Chapter 2
[2/2] “งั้นเราเข้าข้างในกันเถอะจ้ะหยก เกรงว่าคนแถวนี้เขาจะเริ่มหงุดหงิดเอาได้” “ค่ะ พี่ธาดาเรารีบเข้าไปกันดีกว่าค่ะ หนูเองก็เริ่มหนาวๆ แล้วเหมือน ป่ะ!” เพราะอากาศที่ติดกับทะเล ทำให้ตอนกลางคืนเริ่มหนาวเย็นบ้างแล้ว หญิงสาวร่างบางหันหน้ามาพร้อมยื่นมือไปควงแขนชายหนุ่มรุ่นพี่เข้าไปในร้านพร้อมกัน ปิ่นหยกไม่รู้ว่าเขามีเรื่องไม่พอใจอะไรตั้งแต่เธอคุยกับเพื่อนสนิทของเขา ชายหนุ่มก็เอาแต่ทำหน้าบึ่งตึงใส่พนักงานต้อนรับหลายคนจนกระทั่งเดินมานั่งที่โต๊ะโซนห้องวีไอพีด้านบน “รับเครื่องดื่มอะไรคะหนูจะได้สั่งให้” “หนูยังทำงานกับไอ้หน้าตี๋นั่นอยู่อีกหรอ? นึกว่าธุรกิจของมันจะเจ๊งไปแล้วซะอีก” ภัทรกาฬยื่นรับเมนูเครื่องดื่มจากพนักงานมาแล้วและยังไม่ได้เปิดดู คนตัวโตไม่ได้ตอบคำถามอะไรของปิ่นหยกแต่ถามหญิงสาวกลับด้วยสีหน้าขุ่นเคือง “เขาชื่อมาร์วินไม่ใช่ไอ้หน้าตี๋” คือจะจะชวนทะเลาะกันให้ได้ว่างั้น บรรยากาศร้านออกจะดูผ่อนคลายแต่ทำไมมันเริ่มอึดอัดขึ้นมาแล้วก็ไม่รู้ ปิ่นหยกรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเธอกับคนที่นั่งกอดอกทำหน้าๆ มีพอใจตรงหน้าเคยมีเรื่องในอดีตที่บาดหมางกันมาก่อนถึงขั้นต้องขึ้นโรงพักกันมาแล้ว ก็จะเป็นเรื่องอะไรได้อีกล่ะถ้าไม่ใช่เป็นเพราะแฟนเก่าของเขาคนนี้ยังไงล่ะ “แล้วก็เผื่อไม่รู้อีกนะ ว่าวันนั้นวินไม่ได้ทำอะไรพี่พลอยเลย” “หึ! เข้าข้างมันจังเลยนะ หรือว่าเกิดอยากจะเปลี่ยนใจจากพี่แล้วไปคบกับมันเหมือนอย่างที่ไอ้ธาดาพูด” มันก็ใช่ที่เขากับไอ้หน้าตี๋นั่นไม่ลงรอยกัน เพราะว่าตอนนั้นเป็นงานวันเกิดของพลอยแฟนเก่าเขาเอง แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้นไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรืออะไรที่ทำให้แพรพลอยกับไอ้มาร์วินอะไรนั่น นอนกอดนัวเนียกันอยู่ห้องชั้นบนของคลับแห่งหนึ่ง “แล้วพี่ไม่คิดบ้างหรอ ว่ามันอาจจะเป็นแผนของแฟนเก่าพี่ที่อาจจะอยากได้เพื่อนหนูอยู่ก็ได้นะ” “ก็ไม่แน่หรอก มันอาจจะเป็นแผนร่วมมือกันของเพื่อนสนิทที่อยากจะแยกแฟนเค้าออกจากกันอยู่ก็ได้” คนตัวโตเปลี่ยนสีหน้าพูดพร้อมกระตุกรอยยิ้มร้าย ทั้งที่เขาและพลอยก็ยังคบกันอยู่เพียงแต่ตอนนั้นก็ยังระหองระแหงกันอยู่ และวันนั้นเขาเองก็บอกกับเธอว่าจะตามไปฉลองวันเกิดกับเธอทีหลัง ขอเคลียร์งานส่งอาจารย์ก่อนแล้วจะตามไป แต่แล้วพอไปถึงสถานบันเทิงแห่งนั้นก็ใกล้จะปิดแล้ว เขาตามหาแพรพลอยทุกที่ทั่วร้านแต่กลับไปพบเธออยู่ด้านบนของคลับและในห้องนั้นก็ไม่ได้มีเธอเพียงแค่คนเดียว นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของความแตกหัก “พี่จะคิดยังไงก็ช่างพี่เหอะ ถึงหนูจะชอบพี่มากแต่ก็ไม่ได้แปลว่าตอนนั้นหนูอยากจะให้พี่เลิกกันหรอกนะ หนูรู้สถานะตัวเองดีว่าเป็นยังไง” ใครมันจะอยากทำแบบนั้น ถึงเธอจะชอบเขามากขนาดไหนแต่ก็รู้ถูกรู้ผิดอยู่บ้างไหมล่ะ “ถ้าหนูรู้แบบนั้นก็ดีแล้ว พี่จะได้ไม่ต้องย้ำกันให้มากความ” ภัทรกาฬหันหน้ามาเปิดเมนูเครื่องดื่มบนโต๊ะบ้าง ทั้งที่ก็ไม่ได้สนใจมันเลยสักนิดเพียงแต่ในใจกลับคิดวนๆ อยู่กับเรื่องคืนนั้นที่ทำให้เขาเลิกกันกับแพรพลอยทั้งที่เขาเห็นว่าเธอนอนอยู่กับผู้ชายคนอื่นแท้ๆ เขาแค่เสียใจแต่ไม่ได้คิดจะบอกเลิกเธอเลย ทว่าเป็นเธอเองที่เป็นฝ่ายบอกเลิกเขาด้วยเหตุผลที่ว่าเธอทำผิดกับเขาเธอนอนกับผู้ชายคนอื่นเธอไม่กล้าสู้หน้าเขาแล้ว หลังจากเรียนจบและเลิกกันไปชายหนุ่มพยายามติดต่อกับเธอทุกช่องทางแต่แพรพลอยไม่ยอมตอบกลับข้อความของเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเขาควรจะเป็นฝ่ายโกรธเธอไม่ใช่หรอ “กลับมาไทยคราวนี้ จะมาหลอกอะไรหนูอีกล่ะ หรือโสดอีกแล้ว เหอะ! คราวนี้จะกี่เดือน?” จบโทรอบที่แล้วก็กลับมาอยู่ไทยได้แค่ปีเดียวแถมยังบอกกับเธอว่าจะเปิดตัวคบกันแบบจริงจัง จะพาไปเปิดตัวให้ทุกคนรู้และจะไม่รอแพรพลอยอีกแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็โดนพ่อสั่งกลับไปเรียนต่อเอกที่บอสตันอีกรอบ เขาไม่ติดต่อเธอมาอีกเลยทั้งที่ก็เห็นอัพสตอรี่ไอจีบ่อยครั้งแถมยังมียัยแหม่มอกอึ๋มที่ไหนไม่รู้ในสตอรี่นั่นอีก “ข่าวไวจังนะ ไอ้ธาราเป็นคนมารายงานล่ะสิ หนูก็รู้ว่าพี่ทนใครได้ไม่นานหรอกถ้าไม่ใช่หนูน่ะ” อยู่เมืองนอกเขาใช้ชีวิตหลังเลิกเรียนตามประสาผู้ชายที่ยังมีความต้องการอยู่เรื่อยๆ ก็เท่านั้น ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรกับใครหรอก “แล้วแหม่มคนนั้นไม่เด็ดสู้แฟนเก่าพี่ได้เลยหรอ ถึงต้องกลับมาหาหนูอีก” “ไม่มีใครสู้พลอยได้หรอก” ว่าพลางนั่งเขี่ยโทรศัพท์อยู่ไปเรื่อยๆ จนเลื่อนมาเจอโพสล่าสุดจากอินสตาแกรมของ Ployly_Ployy ‘อากาศหนาว คนหนาวก็เหงาแย่ ปล.กลับไทยเดือนหน้าแล้วงับ’ พร้อมแนบรูปถ่ายหน้าระเบียงห้องที่มีหิมะตกลงมาปอยๆ จะกลับไทยงั้นหรอ? “น้องเดี๋ยวพี่สั่งเครื่องดื่มเลยละกัน พี่เอา Penfolds Grange Hermitage 1951 อันนี้ค่ะ แค่นี้จ้ะ” เออ! ก็ไม่มีใครสู้ได้หรอก ดีไปหมดแหละคนนั้นอ่ะ ขนาดเห็นตำตาว่านัวเนียกันอยู่ในห้องกับคนอื่นยังโทษว่าเพื่อนเขาวางยาได้เลย อวยยศแฟนเก่าดีนักใช่ไหมเดี๋ยวแม่จะสั่งของมากินให้จ่ายไม่ไหวเลยคอยดู! “เฮ้ยๆ สั่งอะไรขนาดนั้นรู้ไหมว่าไวน์นั้นมันราคาเท่าไหร่” คนที่เอาแต่ก้มหน้ามองโทรศัพท์พอได้ยินชื่อยี่ห้อไวน์ยุโรปราคาแพงนั่นถึงกับเงยหน้าขึ้นถาม “จะเป็นถึงท่านรองประธานบริษัทอสังหาฯยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายก็ไม่เป็นไรนะคะหนูสั่งไปแล้ว แต่จะโทรให้วินมาเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้ก่อนก็ได้ค่ะ” ปิ่นหยกพูดแบบนี้เพราะรู้ดีว่ายังไงเขาก็ต้องจ่ายได้อยู่แล้วก็แค่มื้อนี้ราคาแรงไปหน่อยกว่าที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะการหยิบเอาชื่อคนที่เป็นคู่อริของเขามาพูดนั่นหมายความว่าภัทรกาฬจะยอมน้อยหน้าไม่ได้เด็ดขาด “หยุดเลยนะ เป็นแค่เพื่อนมันไม่ใช่หรอแล้วทำไมมันต้องมาจ่ายไวน์ขวดละเป็นล้านแบบนั้นให้เธอด้วย แล้วอีกอย่างพี่ก็ยังไม่ได้บอกว่า ‘ไม่มีปัญญาจ่าย’ เลยสักหน่อย ก็แค่ไวน์ไม่กี่ขวดอย่าคิดว่าเจ้านายเธอมันจะเหนือกว่าพี่สิ เป็นแค่เจ้าของรีสอร์ทเล็กแค่ไม่กี่แห่งจะมาสู้เจ้าของโรงแรมห้าดาวได้ยังไง” คนตัวสูงถึงกับดีดตัวนั่งหลังตรงทันทีหลังจากได้ยินชื่อของไอ้หน้าตี๋นั่นอีกครั้ง คอนเซ็ปของเขาน่ะหรอ เสียเงินไม่ว่าแต่จะเสียหน้าให้ไอ้หน้าตี๋นั่นไม่ได้!Chapter 8[8/2]08.00 น.วันนี้ปิ่นหยกตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว ใบหน้าสวยในตอนนี้ดูโทรมขึ้นมากแถมยังมีขอบตาดำคล้ำบวมซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากเรื่องเมื่อคืนนี้ร่างบางคงยังเตรียมอาหารไว้รอชายหนุ่มที่ยังนอนขดตัวอยู่บนโซฟาด้านนอก จริงๆ เพ้นท์เฮาส์นี้ไม่ได้มีห้องนอนแค่ห้องเดียวแต่ทำไมชายหนุ่มถึงไปนอนอยู่แบบนั้นปิ่นหยกเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันแม้ว่าจะทะเลาะหรือจบความสัมพันธ์กันแล้วก็ตาม ปิ่นหยกยังคงอยากเห็นมิตรภาพของเราทั้งสองอยู่ อาจจะในฐานะคนรู้จัก หรือในฐานะพี่น้องก็ได้อาหารสำหรับเช้านี้ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นปิ่นหยกจึงเดินเข้าไปนำกระเป๋าเดินทางของตัวเองออกมาจากห้องนอน เผื่อว่ากินกันข้าวเสร็จและให้เวลาภัทรกาฬทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย ก็จะได้เดินทางกลับคอนโดของเธอเลยเมื่อนำของออกมาเสร็จเรียบร้อยจนแน่ใจว่าไม่น่าจะลืมอะไรแล้ว ร่างบางจึงเดินเข้าไปปลุกคนตัวสูงที่ยังคงหลับอยู่“พี่นาฟ ตื่นได้แล้ว นี่ .....ตื่นได้แล้วค่ะ” คนตัวเล็กยืนเขย่าแขนร่างสูงอยู่แบบนั้น แต่พอได้สัมผัสแขนของเขากลับรู้สึกว่าอุณหภูมิบนร่างกายของเขามีไออุ่นร้อนๆ แผ่ซ่านออกมา“อ้ะ! ทำไมตัวร้อนขนาดนี
Chapter 8[8/1]ร่างสูงบดจูบเข้ากับริมฝีปากบางจนคนตัวเล็กแทบจะไม่มีจังหวะหายใจได้สะดวก มือหนาข้างหนึ่งค่อยๆ เลื่อนลงไปด้านล่าง พร้อมกับค่อยๆ ล้วงมือเข้าไปใต้กระโปรงเดรสไหมพรมสีดำรัดรูปนั้น นิ่วแกร่งเกี่ยวเอาเพนตี้ตัวจิ๋วด้านในที่จากสัมผัสแล้วพอเดาได้ว่าคงจะเป็นลายลูกไม้จริงแท้แน่นอนเมื่อปราการด้านในถูกดึงลงจนสุดเรียวขาเล็ก ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะส่งนิ่วแกร่งเข้าไปสำรวจด้านในร่องสวยจากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว จนคนที่เคลิ้มไปกับสัมผัสจูบรสเร่าร้อนนั้นเผลอครางออกมาด้วยความตกใจ“อื้ม! ยะ หยุดนะ! อื้อออ!” ร่างบางพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของภัทรกาฬ ทว่ากลับไม่เป็นผล จนกระทั่งสักพักร่างสูงยอมปล่อยออกมาเอง เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ขัดขืนแล้วเพี๊ยะ!! “เราจบกันแค่นี้ หนูไม่เอาแล้ว ......พอแล้วว่ะ พอแล้วจริงๆ ฮึก!”“ทำไม? แล้วที่ผ่านมาล่ะ ไหนว่าอยู่ได้ ทนได้ รอได้ แล้วนี่กะจะหนีกันไปงั้นหรอ? เหอะ!”“พี่เคยโทษตัวเองบ้างไหม? ที่ผ่านมาหนูยอมมาตลอด เป็นหนูที่ทนมาคนเดียวอ่ะ หนูก็ได้แต่ถามตัวเองว่ากูแมร่งจะทนอยู่ไปเพื่ออะไรวะ ทนแมร่งอยู่แบบเนี้ยได้ตั้งหลายปีอ่ะทั้งที่เขาก็ไม่ยอมชัดเจนไม่ยอมพาไปไหนมาไหนให้คน
Chapter 7[7/2]21.00 น.ตี๊ด!! แกร่ก!!“ไปไหนมา! ทำไมโทรไปแล้วไม่รับ?”ทันทีที่ร่างบางของปิ่นหยกเดินเปิดประตูเดินเข้ามาเพ้นท์เฮาส์สุดหรูขนาดใหญ่นี้ ก็พบกับร่างสูงที่ยืนกอดอกจ้องหน้าทำตาเขียวใส่อยู่หน้าประตูแล้ว คงจะหงุดหงิดโมโหหิวหรืออะไร แต่คงไม่ใช่เพราะเป็นห่วงแน่นอนเธอรู้สึกแบบนั้น“ก็ลงไปซื้อของมาทำอาหารไง ดุจัง”คำสุดท้ายคนตัวเล็กได้แต่พูดเบาๆ คนเดียว ก่อนจะเดินถือของเข้าไปในครัว โดยที่มีภัทรกาฬเดินตามเข้าไปด้วย“ดึกขนาดนี้ทีหลังไม่ต้องออกไปแบบนี้คนเดียวอีก สั่งเอาก็ได้ ถ้าเกิดอันตรายขึ้นมาจะทำไง? หนูไม่รู้จักแถวนี้นะ ไปไหนมาไหนก็ต้องโทรบอกพี่ด้วย”“หนูก็ไปแปบเดียวพี่จะอะไรนักหนา ขี้บ่น”แต่คราวนี่คำสุดท้ายคนตัวจงใจให้คนตัวสูงได้ยิน ใบหน้าสวยย่นจมูกเข้าหากันเหมือนประชดคนที่ยืนบ่นทำตัวราวกับเป็นพ่อคนที่สองหลังจากนั้นไม่นานอาหารก็พร้อมเสิร์ฟบนโต๊ะ โดยเจ้าของห้องเป็นช่วยถือออกมาวางไว้แถมยังช่วยจัดจานจัดโต๊ะ ทำหน้าที่ลูกมือได้เป็นอย่างดีแม้ว่าเมื่อครู่จะมีเหตุให้เกิดการทะเลาะกันบ้างแต่ก็สามารถดึงสถานการณ์กลับมาให้เป็นปกติได้เหมือนเดิมหากคนหนึ่งเงียบไม่เดือดตามด้วยเรื่องมันก็จบ ซึ
Chapter 7[7/1]กว่าที่ทั้งสองจะภารกิจกันจนตอนนี้ก็เป็นเวลา 2 ทุ่มกว่าแล้ว ทั้งสองร่างเปลือยเปล่านอนกอดกันแน่นหนาบทเตียงขนาดคิงไซส์ โดยมีลำแขนแกร่งวางทาบบนเอวคอดส่วนมืออีกข้างนั้นวางไว้ทับหน้าอกนุ่มของหญิงสาว ขนาดหลับแล้วยังไม่วายนัวเนียกับร่างกายของร่างเล็กทว่าคนตัวเล็กรู้สึกอึดอัดจากสัมผัสจากคนตัวใหญ่บ้างแล้ว ก่อนจะขยับพลิกตัวจะหันหน้าไปทางอื่นแต่แรงจากปราการที่กอดรัดกลับทำให้ปิ่นหยกขยับตัวได้อย่างยากลำบาก จนต้องลืมตาตื่นขึ้นมา“อืม ขยับออกไปหน่อย” ร่างบางเขย่าแขนแกร่งหวังให้คนตัวสูงขยับตัวให้บ้าง จนภัทรกาฬต้องตื่นขึ้นมาอีกคน“นอนนิ่งๆ หน่า” คนพี่ยังเอาแต่ใจพร้อมกระชับอ้อนแขนหนาขึ้น“ค่ำแล้วหนูจะไปทำอาหาร”“พี่เหนื่อย นอนอีกสักพักเถอะนะ” ภัทรกานเริ่มทำหน้างอแงเป็นเด็กไปแล้วหนึ่ง“นี่! ลุกเลย งั้นก็นอนอยู่แหละหนูจะไปทำอะไรให้กินก่อน” คนปิ่นหยกขอทนไม่ไหวบ้าง จะมางอแงนอนกกกันต่อไปแบบนี้อีกเมื่อไหร่จะได้ทำอย่างอื่นบ้าง“อืมมม ก็ได้ เร็วนะๆ หิว” คนงอแงเมื่อสักครู่นี้ถึงกับต้องยอม เมื่อเห็นแววตาดุจากปิ่นหยก เดี๋ยวถ้าอารมณ์ไม่ดีมีหวังเขาอดต่ออีกรอบดึกแน่ๆ ไม่รู้ว่าทำไมกับคนๆ นี้ถึงมีให้กิ
Chapter 6[6/2]@ The Willington N Penthouse Thonglorหลังจากที่กลับมาจากคลับของณัฐกานเมื่อคืนนี้กว่าคนตัวโตจะอุ้มร่างเล็กขึ้นมาบนห้องได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากเจ้าตัวนั้นเกิดอยากจะงอแงอะไรขึ้นมาอีกก็ไม่รู้ นอนนิ่งจมกองอ้วกตัวเองอยู่เบาะด้านหลังไม่ยอมให้เขาถูกเนื้อต้องตัว เอาแต่บ่นพึมพำว่าจะกลับบ้านตัวเองอย่างเดียว จนเขาต้องออกแรงฉุดกระชากลากถูขึ้นมาบนห้องได้ร่างบอบบางในชุดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีขาวที่ต่างจากชุดเมื่อคืนกำลังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนาบนเตียงขนาดคิงไซส์ แต่กลับไร้เงาของคนที่อุ้มขึ้นมาเมื่อคืนครึ่งตัวด้านซ้ายอยู่ในผ้าห่มแต่ครึ่งตัวด้านขวากลับพาดขาเข้ากับหมอนข้าง อิริยาบถรวมๆ แล้วตอนนี้คงจะนอนหลับลึกมากถึงขั้นไม่รู้เลยว่าเสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูดังขึ้นไม่รู้ว่ากี่รอบได้แล้วบนหน้าปัดนาฬิกาข้างหัวเตียงยังคงเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแสงส่องสว่างจากพระอาทิตย์เลยมาเกินครึ่งค่อนวันแล้วยังไม่สามารถทำให้ร่างบางตื่นอาจเป็นผลจากม่านหนาทึบสีเข้มบวกกับรอบๆ บริเวณห้องนอนไม่มีการเปิดไฟเลยสักดวง จึงทำให้หญิงสาวที่กำลังนอนอยู่ไม่รู้สึกตัวง่ายแกร่ก!! ครืดดด(เสียงเลื่อนประตู
Chapter 6[6/1](NARF TALK)ค่ำคืนราตรีภายใต้แสงไฟหลากสีลอยระยิบระยับประดับทั่วทุกมุมร้านทำให้ผู้คนที่ท่องเที่ยวต่างสนุกหลงใหลไปกับกับน้ำเมาหลายยี่ห้อหลายสูตรชงผสมกัน หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวใบหน้าหมวยอย่างปิ่นหยก ที่ไม่สามารถปฏิเสธแก้วเหล้าเพื่อนของผมได้“ถ้าไม่ไหวก็พอได้แล้ว” ผมก้มหน้าหันมากระซิบบอกคนตัวเล็กที่ตอนนี้มองดูหน้าแล้วเหมือนคนแพ้กุ้งมาอย่างนั้นเลย“อื้มม ไม่อาวสิ!! ไหนใครมาาว ไม่มีใครเมาซะหน่อย” มือของผมกำลังจะยื่นมือมาจับแขนร่างบางให้ลุกขึ้นจากที่นั่งเตรียมออกจากร้าน ทว่าคนที่กำลังจะถูกดึงให้ลุกขึ้นนั้นกลับสะบัดแขนออกก่อน(1 ชม. ก่อนหน้า)‘เออ แล้วเรื่องที่มึงจะหมั้นกลับน้องดารันปีนี้ พ่อมึงว่าไงบ้างวะ’‘ก็ยังพูดคำเดิม’‘อย่างงั้นหรอวะ แล้วมึงไม่คิดจะยอมหมั้นให้แม่งจบๆ ไปวะ กูว่าก็ไม่ได้เสียหายอะไรป่าววะ? น้องเค้าก็ทั้งน่ารัก เรียนก็เก่ง เป็นถึงลูกสาวตระกูลผู้ลากมากดี นิสัย ......ก็คงดีแหละมั้ง เออนั่นแหละ มึงก็ลองพิจารณาใหม่ดูดิ่ ไหนๆ มึงก็ไม่ได้มีใครอยู่ไม่ใช่หรอวะ’‘กุว่าเราหยุดพูดเรื่องนี้เถอะ ปวดหัวว่ะ’นั่นคือบทสนทนาระหว่างผมกับเพื่อนสนิทก็คือไอ้บอม ถามว่าทำไมผมไม่ห้า