกไปทันที ปล่อยให้ซวนเฟยที่ตัวเลอะเช่นกันลากนายของมันมานั่งตรงมุมห้อง และชิงเหลียงรีบวิ่งเข้ามาเอาน้ำแกงสร่างเมากรอกปาก
ในห้องน้ำเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ไม่ว่านางจะขัดจะล้างตัวเท่าไหร่กลิ่นก็ยังติดจมูกไม่หาย ยิ่งคราบพวกนี้มาจากซีจงจวินด้วยแล้วยิ่งรู้สึกขยะแขยงจนขนลุก
แต่เมื่อเดินออกมาพบว่าซวนเฟยและชิงเหลียงยังวิ่งวุ่นเข้าออกห้องชมสวนสลับกับห้องครัวอยู่ มี่ฮวาก็อดเดินไปดูไม่ได้
นางกำลังเป็นห่วงเขาโดยไม่รู้ตัวใช่หรือไม่..
มองเข้าไปด้านในเห็นซีจงจวินยังโก่งคออ้วกไม่หยุด พื้นห้องบัดนี้ราวกับทะเลของเสีย หม้อที่ซวนเฟยหามารองก็เต็มไปด้วยน้ำเหนียวปริ่มขอบ
เป็นหนักขนาดนี้เชียว!?
"ขอทางให้ข้าน้อยด้วยขอรับนายหญิง"
ตอนที่ยังยืนอึ้งอยู่นั้น ชิงเหลียงยกถาดน้ำแกงสร่างเมาเข้ามาอีกหม้อด้วยสีหน้าร้อนรน ตรงเข้าไปหานายของมันแม้หางงูจะเปื้อนไปด้วยก็ตาม
"นี่หม้อที่เท่าไหร่แล้ว"
"หม้อที่สามแล้วขอรับ"
ชิงเหลียงรีบวางถาดลงตรงพื้นส่วนที่ยังสะอาดแล้วพยายามลูบหลังซีจงจวินต่อจากซวนเฟยที่ต้องเอาหม้อออกมาเททิ้ง
"นายท่านไหวหรือไม่ขอรับ"
เจ้าครึ่งงูถามแต่ซีจงจวินตอบไม่ได้ หลังจากซดน้ำแกงเข้าไปก็ทำท่าเหมือนจะอาเจียนต่ออีก
มี่ฮวาเห็นสภาพนั้นแล้วถึงกับโกรธไม่ลงทีเดียว..
ปกตินางต้องมองอย่างสมเพชเวทนา และต้องเหยียดหยามทำท่ารังเกียจถึงที่สุดไม่ใช่หรือ..
ราวกับทิฐิในใจสลายไปสองส่วน หญิงสาวเดินกลับเข้ามาในห้องนอนตัวเอง หยิบพู่กันขึ้นมาจุ่มหมึกเขียนอะไรบางอย่างลงไปบนกระดาษเสร็จแล้วก็พับใส่กล่องจดหมายไว้ เอาออกมายื่นให้ซวนเฟย
"รีบไปล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเอาสิ่งนี้ไปมอบให้ผู้เฝ้าประตูสวรรค์อีกคนให้เร็วที่สุด"
ซวนเฟยมองหน้านายหญิงอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ยอมรับกล่องจดหมายมา
"เอ่อ.. ไม่ทราบว่าในนี้คือ.."
"จดหมายลางาน ข้าจะฝากผู้เฝ้าประตูสวรรค์ไปมอบแด่มหาเทพ"
ได้ยินดังนั้นซวนเฟยทำตาโต รีบไปจัดแจงทำธุระตามคำสั่งทันที เพราะหากมีจดหมายลาป่วยนายท่านของมันจะไม่ถูกลงโทษ
นางจะยอมช่วยเหลือเขาสักครั้งแล้วกัน...
...
ซีจงจวินอาเจียนออกหมดท้องแล้วสลบไปอีก อสูรรับใช้จึงเช็ดตัว พาไปนอนบนเตียงดีๆ ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เลยเข้าปลายยามเซินเสียแล้ว
จากที่วิงเวียนตอนนี้กลายเป็นปวดท้องอย่างหนักเรี่ยวแรงไม่มีเหลือ เขาพึ่งรู้ว่าตัวเองแพ้ฤทธิ์สุราก็วันนี้
เทพอสูรถึงกับตั้งปณิธานในใจ จากนี้จะไม่ดื่มอีกแสนปี
เมื่อสติกลับมาคงที่ ซีจงจวินก็เหมือนจะนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ขึ้นมา
เขา..อาเจียนรดภรรยาไปสองรอบ!!!!
นึกภาพนั้นแล้วต้องรีบผุดลุกทันที ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดหอบร่างกายเดินตามกลิ่นไปแบบโซซัดโซเซดวงตาแทบลืมไม่ขึ้น ก่อนจะพรวดพราดเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ
"มี่..มี่ฮวา"
เข่าสองข้างทรุดลงตรงหน้าภรรยาซึ่งนั่งอยู่บนตั่งยาว ซีจงจวินหอบเล็กน้อยก่อนจะเอาหัวโขกพื้นอยู่หลายที พูดเสียงแหบพร่า
"ข้าขอโทษ ข้าจะไม่ทำแบบนี้อีก ข้าขอร้องท่านให้อภัยข้าอีกสักครั้งเถอะนะ"
เขาลืมตัวจนพูดประโยคนี้ซ้ำๆห้าหรือหกรอบมี่ฮวาไม่แน่ใจ เพียงมองคนที่เอาหัวโขกพื้นอย่างแรงแล้วก็ต้องถอนหายใจยาว
"ว่าแล้วว่าเจ้าต้องเป็นแบบนี้" น้ำเสียงนางดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
"ข้า..ต่อจากนี้จะไม่แตะต้องสุราอีก ข้าสาบาน มี่ฮวา.."
"ช่างเถิด ข้าเป็นคนบังคับเจ้าดื่ม ข้าผิดเอง"
..?
ได้ยินแล้วซีจงจวินขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นช้าๆเหมือนไม่เชื่อหู
แต่เมื่อดูแล้วเหมือนมี่ฮวาจะยังอารมณ์ไม่ดี เขาเลยรีบก้มหน้าลงอีก ท่าทางเลิ่กลั่กร้อนรน
"ท่านไม่เอาโทษข้าจริงหรือ"
"แล้วเจ้าอยากโดนลงโทษหรือไม่ล่ะ"
นางถามเขาส่ายหน้าตอบ ใครจะอยากถูกโกรธบ่อยๆกัน
ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ มี่ฮวาก็ลุกขึ้นเดินนำออกไป ทิ้งท้ายคำพูดที่ทำให้ซีจงจวินต้องพยายามยันตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
"ข้าให้ชิงเหลียงกับซวนเฟยเตรียมสำรับแล้ว อยู่ในห้องกินข้าว"
"..."
น่าแปลกใจที่นางไม่ได้เอาเรื่อง หากเป็นก่อนหน้านี้ต้องตวาดเสียงดังหรือลงโทษเขาแน่ๆ
ในห้องทานอาหาร ซีจงจวินไม่กล้าสบตาหรือเปิดปากพูดแม้ครึ่งคำ ทำให้ความเงียบที่ขั้นกลางในระยะสิบฉื่อนั้นเปลี่ยนเป็นความอึดอัดทีละน้อย
ถึงนางจะไม่ลงโทษเขาแต่ดูรู้ว่านางยังโกรธอยู่ ในหัวคิดอย่างหนักว่าควรเริ่มต้นตรงไหนดีถึงจะคลายโทสะได้
"..มี่ฮวา" เขาเอ่ยเรียกเบาๆ มี่ฮวาก็เงยหน้าจากถ้วยข้าว หางตาชำเลืองมองคนรู้สึกผิด
"ข้าควรไถ่โทษอย่างไร"
"ไถ่โทษเรื่องไหนบ้าง"
นางทวนคำถาม อยากรู้ว่าเขาจะจำอะไรได้บ้างและเรื่องเมื่อคืนเขาตั้งใจหรือไม่
"ก็ทั้งเรื่องที่ข้าตื่นขึ้นมาข้างท่านเมื่อเช้า กับเรื่องที่ข้า..อ้วกเลอะท่าน"
เช่นนั้นก็แสดงว่าเขาจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้
..หรือไม่ก็จำได้ แต่แกล้งทำเป็นเมาไม่รู้เรื่อง
"เจ้าคงไม่รู้ว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้าง"
เสียงเย็นเยียบที่ได้ยินทำเอาซีจงจวินเหงื่อตก เขาไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนเผลอทำเรื่องเสียมารยาทไปขนาดไหน
"เมื่อคืนเจ้าพูดจาไม่รู้เรื่อง นอนทับข้าจนเกือบหายใจไม่ออกตาย ฉวยโอกาสแตะต้องตัวข้า กอดข้าไว้ทั้งคืน"
ได้ยินแล้วถึงกับหน้าซีดไปทีเดียว คิ้วกระบี่ขมวดปมแน่น เหงื่อเม็ดเป้งเกาะเต็มหน้าผาก
ข้าละเมิดกฎไปขนาดนั้นเลยหรือ..
นางต้องโกรธมากแน่
จะทำอย่างไรให้นางไม่คิดหนีไปอีกดี...
เทพอสูรพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรชดใช้อย่างไร ขณะที่มี่ฮวานั่งสังเกตอาการเหล่านั้น
เห็นเขาดูคิดมากนางก็รู้สึกเหมือนจะใจอ่อนขึ้นมา ทั้งที่หากเป็นเมื่อก่อนต้องไม่ให้อภัย หนีกลับวังไปนานแล้ว
"ข้าจะชดใช้ ข้า..จะทำตามที่ท่านบอกทุกอย่าง"
"เจ้าคิดว่าข้าควรเชื่อคำพูดของคนที่ทำผิดซ้ำซาก แล้วก็ขอโอกาสหลังจากที่ทำผิดทุกครั้งอย่างนั้นหรือ"
ได้ยินแล้วถึงกับใจฝ่อ ตัวเกร็งมือไม้เริ่มสั่นเล็กน้อยเพราะความเครียด
"ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด ท่านเรียกร้องมาเถิด เรื่องอะไรข้ายอมทำทั้งนั้น"
"เจ้าพูดแล้วห้ามคืนคำนะ"
ซีจงจวินพยักหน้ารับ ยืนยันหนักแน่นไม่ว่านางจะให้เขาไปบุกน้ำลุยไฟหรือไปตายที่ไหนก็ตาม
เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจนั้นแล้ว มี่ฮวาเริ่มรู้สึกประหลาดในอก
คิดว่า..มันคือความชอบใจ
"เช่นนั้นก็จงทำตามเงื่อนไขเดิมของเราอย่างเคร่งครัด คราวนี้ข้าจะให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย จำเอาไว้ให้ดี"
พูดจบก็ก้มหน้ากินข้าวต่อ ปล่อยให้ซีจงจวินนั่งอึ้งนิ่งเป็นไก่ไม้
..หรือมี่ฮวาเริ่มใจอ่อนขึ้นมาบ้างแล้ว
เมื่อเข้าข้างตัวเองเช่นนั้นแล้ว ซีจงจวินนั่งกินข้าวเงียบๆด้วยสีหน้าดีใจไม่อาจเก็บซ่อนมิด
และมี่ฮวาดูออกว่าเขาคิดอะไร..
นางกระตุกยิ้มมองท่าทางไร้เดียงสาของบุรุษที่แก่กว่านางไม่รู้ตั้งกี่หมื่นปีผู้นั้น
เขาเป็นคนซื่อตรงเคร่งครัด เรื่องนั้นนางรู้ และเขาต้องการนางมากถึงขนาดยอมทำทุกวิถีทางที่จะไม่ให้นางจากไป เรื่องนี้มี่ฮวาก็รู้
ซีจงจวินคงดูไม่ออกว่าที่จริงนางหายโกรธไปตั้งนานแล้ว เพียงทำเป็นวางท่านิ่งๆให้ดูเหมือนเคืองอยู่ไปอย่างนั้นเอง
นั่นเพราะ..การตระหนักได้ถึงนิสัยหลายๆอย่างของซีจงจวินทำให้อยู่ดีๆนางก็นึกสนุก อยากจะแกล้งเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น...
*************
ยามเซิน คือเวลา 15.00 น. ถึง 17.00 น.
ไก่ไม้ หรือหุ้นไก่ มาจากสำนวนจีน 呆若木鸡 หมายถึง ตะลึงตกใจจนตัวแข็งทื่อเหมือนหุ่นไก่
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ