02
" เสี่ยวลู่เจ้าหิวหรือไหม " หลังจากป้อนน้ำให้กับเสี่ยวลู่เสร็จหูหลี่ก็เอ่ยถามนางในทันท่วงที ลู่ปิงปิงในร่างเสี่ยวลู่ไม่ได้เอ่ยตอบหูหลี่ เธอทำเพียงพยักหน้าให้กับเขาเท่านั้น ก่อนที่เขาจะหันไปสั่งการต่อสาวรับใช้ของฟูเหรินอย่างซูซู่ให้นำสำรับอาหารเข้ามาให้นางทาน " ซูซู่เจ้าจงออกไปนำสำรับมาให้กับคุณหนูของเจ้าได้ทานเถอะ " " เจ้าค่ะท่านหูหลี่ " ซูซู่โค้งรับคำสั่งของหูหลี่แล้วถอยหลังลุกออกไปจากเรือนไม้เก่า วันนี้นางทำของโปรดคุณหนูเอาไว้หลายอย่าง นางดีใจมากที่คุณหนูฟื้นขึ้นมาแล้วได้ทานอาหารฝีมือของนางเสียที นางลงมือทำอาหารเองทุกครั้งตั้งแต่คุณหนูของนางเป็นไข้ป่า แต่ทว่านางก็ต้องนำอาหารเหล่านี้ไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านได้ทานแทน เนื่องจากคุณหนูของนางไม่ฟื้นเอาแต่นอนซมด้วยพิษไข้ป่า จนเวลาล่วงเลยมาเป็นเวลาสามวัน คุณหนูของนางจึงได้ฟื้นขึ้นมาอย่างที่นางได้เห็นเมื่อสักครู่นี้ ซูซู่จัดสำรับอาหารให้กับคุณหนูของนางอย่างพิถีพิถัน แล้วนำมาให้กับคุณหนูของนางที่เรือนไม้เก่า จากนั้นจึงค่อย ๆ เดินออกไปจากเรือนไม้เก่าเฉียดเช่นเดิม หูหลี่คอยป้อนอาหารให้เสี่ยวลู่ กระทั่งอาหารเหล่านั้นหมด บุรุษหนุ่มจึงได้หันมาหยิบถ้วยโอสถยื่นให้แก่ฟูเหริน นางรับไปดื่มอย่างว่าง่าย หูหลี่ยามเห็นนางดื่มยาหมดถ้วยแล้วจึงให้นางได้พักผ่อนต่อ ซึ่งให้ซูซู่สาวรับใช้คอยดูแลอยู่ไม่ห่างกาย ส่วนตนก็ออกไปตรวจตราอาณาเขตกับสื่อ โมลู่หานสหายที่พ่วงตำแหน่งรองผู้นำหมู่บ้านฉิงอี้ โมลู่หานเป็นหมาป่าหนุ่มที่มีไหวพริบดีเยี่ยม มีประสาทรับรู้กว้างไกลกว่าสัตว์อื่น ๆ อยู่ไม่น้อย จึงทำให้บุรุษหนุ่มได้ตำแหน่งนี้มาไม่ยากนัก " หูหลี่เจ้ามาดูรอยเท้าพวกนี้สิ " โมลู่หานเอ่ยเรียกสหาย เพื่อให้สหายรักเข้ามาดูรอยเท้าจำนวนมากอยู่ใกล้บริเวณหมู่บ้านที่พวกตนดูแลปกครอง ซึ่งรอยเท้าเหล่านี้มันมิน่าใช่รอยเท้าของพวกมนุษย์เป็นแน่แท้ เนื่องจากมันมีไอของปีศาจที่ชั่วร้ายลอยคละคลุ้งออกมาตามรอยเท้าเหล่านี้ด้วย " รอยเท้าพวกนี้มิใช่รอยเท้าของเหล่าพวกมนุษย์เป็นแน่แท้ ข้าสัมผัสได้ถึงไอปีศาจที่แสนชั่วร้ายได้ในรอยเท้าเหล่านี้ เจ้าเองก็สัมผัสได้เช่นเดียวกันกับข้าใช่หรือไม่ " หูหลี่จ้องมองรอยเท้าเหล่านั้นไม่วางสายตา รอยเท้าเหล่านั้นยังคงมีไอปีศาจชั่วร้ายลอยออกมาอยู่ตลอด หูหลี่ไม่ได้กังวลอันใดมากนักกับสิ่งที่ตนและสหายรักได้พบเจอ เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ล้วนมีแต่เหล่าสัตว์ที่บำเพ็ญตบะมายาวนานกว่าร้อยปีพันปีอาศัยอยู่ ซึ่งพลังของแต่ละคนก็ล้วนแต่แข็งแกร่งกันทั้งนั้น จะมีเพียงก็แต่ฟูเหรินกับสาวรับใช้ของนางเท่านั้นที่หูหลี่จะต้องคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด " แล้วเรื่องนี้เจ้าจะเอาเช่นไร " " เจ้าจงนำเรื่องนี้ไปบอกผู้คนในหมู่บ้านเถอะโมลู่หาน " " ได้ข้าจะรีบนำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศให้กับผู้คนในหมู่บ้านได้รับรู้กันถ้วนหน้า แล้วฟูเหรินของเจ้าล่ะเจ้าจะเอาเยี่ยงไรต่อนาง " " นางเป็นภรรยาของข้า ข้าจะดูแลนางเองเจ้ามิต้องเป็นห่วงหรอก " หูหลี่หันใบหน้ามาจ้องมองสหายรักราบเรียบ แต่ทว่าดวงตาคมกลับแอบดุดันอยู่เล็กน้อย ฟูเหรินของตนเพียงคนเดียว ตนจักมิมีปัญญาปกป้องนางได้เชียวหรือ " ข้ารู้แล้ว ๆ ที่ข้าเอ่ยถามเจ้าเมื่อครู่ เพราะข้าเป็นห่วงเจ้า ไฉนเจ้าต้องจ้องมองข้าเช่นนั้นด้วยเล่า " โมลู่หานมิวายเอ่ยแกล้งต่อสหายรัก ซึ่งหูหลี่เองก็รู้ดีถึงนิสัยของสหายรักผู้นี้ " กลับเถอะ ข้าขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเจ้าแล้ว " " ไฉนเจ้าจึงได้กล่าวเยี่ยงนี้หูหลี่สหายรักของข้า " โมลู่หานส่งเสียงร้องโอดครวญให้แก่สหายรักของตนไม่จริงจังมากนัก สายตาแพรวพราวเจ้าเล่ห์ส่อประกายระยิบระยับจ้องมองสหายรักอย่างไม่วางตา จนหูหลี่ได้แต่ส่ายหน้าออกมาอย่างเอือมระอาต่อสหายรักของตน ' หมาป่ามีนิสัยจอมเจ้าเล่ห์เช่นไรก็ยังคงมีนิสัยจอมเจ้าเล่ห์เช่นนั้น ' เสี่ยวลู่และสาวรับใช้นามซูซู่ได้ออกมาเดินเล่นอยู่หลังหมู่บ้าน ซึ่งบริเวณที่ทั้งสองอยู่กันเป็นบริเวณชายป่าที่ติดกับลำธาร มีสายลมพัดผ่านแผ่วเบาเป็นระยะ มีเสียงนกร้องไปทั่วพื้นป่า ลู่ปิงปิงที่ได้ความทรงจำของเสี่ยวลู่มาทั้งหมด เธอก็ได้แต่นั่งหวนคิดว่าเธอจะใช้ชีวิตที่นี่ต่อยังไงดี สุดท้ายเธอก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา เมื่อเธอไม่มีทางออกที่ดีมากนักให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ตัวเธอทำได้เพียงแค่สวมรอยเป็นเสี่ยวลู่ต่อไป จนกว่าเจ้าของร่างที่แท้จริงอย่างเสี่ยวลู่จะหวนกลับคืนสู่ร่างกายของนางดังเดิม นอกเสียแต่ว่านางไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีกครั้ง ครั้งนั้นมันจะเป็นครั้งที่ตัดสินชะตาชีวิตของเธอที่เหลืออยู่ไปตลอดชีวิต ลู่ปิงปิงไม่รู้เลยว่าตัวเธอในอีกภพชาติหนึ่งจะยังมีชีวิตรอดอยู่หรือเปล่า แต่จะให้เธออยู่ในร่างของคนอื่นแบบนี้มันก็ไม่ใช่ เพราะสุดท้ายแล้วเจ้าของร่างอาจจะกลับเข้าร่างของเจ้าหล่อนคืนตอนไหนก็ได้ เมื่อวันนั้นมาถึงถ้าเธอโชคดีเธออาจจะได้กลับเข้าไปอยู่ในร่างของเธอเหมือนเดิม แต่ถ้าเธอโชคร้ายดวงจิตดวงวิญญาณของเธอก็อาจจะมลายหายไปตลอดชีวิต แล้วถ้าเกิดว่าดวงชะตาของเธอยังไม่ถึงฆาต แต่ว่าดวงชะตาเจ้าของร่างที่เธอได้หลุดเข้ามาอยู่ถึงฆาตแทน เธอก็อาจจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ ๆ ในร่างของนางไปตลอดชีวิตและจะไม่สามารถกลับไปยังภพชาติของตัวเองได้อีกตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน " คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูยังมิหายจากไข้ เหตุใดคุณหนูจึงออกมาเที่ยวเล่นตากลมเช่นนี้ล่ะเจ้าค่ะ " ซูซู่เอ่ยถามคุณหนูของนางด้วยความเป็นห่วง นางมิอยากให้คุณหนูของนางต้องกลับไปเจ็บไข้ได้ป่วยอีก ยามนางได้เห็นคุณหนูของนางมิได้สตินางเองก็ทุกข์ใจมิต่างจากคุณชายหูหลี่สักนิดหรือไม่นางก็อาจจะเป็นมากกว่าคุณชายหูหลี่ด้วยซ้ำไป " ข้ามิเป็นไรแล้ว เจ้ามิต้องเป็นห่วงข้าหรอกซูซู่ ข้ารู้กำลังของข้าดี " ลู่ปิงปิงระบายยิ้มอ่อนให้แก่สาวรับใช้ของเสี่ยวลู่ เธอดูจากการกระทำของซูซู่ก็รู้ได้ทันทีว่านางเป็นสาวรับใช้ที่จงรักภักดีต่อเสี่ยวลู่เอามาก ๆ " ถึงเช่นนั้นซูซู่ก็เป็นห่วงคุณหนูอยู่ดีเจ้าค่ะ " " เจ้าวางใจเถอะซูซู่ข้ามิเป็นไรจริง ๆ ถ้าเจ้ากังวลมากนักเจ้าก็อย่าห่างจากข้าสิ " " แต่คุณหนูเจ้าค่ะ " ซูซู่แสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมาอย่างไม่ปกปิด ถ้าคุณชายหูหลี่รู้เรื่องที่นางพาคุณหนูออกมาเที่ยวเตร่เช่นนี้ นางคงโดนคุณชายหูหลี่ลงโทษเป็นแน่แท้ " มิมีแต่ซูซู่ " ลู่ปิงปิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านต่อคำพูดของสาวรับใช้เลยแม้แต่นิด ลู่ปิงปิงกวาดสายตาจ้องมองธรรมชาติตรงหน้า เสียงสายน้ำที่ร่วงลงมากระทบผิวน้ำของลำธารทำให้เธอรู้สึกสงบ สายลมพัดผ่านมากระทบผิวกายทำให้เธอรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย จนไม่อยากออกไปจากบริเวณที่นี่เลยแม้แต่ก้าวเดียว " จริงสิซูซู่ข้ามีที่หนึ่งที่ข้าอยากจะไป รอให้ข้าหายดีกว่านี้ ข้าจะพาเจ้าไปนะ " " ได้สิเจ้าค่ะคุณหนูแต่ว่าคุณหนูจะต้องหายดีก่อนนะเจ้าคะ ซูซู่มิอยากโดนคุณชายหูหลี่ดุเจ้าค่ะ " ลู่ปิงปิงพยักหน้าให้กับสาวรับใช้อย่างรับรู้ในเจตนารมณ์ของนาง เพราะถ้าเป็นตัวเธอเองก็คงจะทำไม่ต่างจากนางมากนักหรอก...19จ้าวจื่อเหนียงนั่งอยู่บนโขดหินจ้องมองการต่อสู้ของลูกสมุนอยู่เงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าภรรยากำลังจะทำลายค่ายกลที่ปกป้องต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์จึงกระโดดลงจากโขดหินมุ่งตรงไปหาภรรยาทันที หยี่หมิงใช้พลังของนางที่มีทั้งหมดไปยังค่ายกลหวังทำลาย นางใช้เวลาอยู่สักพักแผงค่ายกลก็เริ่มร้าวและแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่ร่างของนางจะลงไปนั่งฟุบกับพื้นดินด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่ใช้พลังไปมาก จ้าวจื่อเหนียงและหลิวถาเอ๋อร์มิรอช้ารีบเข้ามายืนอยู่ข้างต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ผนึกค่ายกลถูกทำลาย ทั้งสองหวังนำเอาแก่นกลางต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำไปปลดผนึกหวังคืนชีพให้กับจอมราชาปีศาจอย่างซีจ้าวเหว่ยและนำส่วนที่เหลือของต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ไปทำเป็นโอสถขายให้กับปีศาจในเผ่าชิงหรางที่ปราบร่างโคลนมายาที่หูหลี่สร้างขึ้นได้ทั้งหมดแล้วก็ลอยตัวมายืนอยู่ข้างกายของหลิวถาเอ๋อร์ โดยมีปีศาจลูกสมุนที่บำเพ็ญตบะถึงขั้นกลางสิบกว่าตนยืนอยู่ข้างหลังจ้าวจื่อเหนียงและหลิวถาเอ๋อร์รวมพลังกันเพื่อดึงเอาแก่นกลางต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ โดยมิสนใจหยี่หมิงที่เป็นภรรยาแถมยังสูญเส
18หมู่บ้านใหม่ฉิงอี้ลู่ปิงปิงยืนอยู่บนเรือนไม้ไผ่สองมือจับราวกั้นของเรือนเอาไว้ ใบหน้ากลมสวยแหงนขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวงสีเลือด หวนคิดถึงสามีที่อยู่ต่อสู้กลับเผ่าปีศาจ ณ หมู่บ้านฉิงอี้แต่เดิม หวังว่าการย้อนมาในอดีตของเธอจะทำให้เผ่าสัตว์อสูรแคล้วคลาดจากภัยพิบัติในครั้งนี้ไปได้ เพราะเธอไม่อยากสูญเสียใครไปอย่างในภพชาติของเธออีกแล้ว หูหลี่กลับมาอย่างปลอดภัยตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอด้วย ขอร้องล่ะ" คุณหนูดึกมากแล้วเข้าไปพักผ่อนเถอะนะเจ้าค่ะ หากคุณหนูมิสบายขึ้นมาแล้วท่านหูหลี่กลับมาพบเข้า ซูซู่อาจจะโดนท่านหูหลี่ทำโทษเอาได้นะเจ้าคะ " ซูซู่พยายามหาคำกล่าวให้สมเหตุสมผล เพื่อให้คุณหนูของนางได้พักผ่อนบ้าง ตั้งแต่มาที่นี่คุณหนูของนางก็เอาแต่เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ณ หมู่บ้านฉิงอี้แต่เดิม นางมั่นใจว่าท่านเขยจะต้องชนะศึกในครั้งนี้เป็นแน่ มิใช่เพียงแค่นางเท่านั้น แต่ทว่าสัตว์อสูรที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน" ข้าอยากอยู่ตรงนี้อีกสักประเดี๋ยว ซูซู่เจ้าคิดว่าท่านพี่จะชนะศึกในครั้งนี้ได้หรือไม่ " ลู่ปิงปิงเอ่ยถามสาวรับใช้ในขณะที่ใบหน
17หน้าประตูหมู่บ้านฉิงอี้พระจันทร์สีเลือดปรากฏขึ้นพร้อมกับกองกำลังปีศาจที่มาเยือนอยู่หน้าประตูของหมู่บ้านฉิงอี้ โดยมีจ้าวจื่อเหนียง (ปีศาจงูแดงผู้พี่) จ้าวซินเหว่ย (ปีศาจงูดำผู้น้อง) หลิวถาเอ๋อร์ (ปีศาจหงส์เพลิง-น้องสาวของจอมราชาปีศาจ) และหยี่หมิง (องค์หญิงเผ่ามนุษย์) นำทัพในครั้งนี้ ค่ายกลที่ถูกร่ายปกคลุมหมู่บ้านฉิงอี้ทำให้กองกำลังของเผ่าปีศาจไม่สามารถเข้าโจมตีหมู่บ้านได้ในทันที " หมู่บ้านแห่งนี้ถูกร่ายค่ายกลป้องกันเอาไว้ขอรับท่านจ้าว " ซิงซือหังปีศาจสามตากล่าวรายงานต่อนายท่านของตน หากต้องการทำลายค่ายกลป้องกันนี้จะต้องใช้พลังอยู่มิน้อย" เรื่องค่ายกลปล่อยให้ข้ากับซินเหว่ยเป็นผู้ทำลายเอง หากค่ายกลถูกทำลายแล้ว ท่านจ้าวและปีศาจทุกตนเข้าโจมตีหมู่บ้านแห่งนี้ได้เลย " หลิวถาเอ๋อร์กล่าวจบก็ลอยตัวขึ้นไปอยู่กลางอากาศคู่กับคู่หมั้นของนาง ก่อนที่ทั้งสองจะร่ายพลังใส่ค่ายกลของหมู่บ้านฉิงอี้ มินานค่ายกลป้องกันก็ถูกทำลายลง" ปีศาจทุกตนบุกเข้าโจมตีได้ ทำลายเผ่าสัตว์อสูรทิ้งให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่ตนเดียว! " จ้าวจื่อเหนียงสั่งการเสียงดัง" เย้! ฆ่า! ฆ่า!
16ป่าลึกฐานลับของเผ่าปีศาจมุมปากหนาแสยะยิ้มออกมายามเห็นข้อความลับด้านในของแผ่นกระดาษ ในที่สุด...ในที่สุดก็หาเจอเสียที ฮ่า ฮ่า ฮ่า " หลงซูเจ้าจงไปบอกปีศาจทุกตนและมนุษย์ที่ติดตามให้เตรียมตัวให้พร้อมถึงเวลาที่เรารอคอยกันแล้ว "" ขอรับนายท่าน ปีศาจทุกตนและพวกมนุษย์ทั้งหลายจงฟัง พวกเจ้าจงเตรียมตัวกันให้พร้อมในอีกมิช้ากองกำลังเผ่าปีศาจจะมาถึงฐานลับของพวกเรา ต่อจากนี้ถึงเวลาที่เผ่าปีศาจจะบุกเข้าโจมตีพวกเผ่าสัตว์อสูรเสียทีและแย่งชิงต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์มาเป็นของเผ่าปีศาจของพวกเราซะ เพื่อช่วยให้ท่านจอมราชาปีศาจของพวกเราฟื้นคืนชีพได้สำเร็จ " " เฮ้! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! " ปีศาจติดตามพากันส่งเสียงดังสนั่นป่าทึบ นานเท่าใดแล้วที่พวกมันมิได้ออกไล่ล่าเช่นนี้ จึงทำให้พวกมันฮึกเหิมกันใหญ่" ท่านพ่อ " เซียวหลี่หันมาเอ่ยเรียกบิดาของตน หากเป็นเช่นนี้เผ่าสัตว์อสูรคงได้จบสิ้นจริง ๆ แน่" ทำตามแผนของพวกมันไปก่อนแล้วจากนั้นค่อยคิดหาวิธีกันใหม่ " ผู้อาวุโสเว่ยหันมาตอบบุตรชายเสียงแผ่ว จากสถานการณ์ตรงหน้าพวกตนจะต้องคิดหาวิธีการตั้งรับกับสถานการณ์นี้กันใหม่เสียแล
15 ชิงหรางที่ตามหาต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกดูแลจากเผ่าสัตว์อสูรตามบัญชาเทพสวรรค์ นางใช้เวลาสามวันสามคืนในที่สุดนางก็พบที่ซ่อนของต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ ห่างออกไปจากหมู่บ้านฉิงอี้ 1 ลี้ ต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ถูกซ่อนเอาไว้ในถ้ำลึก บริเวณปากถ้ำถูกร่ายค่ายกลบังตาเอาไว้หากเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือเป็นปีศาจที่บำเพ็ญตบะน้อยนิดก็มิอาจเห็นทางเข้าของถ้ำนี้ได้ รอบต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์มีแสงสีทองอร่ามเปล่งออกมาอยู่ตลอด ผลิผลสีแดงออกมามากมาย บริเวณโคนก้านของผลจะมีปีก 5 ปีก เป็นรูปขอบขนาน เชื่อมอยู่ระหว่างโคนปีกและผลยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ภายในถ้ำแห่งนี้จะมีคริสตัลสีแดงงอกออกมากระจัดกระจายตลอดทางเดิน ซึ่งคริสตัลเหล่านี้มีแสงเปล่งออกมาทำให้ถ้ำมิมืดและน่ากลัวแถมยังมีสมุนไพรหายากบางชนิดเกิดภายในถ้ำแห่งนี้ด้วย บริเวณปากถ้ำจะมิมีผู้คุ้มกันจะมีก็แต่เพียงบริเวณต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น สัตว์อสูรที่คุ้มกันมีทั้งหมดหกตน ยืนล้อมต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ทำให้ตัวนางมิสามารถเข้าไปใกล้ต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงถอยหลังออกมาจากที่แห่งนี้ก่อน ยังไงซะต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องตกเป็นของเผ่าป
14เรือนแม่ทัพเหยาชูร่างสูงกำยำของผู้เป็นเจ้าเรือนกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่ศาลาไม่ไกลจากห้องของตัวเองและห้องของสตรีที่พามารักษามากนัก สายตาคมเฉี่ยวทำการกวาดมองไปทั่วบริเวณของเรือน หวังหาผู้ร้ายที่แอบรุกรานเข้ามาในยามวิกาล แต่แท้จริงแล้วกลับกำลังมองหาสตรีที่เจ้าตัวได้นำออกมาจากป่า เพื่อพามารักษาอาการบาดเจ็บเมื่อไม่นานมานี้ต่างหาก ซึ่งนางมีนามว่าชิงหราง นางอ้างว่าตัวของนางเป็นชาวบ้านมนุษย์ธรรมดาที่ออกมาเก็บสมุนไพรไปขายเพื่อประทังชีวิตก่อนยามโหย่วสตรีนางนี้ได้มาขอตนออกไปซื้อของกับสาวรับใช้ที่อยู่ในเรือนมานาน กระทั่งบัดนี้เข้ายามซวีแล้วทั้งสองยังมิกลับมากันเลย หรือไม่ทั้งสองก็อาจจะเกิดเหตุมิคาดฝันขึ้นกลางทาง มิได้ตนจะต้องออกไปตามหาทั้งสอง คืนปล่อยไว้แบบนี้มิดีแน่ เหยาชูวางแก้วชาลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นจากเกาอี้กำลังจะเดินออกจากศาลา แต่ทว่าเจ้าตัวยังไม่ได้ก้าวเท้าออกจากศาลาเลยแม้แต่ก้าวเดียว ชิงหรางกับสาวรับใช้ก็เดินเข้ามาภายในเรือนเสียก่อน ชิงหรางเข้ามาภายในเรือนของแม่ทัพได้ก็สั่งให้สาวรับใช้นำของที่ซื้อมาไปเก็บภายในห้องนาง ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหาท่านแ