จากวันผ่านไปกลายเป็นเดือน ทั้งคู่ยังอยู่กันอย่าง..ไม่ค่อยปกติสุขเท่าไหร่นัก
"ทำไมกลับช้านัก ข้าหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย"
มี่ฮวาแกล้งเดินตึงตังพูดขึ้นเสียงใส่ซีจงจวินเหมือนคนโมโหหิว ทั้งที่จริงๆเขาก็กลับเวลาประมาณนี้ทุกวัน
"รอเดี๋ยวนะ" ฝ่ายเทพอสูรเห็นภรรยาทำหน้าเหมือนจะกินหัวเขาให้ได้ก็รีบตรงเข้าครัวเลย ไม่แม้แต่จะถอดเอาชุดเกราะออก
ผ่านไปเกือบสามก้านธูปซีจงจวินเร่งยกกับข้าวหกอย่างขึ้นโต๊ะ ล้วนมีแต่ของที่ทำง่ายใช้เวลาไม่นาน มี่ฮวานั่งคีบผักกับเต้าหู้กินสองสามคำ ขณะที่ตะเกียบกำลังจะจิ้มลงไปบนปลานึ่งสมุนไพรตรงกลางโต๊ะมือก็หยุดชะงักเสียก่อน
"ข้าไม่อยากกินปลา" นางโยนตะเกียบ ทำหน้าบึ้งเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
"ท่านอยากกินอะไร" เห็นภรรยาไม่อยากกินซีจงจวินก็ไม่ขัด กลับถามเพื่อจะหามาทำให้ใหม่
"เนื้อวัวย่าง"
คนฟังได้ยินแล้วกะพริบตาปริบๆ ค่ำมืดเช่นนี้จะให้เขาไปล้มวัวจากที่ไหนมาให้กัน
หญิงสาวเห็นอาการของอีกฝ่ายที่ดูลำบากใจเล็กน้อยก็แสร้งทำเสียงหงอยเหมือนเด็กน้อยที่กำลังเศร้าเพราะไม่ได้ของที่ต้องการ
"แต่เวลานี้คงหามาไม่ได้ใช่หรือไม่ เช่นนั้นไม่ข้าเอาก็ได้"
ท่าทางภรรยาตอนนี้ดูน่ารักยิ่งกว่าเมื่อก่อนมากนัก ไม่รู้นางเป็นอะไรถึงชอบทำแง่งอนแต่ก็ยังดีกว่าเย็นชาปากร้าย นั่นทำให้เทพอสูรยิ่งหลงหนักกว่าเดิม
"ข้าจะไปหาให้"
พูดจบเทพอสูรวางถ้วยข้าววิ่งออกจากบ้านไปทันที ทิ้งให้ภรรยานั่งกลั้นขำกับท่าทางรีบร้อนนั่นแทบไม่ไหว
"นายหญิงขอรับ.." บ่าวรับใช้เอ่ยเรียกเสียงเบา มันมีสีหน้าตื่นกลัวกับรอยยิ้มชั่วร้ายของผู้เป็นนาย
"มีอะไร?" มี่ฮวาหันมอง พวกมันก็ส่ายหน้ารัว
นายหญิงแกล้งนายท่านอีกแล้ว...
แกล้งอยู่ได้ทุกวัน จะว่าใจร้ายก็ไม่ได้ พวกมันไม่มีอำนาจตัดสินนาง
เกือบครึ่งชั่วยามต่อมาซีจงจวินกลับถึงบ้านพร้อมซากพ่อวัวตัวเขื่อง เนื้อตัวเปื้อนเลือดเหม็นคาวตลบไปทั่ว
เขาเดินเข้ามาทางหลังบ้านเพื่อที่จะไม่ให้ภรรยาเห็นสภาพอันน่าสยดสยองนี้ แต่ด้วยกลิ่นที่คละคลุ้ง มี่ฮวาทนไม่ไหวจนต้องเดินตามกลิ่นเข้ามาในครัว ก่อนเอามือปิดจมูกและรีบหันไปมองทางอื่นเพราะภาพศพวัวนี้น่าสะอิดสะเอียนเกินไป
"ข้าจะปรุงเดี๋ยวนี้" คนพูดถืออีโต้เล่มใหญ่เตรียมแล่ชิ้นส่วนวัวแล้วเอาไปย่าง แต่ก็ถูกเสียงของคนด้านหลังเรียกเอาไว้เสียก่อน
"ข้าเปลี่ยนใจ ไม่อยากกินเนื้อวัวแล้ว"
มีดที่เงื้อขึ้นสูงต้องหยุดค้างกลางอากาศ ซีจงจวินหันมองดวงตากลมใสแจ๋วกับคำสั่งชุดใหม่ของนาง
"ข้าอยากกินหม้อไฟเนื้อแพะ"
"..."
ได้ยินแล้วแทบล้มทั้งยืน ข้าวเย็นเขายังไม่ตกถึงท้อง ยังต้องไปล่าแพะอีกหรือนี่!
"รอประเดี๋ยวนะ"
แต่.. พ่อบ้านอย่างเขาจะทำสิ่งใดได้เล่า นอกจากลากศพวัวไปเก็บแล้ววิ่งออกไปด้วยสภาพอย่างกับคนเชือดหมูอีกหน
อีกเกือบครึ่งชั่วยามต่อมา แพะสองตัวพาดอยู่บนบ่ากว้าง ซีจงจวินเดินเข้าบ้านด้วยใจหวังว่าคราวนี้คงไม่ต้องไปวิ่งจับตัวอะไรอีก
พอกลับเข้ามาก็พบว่าเจ้าครึ่งงูกำลังง่วนกับการเก็บเอาจานสำรับมาไว้ในครัว
"มี่ฮวาไปไหนหรือ" เขาถามเสียงอ่อน
"นายหญิงกินข้าวเสร็จนานแล้ว กำลังแช่น้ำร้อนอยู่ขอรับ" ชิงเหลียงตอบ ขณะยกเอาจานที่ว่างเปล่าวางซ้อนกันในถาด
"กินเสร็จแล้ว!? กินอะไร??"
"ก็กินปลานึ่งนั่นแหละขอรับ นายหญิงบอกว่าหิวจนรอไม่ไหวขอรับ"
"..."
คนฟังอึ้งไป นี่เขาหิวจนแทบจะกินวัวกินแพะได้ทั้งคอกอยู่แล้วนะ!
สุดท้ายซีจงจวินก็มานั่งกินของที่เหลือต่อจากภรรยา จากนั้นจึงลุกไปอาบน้ำที่แม่น้ำตามเคย
ในใจยังสงสัยไม่หายว่าหมู่นี้นางเป็นอะไร เหตุใดถึงชอบกลั่นแกล้งเขาแต่ไม่ได้ว่าแรงๆอีก
หากเป็นเมื่อก่อนนางพูดมาสิบคำ ด่าไปแล้วหกคำอีกสี่คำคือถากถาง
ตอนว่าก็เหมือนแสร้งทำเป็นขึ้นเสียงไปอย่างนั้น สายตาไม่ได้ดูโกรธขุ่นอะไร แล้วยังยอมพูดดีกับเขามากขึ้น
นอกจากพูดมากขึ้นแล้วยังเรื่องมาก มากขึ้นทุกวันอีกด้วย...
นึกแล้วก็เผลอระบายยิ้มกว้าง หากเรื่องมากแล้วเป็นเช่นนี้ซีจงจวินยินดีให้นางเรื่องมากกับเขาไปทั้งชีวิตเลย
...
เช้าวันต่อมาหลังจากทำอะไรเสร็จ มี่ฮวาก็มานั่งนึกต่อว่าจะแกล้งซีจงจวินอย่างไรดี
การทำเช่นนี้ทำให้แต่ละวันผ่านไปอย่างไม่น่าเบื่อ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเห็นสีหน้าเศร้าๆของซีจงจวินให้รู้สึกผิดเพราะมันถูกแทนที่ด้วยสีหน้าตะลึง อึ้งงัน งงงวย ลนลาน เหลอหลา น่าขำออกจะตาย
ว่าแล้วก็ออกมาเดินเล่นคนเดียวในสวนลำพัง
มี่ฮวาไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าสิ่งที่ปฏิบัติกับซีจงจวินมันค่อยๆห่างไกลจากคำว่าเกลียดไปทีละน้อย
กลับกันคือเริ่มรู้สึกสนุกที่ได้เห็นสีหน้าหลายแบบของเขา ได้เห็นเขาวิ่งวุ่นเอาใจนาง สนุกกับการทำแง่งอนประชดประชันเล่นๆ และเริ่มว่าซีจงจวินน้อยลง
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร...
"โอ๊ย!!!"
ระหว่างที่เดินไปรอบๆ เซียนบุปผาได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงดังขึ้นแถวรั้วด้านนอก ความอยากรู้อยากเห็นส่งผลให้ขาเรียวก้าวเดินตรงไป เลี้ยวออกทางประตูหน้า
ที่ทางเข้าป่าไม่ไกลนักมีร่างหญิงชราคนหนึ่งนั่งงอตัวอยู่ดูเหมือนจะบาดเจ็บ มี่ฮวาจึงรีบเข้าไปหาเพื่อจะถามไถ่ช่วยเหลือ
"ท่านเป็นอะไรหรือไม่" นางถามขณะก้มสะกิดไหล่เบาๆอย่างอ่อนโยน
ในร่มเงาไม้ครึ้ม หญิงชราค่อยๆหันหน้าขึ้นมามอง เผยยิ้มกว้างแล้วเอ่ยกับนาง
"ข้าไม่เป็นอะไรเลย"
รอยยิ้มนั้นฉีกยาวถึงใบหู
ใบหน้าที่เหี่ยวย่นเป็นสีม่วงคล้ำขึ้นเล็กน้อย..
และลิ้นของมันแลบเลียริมฝีปากแตกระแหงอย่างหิวโหย
วิญญาณ!!
มี่ฮวาเบิกตาโพลง พลันหันหลังเตรียมวิ่งหนีสุดชีวิต แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะมือเหี่ยวของหญิงชรายื่นมาปิดปากปิดจมูกไว้แน่น
..หายใจไม่ออก...
ร่างบางพยายามดิ้นขัดขืน แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งหมดแรงด้วยไม่มีอากาศเข้าปอด นางถูกลากเข้าป่าอย่างง่ายดาย มันลึกขึ้นเรื่อยๆและยิ่งไกลจากบ้านเข้าไปทุกที
กลางดงต้นไม้เขียว มี่ฮวาไม่รู้แล้วว่าทิศไหนเป็นทิศไหน และตอนนี้ตัวเองอยู่ตำแหน่งใดของแผ่นดินใหญ่
สติกำลังจะเลือนหายเพราะสมองขาดอากาศนานเกินไป...
ซวนเฟย..ชิงเหลียง.. พวกเจ้าอยู่ที่ไหน...
ซีจงจวิน...
ชื่อสุดท้ายที่ผุดขึ้นมานั้นทำให้มี่ฮวาเกิดแรงฮึดเฮือกสุดท้าย มือเรียวเอื้อมคว้าเข้าที่ลูกตาของวิญญาณด้านหลัง แล้วกระชากอย่างแรงจนรู้สึกได้ว่ามีก้อนอะไรสักอย่างติดออกมาพร้อมของเหลวกลิ่นคาว
"กรี๊ดดดดด!!!!!"
เป็นเสียงโหยหวนจากหญิงชราที่พึ่งถูกควักลูกตาออก มันเผลอปล่อยมือจากมี่ฮวาแล้วคร่ำครวญโหยหวน
"ตาข้า!! ตาข้า!!!!"
หญิงสาวที่ร่างร่วงลงพื้นสำลักไออย่างหนัก ก่อนพยุงตัวลุกขึ้นวิ่งไม่คิดชีวิต แต่มันช่างยากลำบากเพราะกำลังยังไม่กลับมาสมบูรณ์นัก
เมื่อวิญญาณรู้สึกตัวว่าเหยื่อกำลังจะหนีก็รีบคว้าเอาไว้ แม้จะถึงแค่ผิวเนื้อแต่เพียงเท่านั้นก็สร้างรอยกรีดยาวเป็นทางไปได้ถึงครึ่งหลังแล้ว
แคว่ก!!!
ชุดตรงกลางหลังขาดวิ่นปรากฏรอยเล็บยาวลึก มี่ฮวาเจ็บแต่ร้องไม่ออก ได้แต่วิ่งไปข้างหน้าไม่อาจเหลียวหลังมองได้
วิญญาณหลุดออกมาตอนกลางวันได้ด้วยหรือ!!?
ไหนซีจงจวินบอกว่าตอนกลางวันปลอดภัยอย่างไรเล่า!!!
"หยุด!!!" เป็นเสียงแหบแห้งของวิญญาณที่วิ่งตามหลังสั่งนางแต่ใครจะหยุดให้โง่เล่า!!
มี่ฮวาไม่มีทางคิดจะหยุด แต่เพราะไม่ได้ดูทางให้ดีประกอบกับชายชุดยาวรุงรังพันแข้งขา ทำให้นางสะดุดล้มลงไถลไปกับพื้นจนเป็นแผลถลอกเกือบทั่วตัว ริมฝีปากกระทบฟันแตกเป็นแผลเลือดไหล เจ็บจนใบหน้าเหยเก
"เชื่อฟังดีจริงๆ"
วิญญาณตนนั้นตามมาทันในที่สุด มันเอ่ยเยาะและก็เงื้อกรงเล็บขึ้นเตรียมจะจิกเข้าที่ศีรษะนางแต่เหยื่อไหวตัวทัน เอี้ยวหลบไปแล้วออกแรงถีบเข้าที่สีข้างของมันจนกลิ้งไปอีกทาง กรงเล็บแหลมจึงครูดขาพร้อมกับได้รองเท้าเปื้อนดินติดมือไปแทน
เมื่อสลัดหลุดได้อีกครั้ง มี่ฮวาลุกวิ่งต่อทันที ตอนนี้ขอแค่เอาชีวิตรอดได้ก็พอ จะกี่แผลนางไม่สนใจแล้ว
แต่ด้วยความเจ็บใต้ฝ่าเท้าเปลือยเปล่า ความเร็วจึงเริ่มลดลง บนแผ่นหลังยังมีเลือดซึมออกมาไม่หยุด ประกอบกับน้ำในร่างระบายออกมาเป็นเหงื่อชุ่มตัว สมองจึงเริ่มไม่ทำงานและสายตาพร่าเลือน
ยามที่สติกระเจิดกระเจิง นางขอเพียงแค่ก้าวไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด ไม่ได้สนใจมองพื้นที่เหยียบย่างผ่านจนโดนหินแหลมกับก้านไม้แห้งตำเท้าบ้าง ขีดข่วนขาขาวบ้างเป็นรอยตื้นลึกสลับกันไป
กระทั่งสัมผัสที่ใต้ฝ่าเท้าเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกเปียกและเย็นทำให้นางได้ก้มมอง พบว่าตัวเองวิ่งมาถึงธารน้ำตกแล้ว
แผลสดที่ยังมีเลือดออกไม่หยุดตอนโดนน้ำก็ยิ่งแสบจนแทบอยากทรุดลงไปนั่งทุรนทุรายในลำธาร
มี่ฮวาพยายามฝืนก้าวต่ออย่างยากลำบาก พึ่งรู้สึกตัวว่ารอบข้างมีเสียงน้ำตกดังจนแทบกลบทุกเสียงในป่า
ข้างล่างนั่น สูงเท่าไหร่กัน...
หากตกลงไป..จะตายหรือไม่...
หูตาพร่าลายอย่างหนัก ประสาทสัมผัสนางกำลังจะไม่ทำงาน
"ตายเสีย!!!!"
เสียงที่ตามมานั้นดังหรือเบามี่ฮวาไม่มั่นใจนัก ดวงตามองภาพสะท้อนบนผืนน้ำที่ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หูอื้อจนได้ยินอะไรไม่ชัด
ความรู้สึกสุดท้าย.. คืออากาศกำลังจะหมดลง กายเปียกโชกคล้ายตอนนอนแช่น้ำ
ทำไมมันหนาวขนาดนี้...
หายใจ..ไม่ออก...
!!!!!
ราวเกิดปาฏิหาริย์ ลมหายใจไหลเข้ามาอีกครั้งตามด้วยการสำลักไอโขลกของคนจมน้ำ
มี่ฮวาไม่รู้ว่าตัวเองนอนอยู่ในลำธารนานเท่าไหร่ รู้สึกเพียงว่าทั่วตัวมีมือใหญ่หลายข้างสัมผัสนาง โอบอุ้มไว้แนบเข้าหากายอุ่นของใครบางคน
มือ..ที่มากกว่าสองข้าง กับผิวเนื้อหยาบกร้านที่อุ่นร้อนตลอดเวลา...
"มี่ฮวา!! มี่ฮวา!!!"
ได้ยินเสียงที่แสดงความเป็นห่วง เปลือกตาค่อยๆเลื่อนเปิดและพบว่าภาพตรงหน้า..คือแววตาอีกคู่ของคนคุ้นเคย
แววตาสีเหลือทองดั่งจันทราส่องสว่างยามรัตติกาล ทว่าบัดนี้กลับล้อมรอบด้วยม่านน้ำสีใสเอ่อท้น ท่วมลงมายังสองข้างแก้ม มือที่ประคองร่างนางอย่างอ่อนโยนกำลังสั่นไหว คงเพราะเห็นว่านางมีแผลเลือดไหลอยู่เกือบทั่วตัว
รอยยิ้มบางระบายออกมายามได้ยินเขาเรียกชื่อนางเสียงสั่น สูดลมหายใจไม่ทั่วท้องทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนเจ็บ
นางปลอดภัยแล้ว.. ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว...
"นายหญิงขอรับ!!!" เสียงนี้เป็นของซวนเฟยกับชิงเหลียง เด็กรับใช้ผู้ภักดี
เปลือกตาของมี่ฮวาปิดลงช้าๆ แต่ยังไม่สิ้นสติไป ทุกเสียงรอบข้างกลับมาได้ยินชัดเจนอีกครั้ง
แม้แต่เสียงลมหายใจไม่สม่ำเสมอของซีจงจวิน...
ไม่นาน ก็รู้สึกได้ว่าร่างถูกวางลงบนพื้นหญ้าชื้นๆ
หูได้ยินเสียงดาบฟาดกระทบกายเนื้อดังฉับ! ตามมาด้วยเสียงฟันแรงๆอีกหลายที เดาว่าซีจงจวินคงไม่ยั้งมือกับวิญญาณร้ายตนนั้นแน่
เขาต้องโกรธมากที่มันมาทำร้ายนาง...
ต่อจากเสียงโรมรันฟันแทงคือเสียงกรีดร้องโหยหวนดังสู้กับเสียงน้ำตก
"ตายอีกสักรอบเป็นอย่างไร!!"
ซีจงจวินคงเดือดจัดเลยสินะ..
เสียงกรีดเนื้อแล่หนังยังคงดังต่อเนื่องไปอีกระยะ ไม่อยากคิดสภาพของวิญญาณร้ายตนนั้นเลยจริงๆ
มันบังอาจทำร้ายนางผู้เป็นดั่งดวงใจ เขาไม่มีทางปล่อยมันกลับนรกโดยสภาพดีแน่...
ไม่นาน มี่ฮวาได้ยินซีจงจวินสวดอะไรบางอย่างเดาว่าเขาคงแปะยันต์ส่งวิญญาณกลับคืนสู่ปรโลกเหมือนคราวก่อน
หลังจากภารกิจเสร็จสิ้นชายหนุ่มวิ่งเข้ามาประคอบตัวภรรยารักขึ้นแนบอก พร่ำเรียกชื่อนางอย่างใจหาย
"มี่ฮวา!! มี่ฮวา!! ตื่นสิมี่ฮวา!!!"
ก็อยากจะลืมตาอยู่หรอก แต่มันไม่ไหวแล้วนี่นา...
"อือ.."
หญิงสาวเหนื่อยล้าจนไม่อาจทำอะไรได้ จึงได้แต่ส่งเสียงเบาๆในลำคอ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ายังมีชีวิตอยู่
ซีจงจวินได้ยินก็ค่อยโล่งใจ อุ้มนางไว้ในอ้อมแขนแล้วพากลับบ้านทันที
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ