หลังจากที่ข้าวหอมก้าวขึ้นเบาะข้างคนขับ เธอก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นเยียบที่ปกคลุมอยู่ภายในรถ ไม่ใช่เพราะเครื่องปรับอากาศ แต่เป็นเพราะความเงียบของคนขับที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
‘เขามาได้ยังไง ทั้งที่อ่านข้อความแล้วไม่ตอบ...อยู่ ๆ ก็โผล่มา?’
คำถามนั้นวนเวียนอยู่ในหัวข้าวหอมไม่หยุด เธอหันไปมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว
ไม่มีแม้แต่เสียงเพลง มีเพียงเสียงเครื่องยนต์และเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของเขา
รถแล่นด้วยความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง — เร็วและแรงเหมือนกับความรู้สึกที่เดือดปุด ๆ อยู่ในใจของเขา เธอไม่เคยเห็นเขาในสภาพนี้มาก่อน...นิ่งเงียบเกินไป ราวกับเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
‘เขา...กำลังโกรธใช่ไหม?’
‘หรือ...เขาแค่เมา?’
ข้าวหอมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หัวใจเต้นระรัว ทั้งหวั่น ทั้งสับสน ทั้งกลัว
เขาไม่แม้แต่จะมองเธอ ไม่พูด ไม่ถาม ไม่อธิบาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขาคือคนที่ขี้เล่น อารมณ์ดี
ความเงียบในรถหนักหน่วงจนแทบหายใจไม่ออก เธอกำลังจะเอ่ยปากถามอะไรสักอย่าง ทว่าในจังหวะนั้นเอง เสียงเบรกรถจากรถตู้คันสีดำที่ขับตามมาอย่างกระชั้นชิดทางด้านหลังดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้งเฮือก
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง หันไปมองทันที – รถตู้คันนั้นตามมาใกล้เกินไป...ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
มือบางรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พิมพ์ข้อความสั้น ๆ แล้วกดส่งทันที:
‘หยุดตามเถอะค่ะ ฉันรู้จักเขา พวกคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันจะบอกพี่เอง’
ไม่ถึงนาที รถตู้นั้นก็หายลับไปในโค้งถนน
เธอรู้...ว่าเขาเห็นทุกอย่างจากหางตา เขารู้ว่ามีรถตามมา และรู้ว่าเธอส่งข้อความ แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลย
รถชะลอลงเล็กน้อย ความเร็วลดลงอย่างช้า ๆ ราวกับว่าเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีคนอีกคนอยู่ข้าง ๆ
แล้วเสียงของเขาก็ดังขึ้น
“วันนี้ผมไม่มีงานต่อที่ไหน...”
ข้าวหอมหันไปมองหน้าเขาช้า ๆ เสียงของเขาเรียบเย็น แต่แฝงด้วยความเหนื่อยล้า รอยยิ้มบาง ๆ ที่แตะแต้มมุมปากนั้น ดูจะเต็มไปด้วยคำถามมากกว่าคำตอบ
“คะ?”
เธอตอบเบา ๆ อย่างไม่มั่นใจนัก ขณะค่อย ๆ สบตาเขา ดวงตาของเขาดูล้าและอ่อนโยนไปพร้อมกัน แต่ในความอ่อนโยนนั้น...มีบางสิ่งบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก
สายตาทั้งคู่ประสานกัน — ต่างฝ่ายต่างนิ่งงัน โลกทั้งใบดูเหมือนหยุดหมุนในวินาทีนั้น
“น่ารักจัง”
คำพูดนั้นหลุดออกมาจากริมฝีปากเขาเบา ๆ เหมือนกระซิบ แต่กลับดังชัดเจนในหัวใจเธอ
ปลายนิ้วของเขาเอื้อมมาเกลี่ยไรผมที่หล่นลงบนแก้มของเธออย่างแผ่วเบา อ่อนโยนและละมุนราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป
ข้าวหอมรู้สึกเหมือนตัวเองจะละลาย ใบหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นกระหน่ำ เธอรีบเบือนหน้าหนี แสร้งมองออกไปนอกรถ
“ฉันพักอยู่ที่…”
เธอเอ่ยเสียงแผ่ว บอกทางกลับอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ให้นิ่งที่สุด
แต่เขากลับพูดแทรกขึ้นมา
“ยังไม่กลับได้ไหม”
เธอชะงัก คำพูดนั้นแทงเข้ากลางอก — ทั้งอบอุ่น ทั้งอันตรายในเวลาเดียวกัน
“ผมยังอยากอยู่กับคุณ...แค่สองคน”
น้ำเสียงของเขาไม่ใช่การอ้อนวอน ไม่ใช่การคุกคาม...แต่มันนิ่งเกินไปจนเธอรู้สึกว่า ทุกคำคือความจริงที่เขาไม่กล้าพูดออกมานานแล้ว
“ไปส่งฉันเถอะค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว” เธอพยายามเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่นที่สุด แม้เสียงจะยังสั่น
“แต่—”
“ไม่มีแต่ค่ะ”
คำตอบนั้นทำให้เขาชะงัก เธอมองเห็นเสี้ยวของความเจ็บในแววตาเขา แต่เขาก็เงียบ...เงียบอย่างคนที่ไม่อยากฝืนอีกแล้ว
เขาขับรถต่อไปเงียบ ๆ ไม่มีบทสนทนาอีก แต่ในหัวใจของทั้งสองคน...กลับดังยิ่งกว่าเสียงใด
คืนนี้ยังอีกยาวไกล และความรู้สึกที่ไม่ได้พูด...อาจกลายเป็นสิ่งที่ยากจะลบเลือน
รถหรูเลี้ยวเข้าเซฟเฮ้าส์หลังใหญ่กลางกรุงโซล ช้า ๆ อย่างเงียบงัน ประตูเลื่อนเปิดออกโดยอัตโนมัติเมื่อระบบสแกนป้ายทะเบียน ตรวจจับได้ว่าเจ้าของบ้านอนุญาตให้เข้า ข้าวหอมสูดลมหายใจเข้าลึก หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะขณะรถแล่นเข้าไปจอดตรงหน้าบ้านท่ามกลางแสงไฟสลัวที่ประดับอยู่ตามรั้วและต้นไม้โดยรอบ
บรรยากาศในรถยังคงเงียบงันจนกระทั่งเขาจอดสนิท
เสียงเครื่องยนต์ดับลงพร้อมกับความอึดอัดที่ยังค้างคาอยู่ในอากาศ
“คุณพักที่นี่เหรอ…” เขาเอ่ยขึ้นในที่สุด เสียงของเขาเบาลงราวกับกลัวจะทำลายบางสิ่งที่เปราะบางระหว่างพวกเขา
“ใช่ค่ะ บ้านของคิมมินยง เพื่อนสนิทฉันเอง...คุณน่าจะรู้จักเธอ”
ข้าวหอมพยายามยิ้มให้บรรยากาศผ่อนคลาย แม้หัวใจยังเต้นไม่หยุด
“คิมมินยง...ใช่คนชอบขอถ่านรูปกับคิมโอบ่อย ๆ ใช่ไหม?”
เขาถามอีกครั้งเหมือนกำลังหาเรื่องพูดคุยต่อ เพียงเพื่อไม่ให้เธอลงจากรถเร็วเกินไป
เธอพยักหน้าแล้วยกมือปลดเข็มขัดนิรภัย
“ใช่ค่ะ...นั่นแหละเธอ ฉันพักที่นี่ทุกครั้งที่มาทำงานในเกาหลี มันเงียบกว่าโรงแรม...แล้วก็ปลอดภัยกว่าสำหรับผู้หญิงน่ารัก ๆ อย่างฉัน”
เธอพูดพลางหัวเราะเบา ๆ พยายามหยอดให้บรรยากาศดีขึ้น
ไดออนยิ้มออกนิด ๆ เป็นครั้งแรกในรอบหลายชั่วโมง แววตาที่เคยเย็นเยียบคลายตัวลงเล็กน้อย เขาพยักหน้าเบา ๆ ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
ข้าวหอมเปิดประตูรถ ก้าวลงมาอย่างระวัง พลางสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง แสงไฟอุ่น ๆ จากโคมหน้าประตูบ้านทำให้เธอรู้สึกสงบลงเล็กน้อย
ไดออนเดินอ้อมรถมา แล้วเดินตามหลังขึ้นไปยังระเบียงหน้าบ้าน เธอหันกลับมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงการตามติดที่ไม่ได้เชิงรุก แต่ก็ไม่ได้ผละห่าง
“เดี๋ยวก่อน...” เขาเรียกไว้เบา ๆ
ข้าวหอมชะงัก หันกลับมามองเขาด้วยแววตาไม่แน่ใจ
“ผมขอโทษนะ...ที่ไม่ตอบข้อความ”
“ฉันไม่โกรธ...แต่ฉันสับสน”
“ตอนเห็นคุณอยู่ในงานกับจองฮุน...ผมกลัว...กลัวว่าคุณจะเลือกเขาแทนผม”
คำพูดของเขาทำให้เธอสะอึกไปชั่ววูบ ดวงตาสั่นไหว ก่อนจะหลบตา
“คุณไม่ไว้ใจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้น แต่_” เขาตอบทันที แต่ก็ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของเขาออกมาได้
“ผมรู้สึกว่ายังไม่รู้จักคุณจริงๆด้วยซ้ำ แค่อยากเรียนรู้...ในแบบที่เป็นคุณจริง ๆ ไม่ใช่ในแบบที่ผมคิด ” เขาก้าวเข้าไปใกล้อีกนิด
เธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาคู่นั้นสบกับเขาโดยไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ
“ขอบคุณนะคะ” เธอพูดเบา ๆ แต่ชัดเจน
เงียบ...มีเพียงสายลมเบา ๆ ที่พัดผ่านใบไม้ และหัวใจสองดวงที่เหมือนจะได้เข้าใจกันมากขึ้น แม้จะยังไม่มีคำว่า 'แฟน' หรือ 'รัก' แต่ระยะห่างระหว่างหัวใจของทั้งสอง...กำลังแคบลงทีละนิด
ค่ำคืนงานเลี้ยงเล็ก ๆ หลังพิธีแต่งงานที่มิลาน สวนดาดฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยไฟประดับสีอุ่น แสงจากโคมไฟระย้าสะท้อนแก้วแชมเปญบนโต๊ะกลม เสียงดนตรีแจ๊สคลอเบา ๆ เคล้ากับเสียงหัวเราะของแขกผู้ร่วมงานในบรรยากาศที่อบอวลด้วยความสุขข้าวหอมในชุดเดรสผ้าซาตินสีงาช้าง สะบัดชายกระโปรงเบา ๆ เดินออกมายังระเบียงที่ตกแต่งด้วยไม้เลื้อยและเทียนหอม ลมเย็นพัดปะทะใบหน้าเบา ๆ พร้อมกลิ่นดอกมะลิจากกระถางใกล้ตัวเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ข้อความใหม่เพิ่งถูกส่งเข้ามาไม่กี่นาที“พี่ขอโทษที่ไม่ได้ไปงานของน้อง...แต่เจี่ยเจียสัญญาว่า จะกลับไปมองรอยยิ้มที่สดใสของเธอในเร็วๆนี้นะ”ข้าวหอมอ่านจบก็เงียบงันไปครู่หนึ่ง ดวงตาเริ่มรื้นน้ำใส ๆ โดยไม่รู้ตัว เธอยิ้มบาง ๆ เหมือนต้องการซ่อนความรู้สึกไว้เพียงคนเดียว‘เจี่ยเจีย’ — สวีอิงหราน พี่สาวต่างแม่ของเธอ ผู้หญิงที่เคยทำให้เธอร้องไห้มากที่สุด…แต่ก็เป็นคนเดียวที่พร้อมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเธอที่สุดเช่นกันเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นด้านหลัง ก่อนที่วงแขนอบอุ่นจะโอบเอวเธอไว้แน่น กลิ่นโคโลญจ์อ่อน ๆ แบบเฉพาะของเขาแตะจมูกในทันที“พี่สาว...ส่งข้อความมาเหรอ?”เสียงทุ้มนุ่มของไดออนกระซิบถามเบา ๆ ใ
[เช้าวันต่อมา]แสงแดดยามเช้าเกลี่ยตัวบนผ้าห่มสีอุ่น อากาศในห้องไม่ได้หนาว แต่หัวใจสองดวงที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มนั้น…ร้อนกว่าอะไรทั้งหมดข้าวหอมค่อย ๆ ลืมตา เปลือกตาเธอกะพริบช้า ๆ รับกับแสงธรรมชาติที่สาดผ่านผ้าม่านเข้ามาอย่างนุ่มนวล เธอรู้สึกถึงไออุ่นจากคนที่อยู่ข้างหลัง วงแขนแข็งแรงที่กอดเธอไว้แน่นไม่ปล่อย ผิวของเขาแนบชิดหลังเธออย่างไม่มีช่องว่าง เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ ขับกล่อมให้หัวใจเธอสงบราวกับบทเพลงกล่อมนอนเธอยิ้มบาง ๆ พลางขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันขยับได้เต็มที่ เสียงทุ้มแหบจากด้านหลังก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา"อย่าขยับสิคะ..."เสียงนั้นทำให้เธอชะงัก หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างเขินอาย “ข้าวจะปลุกเฮีย…”"เมื่อคืนเฮียยังไม่พอเลย..."คำพูดที่ดังเบาข้างหูทำให้ใบหน้าข้าวหอมแดงก่ำ เธอพยายามขยับหนีด้วยความเขิน แต่ยิ่งเธอขยับ วงแขนของเขาก็ยิ่งกระชับแน่น"เฮีย…" เธอเรียกเสียงเบา"ข้าวเจ็บนะคะ..."เสียงหัวเราะต่ำ ๆ ดังจากลำคอของเขา กึ่งเอ็นดูกึ่งขี้เล่น เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบที่ข้างหูเธออย่างนุ่มนวลแต่ลึกซึ้ง"แล้วเมื่อคืนร้องทำไมคะ..."คำถามที่ไม่มีเจตนาเย้าแหย่ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก
[หน้าห้องพักโรงแรม ที่จัดเป็นเรือนหอชั่วคราว– มิลาน เวลา 20:45 น.]ไดออนเปิดประตูห้องพักหรูบนชั้นดาดฟ้า ข้าวหอมในชุดเดรสยาวหลังเปลี่ยนออกจากชุดเจ้าสาวเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง“คืนนี้…” เธอพูดเสียงเบา“ไม่ต้องมีอะไรหวานมากก็ได้นะคะ แค่เราอยู่ด้วยกันก็พอแล้ว”ไดออนยิ้มบาง“ถ้าเฮียบอกว่าเตรียมเทียน หอม กลีบกุหลาบ และไวน์ไว้หมดแล้วล่ะ…”“เฮีย—!” ข้าวหอมเขินจนหูแดง แต่ยังไม่ทันได้ดุจริง ๆ —ตึง! ตึง! ตึง!เสียงเคาะประตูดังลั่น พร้อมเสียงเจื้อยแจ้วโหวกเหวกคุ้นหู“เปิดเร็ว! เพื่อนเจ้าสาวขอเข้าตรวจห้อง!”“แค่มาเช็คว่าไม่มีพิธีแปลก ๆ แบบคล้องประตูอะไรเท่านั้นเอง!”“เฮียไดออนซ่อนกุหลาบใต้เตียงรึเปล่า เราขอดู!”ข้าวหอมเบิกตากว้าง ไดออนถอนหายใจแล้วหันไปกระซิบ“…ดวงใจกับมินยงมาแน่”ประตูเปิดออก —ดวงใจ, มินยง, และ คิมโฮ ยืนถือกล่องของขวัญ กับไวน์คนละขวด เดินเข้ามาแบบไม่รอเชิญ“อ๊ะ! บรรยากาศดีอยู่นะ” ดวงใจ หันไปรอบ ๆ“เฮียจัดได้มินิมอล ไม่เว่อร์นะ…ไม่เหมือนตอนขอแต่งงาน!”คิมโฮ ยกไวน์ขึ้นมา“เราเอาแชมเปญมาฉลองให้คืนแรกครับ!”“เฮียไดออน คนป๊อปปูลาร์อันดับหนึ่ง…ผู้ไม่เคยเป็นสามีใครมาก่อน!”ข้าวหอมเอามื
[โบสถ์หินเก่ากลางมิลาน – เวลา 11:11 น.]ไม่มีพรมแดง ไม่มีสื่อ ไม่มีเวทีระดับโลก มีแค่ห้องโถงแคบ ๆ ที่ประดับด้วยดอกลาเวนเดอร์แห้งบนแท่นไม้เรียงราย ผ้าม่านสีขาวบางปลิวเบา ๆ ตามแรงลมจากช่องหน้าต่าง เสียงเปียโนบรรเลงคลอด้วยท่วงทำนองเรียบง่าย แต่ทุกโน้ตชัดเจนราวกับสะท้อนอารมณ์ของวันพิเศษนี้หน้าประตูโบสถ์ —“ข้าวหอม…อย่าพึ่งเดินเข้าพิธีนะยะ!!”เสียงแหลมตื่นของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาก่อนตัวจะปรากฏ ดวงใจในชุดเดรสโทนชมพูนู้ดวิ่งจ้ำพรวดมาด้วยรองเท้าส้นสูง กระแทกพื้นหินตึก ๆ จนแขกบางคนหันมามองเธอพุ่งเข้าประตูโดยไม่ทันชะลอ—โครม!“ว้าย!”ร่างของเธอกระแทกเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงในสูทดำสนิทเต็มแรง จนถุงของฝากในมือกระเด็นหล่นพื้น ขนมกล่องเล็ก ๆ กลิ้งออกมาอย่างอนาถ“ขอโทษค่ะ! ขอโทษจริง ๆ!” ดวงใจรีบย่อตัวลงเก็บของก่อนจะเงยหน้าขึ้น…แล้วก็ชะงักใบหน้าที่เธอเห็นคือ คริส — หนุ่มมาดนิ่งแห่ง BBOOM Entertainment ผู้มีออร่าระยะห่างแบบคนที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงง่ายเขาแค่ก้มเก็บของให้เธออย่างนิ่ง ๆ แล้วเอ่ยเบา ๆ น้ำเสียงต่ำ เรียบ ไม่เร่งเร้า“...รีบเหรอ”“ค่ะ รีบ…แต่ตอนนี้รีบเขินมากกว่า…” ดวงใจหลบสายตาทันที เสียงเธอเบา
[หน้าห้องพักผู้ป่วย – เวลา 10:10 น. วันถัดมา]เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมเสียงเจื้อยแจ้วที่แค่ได้ยินก็น่าปวดหัว“เปิดเร็วๆ แม่หญิงฟ่านเฉียน! นี่ข้าหอบของกินมาจากร้านดังนะยะ!”ไดออนสะดุ้งเฮือกจากที่กำลังหั่นแอปเปิล ข้าวหอมที่นั่งกินข้าวต้มอยู่บนเตียงถึงกับยิ้มกลั้นหัวเราะ“เสียงแบบนี้…ไม่ต้องเดาเลยว่าใคร”ประตูเปิดออก—ปรากฏร่าง เพื่อนสาวตัวแสบประจำแก๊ง Rice Design Group ใส่แว่นกันแดดตัวใหญ่ กระเป๋าสะพายสองใบ มือหิ้วถุงอาหารเกือบสิบถุงเหมือนจะมาปิกนิก“แก๊สสส! ยัยข้าว! ทำไมโทรหาแกไม่ได้เลยยะ!”เพื่อนเดินเข้ามาจุ๊บหน้าผากข้าวหอมแรงจนเธอเซไปข้าง“แม่! แกผอมไปนะ ห้ามอดข้าวอดน้ำเข้าใจมั้ย ช่วงนี้แฟนดารากำลังแรง อย่าเพิ่งอกหัก!”ไดออนสำลักน้ำอยู่ข้างเตียง ข้าวหอมหัวเราะกลั้นเสียง“ไม่มีอกหักค่ะ…แค่หัวใจบวมนิดหน่อย”“ว้ายยยยยยย!!!” เสียงเพื่อนแสบลากยาว “นี่ยังกล้าเล่นมุกอีกเหรอ!?”เธอวางถุงอาหารลงจนเต็มโต๊ะ “พวกเราเป็นห่วงจะตายห่า คิดว่าแกไปติดเกาะหรือโดนลักพาตัวไป!”ข้าวหอมกับไดออนสบตากันเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร…แค่ยิ้มจาง ๆ ที่มีความหมายเกินคำอธิบาย[อีกมุม – โทรศัพท์ของข้าวหอมสั่นเบา ๆ]เธอหย
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นสองครั้ง ไดออนที่ยังยืนอยู่ใกล้เตียงข้าวหอม หันไปมอง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูอย่างเงียบ ๆชายหนุ่มหน้าตาอ่อนโยนในเสื้อคลุมสีเทาเรียบ เดินเข้ามาหน้าตามีแววกังวล — แต่เมื่อก้าวพ้นประตูมาเพียงไม่ก้าวเดียว เขาก็ชะงักดวงตาของเขามองตรงไปที่เตียง เห็นร่างของข้าวหอมนอนพิงหมอนอยู่ เส้นผมยุ่งนิดหน่อยจากการนอนนาน แต่ใบหน้าอ่อนแรงนั้นกำลังยิ้มให้เขา“เก๊อ…เกอ…” เสียงเธอเบาเหมือนสายลม กระซิบแผ่วราวกับกลัวมันจะหายไปสวีเฉียนเกอไม่พูดอะไรในทันที แววตาเขาไหววูบ เหมือนภาพในอดีตไหลย้อนกลับมาพร้อมกัน — เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เคยจับชายเสื้อเขาไว้แน่นในคืนที่ฝนตกแต่ที่ทำให้เขาชะงักจริง ๆ…ไม่ใช่แค่ข้าวหอมเขาหันไปมองผู้หญิงอีกคนที่นั่งหันหลังให้ข้างเตียง — ผมยาวรวบหลวมๆและไหล่ผอมบางนั้น ทำให้เขารู้สึกคุ้นอย่างประหลาด แม้จะมองไม่เห็นใบหน้า แต่ลางสังหรณ์บางอย่างกลับเต้นแรงขึ้นในใจเขาโดยไม่รู้สาเหตุ“…คุณคือ…” เขาถามออกมาเบา ๆ ด้วยความลังเลหญิงสาวคนนั้นค่อย ๆ หันหน้ากลับมาช้า ๆทันทีที่สายตาทั้งสองสบกัน — แม้จะไม่เหมือนในความทรงจำแม้จะไม่มีรอยยิ้มแบบที่เขาเคยจำได้แต่ดวงตาคู่นั้น…แวว