ช่วงเย็นฉันออกไปเก็บเสื้อผ้าบางส่วนและบอกน้าวันว่ามีคนจ้างทำงานเป็นงานพิเศษ มีที่พักให้ น้าวันไม่เอะใจอะไรสักนิดเพราะว่าฉันรับจ้างทำงานหลายอย่างมาตลอด น้าวันก็เลยไว้ใจ
เวลาสามทุ่มพี่กองทัพเดินเข้ามาในห้องของคอนโดหรู ที่ฉันรู้ว่ามันหรูเพราะฉันเห็นแล้วไงมันหรูมาก ๆ สูงหกสิบชั้นได้มั้ง ย่านคนมีเงินอยู่กันทั้งนั้น คนจนอย่างฉันไม่มีทางได้เฉียดเข้ามาเหยียบหรอก “พี่กินข้าวมาหรือยังคะ”
“ทำไมอะ เบลล์อยากไปกินข้างนอกเหรอ” พี่กองทัพถอดเสื้อหนังออก เดินไปแขวนไว้ตรงที่แขวนใกล้ ๆ ตู้เสื้อผ้า
“เปล่าค่ะ เบลล์จะบอกว่าเบลล์ทำเผื่อพี่ไว้อยู่ในครัวค่ะ อาหารบ้าน ๆ ไม่รู้พี่จะกินได้ไหม” ฉันก็แค่ทำเผื่อแผ่มนุษย์ร่วมห้องก็แค่นั้น เป็นความเคยชินที่ชอบทำกับข้าวเผื่อใครสักคนเพื่อเตือนตัวเองว่าฉันไม่ได้ตัวคนเดียว
พี่กองทัพมายืนด้านหลังโซฟาแล้วโน้มตัวมาหอมแก้มฉัน กลิ่นน้ำหอมอบอวลใกล้ ๆ ตัวฉัน ตึก ตึก ตึก ใจมันเต้นแรง สั่นไหวแปลก ๆ นี่ฉันกำลังคิดไม่ซื่อกับคนรักของเพื่อนงั้นเหรอ ไม่ดิ ไม่ได้ มันผิด ฉันต้องห้ามรู้สึก “ขอบใจนะ กินข้าวกันปะ”
“เบลล์กินแล้วค่ะ” ฉันต้องนิ่ง ต้องนิ่งให้มากกว่านี้ อย่าใจสั่นเพียงเพราะเขาหล่อน่าหลงใหล อย่าได้ลืมว่าเขาคือคนรักของมิ้ม มิ้มเพื่อนรักมึงนะเบลล์
“ถ้างั้นนั่งเป็นเพื่อนหน่อย ไม่ชอบความเหงา” พี่กองทัพกระซิบที่ใบหู ร่างกายฉันมันสั่นสะท้าน
“ค่ะ”
หลังจากที่นั่งเฝ้าพี่กองทัพกินข้าวจนหมด พี่กองทัพก็สั่งให้ฉันอาบน้ำอีกรอบเขาเข้ามาอาบด้วยแล้วก็ทำเรื่องอย่างว่ากับฉันในห้องน้ำ จบลงที่เตียงนอน เกิดคำถามที่ก่อกวนใจ ฉันจึงตัดสินใจถาม “ระหว่างที่เราอยู่ด้วยกันเบลล์สามารถถามอะไรพี่ได้บ้างคะ หมายถึงช่วงที่พี่ยังไม่เบื่อเบลล์ เบลล์จะได้ทำถูก”
“เรื่องส่วนตัวทุกอย่างของพี่เบลล์ไม่ต้องรู้ ระหว่างนี้ห้ามพูดเรื่องมิ้ม แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือห้ามรักพี่ เพราะพี่ไม่ได้รักเบลล์ พี่แค่ชื่นชอบร่างกายของเบลล์เท่านั้น” พี่กองทัพพูดแล้วจูบที่แผ่นหลังอย่างเบาบาง คำพูดที่กลั่นออกมาจากปากเขา ทำหัวใจของฉันปวดหนึบ ฉันช่างดูไร้ค่า ทำไมโชคชะตาถึงกลั่นแกล้งคนจน ๆ แบบฉันขนาดนี้ ทุกข์อยู่แล้วก็ถูกกลั่นแกล้งให้ทุกข์เข้าไปอีก “ไม่ต้องห่วงนะ ระหว่างนี้เบลล์จะมีเงินใช้ พี่ไม่ให้เบลล์ลำบากหรอก”
ปากร้ายอะไรขนาดนี้
“เบลล์ไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะคะ” ฉันหันไปจิกตาใส่ ใบหน้าหล่อยกยิ้มมุมปาก
“หรือเบลล์จะให้พี่ฟรี ๆ ล่ะ แบบนั้นก็ได้นะพี่ชอบ ของฟรีดี ๆ หายาก” เขาว่าพลางขยับใบหน้ามาใกล้ ๆ แล้วก็จูบที่จมูกของฉัน “ไม่รู้ทำไมพี่ถึงชอบกลิ่นตัวเบลล์พี่มาก ๆ อยากจะกอดไว้แบบนี้ไม่ให้ห่างตัว”
เขากำลังพูดอะไร เขากำลังทำให้ผู้หญิงโง่ ๆ อย่างฉันสับสน
ฉันกำลังสับสน จัดการอารมณ์และความรู้สึกไม่ได้ ที่แน่ ๆ ฉันจะรักพี่กองทัพไม่ได้ เขาเป็นคนรักของมิ้ม เขาแค่ชอบร่างกายฉัน อย่าทำให้ตัวเองเจ็บนะเบลล์ อย่าเป็นผู้หญิงไร้ยางอายมากไปกว่านี้
“เบลล์ง่วงแล้ว ขอนอนนะคะ” ฉันดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเปลือยเปล่า
“หึหึ เด็กน้อย” พี่กองทัพจูบที่กลุ่มผม ขาก่ายลงที่ร่างกายฉัน มือใหญ่บีบคลึงหน้าอกเบา ๆ ฉันปล่อยให้เขาทำ ก็หวังว่าสักวันอันใกล้นี้เขาคงจะเบื่อร่างกายนี้ หวังว่าใจฉันจะมีภูมิต้านทาน
หลายวันต่อมา
ฉันยืนทำข้าวต้มกุ้งอยู่ในครัว เพราะใช้ชีวิตตามลำพังกับน้าวันสองคน ด้วยไม่อยากให้น้าวันที่รักเหมือนแม่เหน็ดเหนื่อยมากนัก ฉันจึงคอยช่วยงานบ้านคอยแบ่งเบาภาระหน้าที่ บางทีก็ทำกับข้าวไว้รอ ลองผิดลองถูกจนกระทั่งเก่งเรื่องการทำอาหาร
“อยู่นี่เอง ถึงว่าพี่คลำมือหาทำไมไม่เจอ” เสียงมาก่อนตัวฉันหันไปมอง พี่กองทัพเดินออกมาจากห้องนอนด้วยกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว เส้นผมดกดำปกคลุมหน้าผากเพราะไม่ถูกจัดทรง ดูธรรมชาติ ดูเป็นกันเองที่สุด เขาเดินมาสวมกอดจากด้านหลังคางวางที่ไหล่ มือสอดเข้ามากอดแล้วก็ขยับมาจับมือฉันที่ถือทัพพีเคี่ยวข้าวต้มในหม้อ เขากำลังทำให้ใจของฉันเต้นแรงอีกแล้ว หลายวันมานี้ฉันไม่เป็นตัวเองเลย “ทำอะไร หอมเชียว”
“ขะ ข้าวต้มกุ้งค่ะ” กระอักกระอ่วนท้องไส้ปั่นป่วนหายใจไม่ทั่วท้อง ยามเขาสัมผัสผิวก่อเกิดความวาบหวามอยู่บ่อยครั้ง
“น่ากินจัง พี่ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน เดี๋ยวมากินด้วย” เขาหอมที่แก้มก่อนจะเดินจากไป ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างที่มีงานศิลป์อยู่เต็มหลัง ภาพมังกรกลางหลังทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มหลงใหล เมื่ออยู่บนแผ่นหลังกำยำมันคืองานศิลปะที่สวยงาม
น่าเสียดายที่รักไม่ได้ ต้องห้ามรัก ทั้งที่เป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตถ้าเป็นคนสุดท้ายได้คงจะดี เพราะว่าฉันก็ไม่อยากผ่านมือชายหลายคน
“ทำให้กินทุกวันนะ พี่ชอบอร่อยดี” ข้าวต้มกุ้งถ้วยที่สามวางที่โต๊ะทานข้าวตรงหน้าพี่กองทัพ
“ค่ะ” ฉันพูดแค่นั้นแล้วนั่งกินข้าวต้มในถ้วยต่อ จะทำให้กินทุกวันได้ไง ในเมื่ออีกไม่นานเขาก็เบื่อฉัน นี่คงกำลังพูดให้ฉันหลงใหลอยู่ใช่ไหม
“กินเสร็จแล้วเบลล์ไปเตรียมตัวนะ ไปร้านกับพี่”
ฉันเงยหน้ามองพี่กองทัพด้วยสีหน้ามึนงง ตัดสินใจเอ่ยถามแบบกล้า ๆ กลัว ๆ “เบลล์ถามได้ไหมว่าร้านอะไรคะ”
“ร้านสัก”
“เบลล์ไม่ชอบ” ไม่เคยมีในหัวว่าไปสถานที่นั้นเพราะว่าฉันไม่ชอบ ขึ้นชื่อว่าร้านสักผู้ชายต้องเยอะอยู่แล้ว
“แต่พี่ชอบ เบลล์ต้องไป” เขาว่าจบก็ตักข้าวใส่ปาก
“เอาแต่ใจ” บังคับเก่ง
“อะไรนะ” หูดีด้วย เงยหน้าขึ้นมาจ้องฉันแล้ว
“อะไรคะ” ฉันเลยต้องแสร้งเฉไฉไม่รู้เรื่อง ไม่งั้นได้โดนเขาดุอีก
“หึ หึ พี่คงได้ยินผิดมั้ง” เมื่อพูดจบพี่กองทัพก็ยิ้มก่อนจะตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก จากนั้นเขาลุกจากเก้าอี้เดินมาหาฉันมือค้ำที่โต๊ะโน้มตัวลงใบหน้าเราเสมอกัน ใกล้ชิดชนิดที่ว่าสัมผัสได้ถึงลมหายใจ พี่กองทัพหอมที่แก้มฉันหนึ่งครั้ง เลื่อนใบหน้าไปที่ใบหู กระซิบเบา ๆ ว่า “แต่อย่าพลาดพูดบ่อย ๆ นะครับ เพราะอาจจะโดนลงโทษได้”
หัวใจของฉันกำลังถลำลึก บางอย่างกำลังเกิดขึ้น เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“แม่เบลล์ขา” เสียงประตูห้องน้ำดังจากนั้นก็มีเสียงเล็ก ๆ ที่ฉันไม่ได้ยินมาเกือบเดือนดังขึ้น ฉันหันไปมองภาพตรงหน้า ลูกสาวของฉัน ลูกสาวของฉันจริง ๆ ด้วย หมูน้อยส่งยิ้มมาให้ฉัน พี่กองปราบลุกไปอุ้มลูกสาวมานั่งที่เตียง ความดีใจเพิ่มขึ้นทวีคูณรู้ว่าตัวฉันท้องความดีใจก็มีมากมายแล้ว ทว่าลูกสาวสุดที่รักตื่นมายิ้มให้ฉันยิ่งดีใจ ในที่สุดหมูน้อยของแม่ก็กลับมา“หมูน้อยของแม่” โน้มตัวลูกสาวลงมากอด ดีใจที่สุดเลย ฉันทั้งกอดทั้งหอมซ้ำ ๆ เพราะความคิดถึงที่สะสมมาเนิ่นนาน “แม่คิดถึงหนูมากเหลือเกิน”“แม่เบลล์ร้องไห้ทำไมคะ ไม่ร้องนะคะ แม่เบลล์กำลังมีน้องคุณหมอบอกว่าห้ามแม่เบลล์เศร้า” มือเล็กปาดน้ำตาที่อาบสองแก้มฉัน น่ารักเหลือเกินลูกสาวของฉัน หมูน้อยน่ารักที่สุด“แม่รักหมูน้อยมากนะลูก คิดถึงหนูสุดหัวใจเลย” ฉันโอบลูกสาวไว้ในอ้อมอก คือดีใจ ดีใจเหลือเกินที่เราได้กอดกันอีกครั้ง“ต้องรักพ่อด้วยนะครับแม่เบลล์ หมูน้อย” พี่กองปราบขยับเข้ามากอดฉันและหมูน้อย เราสามคนมองหน้าและส่งยิ้มให้กัน ในที่สุดฉันก็มีความสุขเสียที ในที่สุดครอบครัวของเราก็เป็นครอบครัวหลายเดือนผ่านไป...“พ่อปราบดูแลแม่เบลล์ดี ๆ นะคะ แล้วหมูน้อยจ
“หมอครับช่วยเมียผมด้วย” ผมตะโกนจนสุดเสียง สิ่งที่ผมกำลังประสบเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย ลูกสาวเพียงคนเดียวหยุดหายใจ หัวใจของผมก็แทบจะหยุดเต้นตาม แต่นี่เมียสุดที่รักจู่ ๆ ก็มาเป็นลมหมดสติในอ้อมกอดของผม ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ไร้เรี่ยวแรงเหมือนโลกของผมมันค่อยมืดลงเรื่อย ๆ หมอและพยาบาลรีบเข้ามาให้การช่วยเหลือเบลล์ ส่วนคนที่เหลือกำลังตรวจเช็กอาการหมูน้อยที่ลืมตาตื่นเดี๋ยวนะ! ลืมตาตื่น เฮ้ย ลูกสาวของผมฟื้นแล้ว เธอปลอดภัยแล้ว ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ส่งลูกสาวของผมกลับมาให้เป็นแสงสว่างในชีวิตผม“ลูกสาวของคุณฟื้นแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ส่วนภรรยาของคุณหมอจะดูแลอย่างเต็มที่ ขอตัวครับ” หมอหนุ่มหมอเจ้าของไข้ของหมูน้อยบอกกับผม จากนั้นไม่นานก็มีรถมาเข็นเบลล์ไป“เป็นยังไงบ้างครับคนเก่ง” ผมถามลูกสาวตัวน้อยที่กำลังมองมาทางผมตาปริบ ๆ ผมเลือกที่จะอยู่ดูอาการของลูกสาวก่อนแล้วค่อยไปหาเบลล์ ผมเชื่อว่าถ้าเบลล์รู้ว่าลูกของเราฟื้นแล้วเธอต้องอยากให้ผมทำแบบนี้เหมือนกัน“พ่อปราบ” น้ำเสียงแหบพร่าพยายามเปล่งเรียกชื่อของผม รอยยิ้มบาง ๆ ของหมูน้อยทำให้ผมยิ้มได้อย่างสุขใจ ลูกสาวที่ผมเฝ้ารอให้เธอตื่นขึ้นมาหาวันน
“สุขสันต์วันเกิดนะครับลูกสาวของพ่อ หนูรู้ไหมพ่อดีใจมากนะที่เราเกิดวันเดียวกัน ตื่นมาเป็นของขวัญวันเกิดให้พ่อสิครับคนเก่ง พ่อกับแม่คิดถึงหนูมากเลย” พี่กองปราบพูดคุยกับลูกสาวที่หลับใหลอยู่บนเตียงผู้ป่วยมานานเกือบเดือน วันนี้เป็นวันเกิดของหมูน้อยและเป็นวันเกิดของพี่กองปราบพี่กองทัพด้วย“อย่ามีน้ำตาสิคะคุณพ่อคนเก่ง วันนี้วันดีห้ามร้องไห้” ฉันเดินมาแตะเบา ๆ ที่ไหล่ของพี่กองปราบเมื่อเสียงเขาสั่นเครือ“แต่หนูร้องแล้วนะตอนนี้” พี่กองปราบพูดพร้อมยื่นนิ้วมือมาปาดน้ำตาให้ฉัน ไม่ได้เรื่องเลยฉัน อยากจะปลอบเขาแต่ตัวเองร้องก่อนอีก“ก็เบลล์คิดถึงลูก อยากกอด อยากหอมตอนลูกตื่น อยากได้ยินเสียง อยากให้ลูกลุกขึ้นมาอ้อน ลุกขึ้นมาบอกรัก ลุกมาถามนั่นนี่” พร่ำบอกขณะที่พ่อของลูกโอบเอวฉันไว้ คือเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ไหม ต่อให้หมอบอกว่าลูกของฉันปลอดภัยดี ทว่าไม่อยากจะเชื่อเพราะถ้าปลอดภัยจริงลูกสาวของฉันต้องฟื้นขึ้นมาสิ“อย่าร้องสิเบลล์ พี่จะร้องตามแล้วนะ” เขาทำให้ยิ้มทั้งน้ำตาด้วยใบหน้าอ้อน ๆ“วันนี้ที่บ้านของพี่นัดกันไปทำบุญไม่ใช่เหรอคะ” ฉุกคิดขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามเพราะพี่กองปราบต้องไปทำบุญกับครอบครัว คุณหญิงมณีโทร
“เบลล์จะไม่ถามพี่หน่อยเหรอ” เพราะทนกับความเงียบไม่ไหวจึงต้องเป็นคนเอ่ยปากถาม ก็เมียของผมเล่นเงียบไม่พูดไม่จา เธอนั่งกินข้าวเงียบ ๆ ไม่มองไม่ถามผมสักคำ ทำเอาคนที่มีความผิดติดตัวอย่างผมถึงกับร้อนรนทนไม่ได้ต้องเป็นฝ่ายพูดฝ่ายถาม“ถามเรื่องอะไรคะ” เบลล์ยังคงก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปากไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าหล่อ ๆ ของผมสักนิดโอเคครับ ผมก็รู้ว่าผมผิดที่ตะคอกใส่เธอในวันนั้น ซึ่งมาทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่แปลกที่เธอจะเอ่ยปากถามเพื่อสร้างความเชื่อใจในตัวผม เพราะแซนมันส่งรูปของผมกับมันช่วงเวลาหลังจากที่มันปัดโทรศัพท์มือถือของผมทิ้งมาให้เบลล์ดู ถ้าผมรู้ ผมคงเลือกที่จะอธิบายมากกว่าพูดจาตะคอกถากถางแบบนั้น เพราะสิ่งที่ผมทำลงไปทำให้เบลล์คิดมาก ทำให้เบลล์เสียใจ“ก็ทุกเรื่องที่เบลล์กำลังรู้สึกไม่ดี”“ถามได้ด้วยเหรอคะ” ใบหน้านิ่งเฉยเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม เออ เบลล์แม่งกำลังย้อน ผมก็เข้าใจแหละ“เบลล์” ผมเรียกและมองด้วยสายตาที่รู้สึกผิด“ไม่เอาหรอกค่ะ ไม่อยากเสียความรู้สึกอีก” พูดจบก็ลุกจากเก้าอี้ หยิบจานข้าวของตัวเองไปเก็บ ปล่อยให้ผมนั่งกินข้าวคนเดียว แทบจะกินไม่ลงเพราะจุกคำพูดของเมีย ผมรู้เรื่
ฉันกดวางสายพี่กองปราบแล้วปิดเครื่องทันที ฉันผิดมากใช่ไหมที่ถามไปแบบนั้นเพราะอยากจะรู้ความจริง ฉันแค่ไม่อยากเป็นคนโง่มันผิดมากหรือไง แค่ต้องการฟังจากปากของพี่กองปราบ อยากได้ยินจากเขา แค่เพียงเขาตอบกลับมาว่า ‘ไม่ใช่ พี่กับผู้หญิงคนนั้นเป็นเพียงเพื่อนกัน’ ฉันก็พร้อมจะเชื่อเขา แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น พี่กองปราบไม่ตอบแล้วเลือกที่จะโวยวายใส่ด้วยเมื่อเขาแสดงอาการแบบนี้ ฉันจึงจำใจต้องเชื่อรูปที่ส่งมาให้ฉันใช่ไหม ทั้งที่พยายามบอกตัวเองว่าเข้าใจผิดรูปที่ส่งมาให้เป็นรูปที่พ่อของลูกยืนให้ผู้หญิงที่เขาบอกกับฉันว่าเป็นแค่เพื่อนหอมแก้มกอดคอ แบบนี้แค่เพื่อนจริงเหรอ ผิดมากหรือไงที่ฉันจะถามเอาความจริง ทำไมต้องตะคอกกันด้วยเบลล์ต้องเชื่อใช่ไหมว่าเขาเป็นแค่เพื่อนของพี่ แต่ว่า เพื่อนที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ นี่มันเกิดเพื่อนแล้ว นั่งร้องไห้ในมุมมืดที่โซฟา ไม่อยากจะให้ลูกสาวที่หลับใหลรับรู้ว่าพ่อกับแม่มีปัญหากัน ถึงแม้เธอจะหลับแต่ฉันเชื่อว่าเธอต้องรับรู้เช้าวันต่อมา...“อาการโดยรวมของน้องคงที่นะครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เราทำได้แค่รอน้องตื่น”“ค่ะ” ฉันตอบหมอเพียงแค่นั้น เพราะหมอพูดประโยคนี้จนฉันชินชา แต่ก็ยังดีท
“มึงทำอะไรของมึง” ถามด้วยความไม่พอใจเมื่อโทรศัพท์ในมือของผมตกลงไปในอ่างน้ำพุโดยฝีมือของเพื่อนที่มันเคยบอกว่ารักผมมากเกินกว่าเพื่อนและตอนนี้มันยังเป็นหลานสาวของบริษัทที่ต้องเซ็นสัญญาร่วมกัน ทว่าสัญญายังไม่ได้เซ็น“นั่นเหรอเมียมึง”“เออ มึงจะทำไม แล้วมึงมีสิทธิ์อะไรมาปัดโทรศัพท์กูทิ้ง” ผมคว้าแขนของแซนแล้วบีบเน้นแรง ๆ ระบายความโมโห ใจอยากจะทำมากกว่านี้ แต่เพราะมันเป็นหลานคุณนิพล ผมถึงต้องใจเย็น“สิทธิ์ที่กูเป็นหลานสาวของคนที่จะทำให้บริษัทมึงก้าวหน้ากว่าตอนนี้ไงปราบ มึงลืมแล้วเหรอ” ผู้หญิงตรงหน้าแสยะยิ้มที่เหนือกว่าผมเคยคิดว่าแซนเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมไม่คิดแบบนั้นแล้วเพราะแซนมันดึงเวลาไม่ยอมให้ลุงของมันเซ็นสัญญา ทั้งที่คุณนิพลลุงแท้ ๆ ของมันจะเซ็นตั้งแต่เมื่อวันก่อน แต่ด้วยความที่แซนมันเป็นหลานสาวคนเดียวและคุณนิพลไม่มีลูก การตามใจจึงเกิดขึ้น แซนมันก็โตเป็นผู้ใหญ่แต่ทำไมมันกลับแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้ ผมโคตรจะโมโหแต่ก็ต้องเก็บกดไว้ให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี“มึงต้องการอะไร” ผมว่าผมเริ่มจะเกลียดมันมากขึ้นเรื่อย ๆแซนยิ้มก่อนจะยกแขนขึ้นมาคล้องที่คอผม “กูก็ต้องการมึงไงป