01
ณ หมู่บ้านเล็กท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามและเงียบสงบในยามเช้าตรู่ มีเสียงสัตว์ตัวน้อย ๆ ส่งเสียงร้องต่อกันไปทั่วบริเวณ เป็นสัญญาณให้กับเหล่าผู้อาศัยได้รู้ถึงเพลาในยามเหม่าและยามโหย่ว หญิงสาวผู้ที่หลับใหลมาเป็นเวลาหลายวัน เนื่องจากพิษไข้เริ่มขยับเปลือกตาลืมขึ้นช้า ๆ ก่อนจะกระพริบตาถี่หวังปรับแสงของดวงตาให้คุ้นชิน ลำคอแห้งผาก นางค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นนั่งพลางกวาดสายตากลมโตไปทั่วเรือนไม้เก่า โดยไม่ลืมที่จะมองสำรวจร่างกายของเธอด้วย ไม่นานนักคิ้วโค้งสวยได้รูปก็เริ่มขมวดขึ้นด้วยความขุ่นงง ริมฝีปากอวบซีดขยับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง " ที่นี่ที่ไหนกันแล้วทำไมฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ โอ๊ยปวดหัวจัง! " หญิงสาวจำได้ว่าเธอวิ่งขึ้นรถเมล์มาทำงานแล้วรถเมล์ที่เธอนั่งมันก็เกิดพลิกคว่ำขึ้น ขณะนั้นเธอรู้สึกเบลอและชาไปหมดทั้งตัว ไม่นานสติของเธอก็ดับวูบลงไม่รับรู้อะไรอีกเลย แต่ทว่าเมื่อสักครู่เธอกลับรู้สึกปวดหัวขึ้นมาฉับพลันพร้อมกับความทรงจำใหม่ไหลเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว ถ้าเดาไม่ผิดมันน่าจะเป็นความทรงจำของเจ้าของร่างที่เธอเข้ามาอยู่อย่างแน่นอน หญิงสาวยังคงใช้มือเรียวสวยกุมขมับของเธอเอาไว้แน่น ในขณะที่ประตูไม้เก่าถูกเปิดออกกว้างด้วยฝีมือของบุรุษหนุ่มรูปงาม ร่างสูงกำยำ ดวงตาเฉี่ยวคมของจิ้งจอกหนุ่มเหลียวมองฟูเหรินของตน ยามเห็นนางนั่งกุมขมับมีสีหน้าที่เจ็บปวดอย่างมาก จึงไม่รอช้ารีบเร่งฝีเท้าก้าวเข้ามาหานางโดยเร็ว พร้อมเอ่ยถามอาการของนางอย่างเป็นห่วง " เสี่ยวลู่เจ้าฟื้นแล้ว เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง เจ้าเจ็บที่ใดเจ้าเอ่ยบอกข้าได้หรือไม่ " หูหลี่เอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน เขาเป็นห่วงนางมากยิ่งได้เห็นนางแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาเช่นนี้ก็ยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก ท่อนแขนแกร่งโอบกอดนางเอาไว้หวังให้มันช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ให้นางได้ แต่ทว่ามันกลับไม่สามารถช่วยนางได้เลยแม้แต่น้อย นางยังคงใช้มือกุมศีรษะของนางไม่ปล่อย หญิงสาวยังคงใช้มือเรียวสวยกุมขมับของเธออยู่แบบนั้นอยู่สักพัก ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนมือเรียวสวยของเธอลงมาแล้วช้อนใบหน้าเรียวสวยขึ้นมาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่กำลังโอบกอดร่างของเธออยู่ด้วยความเป็นห่วง แววตาเฉี่ยวคมของเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอยู่ไม่น้อย จนเธอเผลอไผลจ้องมองเขาอยู่นาน " เสี่ยวลู่เจ้าบอกข้ามาสิว่าเจ้าปวดหัวมากใช่หรือไหม เหตุใดเจ้าจึงมิยอมเอ่ยตอบข้าเลย ข้าเป็นห่วงเจ้ามากเลยรู้หรือไหม " หูหลี่เมื่อสบโอกาสจึงเอ่ยถามเสี่ยวลู่ในทันท่วงที ดวงตาคมเฉี่ยวจ้องมองนางไม่วาง ภายในใจร้อนรุ่มกระวนกระวายไปหมด ยามเห็นนางเจ็บปวดตนเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกัน " ข้ามิเป็นไร ขอบใจท่านมากที่เป็นห่วงข้ามากเช่นนี้ " ลู่ปิงปิงที่ได้ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมกลับคืนมาทั้งหมดก็ได้แต่คลี่ยิ้มให้กับสวามีของเจ้าของร่างที่เธอได้เข้ามาอาศัยอยู่อย่างอ่อนโยน ลู่ปิงปิงไม่รู้ว่าเธอจะต้องอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่ลู่ปิงปิงคนนี้สัญญาว่าตอนที่เธออาศัยอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้เธอจะพยายามทำหน้าที่ภรรยาที่แสนดีเท่าที่เธอจะทำได้เพื่อตอบแทนเจ้าของร่างนี้ก็แล้วกัน หลังจากที่ลู่ปิงปิงได้ความทรงจำของผู้หญิงคนนี้มามันทำให้เธอรู้กระจายชัดว่าวิญญาณของเธอได้หลุดเข้ามาอยู่อีกมิติภพหนึ่ง ซึ่งความทรงจำนี้มันก็ทำให้เธอรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนี้ที่มีนามว่าหลิน เสี่ยวลู่ ซึ่งนางเป็นบุตรีคนโตของรองเสนาบดีกรมกลาโหมหลิน ซีจางกับหลิน เสี่ยวหมี่ บุตรีคนกลางของเสนาบดีกรมพระคลัง เสี่ยวลู่มีน้องในสายเลือดด้วยกันสองคน น้องคนกลางจะเป็นน้องชายมีนามว่า หลิน เสี่ยวหมิง ส่วนอีกคนจะเป็นน้องสาวคนเล็กมีนามว่า หลิน เสี่ยวเหมย ซึ่งทั้งคู่ต่างเป็นบุตรที่หลิน ซีจางกับหลิน เสี่ยวหมี่ รักมากยิ่งกว่าสิ่งใดต่างจากเสี่ยวลู่ที่เป็นลูกชัง จะมีเพียงท่านปู่ของนางเท่านั้นที่รักและเอ็นดูนาง นั้นจึงทำให้นางรักท่านปู่ของนางไม่ต่างกัน ในวันที่เสี่ยวลู่ได้เข้ามาอยู่ภายในเรือนเก่าที่ทรุดโทรมของสวามี นางก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจสวามีแต่อย่างใด ทว่านางกลับมีความสุขเสียมากกว่า นางอยู่ที่ใดก็ได้ขอเพียงให้นางได้หลุดพ้นออกมาจากจวนแห่งนั้นก็เพียงพอแล้ว นางรู้ดีว่าบิดามารดาของนางไม่ได้รักนางเลยแม้แต่น้อย นางจึงไม่เอ่ยคัดค้านต่องานแต่งในครั้งนี้ของนางกับบุรุษหนุ่มผู้ที่ช่วยเหลือชีวิตของท่านปู่ที่นางรักเอาไว้ เพื่อตอบแทนเขาตามเจตนารมณ์ของท่านปู่ กระทั่งเสี่ยวลู่ได้รู้ว่าที่แท้จริงสวามีของนางไม่ใช่คน แต่เป็นจิ้งจอกที่สามารถแปลงร่างเป็นคนได้ คราวแรกนางก็มีอาการหวาดกลัวอยู่บ้าง จนกระทั่งนางได้รู้เบื้องหลังของสวามี นางจึงเกิดความสงสารและเห็นใจเขาอยู่ไม่น้อย จากนั้นเป็นต้นมานางและสวามีก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเหมือนเคยมาโดยตลอด จนก่อเกิดเป็นความรักระหว่างทั้งคู่ขึ้นมา หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงจิ้งจอกเท่านั้นที่สามารถแปลงร่างเป็นคนได้ แต่ยังมีสัตว์อีกมากมายที่สามารถแปลงร่างเป็นคนได้อาศัยอยู่ ณ ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ผู้คนในหมู่บ้านจะไม่ดูถูกดูแคลนเหยียดหยามซึ่งกันและกันเด็ดขาด จะคอยให้เกียรติและช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ดีหรือลำบากก็ตาม ซึ่งผู้นำของหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ใช่ใครที่ใดแต่เป็นสวามีของเสี่ยวลู่เอง คราวแรกเสี่ยวลู่เองก็รู้สึกเอะใจว่าเหตุใดสวามีของนางผู้เป็นถึงผู้นำหมู่บ้านจึงไม่มีเรือนที่มีสภาพดีกว่านี้ ทว่านางก็ไม่กล้าเอ่ยถามเขาออกไป เนื่องจากคิดว่าเขาอาจจะมีความเฉลียวฉลาดมากกว่าผู้อื่นจึงมีผู้คนแต่งตั้งเขาให้เป็นผู้นำก็ได้ ซือ หูหลี่กับหลิน เสี่ยวลู่ใช้ชีวิตครองคู่กันอย่างมีความสุขมาโดยตลอด เสี่ยวลู่มักจะออกไปหาสมุนไพรกับซูซู่สาวรับใช้ของนาง เพื่อนำมาทำเป็นโอสถต่าง ๆ เอาไว้รักษาผู้คนในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่เสมอ กระทั่งเสี่ยวลู่เป็นไข้ป่ากระทันหันนอนซมอยู่หลายวัน หูหลี่กับซูซู่นำโอสถที่เสี่ยวลู่ได้ปรุงเอาไว้ นำมาต้มให้นางดื่มทั้งสามเพลา แต่นั้นก็ยังไม่สามารถทำให้อาการของนางดีขึ้นมาได้เลย หนำซ้ำยังทำให้อาการของนางย่ำแย่ลงหนักขึ้นไปอีก แต่ทั้งสองก็ไม่ลดละความพยายามแต่อย่างใด กระทั่งนางฟื้นขึ้นมาอีกครา ทว่าครั้งนี้คนที่ฟื้นขึ้นมามันกลับเป็นซิน ลู่ปิงปิงไม่ใช่หลิน เสี่ยวลู่ " คุณหนูท่านฟื้นแล้ว " ซูซู่สาวรับใช้วิ่งกรูเข้ามาหาคุณหนูของนางด้วยความดีใจอย่างมากที่สุด ตั้งแต่คุณหนูของนางเป็นไข้ป่าไม่มีวันใดที่นางจะไม่รู้สึกเป็นกังวลและเป็นห่วงคุณหนูของนางเลยสักครั้ง " อื้ม...ข้าฟื้นแล้วซูซู่ ข้าต้องขอบใจท่านหูหลี่กับเจ้ามากนะที่คอยอยู่ดูแลข้าเช่นนี้ แต่ยามนี้ข้ากระหายน้ำมากเลย " ลู่ปิงปิงในร่างของเสี่ยวลู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง เธอรู้สึกกระหายน้ำมากในขณะนี้ " ได้เจ้าค่ะคุณหนูคุณหนูรอซูซู่สักครู่นะเจ้าคะ " ซูซู่เทน้ำภายในกระบอกไม้ไผ่ใส่กระบอกแก้วไม้ไผ่ยื่นมาให้แก่หูหลี่ เพื่อให้บุรุษหนุ่มนำมาให้แก่คุณหนูของนาง หูหลี่ป้อนน้ำให้เสี่ยวลู่ดื่มจนหมด ก่อนจะส่งแก้วกระบอกไม้ไผ่กลับคืนให้แก่สาวรับใช้ของฟูเหรินของตน ซูซู่เองก็รู้ว่าสวามีของคุณหนูเป็นจิ้งจอกที่สามารถแปลงร่างเป็นคนได้ ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่นางก็ไม่ได้ให้ความสนใจต่อสิ่งเหล่านี้แต่อยากใด ในเมื่อคุณหนูของนางอยู่ที่นี่ได้นางเอกก็อยู่ได้เช่นกัน คุณหนูของนางเคยกล่าวเอาไว้ว่าในเมื่อผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่เคยคิดที่จะปองร้ายหรือทำร้ายผู้ใดก่อน เหตุไฉนพวกนางจึงจะต้องเกรงกลัวอันใดต่อพวกเขาเหล่านี้ด้วย ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ล้วนแต่ดีกับนางและคุณหนูของนางมาก ช่างแตกต่างจากที่นางและคุณหนูอยู่ที่จวนมากนัก ซูซู่รักที่แห่งนี้และซูซู่เองก็รู้ดีว่าคุณหนูของนางก็รักที่นี่ไม่ต่างกัน... เชิงอรรถ^ 1^ยามเหม่า (卯) = 05.00 - 06.59 น. 2^ยามโหย่ว (酉) = 17.00 - 18.59 น. 3^เสนาบดีกรมพระคลังหรือหู่ปู้ (户部; 戶部) ทำหน้าที่เป็นกระทรวงการคลัง ดูแลการจัดเก็บภาษี รายได้แผ่นดิน เบิกจ่ายงบประมาณไปยังสำนัก กรม กอง ต่าง ๆ นอกจากนั้นยังทำหน้าที่คล้ายกรมทะเบียนราษฎร์ด้วย 4^เสนาบดีกรมกลาโหมหรือปิงปู้ (兵部) เสนาบดีกรมนี้ทำหน้าที่ด้านธุรการทางทหารมากกว่าถือกำลัง 5^ฮูหยิน (ภาษาจีนแต้จิ๋ว) ฟูเหริน (ภาษาจีนกลาง) = ภรรยา19จ้าวจื่อเหนียงนั่งอยู่บนโขดหินจ้องมองการต่อสู้ของลูกสมุนอยู่เงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าภรรยากำลังจะทำลายค่ายกลที่ปกป้องต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์จึงกระโดดลงจากโขดหินมุ่งตรงไปหาภรรยาทันที หยี่หมิงใช้พลังของนางที่มีทั้งหมดไปยังค่ายกลหวังทำลาย นางใช้เวลาอยู่สักพักแผงค่ายกลก็เริ่มร้าวและแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่ร่างของนางจะลงไปนั่งฟุบกับพื้นดินด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่ใช้พลังไปมาก จ้าวจื่อเหนียงและหลิวถาเอ๋อร์มิรอช้ารีบเข้ามายืนอยู่ข้างต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ผนึกค่ายกลถูกทำลาย ทั้งสองหวังนำเอาแก่นกลางต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำไปปลดผนึกหวังคืนชีพให้กับจอมราชาปีศาจอย่างซีจ้าวเหว่ยและนำส่วนที่เหลือของต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ไปทำเป็นโอสถขายให้กับปีศาจในเผ่าชิงหรางที่ปราบร่างโคลนมายาที่หูหลี่สร้างขึ้นได้ทั้งหมดแล้วก็ลอยตัวมายืนอยู่ข้างกายของหลิวถาเอ๋อร์ โดยมีปีศาจลูกสมุนที่บำเพ็ญตบะถึงขั้นกลางสิบกว่าตนยืนอยู่ข้างหลังจ้าวจื่อเหนียงและหลิวถาเอ๋อร์รวมพลังกันเพื่อดึงเอาแก่นกลางต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ โดยมิสนใจหยี่หมิงที่เป็นภรรยาแถมยังสูญเส
18หมู่บ้านใหม่ฉิงอี้ลู่ปิงปิงยืนอยู่บนเรือนไม้ไผ่สองมือจับราวกั้นของเรือนเอาไว้ ใบหน้ากลมสวยแหงนขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวงสีเลือด หวนคิดถึงสามีที่อยู่ต่อสู้กลับเผ่าปีศาจ ณ หมู่บ้านฉิงอี้แต่เดิม หวังว่าการย้อนมาในอดีตของเธอจะทำให้เผ่าสัตว์อสูรแคล้วคลาดจากภัยพิบัติในครั้งนี้ไปได้ เพราะเธอไม่อยากสูญเสียใครไปอย่างในภพชาติของเธออีกแล้ว หูหลี่กลับมาอย่างปลอดภัยตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอด้วย ขอร้องล่ะ" คุณหนูดึกมากแล้วเข้าไปพักผ่อนเถอะนะเจ้าค่ะ หากคุณหนูมิสบายขึ้นมาแล้วท่านหูหลี่กลับมาพบเข้า ซูซู่อาจจะโดนท่านหูหลี่ทำโทษเอาได้นะเจ้าคะ " ซูซู่พยายามหาคำกล่าวให้สมเหตุสมผล เพื่อให้คุณหนูของนางได้พักผ่อนบ้าง ตั้งแต่มาที่นี่คุณหนูของนางก็เอาแต่เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ณ หมู่บ้านฉิงอี้แต่เดิม นางมั่นใจว่าท่านเขยจะต้องชนะศึกในครั้งนี้เป็นแน่ มิใช่เพียงแค่นางเท่านั้น แต่ทว่าสัตว์อสูรที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน" ข้าอยากอยู่ตรงนี้อีกสักประเดี๋ยว ซูซู่เจ้าคิดว่าท่านพี่จะชนะศึกในครั้งนี้ได้หรือไม่ " ลู่ปิงปิงเอ่ยถามสาวรับใช้ในขณะที่ใบหน
17หน้าประตูหมู่บ้านฉิงอี้พระจันทร์สีเลือดปรากฏขึ้นพร้อมกับกองกำลังปีศาจที่มาเยือนอยู่หน้าประตูของหมู่บ้านฉิงอี้ โดยมีจ้าวจื่อเหนียง (ปีศาจงูแดงผู้พี่) จ้าวซินเหว่ย (ปีศาจงูดำผู้น้อง) หลิวถาเอ๋อร์ (ปีศาจหงส์เพลิง-น้องสาวของจอมราชาปีศาจ) และหยี่หมิง (องค์หญิงเผ่ามนุษย์) นำทัพในครั้งนี้ ค่ายกลที่ถูกร่ายปกคลุมหมู่บ้านฉิงอี้ทำให้กองกำลังของเผ่าปีศาจไม่สามารถเข้าโจมตีหมู่บ้านได้ในทันที " หมู่บ้านแห่งนี้ถูกร่ายค่ายกลป้องกันเอาไว้ขอรับท่านจ้าว " ซิงซือหังปีศาจสามตากล่าวรายงานต่อนายท่านของตน หากต้องการทำลายค่ายกลป้องกันนี้จะต้องใช้พลังอยู่มิน้อย" เรื่องค่ายกลปล่อยให้ข้ากับซินเหว่ยเป็นผู้ทำลายเอง หากค่ายกลถูกทำลายแล้ว ท่านจ้าวและปีศาจทุกตนเข้าโจมตีหมู่บ้านแห่งนี้ได้เลย " หลิวถาเอ๋อร์กล่าวจบก็ลอยตัวขึ้นไปอยู่กลางอากาศคู่กับคู่หมั้นของนาง ก่อนที่ทั้งสองจะร่ายพลังใส่ค่ายกลของหมู่บ้านฉิงอี้ มินานค่ายกลป้องกันก็ถูกทำลายลง" ปีศาจทุกตนบุกเข้าโจมตีได้ ทำลายเผ่าสัตว์อสูรทิ้งให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่ตนเดียว! " จ้าวจื่อเหนียงสั่งการเสียงดัง" เย้! ฆ่า! ฆ่า!
16ป่าลึกฐานลับของเผ่าปีศาจมุมปากหนาแสยะยิ้มออกมายามเห็นข้อความลับด้านในของแผ่นกระดาษ ในที่สุด...ในที่สุดก็หาเจอเสียที ฮ่า ฮ่า ฮ่า " หลงซูเจ้าจงไปบอกปีศาจทุกตนและมนุษย์ที่ติดตามให้เตรียมตัวให้พร้อมถึงเวลาที่เรารอคอยกันแล้ว "" ขอรับนายท่าน ปีศาจทุกตนและพวกมนุษย์ทั้งหลายจงฟัง พวกเจ้าจงเตรียมตัวกันให้พร้อมในอีกมิช้ากองกำลังเผ่าปีศาจจะมาถึงฐานลับของพวกเรา ต่อจากนี้ถึงเวลาที่เผ่าปีศาจจะบุกเข้าโจมตีพวกเผ่าสัตว์อสูรเสียทีและแย่งชิงต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์มาเป็นของเผ่าปีศาจของพวกเราซะ เพื่อช่วยให้ท่านจอมราชาปีศาจของพวกเราฟื้นคืนชีพได้สำเร็จ " " เฮ้! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! " ปีศาจติดตามพากันส่งเสียงดังสนั่นป่าทึบ นานเท่าใดแล้วที่พวกมันมิได้ออกไล่ล่าเช่นนี้ จึงทำให้พวกมันฮึกเหิมกันใหญ่" ท่านพ่อ " เซียวหลี่หันมาเอ่ยเรียกบิดาของตน หากเป็นเช่นนี้เผ่าสัตว์อสูรคงได้จบสิ้นจริง ๆ แน่" ทำตามแผนของพวกมันไปก่อนแล้วจากนั้นค่อยคิดหาวิธีกันใหม่ " ผู้อาวุโสเว่ยหันมาตอบบุตรชายเสียงแผ่ว จากสถานการณ์ตรงหน้าพวกตนจะต้องคิดหาวิธีการตั้งรับกับสถานการณ์นี้กันใหม่เสียแล
15 ชิงหรางที่ตามหาต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกดูแลจากเผ่าสัตว์อสูรตามบัญชาเทพสวรรค์ นางใช้เวลาสามวันสามคืนในที่สุดนางก็พบที่ซ่อนของต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ ห่างออกไปจากหมู่บ้านฉิงอี้ 1 ลี้ ต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ถูกซ่อนเอาไว้ในถ้ำลึก บริเวณปากถ้ำถูกร่ายค่ายกลบังตาเอาไว้หากเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือเป็นปีศาจที่บำเพ็ญตบะน้อยนิดก็มิอาจเห็นทางเข้าของถ้ำนี้ได้ รอบต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์มีแสงสีทองอร่ามเปล่งออกมาอยู่ตลอด ผลิผลสีแดงออกมามากมาย บริเวณโคนก้านของผลจะมีปีก 5 ปีก เป็นรูปขอบขนาน เชื่อมอยู่ระหว่างโคนปีกและผลยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ภายในถ้ำแห่งนี้จะมีคริสตัลสีแดงงอกออกมากระจัดกระจายตลอดทางเดิน ซึ่งคริสตัลเหล่านี้มีแสงเปล่งออกมาทำให้ถ้ำมิมืดและน่ากลัวแถมยังมีสมุนไพรหายากบางชนิดเกิดภายในถ้ำแห่งนี้ด้วย บริเวณปากถ้ำจะมิมีผู้คุ้มกันจะมีก็แต่เพียงบริเวณต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น สัตว์อสูรที่คุ้มกันมีทั้งหมดหกตน ยืนล้อมต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ทำให้ตัวนางมิสามารถเข้าไปใกล้ต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงถอยหลังออกมาจากที่แห่งนี้ก่อน ยังไงซะต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องตกเป็นของเผ่าป
14เรือนแม่ทัพเหยาชูร่างสูงกำยำของผู้เป็นเจ้าเรือนกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่ศาลาไม่ไกลจากห้องของตัวเองและห้องของสตรีที่พามารักษามากนัก สายตาคมเฉี่ยวทำการกวาดมองไปทั่วบริเวณของเรือน หวังหาผู้ร้ายที่แอบรุกรานเข้ามาในยามวิกาล แต่แท้จริงแล้วกลับกำลังมองหาสตรีที่เจ้าตัวได้นำออกมาจากป่า เพื่อพามารักษาอาการบาดเจ็บเมื่อไม่นานมานี้ต่างหาก ซึ่งนางมีนามว่าชิงหราง นางอ้างว่าตัวของนางเป็นชาวบ้านมนุษย์ธรรมดาที่ออกมาเก็บสมุนไพรไปขายเพื่อประทังชีวิตก่อนยามโหย่วสตรีนางนี้ได้มาขอตนออกไปซื้อของกับสาวรับใช้ที่อยู่ในเรือนมานาน กระทั่งบัดนี้เข้ายามซวีแล้วทั้งสองยังมิกลับมากันเลย หรือไม่ทั้งสองก็อาจจะเกิดเหตุมิคาดฝันขึ้นกลางทาง มิได้ตนจะต้องออกไปตามหาทั้งสอง คืนปล่อยไว้แบบนี้มิดีแน่ เหยาชูวางแก้วชาลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นจากเกาอี้กำลังจะเดินออกจากศาลา แต่ทว่าเจ้าตัวยังไม่ได้ก้าวเท้าออกจากศาลาเลยแม้แต่ก้าวเดียว ชิงหรางกับสาวรับใช้ก็เดินเข้ามาภายในเรือนเสียก่อน ชิงหรางเข้ามาภายในเรือนของแม่ทัพได้ก็สั่งให้สาวรับใช้นำของที่ซื้อมาไปเก็บภายในห้องนาง ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหาท่านแ