ก่อนเข้าบริษัทวันนี้ศศินแวะซื้อของกำนัลเล็กน้อย เขาไม่รู้จะให้อะไรกับรวีกานต์ดี ค่าที่หล่อนช่วยไม่ให้เขาโดนรถเฉี่ยวเมื่อวาน ทว่าเมื่อนึกดีๆ ก็จำได้ว่ามีของอยู่อย่างที่จำเป็นสำหรับหล่อน เขาได้ของสิ่งนั้นจากร้านสินค้าแบรนด์เนม ก่อนจะออกจากห้างก็จำได้ว่ามีสตรีอีกคนที่ควรซื้ออะไรไปปลอบขวัญเสียหน่อย เขาได้ของสองสิ่งที่มูลค่าต่างกันอย่างสิ้นเชิง หนึ่งคือร่มลายดอกไม้เล็กๆ คันละเกือบสองพัน มันเป็นของนำเข้าเลยราคาแพง ส่วนอีกอย่างคือช็อกโกแลตกล่องเหมาะมือ ราคาไม่กี่ร้อยบาท
เขามาถึงที่ทำงานเกือบสิบเอ็ดโมง ตั้งใจว่าจะเอาของไปให้รวีกานต์ด้วยตัวเองเพื่อแสดงความจริงใจ อีกอย่าง...เขาคิดว่าควรลงไปดูสวัสดิการเรื่องอาหารการกินของพนักงานสักหน่อย
____________
บุรุษร่างสูงยืนเก้กังอยู่หน้าโต๊ะรับประทานอาหารที่ตั้งเรียงไว้เต็มบริเวณ ในมือมีถุงกระดาษแบรนด์ดังถืออยู่พร้อมกับถาดอาหารที่เลขาอาสาไปตักมาให้ อาหารเที่ยงของบริษัทหน้าตาสู้อาหารในร้านแพงๆ ไม่ได้เลย
“ไปนั่งกับพวกผมไหมครับบอส”
ณพพร เลขาร่างผอมเอ่ยกับเจ้านายอย่างเกรงอกเกรงใจ
“อย่าเลย ไปกินกับเพื่อนเถอะ ถ้าฉันไปนั่งด้วยเดี๋ยวจะพากันเกร็งจนกินอะไรไม่ลงเปล่าๆ” เขาเอ่ยอย่างเกรงใจเช่นกัน ณพพรจึงปลีกตัวไปเงียบๆ เขาแลหาที่นั่งว่างๆ ทว่าเวลาเที่ยงตรงอย่างนี้ช่างหายากเหลือเกิน มีพนักงานหลายคนถึงกับลุกจากเก้าอี้เพื่อยกโต๊ะให้บอสอย่างเขา “ไม่เป็นไร ไม่ต้องลุก ทานกันเถอะ เดี๋ยวจะหมดเวลา” เขาบอกอย่างสุภาพ แลหาที่ว่าง แต่แล้วมือน้อยๆ ของใครบางคนก็โบกให้เขาไหวๆ
รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของบอสใหญ่ เขาเดินไปหารวีกานต์ หล่อนยิ้มให้เขาจนตาหยี เพื่อนๆ พนักงานด้วยกันรีบขยับลุกไปนั่งโต๊ะข้างๆ เกรงอกเกรงใจไม่กล้านั่งกับบิ๊กบอส
“ว้า...บอสทำให้ฉันกลายเป็นคนไร้เพื่อนไปแล้ว” รวีกานต์เอ่ยเย้า
ศศินยิ้มแหยๆ ไม่น่ามากินข้าวเที่ยงที่นี่ให้คนอื่นลำบากเลย
“ขอโทษทีครับ แค่อยากลงมาดูสวัสดิการของพนักงานอย่างใกล้ชิดน่ะ” เขาแก้ต่าง
“ดีแล้วละค่า บอสลงมาแบบนี้ พวกแม่ครัวจะได้ขยันๆ ทำกับข้าวแบบใส่ใจมากขึ้นเพราะกลัวว่าจะไม่อร่อยถูกปากบอส”
“พนักงานแบบคุณจะได้ได้รับผลพลอยได้ใช่ไหมล่ะ”
“แน่นอนที่สุดค่า กินเลยๆ” รวีกานต์ยิ้มแป้น ผายมือให้บอสใหญ่กินอาหารในถาดของเขา เขาตักมาหลายอย่าง มีข้าวผัด ต้มจืดและหมูทอด ส่วนของเธอเป็นข้าวขาหมูเมนูเพิ่มน้ำหนัก
“เอ่อ...นี่ครับ ขอบคุณมากๆ ที่ช่วยผมไม่ให้โดนรถเฉี่ยว”
“ว้าว...อะไรคะ ไม่ต้องเอาอะไรมาให้ฉันหรอกค่า”
“ไม่เอาหรือครับ”
“เอาสิคะ ฮ่าๆๆ” แล้วรวีกานต์ก็หัวเราะร่า หยิบถุงกระดาษมาเปิดดูก็เห็นร่มพับคันหนึ่ง อยากกางดูจะแย่แต่กลัวถูกสายตาสาวๆ ในบริษัทเขม่นเอา แค่นี้ก็ตกเป็นจำเลยไปเรียบร้อย ข้อหาที่ได้นั่งกินมื้อเที่ยงกับบอสใหญ่
ศศินอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีสาวเจ้า หล่อนเอ่ยขอบคุณเขายกใหญ่ค่าที่ซื้อของมาให้ เขารับประทานมื้อเที่ยงรสชาติแย่สุดๆ นับตั้งแต่เคยกินมา มันไม่ได้มีความอร่อย หรือว่าเขากินของอร่อยมามาก อาหารรสชาติแสนธรรมดาเลยกลายเป็นฝืดคอไป แต่ไม่นะ อาหารที่เวนิสาทำขึ้นโต๊ะ แม้แต่หมูทอดยังอร่อยกว่าเลย เอ...แล้วทำไมต้องนึกถึงเวนิสาตอนนี้ด้วยนะ
“ไม่อร่อยหรือคะบอส”
“ครับ...ไม่อร่อยเลย ไว้ผมจะมีคำสั่งให้ปรับปรุงเรื่องรสชาตินะ ถึงบริษัทจะให้กินฟรี แต่คนทำก็ควรทำให้ดีสักหน่อย เพราะการได้กินของอร่อยก่อนกลับไปทำงานช่วงบ่ายก็เป็นอะไรที่สำคัญ อย่างเช่นมื้อนี้ ผมคงต้องหิ้วท้องกลับไปกินมื้อค่ำที่บ้านแล้วล่ะ” ว่าแล้ววางช้อนลง ยังไม่อิ่มแต่ไม่อาจฝืนกลืน
“ที่บ้านคงมีคนทำกับข้าวไว้รอสินะคะ”
“มีสิครับ ทำอร่อยด้วย”
“คะ?” รวีกานต์ตาเบิกโต
ศศินขยับเนกไทเล็กน้อย เพิ่งรู้ตัวว่าเผยความลับบางอย่าง
“แม่ครัวครับ แกทำอร่อย”
“อ้อ...ค่า...ฉันทราบแล้ว” บอกเขาแล้วยิ้มล้อ
ศศินยิ้มแห้งๆ หยิบแก้วน้ำมาจิบแก้ประหม่า รวีกานต์ยังรับประทานไปเงียบๆ หล่อนกินจุเหมือนเพื่อนรักไม่มีผิด และพอเหลียวมองไปรอบๆ สายตาเกือบทุกคู่ก็หันมามองที่พวกเขา
“เอ่อ...มันคงดูแปลกที่ผมมากินข้าวที่นี่”
หญิงสาวนึกขำ “ไม่หรอกค่า มันแปลกที่บอสนั่งกินกับฉันต่างหาก แถมยังมีของฝากมาให้อีก กลับแผนกไปฉันคงโดนพนักงานหญิงรุมทึ้งแน่ๆ สาวๆ ในบริษัทคลั่งบอสจะตาย รู้หรือเปล่าคะ”
“ผมเหรอ ไม่รู้สิ ผมไม่ค่อยสนใจ”
“ฉันเข้าใจค่ะ เพราะถ้าบอสสนใจบ้าง คงมีข่าวคบหาดูใจกับสาวๆ ไปแล้ว แต่นี่ไม่มีเลย สาวๆ ในบริษัทเลยอยากเป็นซินเดอเรลล่าไงคะ”
“คุณด้วยเหรอ” เขาล้อ
“แน่นอน ถ้าบอสเป็นเจ้าชายฉันก็พร้อมสลัดผ้ากันเปื้อนไปเป็นเจ้าหญิงจากเศษถ่านละค่า”
คำพูดคำจาไร้พิษภัยของรวีกานต์กำลังประทับลงในหัวใจของศศินอีกครั้งหนึ่ง หล่อนสดใสเจิดจ้าเหมือนดวงตะวันจริงๆ รอยยิ้มงามของหล่อนเหมือนแสงอาทิตย์ที่พร้อมแต่งแต้มกลีบดอกไม้ มันส่งประกายวับวาวให้สิ่งมีชีวิตบนโลกนี้มีกำลังใจที่จะเติบโต
“คุณรวีกานต์ตลกนะครับ”
“แหม...บอส เรียกรวีกานต์อยู่นั่นแหละ เรียกตะวันสิคะ เราเป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
ศศินพยักหน้ารับ เพื่อนหรือ...ก็ไม่เลว
“งั้นพรุ่งนี้เพื่อนขอมากินข้าวด้วยนะครับ คุณตะวันอยากกินอะไรหรือเปล่า ผมจะให้แม่ครัวที่บ้านทำใส่กล่องมาให้”
“ว้าว...จริงหรือคะ ขอหมูสามชั้นผัดพริกแกงค่า ฉันชอบมาก เพื่อนฉันทำอร่อยที่สุดเลย”
“งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ”
“ค่า ขอบคุณนะคะบอส”
ตอนพิเศษจูบนี้คือสัญญา__________ห้าปีผ่านไปไวเหมือนนิยาย หน้าร้อนปีนี้เวนิสาพาครอบครัวและเพื่อนรักมาพักผ่อนหย่อนใจที่เกาะชื่อดังทางภาคใต้ ด้วยพุงป่องๆ ของการตั้งครรภ์เข้าเดือนที่ห้าของเธอ ทำให้ศศินไม่อนุญาตให้นั่งเครื่องออกนอกประเทศ ทริปวันหยุดสุดหรรษาเลยตกลงปลงใจที่เกาะแห่งหนึ่งในไทยนี่เอง ในยามนี้ปลายภูและรวีกานต์ คงกำลังรำลึกความหลังเมื่อครั้งแต่งงานกันใหม่ๆ คงพากันเดินจูงมือดื่มด่ำคลื่นลมที่ชายทะเล ส่วนเจ๊หวานอาสาดูแลเด็กๆ ให้ ช่างเป็นทริปที่สุขีเกินจะกล่าวจริงๆ“อืม...ถอดหน่อยๆ ไม่ไหวแล้ว...”เวนิสาอ้อนพ่อของลูกอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม ศศินในชุดที่นุ่งเพียงกางเกงขาสั้น สวมเสื้อลายดอกไม่ติดกระดุม อวดแผงอกล่ำๆ ยั่วใจศรีภรรยา เขายังพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยว่าตอนนี้เพิ่งเที่ยงเท่านั้น“ไม่เอา เดี๋ยวชาวบ้านเห็น ไปดูลูกก่อนดีกว่านะคะคนดี” ศศินอ้อนเมีย พยายามดึงมือที่กำลังลูบไล้แผงอกเขา ขนาดท้องอยู่ยังหื่นได้ใจนะแม่ตัวแสบ“ไม่เอา พี่อ่า...เมื่อคืนน้องจูนก็งอแง น้
ในค่ำคืนที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกน้ำค้าง แลเห็นดวงดาราน้อยใหญ่ประปราย ณ ที่ตรงนั้นท่ามกลางหมอกหนาและดาราพร่างพราว พระจันทร์ดวงใหญ่กำลังอวดโฉมสีเหลืองนวลตาเวนิสากับกลุ่มเพื่อนนั่งสังสรรค์กันอยู่ บนระเบียงดูดาวเหนือหลังคาเรือนพัก พวกเขาปูเสื่อลงนั่ง มีผ้าห่มคนละผืน มีเครื่องดื่มวางตรงหน้าทั้งขนมขบเคี้ยวมากมาย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุขกระจ่างอยู่บนใบหน้าของทุกคน ตั้งแต่หัวค่ำกระทั่งค่อนคืนเมื่อเบียร์มากกว่าหนึ่งโหลถูกเทใส่กระเพาะน้อย ไม่นานหลังจากนั้นเจ๊หวานก็สลบเหมือด รวีกานต์กับปลายภูอาสาพยุงร่างหมีของเจ๊ลงไปส่งที่ห้องพัก แน่นอนว่าเพื่อนสาวของเวนิสาไม่ได้ขึ้นมาที่ระเบียงดูดาวอีก ตอนนี้จึงเหลือเพียงแม่ดาวพระศุกร์คนงามกับพ่อพระจันทร์ดวงโต“อืม...ทีนี้ก็ไม่มีก้างขวางคอแล้วเนาะ”ศศินว่าแล้วขยับไปหาเวนิสา พาร่างหล่อนนอนลง ใช้ผ้าห่มของตัวเองห่มทับทั้งสองร่างอีกชั้นหนึ่ง เขามองขึ้นไปบนฟ้า ท่ามกลางหมอกหนายังแลเห็นดาวพระศุกร์ขึ้นเคียงข้างดวงจันทร์ เขาเผยรอยยิ้มละไม“พี่ยิ้มอะไรคะ”“ฉันน่ะ...เหมือนคนโง่แ
เจ๊หวานพยักหน้าเข้าใจ หากเปรียบผู้ชายเป็นของกินได้ ก็แสดงว่าผ่าน เพราะคนเราก็ยังต้องกินเพื่อความอยู่รอด อย่างน้อยรวีกานต์ก็ไม่ต้องทนง่วงอีกต่อไป เพราะมีม็อคค่าปั่นให้ซดทั้งคืน!“แล้วหล่อนละยะแม่ดาวพระศุกร์ ผู้ชายของหล่อนเป็นยังไง”เวนิสาถอนหายใจเฮือกๆ ศศินนั่นหรือ ยังไงดีล่ะ“ก็ดี...พอมองย้อนกลับไป ก็จำได้ว่าเวลาลำบาก เขาก็คอยดูแล คอยปลอบโยน คอยให้กำลังใจ คอยเป็นเพื่อนคู่คิด แม้ว่าความเจ้าอารมณ์ของเขาจะทำให้ฉันอยากจับเขาลงทอดในกระทะก็เถอะ เขาน่ะ ปากร้ายแต่ใจดี บางครั้งการกระทำกับคำพูดก็สวนทาง เรื่องนี้ฉันต้องทำใจให้ชิน”“แล้วไงยะ ก็โอเคในเรื่องนั้น แล้วเรื่องแซ่บล่ะ แซ่บมะ” เจ๊หวานยิ้มหื่นๆวนิสาหรี่ตามอง นึกว่าเธอจะไม่กล้าตอบหรือ เธอไม่ใช่แม่แสงตะวันผู้เหนียมอายนะ“แซ่บเว่อร์ค่าเจ๊! ฮ่าๆๆๆ”“อ๊ายยย!!!”เจ๊ร้องระงมเพราะถูกใจ เหล่าคนงานและสองหนุ่มเมืองกรุงฯ หันมามองทางพวกเธอ ปลายภูโบกมือใส่รวีกานต์ ส่งยิ้มหวานให้กันอย่างข้าวใหม่ปลามันที่แรกรักน้ำต้มผักยังหวานอยู่ ส่วนศศ
เวนิสาหรี่ตามอง ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง “มาปิดให้ไว!”“คร้าบ! ปิดเดี๋ยวนี้คร้าบ!” ศศินจำต้องเดินรอบเตียงเพื่อมาปิดโคมไฟให้แม่ของลูก เอาเถิด จัดมาเสียให้พอ ให้ต้องโดนเมิน ต้องโดนจิกหัวหรือต้องเป็นทาสก็จัดมา สักวันเมื่อเวนิสาเริ่มเบื่อ หล่อนคงกลับมาเป็นแม่ดาวพระศุกร์ผู้น่ารักของเขาเหมือนเดิมกระมัง_________พระอาทิตย์ดวงใหญ่โผล่ขึ้นทางทิศตะวันออก เหนือยอดเขา มันเริ่มโผล่ขึ้นมาทีละนิดๆ ราวกับพู่กันอันใหญ่ที่จุ่มสีส้มแดงคอยแต้มแต่งเวิ้งฟ้ารวีกานต์จ้องมันไม่วางตา หมอกน้ำค้างเหนือชายคายังคงแรงอยู่ แต่มิอาจขัดขวางความตั้งใจ รอบๆ เรือนไม้ของปลายภูโอบล้อมด้วยต้นกาแฟเขียวชอุ่ม มันกินพื้นที่ทั่วทั้งหุบเขา ไม่ต้องบอกว่ามีมูลค่าทางการตลาดมากเท่าใด เธอไม่อยากคาดคิดเพราะอาจทำให้ตัวเองจุกความสุขตาย ในที่สุดฝันของเธอก็เป็นจริงสินะ ฝันว่าสักวันจะได้กลายเป็นซิลเดอเรลล่าของเจ้าชายรูปงามความรักที่เธอมีให้ปลายภูนั้น แม้ไม่ได้ถึงขั้นคลั่งไคล้หลงใหล แต่มันคือรักซึมลึกที่เธอเองยังไม่รู้ตัว ไม่ได้หวือหวา แต่แอบผลิดอกงอกงามในจิตใจ คว
[21]คำสัญญาจากพระจันทร์______________ไร่กาแฟ ณ ปลายภู สัปดาห์ถัดมาเรือนไม้หลังงามผุดขึ้นท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมด้วยต้นกาแฟ เส้นทางลดเลี้ยวยิ่งกว่ารถไฟเหาะตีลังกา ทำให้สองสาวเมารถมากกว่าจะได้ชื่นชมธรรมชาติ กว่าจะนั่งรถขึ้นมาถึงบนนี้ได้ ว่าที่คุณแม่ทั้งสองก็จอดรถอาเจียนไปหลายรอบ รวีกานต์ถึงกับหมดแรงนั่งซบอกพ่อเด็กน้อย ในขณะที่เวนิสานั่งหน้าบูดอยู่เบาะข้างหลังบนรถตู้คันหรู ส่วนเจ๊หวานจ้อเจรจาอยู่ด้านหน้ากับคนขับรถวัยขบเผาะหุ่นล่ำหน้าโหด ที่ถูกใจนางเสียเหลือเกิน“ใกล้ถึงแล้วครับ ตะวันไหวไหม”รวีกานต์ส่ายหน้า ปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะได้กอดปลายภูดีๆ เธอซุกหน้าเข้าหาอกเขาราวลูกแมวตัวน้อยที่ต้องการไออุ่นจากเจ้าของ ปลายภูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชอบใจนักเวนิสามองเพื่อนรักกับปลายภูผ่านทางช่องว่างระหว่างเบาะนั่ง ได้แต่เบะปากใส่เพราะหมั่นไส้“นี่! แกจะอ้อนเด็กเพื่อ!?”“เรื่องของฉันน่า นั่งเงียบๆ ไปเลย คนจะสวีตกัน เนาะภูเนาะ”รวีกานต์ยิ้มหวานอย
“แล้วเธอมาทำไม!” น้ำเสียงที่ใช้ไม่ค่อยพอใจนัก จากแค่ประหม่ามึนงง ก็เริ่มมีอารมณ์โกรธเข้ามาปะปน เวนิสากำลังป่วนประสาทเขาอีกแล้วใช่ไหม“มาทำธุรกิจ”“หือ?”คนสวยยิ้มแป้น ก่อนจะอธิบาย“เรามาทำธุรกิจกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต”“ยังไง”“ง่ายๆ เลย เราก็แค่ทำให้คนรอบข้างเรา เช่นพ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูง เข้าใจว่าเราสองคนตกลงกันได้เรียบร้อย พี่ก็รู้นี่ ตอนนี้แม่ถามยิกๆ ว่าเมื่อไหร่ฉันจะแต่งงานกับพี่ เมื่อเช้าพ่อพี่ก็โทรมา เพื่อนฉันขู่จะคว่ำบาตรถ้าไม่คืนดีกับพี่ ฉันเลยคิดว่า เพื่อความสบายใจของคนที่รักเราทุกๆ คน ฉันควรเสียสละความไม่สะดวกน้อยนิดแล้วร่วมมือกับพี่น่ะ”“ร่วมมืออะไร ไม่เห็นเข้าใจ” ศศินชักงง“เฮ้ย...พี่นี่โง่ปะเนี่ย พูดไปตั้งเยอะไม่เข้าใจได้ยังไง”“นี่ด่าฉันเหรอ!”“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ!” ตะคอกมาตะคอกกลับ เวนิสาไม่โกงศศินหุบปากฉับ“เอาแบบนี้แหละ พี่เข้าใจแล้วนะ บอกพ่อพี่