“พูดมากจริง ง่วงไม่ใช่เหรอ นอนสิ นอนๆ”
แนะแล้วต้องเดินกลับมาเอาหมอนของเวนิสาโยนไปบนที่นอนฝั่งของตัวเองแทนที่หมอนอันเดิมที่ยกให้หล่อน
หญิงสาวดึงขาขึ้นมาอย่างยากลำบาก การออกกำลังกายวันแรกทำเอาเธอร้าวระบมไปทั้งตัว ศศินแลเห็นรอยแดงบนหน้าแข้ง แอบส่ายหน้าให้กับท่อนขาอันบอบบาง เขาเปิดลิ้นชักข้างเตียงหายาที่มีไว้เพื่อนวดบรรเทาอาการกล้ามเนื้ออักเสบ หน้าแข้งของเวนิสาเริ่มบวมนิดๆ แลเห็นเป็นมันวาว พรุ่งนี้คงได้ปวดกว่านี้หากไม่รีบหายากันเอาไว้
เขาปีนขึ้นไปบนที่นอน หยิบหมอนข้างทิ้งไปเสียแล้วดึงขาหล่อนมาวางบนตัก ก่อนจะเริ่มทายาแล้วนวดเบาๆ
“อย่าเตะกระสอบทรายอีกล่ะ เธอไม่เหมาะกับมันหรอก ใช้เครื่องเล่นอย่างอื่นที่พอเล่นได้ก็พอ”
“พี่ให้ฉันเข้าไปในนั้นหรือคะ สาวใช้บอกว่านั่นเป็นที่ส่วนตัวของพี่ พี่หวงนี่นา”
เขาเบะปากใส่คนที่ออกตัวราวกับเกรงอกเกรงใจ
“เธอข้ามขั้นตอนการขออนุญาตไปแล้วนี่ หรือไม่จริง”
แม่จอมแสบยิ้มแหยๆ เรื่องนั้นมันก็จริงละนะ
“อืม...เย็นดีจัง มือพี่นิ้ม...นิ่ม”
“ไม่ต้องยอ ถ้ายอจะให้ทาเอง”
คนสวยค้อนขวับ มีหมอนวดจำเป็นมาทายาให้แล้วเธอจะหืออือทำไม ให้เขานวดไปเถอะ อา...ดีจัง...
หัวใจของศศินเต้นแรงอีกแล้ว มือที่ถูกนวดยาให้เวนิสาเปลี่ยนจากถูนวดเป็นลูบไล้ ท่อนขาของหล่อนช่างเรียวงาม ผิวเนื้อนุ่มลื่นน่าสัมผัส ถ้าท่อนขาคู่นี้ได้มาโอบรัดรอบเอวเขาคงให้ความรู้สึกยิ่งกว่าวิเศษ
“อา...อย่าละ...ลูบ แบบนั้นสิคะ เดี๋ยวก็ปล้ำซะหรอก”
มือที่ลูบขาเรียวหยุดชะงัก ท่อนขาขาวๆ ถูกจับโยนออกจากตักแรงๆ ศศินทำหน้าบึ้งใส่ ลุกจากเตียงไปเปลี่ยนชุดนอนในห้องแต่งตัว เวนิสาหัวเราะน้อยๆ นอนขดตัวกอดท่อนขาอย่างเป็นสุข เขากลับมานอนหลังจากปิดไฟทุกดวงแล้ว คราวนี้ปิดทุกดวงจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่ไฟห้องน้ำ
“นอนแล้วนะ อย่าเรียกล่ะ”
“จะเรียก” เธอว่า
“นี่!” เสียงปรามของศศินไม่มีผลต่อเวนิสา หล่อนขยับมาใกล้ๆ ทั้งสอดกายเข้าใต้ผ้านวมผืนเดียวกัน “ถอยออกไป ไม่งั้นถีบตกเตียง”
“ใจร้าย...ฉันหนาว ฉันต้องการไออุ่น ขอน้องซบตรงนี้สักนาทีนะคะพี่ขา...” ออดอ้อนแล้วขยับไปนอนหนุนแขนอีกฝ่าย แบบว่าได้คืบจะเอาศอก
“เกินไปแล้ว เกินไปแล้วยัยคนนี้นี่”
“เถอะน่า วันนี้พี่ทำฉันเกือบตายไม่ใช่เหรอ ให้ฉันนอนซุกไออุ่นสักนิดจะเป็นไร ข้างนอกฝนตกด้วย”
“เกี่ยวอะไรกับฝนตก”
“ก็หนาวไงคะ พี่...กอดฉันด้วยสิ กอดน่ะ ทำเป็นไหมคนดี หืม?”
ศศินกลอกตามองเพดานมืดๆ เรื่องความเยอะไม่มีใครเกินเวนิสาหรอก เขาขยับนอนตะแคงเพื่อกอดหล่อน ยอมรับว่าพอได้กอดย่างนี้ก็อุ่นดีเหมือนกัน
“ทำไม...ฉันรู้สึกแบบนี้นะ”
“แบบไหนคะ”
“อุ่น...จัง”
“ตรงไหนคะ” เธอถาม ยิ้มในความมืดมิดของห้องนอน
“ตรงนี้...”
เขาจับมือบางมาวางที่หัวใจ รู้สึกอุ่นจริงๆ อย่างที่ปากบอก ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย ไออุ่นส่งตรงมาจากที่ไหนกันนะ จากคนที่อยู่ในอ้อมกอดเขานี่หรือ
“ฉันก็เหมือนกัน” เธอบอกแล้วยิ้มกว้าง เป็นสุขในอ้อมแขนแสนอุ่นของพ่อคนตัวโต ทว่าความสุขนั้นย่อมมีวันสูญสลาย เพราะจู่ๆ ข้อความในแช็ตไลน์ของเจ๊หวานก็แทรกเข้ามาในหัว “พี่...วันนี้จูบตะวันหรือคะ”
พรึ่บ!
โคมไฟสว่างวาบขึ้นด้วยมือของศศิน เขาดึงแขนออกจากใต้ศีรษะของหล่อนอย่างงงๆ “หมายความว่าไง”
“เปล่าค่ะ แค่ถาม”
“ฉันก็เปล่า ไม่ได้จูบ”
คำตอบของเขาทำให้เวนิสาโล่งอก ยอมรับว่าดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น
“จริงหรือคะ”
“ฉันไม่จูบกับใครในเดตแรกหรอกน่า”
“ไม่รู้สิคะ ฉันไม่ได้เดตกับพี่ พี่ยังจูบฉันเลยนี่นา”
คำประชดนั้นทำเอาพวงแก้มเวนิสาเห่อร้อนขึ้นมา ศศินเองก็เช่นกัน ทำอะไรไม่ถูกก็เอื้อมมือไปปิดโคมไฟเสีย หล่อนจะได้ไม่ต้องมองหน้ากันให้ขัดเขิน
“ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องผิดพลาดนั่นอีก”
“เฮ้อ...ใจร้ายอีกละ จูบกับน้องนี่เป็นความผิดพลาดหรือคะคุณพี่”
แม่จอมแสบประชดอีกระลอก ดึงร่างเขาเข้ามากอดแน่นๆ เบียดหน้าอกหน้าใจคับบีเข้ากับลำตัวของคนปากเก่งอย่างอยากจะแกล้ง
ศศินดันเวนิสาออกห่าง แต่แขนของหล่อนเหนียวอย่างกับทากาวไว้
“ปล่อยนะ นี่! ฉันบอกให้ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย จะกอด” เวนิสาไม่ได้กอดแค่แขน แต่วาดเรียวขาพาดบนสะโพกของอีกฝ่าย ศศินอยากจะบ้าตาย หนักเข้าก็ยอมแพ้ เขาเพลียเกินกว่าจะเล่นมวยปล้ำกับแม่คนดื้อ เลยนอนนิ่งๆ ให้หล่อนกอดเสียให้หนำใจ
“อืม...วันนี้ได้กอดพี่แล้วนะ ความพยายามของฉันคืบหน้าแล้วนะพี่” บอกเขาแล้วอ้าปากหาวหวอดๆ ศศินปรือตาขึ้นมอง ก่อนจะดึงผ้านวมมาห่มร่างให้ดีๆ เวนิสารู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงฝัน มันต้องเป็นฝันแน่ๆ ฝันดีเสียด้วยสิ
ตอนพิเศษจูบนี้คือสัญญา__________ห้าปีผ่านไปไวเหมือนนิยาย หน้าร้อนปีนี้เวนิสาพาครอบครัวและเพื่อนรักมาพักผ่อนหย่อนใจที่เกาะชื่อดังทางภาคใต้ ด้วยพุงป่องๆ ของการตั้งครรภ์เข้าเดือนที่ห้าของเธอ ทำให้ศศินไม่อนุญาตให้นั่งเครื่องออกนอกประเทศ ทริปวันหยุดสุดหรรษาเลยตกลงปลงใจที่เกาะแห่งหนึ่งในไทยนี่เอง ในยามนี้ปลายภูและรวีกานต์ คงกำลังรำลึกความหลังเมื่อครั้งแต่งงานกันใหม่ๆ คงพากันเดินจูงมือดื่มด่ำคลื่นลมที่ชายทะเล ส่วนเจ๊หวานอาสาดูแลเด็กๆ ให้ ช่างเป็นทริปที่สุขีเกินจะกล่าวจริงๆ“อืม...ถอดหน่อยๆ ไม่ไหวแล้ว...”เวนิสาอ้อนพ่อของลูกอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม ศศินในชุดที่นุ่งเพียงกางเกงขาสั้น สวมเสื้อลายดอกไม่ติดกระดุม อวดแผงอกล่ำๆ ยั่วใจศรีภรรยา เขายังพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยว่าตอนนี้เพิ่งเที่ยงเท่านั้น“ไม่เอา เดี๋ยวชาวบ้านเห็น ไปดูลูกก่อนดีกว่านะคะคนดี” ศศินอ้อนเมีย พยายามดึงมือที่กำลังลูบไล้แผงอกเขา ขนาดท้องอยู่ยังหื่นได้ใจนะแม่ตัวแสบ“ไม่เอา พี่อ่า...เมื่อคืนน้องจูนก็งอแง น้
ในค่ำคืนที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกน้ำค้าง แลเห็นดวงดาราน้อยใหญ่ประปราย ณ ที่ตรงนั้นท่ามกลางหมอกหนาและดาราพร่างพราว พระจันทร์ดวงใหญ่กำลังอวดโฉมสีเหลืองนวลตาเวนิสากับกลุ่มเพื่อนนั่งสังสรรค์กันอยู่ บนระเบียงดูดาวเหนือหลังคาเรือนพัก พวกเขาปูเสื่อลงนั่ง มีผ้าห่มคนละผืน มีเครื่องดื่มวางตรงหน้าทั้งขนมขบเคี้ยวมากมาย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุขกระจ่างอยู่บนใบหน้าของทุกคน ตั้งแต่หัวค่ำกระทั่งค่อนคืนเมื่อเบียร์มากกว่าหนึ่งโหลถูกเทใส่กระเพาะน้อย ไม่นานหลังจากนั้นเจ๊หวานก็สลบเหมือด รวีกานต์กับปลายภูอาสาพยุงร่างหมีของเจ๊ลงไปส่งที่ห้องพัก แน่นอนว่าเพื่อนสาวของเวนิสาไม่ได้ขึ้นมาที่ระเบียงดูดาวอีก ตอนนี้จึงเหลือเพียงแม่ดาวพระศุกร์คนงามกับพ่อพระจันทร์ดวงโต“อืม...ทีนี้ก็ไม่มีก้างขวางคอแล้วเนาะ”ศศินว่าแล้วขยับไปหาเวนิสา พาร่างหล่อนนอนลง ใช้ผ้าห่มของตัวเองห่มทับทั้งสองร่างอีกชั้นหนึ่ง เขามองขึ้นไปบนฟ้า ท่ามกลางหมอกหนายังแลเห็นดาวพระศุกร์ขึ้นเคียงข้างดวงจันทร์ เขาเผยรอยยิ้มละไม“พี่ยิ้มอะไรคะ”“ฉันน่ะ...เหมือนคนโง่แ
เจ๊หวานพยักหน้าเข้าใจ หากเปรียบผู้ชายเป็นของกินได้ ก็แสดงว่าผ่าน เพราะคนเราก็ยังต้องกินเพื่อความอยู่รอด อย่างน้อยรวีกานต์ก็ไม่ต้องทนง่วงอีกต่อไป เพราะมีม็อคค่าปั่นให้ซดทั้งคืน!“แล้วหล่อนละยะแม่ดาวพระศุกร์ ผู้ชายของหล่อนเป็นยังไง”เวนิสาถอนหายใจเฮือกๆ ศศินนั่นหรือ ยังไงดีล่ะ“ก็ดี...พอมองย้อนกลับไป ก็จำได้ว่าเวลาลำบาก เขาก็คอยดูแล คอยปลอบโยน คอยให้กำลังใจ คอยเป็นเพื่อนคู่คิด แม้ว่าความเจ้าอารมณ์ของเขาจะทำให้ฉันอยากจับเขาลงทอดในกระทะก็เถอะ เขาน่ะ ปากร้ายแต่ใจดี บางครั้งการกระทำกับคำพูดก็สวนทาง เรื่องนี้ฉันต้องทำใจให้ชิน”“แล้วไงยะ ก็โอเคในเรื่องนั้น แล้วเรื่องแซ่บล่ะ แซ่บมะ” เจ๊หวานยิ้มหื่นๆวนิสาหรี่ตามอง นึกว่าเธอจะไม่กล้าตอบหรือ เธอไม่ใช่แม่แสงตะวันผู้เหนียมอายนะ“แซ่บเว่อร์ค่าเจ๊! ฮ่าๆๆๆ”“อ๊ายยย!!!”เจ๊ร้องระงมเพราะถูกใจ เหล่าคนงานและสองหนุ่มเมืองกรุงฯ หันมามองทางพวกเธอ ปลายภูโบกมือใส่รวีกานต์ ส่งยิ้มหวานให้กันอย่างข้าวใหม่ปลามันที่แรกรักน้ำต้มผักยังหวานอยู่ ส่วนศศ
เวนิสาหรี่ตามอง ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง “มาปิดให้ไว!”“คร้าบ! ปิดเดี๋ยวนี้คร้าบ!” ศศินจำต้องเดินรอบเตียงเพื่อมาปิดโคมไฟให้แม่ของลูก เอาเถิด จัดมาเสียให้พอ ให้ต้องโดนเมิน ต้องโดนจิกหัวหรือต้องเป็นทาสก็จัดมา สักวันเมื่อเวนิสาเริ่มเบื่อ หล่อนคงกลับมาเป็นแม่ดาวพระศุกร์ผู้น่ารักของเขาเหมือนเดิมกระมัง_________พระอาทิตย์ดวงใหญ่โผล่ขึ้นทางทิศตะวันออก เหนือยอดเขา มันเริ่มโผล่ขึ้นมาทีละนิดๆ ราวกับพู่กันอันใหญ่ที่จุ่มสีส้มแดงคอยแต้มแต่งเวิ้งฟ้ารวีกานต์จ้องมันไม่วางตา หมอกน้ำค้างเหนือชายคายังคงแรงอยู่ แต่มิอาจขัดขวางความตั้งใจ รอบๆ เรือนไม้ของปลายภูโอบล้อมด้วยต้นกาแฟเขียวชอุ่ม มันกินพื้นที่ทั่วทั้งหุบเขา ไม่ต้องบอกว่ามีมูลค่าทางการตลาดมากเท่าใด เธอไม่อยากคาดคิดเพราะอาจทำให้ตัวเองจุกความสุขตาย ในที่สุดฝันของเธอก็เป็นจริงสินะ ฝันว่าสักวันจะได้กลายเป็นซิลเดอเรลล่าของเจ้าชายรูปงามความรักที่เธอมีให้ปลายภูนั้น แม้ไม่ได้ถึงขั้นคลั่งไคล้หลงใหล แต่มันคือรักซึมลึกที่เธอเองยังไม่รู้ตัว ไม่ได้หวือหวา แต่แอบผลิดอกงอกงามในจิตใจ คว
[21]คำสัญญาจากพระจันทร์______________ไร่กาแฟ ณ ปลายภู สัปดาห์ถัดมาเรือนไม้หลังงามผุดขึ้นท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมด้วยต้นกาแฟ เส้นทางลดเลี้ยวยิ่งกว่ารถไฟเหาะตีลังกา ทำให้สองสาวเมารถมากกว่าจะได้ชื่นชมธรรมชาติ กว่าจะนั่งรถขึ้นมาถึงบนนี้ได้ ว่าที่คุณแม่ทั้งสองก็จอดรถอาเจียนไปหลายรอบ รวีกานต์ถึงกับหมดแรงนั่งซบอกพ่อเด็กน้อย ในขณะที่เวนิสานั่งหน้าบูดอยู่เบาะข้างหลังบนรถตู้คันหรู ส่วนเจ๊หวานจ้อเจรจาอยู่ด้านหน้ากับคนขับรถวัยขบเผาะหุ่นล่ำหน้าโหด ที่ถูกใจนางเสียเหลือเกิน“ใกล้ถึงแล้วครับ ตะวันไหวไหม”รวีกานต์ส่ายหน้า ปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะได้กอดปลายภูดีๆ เธอซุกหน้าเข้าหาอกเขาราวลูกแมวตัวน้อยที่ต้องการไออุ่นจากเจ้าของ ปลายภูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชอบใจนักเวนิสามองเพื่อนรักกับปลายภูผ่านทางช่องว่างระหว่างเบาะนั่ง ได้แต่เบะปากใส่เพราะหมั่นไส้“นี่! แกจะอ้อนเด็กเพื่อ!?”“เรื่องของฉันน่า นั่งเงียบๆ ไปเลย คนจะสวีตกัน เนาะภูเนาะ”รวีกานต์ยิ้มหวานอย
“แล้วเธอมาทำไม!” น้ำเสียงที่ใช้ไม่ค่อยพอใจนัก จากแค่ประหม่ามึนงง ก็เริ่มมีอารมณ์โกรธเข้ามาปะปน เวนิสากำลังป่วนประสาทเขาอีกแล้วใช่ไหม“มาทำธุรกิจ”“หือ?”คนสวยยิ้มแป้น ก่อนจะอธิบาย“เรามาทำธุรกิจกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต”“ยังไง”“ง่ายๆ เลย เราก็แค่ทำให้คนรอบข้างเรา เช่นพ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูง เข้าใจว่าเราสองคนตกลงกันได้เรียบร้อย พี่ก็รู้นี่ ตอนนี้แม่ถามยิกๆ ว่าเมื่อไหร่ฉันจะแต่งงานกับพี่ เมื่อเช้าพ่อพี่ก็โทรมา เพื่อนฉันขู่จะคว่ำบาตรถ้าไม่คืนดีกับพี่ ฉันเลยคิดว่า เพื่อความสบายใจของคนที่รักเราทุกๆ คน ฉันควรเสียสละความไม่สะดวกน้อยนิดแล้วร่วมมือกับพี่น่ะ”“ร่วมมืออะไร ไม่เห็นเข้าใจ” ศศินชักงง“เฮ้ย...พี่นี่โง่ปะเนี่ย พูดไปตั้งเยอะไม่เข้าใจได้ยังไง”“นี่ด่าฉันเหรอ!”“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ!” ตะคอกมาตะคอกกลับ เวนิสาไม่โกงศศินหุบปากฉับ“เอาแบบนี้แหละ พี่เข้าใจแล้วนะ บอกพ่อพี่