Beranda / รักโบราณ / พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ / 9. นักเลงหัวไม้กับเฒ่าหัวงู

Share

9. นักเลงหัวไม้กับเฒ่าหัวงู

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-24 23:08:37

“ตรงนี้เป็นที่ของข้า! พวกเจ้าถือสิทธิ์อันใดมาตั้งร้านตรงนี้” ชายตัวสูงใหญ่สามคนปรี่เข้ามายืนประจันหน้ากับเหล่าพี่น้องสกุลลู่ ชายหนุ่มทั้งสามแต่งตัวมอมแมม ทั้งยังมีท่าทางหาเรื่องเช่นนี้ มิน่าวางใจแม้แต่น้อย

“เอ่อ พี่ชายคงจะเข้าใจผิดแล้ว พวกเรามาตั้งร้านที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว อีกทั้งเราก็มาจับจองที่ตั้งร้านนี้ก่อนผู้ใด” เฉินกงรีบเดินออกมาพูดคุยกับชายหนุ่มทั้งสามคน

“แล้วอย่างไร ข้าจะตั้งร้านของข้าที่นี่ เจ้าย้ายของของเจ้าออกไปให้หมด มิเช่นนั้นก็จ่ายค่าเช่าที่มา” หนึ่งในชายหนุ่มแบมือไปตรงหน้าเฉินกง

“เอ่อ พวกเรายังมิมีลูกค้าสักคนเดียว จะเอาเงินที่ใดมาให้ท่านเล่า” บ่าวชายสกุลลู่สองคนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามากันคุณชายใหญ่จากพวกนักเลงเอาไว้

“หากไม่มีก็…ย้ายออกไป พวกเรา! ทำลายให้หมด” ชายพวกนั้นขว้างปาก้อนหินขนาดเท่ากำมือเข้าไปในร้านจนข้าวของบางส่วนเสียหาย บ่าวชายพยายามเข้าไปห้ามปรามก็โดนทำร้ายกลับมา

“เฮ้ย! หยุดนะ ข้าวของของข้าเสียหายหมดแล้ว เจ้าพวกบ้า!” หมิงยู่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า คิดปรีเข้าไปหยุดนักเลงพวกนั้นแต่เด็กชายกลับต้องชะงัก

“หยุด! พอแย้ว เอาเงินนี่ไป” เยว่ชิงโยนถุงเงินจำนวนหนึ่งลงบนพื้น

“หึ! ให้เงินพวกข้าตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ข้าวของคงมิเสียหายเช่นนี้” ว่าแล้วชายพวกนั้นก็เก็บถุงเงินแล้วเดินจากไป

“เยว่ชิง! เจ้าจะให้เงินพวกนั้นไปทำไมกัน” หมิงยู่หัวเสียไม่น้อยที่ต้องเสียเงินที่หามาได้อย่างยากลำบากไปกับการรีดไถของพวกนักเลงหัวไม้

“จะเดือดย้อนทำไมกัน ให้ได้ก็ไปเอาคืนได้”

หึ! หากคิดว่าเยว่ชิงผู้นี้จะยอมให้เจ้าพวกนั้นรีดไถละก็ ผิดแล้ว!

“มูมู่ ตามไป หากพ้นสายตาผู้คน เจ้าก็กัดตูดพวกนั้นสักสองสามที” เยว่ชิงออกคำสั่งพร้อมกับปล่อยเชือกในมือ เจ้าเสือน้อยที่ใส่ผ้าคลุมสีดำรีบวิ่งตามพวกนักเลงไปทันที

“นะ นี่ นี่เจ้าจะให้มูมู่ฆ่าคนหรือ อ๊ากกกก น่ากลัวเกินไปแล้ว” หมิงยู่อ้าปากหวอ ร้องตะโกนออกมาอย่างตกใจ

“แค่กัดตูดเท่านั้น มิถึงตายแน่” เยว่ชิงกรอกตาไปมา นางสุดจะทนกับนิสัยที่เพ้อเจ้อใหญ่โตของพี่รองของนางเหลือเกิน

“พี่ว่าเราตามไปดูมูมู่ดีหรือไม่ เกรงว่ามูมู่จะทำอันตรายพวกนั้นจนถึงชีวิต” เฉินกงเองก็กังวลว่าหากมูมู่กัดโดนจุดสำคัญเข้า นักเลงหัวไม้พวกนั้นอาจถึงแก่ชีวิตได้

“เยว่ชิงไปด้วย พวกเจ้าสองคนก็ตามมาด้วย เยาจะจับพวกนั้นส่งทางการ” เยว่ชิงออกคำสั่งกับบ่าวชายทั้งสอง แล้วจึงยกแขนให้พี่ใหญ่ของนางอุ้ม

หึๆ เด็กอย่างไรก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ

ทั้งสี่คนเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่ตรอกแห่งหนึ่ง ดูเหมือนว่าตรอกนี้จะเป็นทางตันมีทางเข้าออกทางเดียว เสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาจากด้านในทำให้เฉินกงมั่นใจว่านักเลงพวกนั้นจะต้องอยู่ในนี้เป็นแน่

“คื่ออออ ฮื่อ!”

“เจ้าเสือเฮงซวยนี่มันกัดตูดข้า ฮื่อออออ” เมื่อทั้งสี่มาถึงก็เห็นสภาพยับเยินของนักเลงทั้งสาม บ้างมีแผลที่แขนขา บ้างมีแผลที่ตูด นักเลงพวกนั้นล้มลงโอดครวญ ทั้งสามต่างก็ถอยหนีเจ้าเสือขาวตัวน้อยอย่างหวาดกลัว

เดิมทีเมื่อเห็นว่ามูมู่เป็นเพียงลูกเสือ พวกเขาก็คิดว่าคงจะมิน่าหวาดกลัวเท่าใดนัก จึงช่วยกันรุมจับ แต่เจ้าเสือน้อยตัวนี้กลับมีเรียวแรงมาก ทั้งยังกัดพวกเขาเสียจมเขี้ยว พวกเขาจึงได้รีบถอยหนีกันอย่างที่เห็น

“นั้นไง พวกเจ้าไปจับพวกมันมัดไว้ให้แน่น แล้วรีบนำไปส่งทางการ” เฉินกงรีบสั่งการให้บ่าวไพร่นำตัวนักเลงหัวไม้ส่งทางการ ส่วนตนเองพาน้องสาวไปดูเจ้ามูมู่ว่าบาดเจ็บที่ใดหรือไม่

“มูมู่ เจ็บที่ใดหยือไม่” เยว่ชิงลูบตัวสำรวจหาบาดแผลบนตัวมูมู่ แต่ก็มิพบร่อยรอยใด นางจึงโล่งใจไปบ้าง มูมู่เมื่ออยู่นิ่งให้เยว่ชิงสำรวจบาดแผลเรียบร้อยแล้ว ก็รีบวิ่งไปคาบถุงเงินที่ชายพวกนั้นทำตกไว้มาให้เยว่ชิง

“เด็กดีๆ ทำดีมาก เนื้อของเจ้าพวกนั้นมิอย่อยใช่หยือไม่ ไว้ข้าจะให้ท่านแม่ต้มเนื้ออย่อยๆ ให้เจ้ากินนะ” เยว่ชิงหยิบผ้าคลุมสีดำมาเช็ดคราบเลือดที่ปากมูมู่ออก จากนั้นจึงพากันกลับไปที่ร้านทันที

“เป็นอย่างไร มีผู้ใดตายหรือไม่” หมิงยู่ที่เห็นว่าพี่ใหญ่กับน้องสาวกลับมาแล้วก็รีบเอ่ยทักทันที

“พี่ยอง อย่าพูดเกินจริงได้หยือไม่” มาว่ามูมู่เป็นผู้ร้ายฆ่าคนเช่นนี้ เดี๋ยวก็ปล่อยไปกัดเสียเลย ฮึ้ย!!

“หึๆ มิมีผู้ใดตาย ว่าแต่ทางนี้ข้าวของเสียหายมากหรือไม่”

“มิเสียหายมากขอรับ ยังใช้งานได้อยู่” เป็นลี่อินที่เอ่ยตอบผู้เป็นพี่

“เช่นนั้นก็เริ่มเรียกลูกค้ากันเถิด วันนี้เราก็ต้องหาให้ได้หนึ่งตำลึงเงิน” ว่าแล้วทุกคนก็ไปยืนประจำตำแหน่งของตนเอง แต่วันนี้เฉินกงตัดสินใจเพิ่มเครื่องมือละเล่นการโยนห่วงมาอีกหนึ่งชุด เพราะเมื่อสังเกตจากผู้คนที่มาละเล่นเมื่อวาน บ้างก็ยืนรอจนเมื่อย บ้างก็รอไม่ไหวจึงไม่เล่น วันนี้เขาจึงคิดจะแบ่งเป็นสองแถว

“เชิญเจ้าค่ะ มาโยนห่วงเสี่ยงโชคกันได้แย้วเจ้าค่ะ มีของยางวัลมากมายเยยนะเจ้าคะ” เยว่ชิงโปรยยิ้มหวานไปทั่ว ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็แวะเข้ามาดู แวะเข้ามาละเล่นกันมากมาย เด็กน้อยหลายคนได้แมลงปอสานติดมือกลับไป บ้างก็ได้ขนมฝีมือแม่นมลี่ สี่พี่น้องช่วยกันทำงานอย่างขยันขันแข็งจะเวลาล่วงเลยเข้าปลายยามโหย่ว (17:00 – 18:59 น.) เฉินกงกำลังจะบอกให้น้องๆ เก็บของกลับบ้าน แต่กลับมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาที่ร้าน

“เด็กน้อยสิ่งนี้คืออันใดหรือ”

“โยนห่วงเจ้าค่ะ ได้ยางวัลด้วยนะเจ้าคะ ท่านลุงอยากเย่นดูหยือไม่” เยว่ชิงเอ่ยตอบท่านลุงที่เข้ามาถามไถ่ ดูแล้วท่านผู้นี้คงจะมียศสูงอยู่ไม่น้อย อาภรณ์ที่สวมใส่ดูเรียบหรู ผมเผ้าถูกเก็บอย่างเรียบร้อย ทั้งหน้าตาก็ดูสะอาดสะอ้าน

คงจะมีเงินทองไม่น้อยเลยทีเดียว คึๆ

“โอ้ อยากลองๆ เอามาให้ลุงสักสิบห่วงแล้วกันนะ” เยว่ชิงยิ้มน่าบาน แบมือเก็บเงินแล้วก็รีบพยักหน้าให้พี่สามนำห่วงมาให้ท่านลุงทันที ท่านลุงลองโยนอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จเสียที

“เห้อออ ข้าคงมิมีความสามารถด้านนี้จริงๆ”

“ลูกพ่อ พ่อว่าวันนี้เราพอเท่านี้ก่อนดีหรือไม่” ลู่หวังเหล่ยและซูเมิ่งเห็นว่าใกล้มืดค่ำแล้วจึงได้มารับบุตรกลับเรือน แต่กลับพบเข้ากับ…

“โอ้ นี่บุตรของท่านหรอกหรือใต้เท้าลู่”

ท่านเสนาบดีอู๋” ลู่หวังเหล่ยและซูเมิ่งค่อมหัวคำนับ

“หึๆ นี่เรือนสกุลลู่มิมีจะกินแล้วหรืออย่างไร ถึงได้ให้บุตรวัยเพียงเท่านี้ออกมาทำงานหาเงิน หากว่ามิมีเงินทอง อย่างไรก็ไปที่เรือนข้าได้ ข้าก็พอจะมีให้หยิบยืมบ้าง แต่คงจะต้องนำสิ่งอื่นมาแลกนะ” เสนาบดีอู๋หลี่เฉียงส่งสายตาแทะโลมไปยังซูเมิ่งอย่างเปิดเผย จนนางต้องรีบถอยไปหลบอยู่หลังสามี มือบางจับอาภรณ์ของสามีแน่นด้วยความหวาดกลัว ลู่หวังเหล่ยเองก็ทำได้เพียงเบี่ยงตัวบังภรรยาและกัดกรามข่มอารมณ์ของตนเท่านั้น หากใจร้อนเผลอทำร้ายอีกฝ่ายขึ้นมา ผู้ที่จะเดือดร้อนคงมิพ้นครอบครัวของเขา

“น่ายังเกียจเสียจริง พวกเฒ่าหัวงู” เยว่ชิงเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศที่คุกรุ่น

เมื่อเช้าเจอนักเลงหัวไม้ ตกเย็นยังมาเจอเฒ่าหัวงู วันนี้มิใช่วันของสกุลลู่หรืออย่างไร เห้อออ!

“นี่! เจ้าว่าข้างั้นหรือเด็กน้อย” อู๋หลี่เฉียงหน้าตึงขึ้นมาทันใดเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กหญิงวัยสามหนาว

“ข้ามิได้เอ่ยนาม จะว่าท่านได้อย่างไย อีกอย่าง แม้พวกข้าจะเป็นเด็กแต่ก็คิดทำมาหากิน ตอนที่บุตรของท่านอายุเท่าข้า เขาทำอันใดเป็นบ้างหยือ” คำพูดที่ยาวเหยียดและดูเย้ยหยันจากเด็กน้อยทำให้ผู้ใหญ่หลายคนที่ได้ยินถึงกับรู้สึกจุกเสียดแทนท่านเสนาบดีอู๋ไม่น้อย

โดนเด็กวัยสามหนาวด่าว่าเช่นนี้ น่าอายยิ่งกว่าสิ่งใด

“…” อู๋หลี่เฉียงชะงักนิ่ง ตกใจกับคำพูดของเยว่ชิงจนไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้เพียงครึ่งคำ

“หึ! เงียบเช่นนี้บุตรของท่านคงจะทำสิ่งใดไม่เป็น วันๆ เอาแต่ย้องไห้สินะ น่าสงสารเสียจริง เห้ออออ นี่คงอิจฉาที่ท่านพ่อมีบุตรที่ดีเช่นพวกข้าสินะ จิ๊ๆ” เยว่ชิงส่ายหัวเบาๆ ท่าทางถือดีของเยว่ชิงยิ่งทำให้เสนาบดีอู๋อารมณ์คุกรุ่นมากขึ้น แต่ก็มิอาจทำสิ่งใดได้เพราะตรงนี้มีผู้คนอยู่มาก ทั้งฝ่ายตรงข้ามยังเป็นเพียงเด็กวัยสามหนาว หากเขาลงมือไปมีหวังคนทั้งเมืองได้ประณามสาปส่งเขาเป็นแน่ เสนาบดีอู๋จึงทำได้เพียงสะบัดชายผ้าแล้วรีบเดินจากไปเท่านั้น

“เหอะ! นึกว่าจะแน่” เยว่ชิงกระตุกยิ้มอย่างสะใจ คำพูดของนางเมื่อครู่คงทำให้อีกฝ่ายเจ็บแสบไม่น้อย แม้จะขัดใจการพูดไม่ชัดของตนเองอยู่บ้างก็เถอะ เยว่ชิงหัวเราะสะใจอยู่คนเดียว โดยมิได้สังเกตเลยว่าทุกคนกำลังตกตะลึงในสิ่งที่นางพูดออกมา

“ทะ ท่านพี่ ข้าว่าเราพาเยว่ชิงไปหาหมอเถิดเจ้าค่ะ”

“อืม พี่จะพาลูกไปให้ท่านมอตรวจดู…”

“ท่านพ่อ ท่านแม่ เยว่ชิงมิได้ป่วยเสียหน่อยยยยยย~”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   100. บทเรียนจากมารดา (ตอนพิเศษ)

    “เสด็จพ่อ มิอยู่หรือเพคะ อื้ม” เสียงเล็กของเด็กหญิงวัยหกหนาวเอ่ยถามมารดาทั้งที่มือยังคงนำขนมเข้าปากน้อยๆ ไม่หยุด“ฉิเงอ๋อร์ เจ้าเรียบร้อยให้สมกับเป็นสตรีเสียบ้างเถิด” เยว่ชิงนำผ้ามาเช็ดปากให้บุตรสาวตัวน้อย ดูทีเถิดอันเอ๋อร์บุตรสาวของพี่ใหญ่กับเสี่ยวจูอายุเพียงสี่หนาวยังนั่งกินเรียบร้อยมิเลอะเทอะแม้แต่น้อย“มิจำเป็นเพคะ ท่านลุงรองเอ่ยว่ายามเสด็จแม่เด็กก็แก่นเซี้ยวเช่นฉิงเอ๋อร์” แม้จะถูกมารดาดุ แต่เด็กหญิงตัวน้อยกลับมาใส่ใจ เอาแต่กัดกินขนมด้วยท่าทีสบายอารมณ์“เสด็จแม่คงต้องทำใจเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ บุตรของผู้ใดย่อมเหมือนผู้นั้น ฉิงเอ๋อร์ย่อมซุกซนเหมือนเสด็จแม่ อันเอ๋อร์ย่อมเรียบร้อยเหนียมอายดั่งท่านป้าเผิงจู ส่วนอาหรานเองก็ปากเก่งเช่นท่านลุงรอง” อาหรานที่จางหย่งเอ่ยถึงคือ ลู่ห่าวหราน บุตรชายของพี่รองและพี่ฟางเอ๋อร์ที่อายุได้เพียงสี่หนาว แต่กลับช่างพูดช่างเจรจาดั่งพี่รองมิมีผิด“คิกๆ”“เสี่ยวจู เจ้าหัวเราะข้าหรือ”“มิได้เพคะพระชายา เพียงแต่หม่อมฉันนึกถึงยามที่พระชายาเป็นเด็ก ท่านหญิงมิมีสิ่งใดต่างจากพระชายาเลยเพคะ” เผิงจูยกมือปิดปากหัวเราะ ท่านหญิงช่างเหมือนพระชายาเหลือเกิน ส่วนท่านชายใหญ่ก็

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   99. ขอบคุณ

    “ปล่อยอาหย่งกับฉิงเอ๋อร์ไว้กับเหล่าองค์ชายจะดีหรือเพคะ เยว่ชิงกลัวว่าเจ้าก้อนของเราจะไปทำให้เหล่าองค์ชายลำบากเอาได้” บุตรชายและบุตรสาวของนางนั้นแม้จะเลี้ยงไม่ยาก ทว่าเอาแต่ใจตนเองเป็นที่หนึ่ง อยากร้องก็ร้อง อยากหยุดก็หยุด ชอบเล่นสนุกจนบางครั้งทำให้ขันทีฟ่งหรานถึงกับเหนื่อยหอบลมแทบจับ นางเกรงว่าเจ้าก้อนทั้งสองของนางจะทำให้เหล่าองค์ชายปวดหัวเอาได้“ฮ่าๆ มิได้ห่วงเจ้าก้อนหรอกหรือ” หลิวหยางพาเยว่ชิงควบม้าออกมาห่างจากเมืองหลวงพอควร เพื่อพาร่างบางไปยังสถานที่หนึ่ง ที่เขาได้ตระเตรียมเอาไว้นานแล้ว“เจ้าก้อนทั้งสองของเรา หากว่ามีพี่สามอยู่ เยว่ชิงก็มิห่วงอันใดแล้วเพคะ ทั้งเหล่าองค์ชายเองก็เอ็นดูอาหย่งและฉิงเอ๋อร์ของเราถึงเพียงนั้น จะต้องห่วงอันใดอีกเล่า…ว่าแต่ท่านพี่จะพาเยว่ชิงไปที่ใดหรือเพคะ” นัยน์ตาสดใสมองไปรอบข้างอยู่นาน แต่ก็มิคุ้นกับที่ทางเหล่านี้สักเท่าใด“พี่พาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นอย่างไรเล่า จะได้มิน้อยใจ หาว่าพี่สนใจแต่บุตรมิสนใจมารดา”“โถ่~ เรื่องเพียงเท่านี้ ผู้ใดจะน้อยใจเล่าเพคะ” แขนเล็กถูกยกขึ้นกอดอก ดวงหน้างดงามเชิดขึ้นดั่งถือดี เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายที่ถูกสวามีจับได้ว่าแอบน้อย

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   98. พบปะเสด็จอา (3)

    “อู้ๆ คิก เจี่ยมๆ”“โอ้ ฉิงเอ๋อร์ของลุงวาดภาพได้งดงามยิ่ง หากอาหย่งก็กลับมาแล้ว เราเอาไปอวดเขาดีหรือไม่ หืม” หมิงยู่ว่า พลางนำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบสีที่ติดใบหน้าหลานสาวตัวน้อยออก อีกสองเดือนข้างหน้าก็จะถึงฤกษ์แต่งของเขากับฟางเอ๋อร์แล้ว ถึงครานั้นเขาจะรีบมีบุตรให้ทันใช้ เดิมทีมีการกำหนดฤกษ์แต่งก่อนหน้านี้ แต่ทว่าพี่ชายของฟางเอ๋อร์ออกเรือไปส่งสินค้าต่างแคว้นมิอาจมาร่วมงานได้ พวกเขาจึงเลื่อนออกไป เพราะอยากให้ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าในวันสำคัญ“คารวะองค์ชายทั้งห้าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพาอาหย่งไปเปลี่ยนอาภรณ์ตัวใหม่มาแล้ว รับรองว่ากลิ่นหอมฉุย” ลี่อินอุ้มจางหย่งเข้ามาในศาลาที่เหล่าองค์ชายนั่งอยู่ รอยยิ้มหวานหยดของคุณชายรองลู่ทำเอาใครบางคนถึงกับหันมองมิวางตา จนเหล่าพี่น้องจับสังเกตได้“เชิญคุณชายรองและคุณชายสามลู่ตามสบาย ถือว่าพวกข้ามาพักผ่อนดั่งครอบครัวทั่วไป ใช่หรือไม่น้องสี่” จ้านฉือที่เห็นว่าน้องชายยังมิละสายตาจากใบหน้างามจึงได้เอ่ยเรียกสติ“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่ คุณชายลู่พาอาหย่งมานั่งเถิด” เมื่อองค์ชายสี่เอ่ยเรียกคุณชายลู่ ทำให้ทั้งลี่อินและหมิงยู่ชะงักมองหน้ากัน เพราะมิรู้ว่าองค์ชายเอ่ยเรี

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   97. พบปะเสด็จอา (2)

    “ข้าฝากเจ้าพวกเจ้าด้วย มิถึงสองชั่วยามข้าก็กลับมาแล้ว หากว่ามีสิ่งใดก็เรียกฟ่งหราน หรือไม่ก็ขอคุณชายสามลู่ช่วยได้” ในยามเว่ย (13:00 – 14.59 น.) หลิวหยางตั้งใจจะออกไปที่หนึ่งกับเยว่ชิงตามลำพัง ทั้งบรรดาน้องชายอยากออกมาสังสรรค์กันที่จวนอ๋องของเขา เขาจึงใช้โอกาสนี้ขอให้น้องชายมาช่วยอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับบุตรทั้งสองเดิมทีเฉินกงและเผิงจูคิดจะตามไปด้วย แต่เขาคิดว่าควรจะให้เฉินกงได้พักเสียบ้าง จึงให้คู่บ่าวสาวที่พึ่งจะตบแต่งกันไปเมื่อสามเดือนก่อนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ้าง เฉิงกงจึงพาเผิงจูออกไปอารามเพื่อขอบุตร“เสด็จพี่ใหญ่ไว้ใจข้าได้ ข้าน่ะเลี้ยงเด็กมามาก เพียงแค่หลานสองคนจะยากสักเท่าใดกันเชียว” องค์ชายห้าเฉิงเฟยฟาตบอกตนเองอย่างมั่นอกมั่นใจ“หึ เด็กที่เจ้าเลี้ยงมิใช่เด็กทารกนะเจ้าห้า” องค์ชายสี่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา เด็กที่น้องชายเขาว่าคงมิพ้นสาวงามในหอนางโลมเป็นแน่เหล่าองค์ชายต่างหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าองค์ชายสี่หมายถึงเรื่องใด เว้นก็แต่ผู้ที่ถูกว่าอย่างองค์ชายห้า“เอาเถิดๆ บุตรของข้าเลี้ยงง่าย มิทำให้พวกเจ้าหนักใจเป็นแน่ ถือเสียว่าออกมาพักผ่อนนอกวังเสียบ้าง” หลิวหยางว่าพลางก้มลงจุมพิตบุตร

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   96. พบปะเสด็จอา (1)

    กว่าเจ็ดเดือนที่หลิวหยางและเยว่ชิงแทบจะมิอยู่ห่างบุตรทั้งสอง โดยเฉพาะหลิวหยางที่ถึงขั้นหอบงานมาทำด้วยยามที่บุตรหลับ“บู้ๆ เอิ้ก แอ๊!” เสียงทารกน้อยวัยเจ็ดเดือนกำลังนอนสนทนากันอยู่บนเตียงสองคนเบาๆ ทั้งจางหย่งและอ้ายฉิงเป็นเด็กเลี้ยงง่าย มีร้องไห้งอแงตามประสาเด็กบ้าง แต่เมื่อได้ดื่มนมจากอกมารดาก็หยุดงอแงทันใด เพราะเหตุนี้ทารกน้อยทั้งสองจึงได้อ้วนท้วมสมบูรณ์ ประกอบกับผิวที่ขาวราวหิมะ ทำให้ผู้เป็นบิดามารดาและข้ารับใช้ในจวนอ๋องต่างเอ็นดูท่านชาย ท่านหญิงเป็นที่สุด“หึๆ ฉิงเอ๋อร์กับอาหย่งพูดคุยเรื่องใดกันอยู่หรือ ให้พ่อพูดคุยด้วยได้หรือไม่ หืม” หลิวหยางยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตแก้มกลมของบุตรทั้งสองคนละทีให้หายคิดถึง เขาพึ่งจะกลับมาจากการประชุมในท้องพระโรงจึงได้ตรงกลับจวนทันที แต่ก็มิทันได้ทานมื้อเช้ากับชายาและบุตรอยู่ดี ร่างสูงจึงรีบทานอาหารและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเข้ามาหาเยว่ชิงและบุตรทั้งสอง“ท่านพี่” เยว่ชิงเมื่อเห็นว่าสวามีหอมแก้มบุตร จึงได้ยื่นแก้มของตนเองให้สวามีได้หอมบ้าง ตั้งแต่มีบุตร ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะมิสนใจเยว่ชิงแล้ว เมื่อก่อนกลับมาจากการทำงานจะต้องมาหานางเป็นคนแรก แต่บัดนี้กลับมุ่ง

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   95. เจ้าก้อนตัวน้อย

    “โอ๊ยยย ฮื่อ! เหตุใดจึงเจ็บเช่นนี้ ฮึก ท่านแม่ช่วยเยว่ชิงที” เสียงกรีดร้องของเยว่ชิงทำให้ผู้เป็นสวามีนั่งไม่ติด ร่างสูงเดินไปมาอยู่หน้าห้องอย่างร้อนรน เยว่ชิงมิใช่สตรีที่อ่อนแอ แต่บัดนี้นางกลับกรีดร้องออกมา ย่อมตีความได้ว่านางกำลังลำบากอยู่เป็นแน่“ท่านอ๋องนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ มารดาของพระชายาเข้าไปอยู่ด้วยเช่นนี้ พระชายาย่อมอุ่นใจแล้ว” ลู่หวังเหล่ยและครอบครัวสกุลลู่กำลังเตรียมตัวเข้านอน แต่กลับมีทหารองครักษ์ของฮ่องเต้มาแจ้งข่าวถึงหน้าเรือน พวกเขาจึงได้รีบกลับมาที่จวนอ๋องอีกครั้ง“ท่านพ่อตา เยว่ชิงจะไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” ใบหน้าคมของชินอ๋องแคว้นเฉิงซีดเผือด ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังลอดออกมาเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาขลาดกลัวมากขึ้น“พระชายาจะปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าอย่าได้วิตกไปหลิวหยาง สตรีคลอดลูกก็เป็นเช่นนี้ รอไม่นานบุตรของเจ้าก็จะคลอดแล้ว” ฮ่องเต้เจี้ยนกั๋วเข้ามาโอบบ่าของโอรส บีบเคล้นบ่าแกร่งเบาๆ ให้หลิวหยางได้คลายกังวลลงบ้าง“อื้ออออ กรี๊ดดดดดด”อุแว้! อุแว้! อุแว้!“นั่นอย่างไร ได้ยินหรือไม่ ฮ่าๆ ข้าได้หลานชายหรือหลานสาว!” ฮ่องเต้เจี้ยนกั๋วหัวเราะออกมาเสียงดัง เสียงทร

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status