สองเดือนต่อมา...
ฉันยังคงใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดของพี่กองทัพ อยู่แค่ที่นี่จริง ๆ ไม่ได้ออกไปไหนเลย วันนั้นที่พี่กองทัพบอกจะพาไปร้านสักก็ไม่ได้ไป เพราะจู่ ๆ พี่กองทัพเขาก็เปลี่ยนใจออกไปคนเดียวซะงั้นและเขายังสั่งห้ามฉันไม่ให้ออกไปไหนเด็ดขาด ฉันก็เชื่อฟัง
พี่กองทัพกลับมานอนที่นี่ทุกคืน เขาทำให้ฉันเผลอใจรักจนได้ รักทั้งที่ไม่ควรจะรัก ทว่าพักหลังเขาดูแปลกไป เขาไม่เรียกร้องเรื่องบนเตียงกลับมาถึงเข้าห้องนอนกอดฉัน เช้าตื่นมาเขาก็ไป ทุกวันนี้ฉันไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไรเพราะเรื่องส่วนตัวฉันไม่มีสิทธิ์ถามและต้องบอกก่อนว่าแม้ฉันกับมิ้มจะเป็นเพื่อนรักกัน แต่ฉันก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของมิ้มสักนิดเพราะฉันคิดอยู่เสมอว่าฉันต่ำต้อยกว่ามิ้มจึงไม่อยากถาม ถ้าเรื่องไหนมิ้มอยากเล่ามิ้มก็จะเล่าให้ฟังเอง ฉันจึงไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวของพี่กองทัพ
มิ้มยังคงทักไลน์มาหาอยู่บ่อย ๆ ฉันก็ยังคุยกับเธอปกติแม้จะนอนกกผัวเธออยู่ก็ตาม โคตรจะหน้าด้านไร้ยางอาย รู้สึกผิด รู้ว่าบาปแต่ฉันไม่มีทางเลือก ฉันไม่อยากให้มิ้มรู้เรื่อง กลัวเธอเสียใจที่โดนคนรักและเพื่อนเลว ๆ อย่างฉันหักหลังและตอนนี้มันเลวร้ายมาก เพราะฉันมันไม่สำนึก ไม่รู้จักประมาณตัวเอง ไม่รู้จักเจียมตัวเจียมใจ แยกแยะไม่ออกตกหลุมรักคนรักของเพื่อนเข้าอย่างจัง ก็ไม่ได้อยากให้มันแบบนี้ แต่ด้วยความใกล้ชิด สัมผัสวาบหวามที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน เขาถึงเนื้อถึงตัวฉันอยู่ตลอด ความสัมพันธ์นี้ทำให้ฉันคิดไปไกล มันทำให้ฉันเผยสันดานเลว ๆ ฉันเลวไม่ต่างจากพี่กองทัพ ฉันไม่สมควรเป็นเพื่อนของมิ้ม
แต่ก็นะ ถึงฉันจะรักพี่กองทัพ แต่ว่า ‘ห้ามรักพี่’ ประโยคนี้เขาย้ำกับฉันเป็นประจำย้ำทุกวันจนฉันจำขึ้นใจ แต่หัวใจเจ้ากรรมดันไม่ยอมฟัง ยังดื้อรั้นรักผู้ชายของเพื่อนหัวปักหัวปำทั้งที่รู้ว่าไม่ควรกระทำ จะให้ฉันทำยังไงได้ก็พี่กองทัพเขาชอบทำดี เขาชอบหว่านคำหวานแล้วสุดท้ายก็บอกว่าห้ามรัก
แต่ฉันก็ทำไม่ได้ หัวใจมันไม่ฟังฉันเลย ฉันมันผู้หญิงบาป
ทว่าตอนนี้มีเรื่องน่าหนักอกหนักใจมากกว่าการรักพี่กองทัพ ประจำเดือนฉันขาดมาสองเดือน เดือนแรกที่ไม่มาฉันคิดว่าอาจจะเคลื่อนเหมือนที่เคยเป็นเพราะบางครั้งประจำเดือนก็ชอบหายไป ฉันจึงเฉยเมยต่อสุขภาพร่างกาย...
แต่พอเข้าเดือนที่สอง สมองอันน้อยนิดของฉันเริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าฉันลืมคุมกำเนิด คือครั้งแรกที่มีอะไรกันพี่กองทัพบอกฉันว่าคืนแรกที่ฉันเป็นของเขา เขาเอาสด ให้ฉันหายากิน แต่ฉันดันลืมและเพิ่งจะมานึกออกเมื่อเข้าเดือนที่สอง
แค่ครั้งเดียวที่ไม่ใส่ถุงจะพลาดได้เหรอ คลายความกังวลด้วยการไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ เวลานี้กำลังยืนลุ้นที่ตรวจครรภ์จำนวนห้าอันที่ถูกหยดปัสสาวะลงครบทุกอัน ขอให้เป็นขีดเดียวเถอะ ไม่งั้นฉันซวยแน่ ๆ
ผ่านไปห้านาที ลืมตาดูที่ตรวจครรภ์ที่เรียงกันมันขึ้นสองขีดทุกอัน เข่าอ่อนทรุดตัวนั่งกับพื้น มือสั่น หัวใจเต้นแรง คิดหาทางออกดี ๆ ไม่ได้เลย มันมืดแปดด้านไป จะทำไงดี ผู้ชายที่นอนด้วยก็เป็นของเพื่อน หนำซ้ำเขายังบอกห้ามรักเขา เขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับฉันทั้งนั้นและตอนนี้เขาก็กำลังจะเบื่อฉันอย่างที่เขาเคยบอกไว้ ที่แน่ใจก็เพราะวันนี้เป็นวันที่สามที่เขาหายไป อย่างไร้วี่แวว ไม่โทรหา กับข้าวที่ฉันตั้งใจทำถูกทิ้งลงถังขยะทุกวัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยเป็นแบบนี้ คงถึงเวลาที่เรื่องพวกนี้มันควรจะจบ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้น พี่กองทัพกลับมาแล้ว ด้วยความดีใจที่จะได้เห็นหน้าเขาที่ห่างหายไปหลายวัน ฉันรีบเช็ดน้ำตาและเปิดประตูห้องน้ำออกไปโดยลืมคิดถึงปัญหาไปชั่วขณะ
“เป็นอะไรเบลล์” พี่กองทัพทำท่าตกใจที่เห็นฉันโผเข้ากอด
“คิดถึงค่ะ” ฉันพูดอย่างไม่อายเพราะคิดถึงเขาซะมากมายมันล้นอกจนจะตายอยู่แล้ว ฉันโหยหาอ้อมกอดของเขา โหยหารอยยิ้มร้าย ๆ ที่เขาชอบมองฉันแล้วยิ้ม
“พี่ขอเข้าห้องน้ำแป๊บนะ” เขาผละฉันออกแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ให้ตายเถอะ ฉันเพิ่งนึกออกว่าที่ตรวจครรภ์อยู่ในนั้น
แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้น ผู้หญิงสวยแต่งตัวเซ็กซี่หน้าอกใหญ่โตเดินออกจากห้องนอนของพี่กองทัพ เธอมองมาที่ฉันและส่งยิ้มให้ก่อนที่จะเอ่ยถาม “เฮียล่ะ”
เสียงของเธอหวานจับใจ เป็นใครก็คงหลงใหล หัวใจของฉันมันกำลังเต้นแรงผิดปกติ เหมือนมีบางอย่างบีบรัดอย่างแรง ความรู้สึกบ่งบอกว่ากำลังจะโดนเขี่ยทิ้ง
แกร็ก ก่อนที่ฉันจะตอบอะไรออกไปพี่กองทัพเปิดประตูออกมา เขามองหน้าฉันแวบหนึ่งและหันไปส่งยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“น้องแพรเข้าไปรอเฮียในห้องก่อนนะ เดี๋ยวเฮียคุยกับเพื่อนแป๊บเดียว” พี่กองทัพพูดกับผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทางอ่อนโยน น้ำเสียงแบบนี้เขาไม่เคยพูดกับฉันด้วยซ้ำ ใช่สิเขาไม่รักฉัน แล้วฉันจะหวังคำหวานอะไรกัน ผู้หญิงคนนั้นยิ้มก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป จากนั้นเสียงเยือกเย็นชวนขนลุกก็ดังขึ้นพร้อมกับต้นแขนถูกกระชากให้เดินตามเข้ามาในห้องน้ำ “เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันนะเบลล์”
พรึบ! ที่ตรวจครรภ์จำนวนห้าอันโยนใส่หน้าฉัน ใบหน้าของพี่กองทัพเคร่งเครียด ดวงตาเขาจ้องฉันเขม็ง มันมีแต่ความขุ่นเคือง ดูก็รู้ว่าเขากำลังหัวเสียกับเด็กที่กำลังจะเกิดมา “นี่อะไรวะเบลล์ พี่ใส่ถุงตลอดทำไมมันเป็นแบบนี้ มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
“ครั้งนั้นเบลล์ลืมกินยาค่ะ” ฉันก้มหน้ามองพื้นและสารภาพความผิดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเพราะกลัวท่าทีของเขา
“โธ่ โว้ย! ลืมเหรอ แล้วทำไมไม่จำวะ” ฉันเห็นปลายเท้าพี่กองทัพกำลังเดินมาทางฉัน จากนั้นมีเสียงดังตุบ เป็นเขาที่ปล่อยหมัดแรง ๆ ไปที่ผนังกำแพงข้าง ๆ ที่ฉันยืนอยู่ มันห่างจากฉันแค่นิดเดียวเอง ฉันไม่กล้าพูดหรือขยับตัวเพราะกลัวท่าทีของเขา ฉันจึงร้องไห้ ก็ฉันมันทำได้แค่นี้ไง ทำได้แค่ร้องไห้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ฉันได้ยินเสียงถอนลมหายใจยาว ๆ ของพี่กองทัพ จากนั้นเขาเปิดประตูห้องน้ำเดินออกไป ฉันไม่รู้จะทำยังไงจึงเช็ดน้ำตาและรีบเดินตามเขา
“อะนี่เงินที่ตลอดสองเดือนเบลล์อยู่กับพี่ ฟังนะตอนนี้พี่ได้ผู้หญิงใหม่แล้ว เข้าใจใช่ไหมว่าพี่หมายความว่าอะไร” เขายัดเช็คที่เขียนจำนวนเงินหนึ่งล้านบาทใส่มือให้ฉัน พร้อมกับคำพูดที่สื่อว่าฉันมันไม่มีค่าอะไรเลย ถึงเวลาที่ควรจบเพราะเขาเบื่อแล้ว
“...” มือข้างขวามีเช็คที่เขายัดมาและมองการกระทำของเขา เขากำลังเขียนเช็คอีกใบ
จากนั้นก็มองหน้าฉันและยัดเช็คมาที่มือข้างซ้ายพร้อมกับพูดว่า “และนี่ ไปเอาไอ้มารหัวขนในท้องนั่นออกซะ พี่ไม่ต้องการและพี่คิดว่าเบลล์ก็คงไม่ต้องการ”
ประโยคนี้ทำเอาฉันล้มทั้งยืน เงยหน้ามองเขาที่ยืนอยู่เหนือหัว สายตาที่เขามองมาที่หน้าท้องของฉันมันแสดงถึงการรังเกียจสิ่งที่อยู่ในท้อง สิ่งที่เรียกว่าลูก จำนวนเงินของเช็คใบที่สองคือห้าแสนบาทสำหรับการฆ่าชีวิตใครคนหนึ่ง ใครคนหนึ่งที่เป็นสายเลือดของเขา ผู้ชายเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ทำไมเลวได้ขนาดนี้
ฉันหลงรักซาตานร้ายคนนี้ได้ยังไง ทำไมฉันโง่ขนาดนี้ รักคนแบบนี้ได้ไง
“เลิกทำหน้าอาลัยอาวรณ์พี่สักที พี่ไม่สนใจสายตาแบบนี้ พี่เบื่อเบลล์แล้วเบลล์ไม่มีความหมายอะไรเลย ต่อไปนี้เราจบกันนะ เรื่องของเรามิ้มจะไม่มีทางรู้ เก็บข้าวของเบลล์แล้วไปซะ พูดให้รู้เรื่องพี่ไม่ชอบพูดซ้ำ” เขาไม่แคร์อะไรฉันเลย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นทั้งที่เขาเพิ่งจะบอกให้ฉันไปเอาเด็กออก
เมื่อเขาไล่ ก็คงต้องไปไง ให้อยู่เพื่ออะไร
“เดี๋ยวค่ะ” ฉันเอ่ยเรียกเขาไว้ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าห้องนอน เขาหันมามองฉันด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ทำไม มันน้อยไปเหรอ จะเอาอีกเท่าไหร่ล่ะ” พี่กองทัพเดินกลับมาที่เดิมและกำลังจะก้มลงเขียนเช็คอีกรอบ
ฉันจึงลุกขึ้นเดินมาหาเขา วางเช็คเงินสดหนึ่งล้านใส่มือเขาไป “เปล่าค่ะ เบลล์แค่จะบอกว่า เบลล์ไม่เอาเงินนี่ ส่วนเงินห้าแสนเบลล์จะเอาไปจัดการมารหัวขนที่พี่บอกและชาตินี้ทั้งชาติเราอย่าได้เจอกันอีกนะคะ ให้เราหมดเวรหมดกรรมกันแค่ตรงนี้ จะไปตายที่ไหนก็ไป”
พูดจบฉันเดินออกจากห้องของเขามา ไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาสักอย่าง แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้มา มีแค่เช็คห้าแสนบาทที่เขาให้มาจัดการกับเด็กในท้อง
ไม่ได้เอาโทรศัพท์มาก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ไม่ต้องติดต่อกับมิ้มอีกเพราะฉันละอายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและทรยศหักหลังความไว้ใจที่มิ้มมีให้
มันถูกแล้วที่คนทรยศเพื่อนอย่างฉันโดนกระทำเช่นนี้ จบสิ้นกันกับเรื่องคาว ๆ จากนี้ฉันจะเลิกรักคนเลวคนนั้นให้ได้
ฟุบ! เสียงเตียงยุบหลังจากที่ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงที่ผมนอนงอนเป็นเด็กอยู่บนที่เตียง มือบางสอดเข้ามาโอบกอดที่เอวของผม แค่เธอกอดใจของผมก็เต้นแรง เธอแม่งรักผมจริง ๆ เธอไม่ได้ทิ้งผมไป ทำไมต้องดีกับผมขนาดนี้ด้วย ยิ่งเบลล์ดีมากเท่าไหร่ผมยิ่งละอายใจในสิ่งที่เคยผิดพลาด“ขอบคุณนะ” ผมบอกก่อนที่จะพลิกตัวตะแคงหันหาเบลล์โอบกอดร่างบอบบาง ช่วงล่างของผมกำลังแข็งเมื่ออยู่ใกล้เธอ แต่ผมจะพยายามอดกลั้นขอแค่นอนกอดก็คงพอ ขอเป็นสุภาพบุรุษสักครั้งเถอะ ที่ผ่านมาผมมันซาตานในสายตาเธอเบลล์นอนเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เรานอนกอดกัน มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบา ๆ ที่เป่ารดต้นคอของผม หลายปีมากแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกอบอุ่นแบบนี้ อ้อมกอดของเบลล์เหมือนจะเติมเต็มทุกอย่างที่ผมขาดหาย กอดนี้ทำให้ผมหลับสบายรู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่คลำมือหาร่างบางไม่เจอ ตรงที่เบลล์นอนมันเย็นเหมือนว่าเบลล์ลุกไปนานมากแล้ว ผมลืมตาขึ้นพบเจอกับความว่างเปล่า เธอไปแล้วงั้นเหรอ นี่ผมหลับสนิทจนไม่รู้สึกตัวเลยเหรอ รีบลุกจากเตียงแบบทุลักทุเลเพื่อไปตามหาเธอ ประตูห้องน้ำแง้มไว้แสดงว่าไม่อยู่ เดินเข้าไปในครัวมีเพียงหม้อข้าวต้มกุ้งกับโพสต์อิทแปะไว้‘ทา
“มาค่ะเดี๋ยวจะทำแผลให้” ร่างบางเดินกลับเข้ามาในห้องหลังจากที่เธอรับสายใครก็ไม่รู้ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดูมีความสุขฉิบหาย ผมนั่งนิ่งปล่อยให้เธอทำแผลที่โดนหมากัด ไอ้แผลที่ได้มาเนี่ยก็เพราะไอ้โชคช่วยของหมูน้อยมันกำลังโดนรุมอยู่หน้าร้าน ด้วยความห่วงหมาเพราะกลัวเจ้าของจะเสียใจ ผมก็ไปอุ้มไอ้โชคช่วยขึ้น แล้วบังเอิญไอ้หมาที่กัดไอ้โชคช่วยมันวิ่งเข้ามางับแขนของผมในจังหวะนั้นพอดี แยกหมาเสร็จผมก็ให้ไอ้เต้พาไอ้โชคช่วยไปหาหมอ ส่วนผมก็ทำแผลแบบลวก ๆ แล้วรีบมาหาพ่อตามคำสั่งที่โดนโทรตาม แต่พอมาถึงบ้านพ่อก็บอกว่าไม่มีอะไรแล้ว ผมปวดแขนก็เลยยัดเยียดตัวเองให้เบลล์มาส่ง แต่ใครจะรู้ว่าเธอจะเห็นใจผมจนมาดูแลเฝ้าไข้คนร้าย ๆ แบบผม ข้าวต้มกุ้งที่ไม่ได้กินมานานหลายปีรสชาติยังเหมือนเดิม เพราะฝีมือของคนเดิมที่เคยทำ“จะอาบน้ำเลยไหมคะ” เสียงของเบลล์ดังผมจึงก้มมองดูเธอทำแผลให้ผมเสร็จเรียบร้อย ผมสับสนกับตัวเอง อยากอยู่ใกล้ ๆ แต่บางทีก็อยากผลักไสเธอไปให้ไกล ผมเห็นเบลล์ทีไรมักมีวูบหนึ่งของความคิดจะคิดถึงวันที่ผมเคยไล่ให้ไปเบลล์เอาลูกออก ภาพจำของวันนั้นมันตอกย้ำซ้ำเติมว่าผมฆ่าลูกตัวเอง ผมมันเห็นแก่ตัว เมื่อเห็นหน้าเบลล์ก็เกิดคว
“หมากัด”“ไปหมอหรือยัง”“ไม่”“ไม่ไปได้ไง บ้าเหรอ หมากัดก็ต้องให้หมอฉีดยาสิ ปะ เปลี่ยนเสื้อผ้า ไปหาหมอกัน” ฉันเดินเข้าห้องไปหยิบกางเกงกับเสื้อผ้าเอามายื่นให้เขา ทว่าพี่กองปราบไม่รับเขาหันหน้ามองไปอีกทาง“เร็วค่ะ ไปหาหมอ ไปคลินิกก็ได้คุณยิ่งบ้า ๆ อยู่ เดี๋ยวพิษสุนัขบ้าแพร่กระจายแยกไม่ออกพอดีว่าบ้าเพราะอะไร เอ้า เร็วสิหรืออยากตาย ถ้าอยากตายฉันจะได้กลับ”“พี่” เขาพูดแล้วมองหน้าฉัน ให้เดาตอนนี้ฉันคงทำหน้างง“อะไรคะ”“พี่ปราบ เบลล์ต้องเรียกไม่งั้นพี่แบบนั้น ไม่งั้นพี่ไม่ไปหาหมอ” เขาพูดเอาแต่ใจและนอนเหยียดยาวที่โซฟาคือจำเป็นที่ฉันจะต้องแคร์เขาไหม เขาคิดว่าเขาสำคัญงั้นเหรอ “จะไปไหมคะ ถ้าไม่ไปฉันจะได้กลับ”“จะกลับก็กลับไปเลย ไม่ได้ขอให้มาวุ่นวายสักหน่อย” จริงด้วย ที่เขาพูดมามันก็ถูก ฉันเข้ามาวุ่นวายเองทั้งนั้น ฉันผิดเองที่เข้ามาเสือก ความจริงน่าจะปล่อยให้ตาย ๆ ไปซะ จะเป็นจะตายก็เรื่องของเขาฉันวางเสื้อผ้าเขาไว้ที่โซฟาแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายหยิบคีย์การ์ดออกจากกระเป๋าวางมันไว้บนโต๊ะ ไม่มาอีกแล้ว ต่อไปฉันจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับเขาอีก ยิ่งคิดถึงคำพูดร้าย ๆ ต่อมน้ำตาก็ทำงาน ฉันปาดน้ำตาแล้วเดินไป
“อ้าวคุณเบลล์” รปภ. ที่ฉันคุ้นหน้าเอ่ยทักเมื่อเห็นฉันหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง“สวัสดีค่ะพี่” ฉันยิ้มทักทายแล้วรีบเดินขึ้นลิฟต์เพราะนึกเป็นห่วงคนตัวร้อนที่ขึ้นไปก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ สุดท้ายแล้วฉันก็ใจอ่อนอีกตามเคย กลัวว่าเขาจะตายก็เลยต้องตามมาดูฉันรูดคีย์การ์ดที่ไม่ได้เก็บออกจากกระเป๋าหรือความจริงอาจจะไม่อยากเอามันออก เปิดเข้ามาภายในห้องดูเรียบ ๆ เหมือนไม่ค่อยได้อยู่อาศัย ฉันเอาของที่ซื้อมาไปวางที่โซนครัว จากนั้นก็เดินตามหาเจ้าของห้อง เปิดประตูห้องนอนเข้ามาเจอกับร่างหนานอนคว่ำหน้าอยู่กลางเตียง หวังว่าจะยังไม่ตายนะ นั่งที่ข้างเตียงแล้วยื่นมือไปแตะสัมผัสที่ร่างกายเขา มันร้อนยิ่งกว่าตอนอยู่บนรถหลายเท่า แบบนี้คงต้องเช็ดตัวให้ไข้ลดก่อน“นี่คงกะว่าจะนอนจมที่นอนจนไข้หายเลยมั้ง คิดแบบนั้นคงจะได้หายหรอก ตายก่อนสิไม่ว่า” ฉันบ่นพลางเดินหาผ้ากะละมังเตรียมเช็ดตัวให้เขา ถ้าฉันไม่ย้อนกลับมาเขาก็คงจะนอนอยู่แบบนี้จนอาการดีขึ้นหรือไม่ก็คงช็อกตายเพราะไข้ขึ้นสูง คนอะไรไม่รู้จักห่วงชีวิตของตัวเอง“ฮื้อ หนาว” เสียงคร่ำครวญของคนป่วยที่ฉันพยายามลากจากกลางเตียงมาอยู่อีกฝั่งเพื่อเช็ดตัวให้เขา
“คุณผู้หญิงรออยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ” สาวใช้ในบ้านของอดีตท่านประธานผู้มีพระคุณบอกและเดินนำฉันไป คุณหญิงมณีนัดให้ฉันมาพบที่บ้านในวันหยุด หลังจากที่ผ่านเรื่องราวที่ร้านอาหารมาสามวันแล้ว“หนูรัศมี แม่เป็นห่วงหนูมากเลยลูก เป็นยังไงบ้าง” คุณหญิงมณีลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาสวมกอดทั้งถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย สีหน้าคุณหญิงมณีดูไม่ดีเลย เกิดอะไรขึ้นหรือไอ้ผู้ชายห่าม ๆ เล่าเรื่องราวทั้งหมดไปแล้ว“สวัสดีค่ะคุณหญิง” ก่อนอื่นฉันยกมือไหว้คุณหญิงมณี“คุณหญิงอะไรกัน ต่อไปเรียกแม่นะลูกเพราะแม่จะให้หนูแต่งงานกับไอ้ตัวดีของแม่ที่มันบังอาจทำให้หนูเสียใจ”“แต่งงานทำไมคะ” หัวใจเต้นตึกตึก ถึงแม้ผู้ชายคนนั้นจะบอกฉันไว้แล้วว่าพ่อแม่ของเขาจะให้เราแต่งงานกัน ทว่าเมื่อได้ฟังจากปากคุณหญิงก็ทำให้ตกใจอยู่ดี“แม่รู้เรื่องทั้งหมดที่กองปราบลูกชายคนเล็กของแม่ทำแล้วนะ หนูไม่ต้องกลัว แม่จะแสดงความรับผิดชอบเอง” คุณหญิงมณีกุมมือฉันแล้วพามานั่งที่โซฟา“หนูว่าเรื่องมันนานมาแล้ว ปล่อยมันผ่านไปเถอะค่ะ ให้มันแล้วกันไป”“แต่แม่อยากได้หนูมาเป็นสะใภ้นะ แม่ไม่รังเกียจหนูเลย แม่อยากรับผิดชอบ” คุณหญิงมณีทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฉันควรทำอย่างไรด
คือผมทนไม่ได้ที่เห็นเธอร้องไห้ ไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำตาของเธอมีผลกับหัวใจผม ใจผมมันผิดปกติเหมือนกับเวลาที่เห็นหมูน้อยกำลังร้องไห้ ผมไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมร่างกายต้องทำเหมือนแคร์เธอ คนที่ผมรักมีแค่มิ้มคนเดียวมาตลอดแล้วเบลล์จะมีค่าอะไร เบลล์เป็นอะไรสำหรับผม“หิวข้าว” ก็แค่ไม่อยากเห็นเธอร้องไห้ ผมก็เลยพูดอะไรที่มันไม่เข้าท่า ทั้งที่ความจริงแล้วไอ้ตัวการที่ทำให้เธอร้องก็คือผม แค่ผมอยู่ห่างเธอก็คงจะมีความสุขแล้ว ทว่าผมไม่อยากทำแบบนั้น“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน” เบลล์เหวี่ยงสายตาร้าย ๆ มามองผม เหอะ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงอย่างเบลล์จะร้ายเป็น แต่ผมกลัวที่ไหนกันล่ะ ผมเนี่ยนะจะกลัวเบลล์ ไม่มีทาง“อยากให้กินเป็นเพื่อน”“ฉันไม่กินเป็นเพื่อนเป็นอะไรกับคุณทั้งนั้น จอดรถฉันจะลง”“อย่างี่เง่าดิเบลล์ พี่ก็แค่ไม่อยากให้เบลล์อยู่คนเดียว” ปากพล่อยพูดออกไปทำไมวะเนี่ย“ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวดีกว่าอยู่กับคนแบบคุณ ฉันไม่อยากอยู่ใกล้คนอย่างคุณ น่าขยะแขยง จอดรถ!” เบลล์สวนกลับแบบที่ผมตั้งตัวไม่ทันแล้วผมมันพวกความอดสูงซะที่ไหนล่ะเอี๊ยด! เสียงเบรกล้อลาก“ลงไปดิ ก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกนะ แค่เวทนาเท่านั้นแหละ” ปา