Share

บทที่ 4

Aвтор: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
ปลายฤดูวสันต์ อากาศเริ่มร้อนระอุ บนร่างเจียงเฟิ่งหัวสวมชุดบางๆ ชั้นเดียวไม่หนาวและไม่ร้อน ในไม่ช้าก็นอนหลับไป ลมหายใจสม่ำเสมอ

เซี่ยซางอาบน้ำกลับมาก็เห็นนางนอนอยู่ด้านในสุดของเตียง เรือนร่างนางโค้งเว้าชัดเจน เอวคอดดุจกิ่งหลิว ขาเรียวงามโผล่ออกมานอกผ้าห่ม เปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดถึงที่สุด แขนเกลี้ยงเกลาดุจหยกพาดสะเปะสะปะ ดวงหน้างามพิสุทธิ์ผุดผาด ดวงตาทั้งสองหลับพริ้ม ขนตางอนงามสงบนิ่งดุจหญิงที่ยังไม่ออกเรือน ริมฝีปากแดงอิ่มเป็นมันวาว เย้ายวนชวนเสน่หา

เซี่ยซางอึ้งไปชั่วขณะ เขาจำต้องยอมรับว่ารูปโฉมงามพิลาสของเจียงเฟิ่งหัวนั้นหาได้ยากยิ่ง เขานอนอยู่ด้านนอกสุดของเตียงโดยสวมอาภรณ์เรียบร้อย เว้นที่ว่างกว้างเท่าหนึ่งคนนอนได้ไว้ตรงกลาง กลิ่นหอมกรุ่นจางๆ ซ่านเข้าจมูก ตอนกลางวันขณะที่เขาอุ้มนางก็ได้กลิ่นหอมอ่อนจางเช่นนี้ หอมจรุงใจยิ่งนัก

เขาหลับตา ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ เขากลั้นหายใจรวบรวมสมาธิ เตือนตัวเองว่าแม้จะนอนร่วมเตียงกับสตรีผู้หนึ่งก็สามารถทำได้ถึงขั้นจิตใจไม่วอกแวก

เจียงเฟิ่งหัวไม่ใช่คนที่เขารัก นางเป็นเพียงสตรีอ่อนแอที่มีดีเพียงรูปโฉม ไม่อาจมีความคิดนอกลู่นอกทางกับนางเป็นอันขาด

หันไปมองเจียงเฟิ่งหัว ท่านอนงดงามยิ่ง สงบนิ่งชวนหวั่นไหว

เซี่ยซางตำหนิในใจ นางกลับผ่อนคลายสบายใจนัก หลับไปรวดเร็วปานนี้

เขากำหมัดแน่นพลิกร่างหันหลังให้สตรีบนเตียง ข้าไม่มีทางทำเรื่องผิดต่อหว่านเอ๋อร์เด็ดขาด หว่านเอ๋อร์จึงเป็นคนที่ข้ารักชั่วชีวิต อีกไม่นานหว่านเอ๋อร์ก็จะออกเรือนให้ข้าแล้ว เขาทุ่มเทความรักให้สตรีนางเดียว เขาคิดว่านี่จึงเป็นความรักที่เขาต้องการ มิใช่คำสั่งของบิดามารดาคำทาบทามของแม่สื่อ เขาไม่มีวันรักสตรีทั้งวังหลังในเวลาเดียวกันเหมือนเสด็จพ่อเป็นอันขาด

คิดถึงตรงนี้ เขาก็หลับตาเข้าสู่นิทรารมณ์อย่างช้าๆ

เจียงเฟิ่งหัวแค่นหัวเราะในใจ ใจแข็งเป็นหิน ร่างกายกลับซื่อสัตย์ทีเดียว

ชาติก่อน เขาตรงไปห้องหนังสือโดยไม่เปิดโอกาสให้นางพูดด้วยซ้ำ

ชาตินี้เขาเป็นฝ่ายมานอนบนเตียงของนาง ช่างเป็นนิมิตหมายอันดีเสียจริง!

……

ยามเช้าตรู่ ในอ้อมอกเซี่ยซางพลันมีบางอย่างนุ่มๆ เพิ่มเข้ามา เขาลืมตาขึ้นก็เห็นว่าในอ้อมอกคือใบหน้านิทราสงบนิ่งดวงหนึ่ง ผ้าตรงทรวงอกของนางร่นลง เผยให้เห็นเนินอกครึ่งหนึ่ง ขาวผ่องผุดผาด ทรวงอกชูสล้างชิดกับแผงอกเขา เย้ายวนชวนหวาม

อึดใจถัดมา เจียงเฟิ่งหัวพลันเปลี่ยนท่วงท่า นิ้วของนางปัดผ่านลำคอเขาไปโดยไม่ตั้งใจ เป็นเหตุให้ความร้อนขุมหนึ่งแล่นพล่านในร่างเขาในบัดดล นางเอียงร่างขยับหน้าผากมาประชิดเขา ริมฝีปากจุมพิตถูกซอกคอเขาโดยไม่ตั้งใจ ร่างกายเขาพลันเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ

ยามนั้น ท่วงท่าคนทั้งสองเหมือนคนรักที่เพิ่งผ่านการร่วมอภิรมย์มาอย่างไรอย่างนั้น บรรยากาศภายในห้องชวนวาบหวาม พาให้คนจินตนาการเตลิดไปไกล

แววตาของเขามืดครึ้มลง ฉาบย้อมด้วยความเย็นชา เจียงเฟิ่งหัวบอกว่าไม่ล้ำเส้น นี่เพิ่งผ่านมาคืนเดียวก็เผยธาตุแท้ออกมาเสียแล้ว ไม่ชอบเขาอะไรกัน ตอนนี้กลับมายั่วยวน...

เขาขยับร่างออกห่างจากนางเล็กน้อยเพื่อยืนยันว่าเจียงเฟิ่งหัวยังไม่ตื่น

ชั่วขณะนั้น ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและน้ำเสียงดังกังวานของซูถิงหว่านวาบเข้ามาในหัวเขา พวกเขาเปิดเผยต่อกันและกัน พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง นางรอบรู้สิ่งต่างๆ มากมาย เป็นสตรีที่รอบรู้และความยับยั้งชั่งใจ นางอิสระเสรี ไร้ข้อผูกมัด เขาไม่เคยพบสตรีที่มีนิสัยเปิดเผยไร้เล่ห์กลเหมือนหว่านเอ๋อร์มาก่อน นางไม่เหมือนสตรีในเรือนหลังที่ใช้เล่ห์มารยาลวงผู้ชายไปขึ้นเตียงเหล่านั้น

ทว่าเจียงเฟิ่งหัวตรงหน้ามีเพียงรูปโฉมงดงาม อย่างอื่นกลับไม่มีดีสักอย่าง เขาไม่ใช่คนที่สนใจเพียงหน้าตา คิดมาตลอดว่าโฉมงามหาได้สำคัญไม่ คนผู้หนึ่งจะงามหรือไม่งาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจิตใจ

เจียงเฟิ่งหัวพลันก่ายขาเรียวงามข้ามมา ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาประดุจหยกอุ่นเนื้อเนียนละเอียด หัวใจเขาพานสั่นสะท้าน ตามด้วยขมวดคิ้วแน่น ไม่รอให้นางขยับตัวอีก เขาผลักนางออกไปอย่างแรง ตัดสินใจลงจากเตียงอย่างเด็ดขาด ราวกับว่าจิตใจไม่หวั่นไหวใดใดทั้งสิ้น เย็นชาไร้อารมณ์

เจียงเฟิ่งหัวถูกเขาทำให้ตื่นก็ทำอะไรไม่ถูก ขยี้ดวงตาง่วงงุนมองไปยังบุรุษที่หนีไปอย่างร้อนรนตรงหน้า

“ท่านอ๋อง” น้ำเสียงอ่อนหวานของนางเอ่ยเรียกเบาๆ พานให้คนรู้สึกจิตใจอ่อนยวบ

เซี่ยซางหันกลับมาปรายตามองนาง เห็นว่าสาวน้อยบนเตียงเผยเนื้อหนังมังสาแต่แรกแล้ว “เจียงเฟิ่งหัว เจ้าช่างแสดงละครเก่งนัก เกือบทำให้ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นสตรีจิตใจบริสุทธิ์จริงๆ เสียแล้ว”

เขาพูดจบก็ออกไปจากห้องหอโดยไม่หันหน้ากลับมาอีก

“ไยท่านอ๋องจึงตำหนิหม่อมฉันเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้น?” เจียงเฟิ่งหัวรู้สึกว่าประหลาดพิกลนัก

เซี่ยซางก็ได้ยินวาจานั้นเช่นกัน ดูเหมือนเขาจะยิ่งโกรธขึ้งกว่าเดิม โกรธที่นางยั่วยวนเขาแล้วยังไม่รู้ตัว โกรธที่ตัวเองจิตใจว้าวุ่น

ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความไม่แยแส ยามนี้เป็นช่วงที่เซี่ยซางกับซูถิงหว่านรักกันหวานล้ำลึกซึ้งที่สุด เขานอนร่วมห้องกับภรรยาที่เพิ่งแต่งงานด้วย คงจะรู้สึกผิดกระมัง

สาวใช้หงซิ่วเดินเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ “เมื่อครู่บ่าวเห็นท่านอ๋องเหมือนจะจากไปด้วยท่าทางโกรธจัด เหตุใดพระชายาทำให้ท่านอ๋องกริ้วเสียแล้วเล่าเพคะ คืนวานพระชายากับท่านอ๋อง พวกท่าน...”

“อย่าคิดมาก ระหว่างพวกข้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” เจียงเฟิ่งหัวลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่อนาทรร้อนใจ

เหลียนเย่ประหลาดใจ ต่อหน้าคนงามเช่นนี้ ท่านอ๋องกลับยังหนักแน่นไม่หวั่นไหว ช่างเป็นสุภาพบุรุษตัวจริงโดยแท้

“เหิงอ๋องมิใช่สุภาพบุรุษผู้มีคุณธรรมอันใดเสียหน่อย จากที่บ่าวไปตรวจสอบมา เหิงอ๋องกับสตรีป่าเถื่อนผู้นั้นใกล้ชิดสนิทสนม รักกันหวานซึ้ง ท่านอ๋องหลงสตรีผู้นั้นหัวปักหัวปำ คุณหนูดีกว่าสตรีผู้นั้นเป็นหมื่นเท่า ท่านอ๋องกลับทำกับคุณหนูแบบนี้ งานวิวาห์ระหว่างคุณหนูกับท่านอ๋องยังเป็นสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท เพิ่งแต่งงานก็ไม่สนใจไยดีคุณหนูเสียแล้ว...”

เจียงเฟิ่งหัวดวงตาฉายแววเย็นชา เอ่ยเสียงลุ่มลึก “ระวังคำพูด ถ้ายังไม่รู้กฎระเบียบอีก ข้าจะเนรเทศเจ้ากลับจวนไปเสีย”

เหลียนเย่ขวัญอ่อนจึงหยุดปากทันควัน คุกเข่าบนพื้นอย่างเคารพนบนอบ “ชั่วชีวิตนี้บ่าวจะรับใช้เพียงคุณหนูเท่านั้น คุณหนูอย่าไล่บ่าวไปเลยนะเจ้าคะ”

เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยเสียงขรึม “ต่อไปจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังเอาไว้ ที่นี่ไม่ใช่จวนสกุลเจียง ลุกขึ้นมาแต่งตัวเถอะ ประเดี๋ยวยังต้องเข้าวังไปคารวะขอบพระทัยอีก” แม้เหลียนเย่จะพูดมาก แต่นางกลับซื่อสัตย์ภักดียิ่ง ชาติก่อน เหลียนเย่ก็ตายเพราะปกป้องนาง

พวกนางยังไม่เข้าใจความเย้ายวนของอำนาจฮ่องเต้ อำนาจฮ่องเต้เพียงชี้นิ้วสั่งการก็สามารถพิพากษาชีวิตคนผู้หนึ่งได้แล้ว

งานวิวาห์ของนางเล็กจ้อยเหลือเกินในสายตาพวกเขา ใครเล่าจะสนใจ ได้ลิ้มรสความลำบากมาหนึ่งชาติ นางหลาบจำแล้ว

ต่อจากนั้น พวกวังหมัวมัวก็ยกขบวนเข้ามา ครู่ถัดมา นางก็เดินมาถึงเบื้องหน้าเจียงเฟิ่งหัว ส่ายศีรษะน้อยๆ “คืนวานพระชายาไม่ได้เข้าหอกับท่านอ๋องหรือเพคะ?”

เจียงเฟิ่งหัวทอดสายตาลงล่าง ทำให้คนมองความรู้สึกที่แท้จริงของนางไม่ออก น้ำเสียงนางแผ่วเบา “เมื่อคืนข้าเพิ่งรู้ว่าท่านอ๋องมีคนในดวงใจแล้ว สิ่งที่หมัวมัวสั่งสอนข้ามาจึงไม่อาจนำมาใช้ ข้าไม่เอาไหนจริงๆ...”

วังหมัวมัวพินิจพระชายาที่งดงามปานบุปผา คนงามปานนี้ ท่านอ๋องกลับรักษาตนให้บริสุทธิ์ดั่งหยกเพื่อสตรีผู้นั้น

วังหมัวมัวเป็นคนข้างกายฮองเฮา ทั้งยังเป็นคนที่มีเหตุมีผล นางยิ้มบางอย่างกระอักกระอ่วน “พระชายามิต้องร้อนใจไป วันเวลายังอีกยาวนาน ท่านอ๋องจะต้องเห็นความดีของพระชายาแน่นอนเพคะ”

เจียงเฟิ่งหัวพยักหน้าอย่างว่าง่าย ไม่พูดอะไรแม้ประโยคเดียว

นางเพิ่งไปถึงโถงหน้าก็เห็นเซี่ยซางรออยู่ตรงนั้นอย่างงามสง่าประหนึ่งเทพเซียนประดุจภาพวาด ถึงจะขุ่นเคืองเพียงไหน เขาก็เข้าใจกฎระเบียบที่ต้องพาสะใภ้หมาดๆ เข้าวังไปเข้าเฝ้าคารวะฮองเฮา
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 495

    “ใช่แล้ว อีกหลายปีข้างหน้า ข้าก็อยากยกตำแหน่งนี้ให้เจ้า” ซูเต๋อไห่กล่าว “เซี่ยซางเป็นกษัตริย์องค์ถัดไป แม้แต่จุดนี้เราก็เดาไม่ผิด ก็แค่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาจึงไม่เชื่อใจพวกเราสกุลซูแล้ว อันที่จริงหากเซี่ยซางเป็นคนฉลาด เขาเพิ่งขึ้นครองตำแหน่งองค์รัชทายาท คิดอยากนั่งตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างมั่นคง หรือแม้กระทั่งอนาคตขึ้นครองบัลลังก์อย่างมั่นคง เขาก็ไม่ควรทอดทิ้งพวกเราสกุลซู”“ท่านพ่อ หวานหว่านบอกว่าเจียงเฟิ่งหัวไม่มีทางได้เป็นฮองเฮาของเซี่ยซางเด็ดขาด ตำแหน่งฮองเฮาของเซี่ยซางเป็นของสกุลซู แต่ดูสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ลูกรู้สึกว่าต้องมีจุดไหนที่เกิดปัญหาแน่ สิ่งดี ๆ ถูกคนสกุลเจียงยึดครองไปหมดแล้ว หวานหว่านกลายเป็นคนคนนั้นที่ถูกเซี่ยซางละเลย”“หวานหว่านหมดประโยชน์แล้ว” ซูเต๋อไห่ได้แต่รู้สึกอับโชค “เลือกคนที่สวยที่สุดมา หัวสมองกลับโง่ที่สุด แค่มัดใจผู้ชายคนหนึ่งยังทำไม่ได้ นางยังมีประโยชน์อะไรอีก ข้าบอกหลิ่วเอ๋อร์แล้วว่า ให้รับลูกสาวของนางมา ใช้สถานะของสกุลซูเรา หากรัชทายาทจะเลือกพระชายารอง ก็ส่งลูกสาวสกุลซูเข้าไปให้เขาอีกคน ถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาสเสมอ”ซูเซวี่ยนกลับไม่มีความหวังนี้แล้ว เซี่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 494

    ตกกลางคืน ทั้งถนนเงียบงันปราศจากเสียง มืดมิดไปหมด ที่หน้าประตูจวนสกุลเจียง สิงโตหินสองตัวจ้องมองอย่างองอาจ แสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขามและสูงศักดิ์ของจวนแม่ทัพดึกสงัดไร้ผู้คน ทุกคนหลับใหลหมดแล้ว ทันใดนั้นที่หน้าประตูจวนสกุลซูก็มีคนแบกโลงศพโลงหนึ่งมาวางขวางหน้าประตูจากนั้นก็มีเสียงทุบประตูตึง ๆ ดังขึ้นติดต่อกันยามเฝ้าประตูได้ยินเสียงเคาะประตูติด ๆ กันก็เปิดประตู พอเห็นก็ตกใจถอยกรูดจนล้มไปกองที่พื้น “โลงศพ?”เพียงไม่นาน คนสกุลซูก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวแล้ววิ่งออกมาดู ก็เห็นโลงศพโลงหนึ่งขวางอยู่ตรงกลางทางเวลานี้เอง ซูเต๋อไห่กับซูเซวี่ยนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็เร่งรุดมา ทุกคนต่างไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า ซูเต๋อไห่กล่าวเสียงเย็นชา “แค่โลงศพโลงหนึ่งก็กลัวจนเป็นเช่นนี้ รีบไปเปิดสิ”ซูเซวี่ยนก็รู้สึกว่าแปลกเขาก็กลัวว่ามีอะไรน่าตกใจจึงไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า เลยให้ทหารจวนสกุลซูออกไป “เปิดมันเสีย ข้าก็อยากเห็นหน่อยเหมือนกันว่าในนั้นมีอะไรอยู่”ทหารรวบรวมความกล้าเปิดโลงศพออก ก็เห็นว่าข้างในมีชายคนหนึ่งที่ถูกโบยทั้งตัวจนร่างเละไปหมด ชายคนนั้นน่าจะขาดใจแล้วด้วย ทำให้ทหารตกใจจนฉี่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 493

    “แม้แต่หรวนหร่วนกับจิ่นเหยียนก็ยังรู้ ท่านยังปิดบังข้าอีก” เฝิงจิ้งย่วนไม่เคยรู้สึกเสียใจขนาดนี้มาก่อน น้ำตาไหลพรากเต็มหน้า อ่อนไหวไปหมดเดิมทีเจียงจิ่นเหยียนอยากอธิบายแทนพ่อ แต่ถูกเจียงเฟิ่งหัวลากออกไปนอกประตู แถมยังปิดประตูให้พวกเขาอีกด้วย“ท่านพ่อแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นแล้วจริงๆ” เจียงจิ่นเหยียนกล่าว“ท่านพ่อก็ไม่ได้มีหญิงอื่นเสียหน่อย มีอะไรให้ต้องแก้ตัวกัน” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว “วางใจเถิด ไม่มีอะไรหรอก เรื่องแค่นี้ท่านพ่อยังจัดการไม่ได้อีกหรือ ท่านก็ดูถูกท่านพ่อเกินไปแล้ว พวกท่านอยู่กันมาจะสามสิบปีแล้ว มีเรื่องโกรธโมโหอะไรกันพวกท่านก็เข้าใจกันได้”“หรวนหร่วน คำพูดเจ้านี่ไม่เหมือนอายุสิบหกเลยนะ กลับเหมือนสามสิบหกเสียอย่างนั้น” เจียงจิ่นเหยียนกล่าวเจียงเฟิ่งหัวตะลึงงัน “ข้าแค่ตั้งครรภ์ก็ดูแก่ขนาดนี้เลยหรือ? พวกท่านผู้ชายเหมือนกันหมดหรืออย่างไร ผู้หญิงพอมีครรภ์ก็ไม่สวยแล้ว จากนั้นก็เริ่มรังเกียจ รอพี่สะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์แล้ว ท่านก็จะพูดกับนางเช่นนี้ใช่ไหม?”พูดจบเจียงเฟิ่งหัวก็ยกกระโปรงเดินจากไป นางทำตัวสุขุมเกินวัยขนาดนั้นเลยหรือ?ภรรยาสงสัยว่าสามีมีบ้านเล็กบ้านน้อยข้างนอกก็คว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 492

    “สกุล…สกุลซูของซูเต๋อไห่นั่นน่ะหรือ?” เจียงหวยเพิ่งรู้ตัวทีหลัง “มิน่าเล่า เขาคอยเล่นงานข้าทุกจุดในท้องพระโรง”เจียงเฟิ่งหัวนึกถึงท่าทางที่พ่อโจมตีซูเต๋อไห่กลับ จงใจกล่าวว่า “เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เชียวนะ ท่านพ่อไม่กลัวเขาเลยหรือเจ้าคะ”“กลัวสิ…กลัวอยู่แล้ว แต่พอข้าคิดว่าถ้าเขายืนยันได้จริงว่าข้ารับสินบน ไม่เพียงแค่การสอบของจิ่นเหยียนจะเป็นโมฆะ ศิษย์เหล่านั้นของข้าก็จะไม่รอดสักคน แล้วก็เจ้า หรวนหร่วน จะพลอยเดือดร้อนไปเพราะพ่อด้วย ต่อให้ตอนนั้นฝ่าบาทจะตัดหัวข้า ข้าก็ต้องพูดออกมา”“หลักแหลมนัก จุดนี้ท่านพ่อทำถูกเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่ตอนนั้นท่านโต้แย้งด้วยเหตุผล จึงทำให้ฝ่าบาททรงเชื่อท่านได้ หากท่านกลัวหัวหด เกิดความเกรงกลัวเขาในใจ พลาดโอกาสไป ถึงเวลาไม่ว่าท่านพูดอะไร คนเขาก็ต่างคิดว่าท่านกำลังแก้ตัว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ท่านก็จะแพ้ นี่ก็คือโอกาสทองในการโจมตีกลับ ท่านทำได้แล้วเจ้าค่ะ”“อีกอย่างก็คือ จริง ๆ แล้วในใจฝ่าบาททรงลำเอียงเข้าข้างท่าน เพราะฉะนั้นพระองค์จะทรงอยากให้โอกาสท่านได้พูดเยอะ ๆ หน่อยโดยไม่รู้ตัว”เจียงหวยถูกลูกสาวชม ในใจเขาก็เกิดความรู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันที เขาจ้องเจียงเฟ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 491

    จางอวี่มั่วก็ยังหวาดกลัวอยู่ โชคดีที่นางเตรียมใจไว้นานแล้ว แต่นางก็นึกไม่ถึงว่าคนที่ต้องการทำร้ายพวกนางจะคิดวิธีแบบนี้ได้ ที่เอาเงินสกปรกไปยัดไว้ในคลังของสกุลเจียง ศัตรูจ้องเล่นงานเรา จะป้องกันอย่างไรก็ป้องกันไม่ได้จริง ๆเจียงเฟิ่งหัวถาม “พี่หญิงรองมาแล้วใช่ไหม?”จางอวี่มั่วตอบ “มาแล้ว ที่บ้านยังมีลูกอยู่ นางไม่วางใจก็เลยกลับไปแล้ว แต่น้องหญิงสามไม่ต้องเป็นห่วง พวกเรากำชับเป็นอย่างดีแล้ว พี่หญิงรองบอกว่านางกลับไปแล้วก็จะเสริมการคุ้มกันในจวน”เจียงเฟิ่งหัวคิด ผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว ทุกคนต่างก็มีความระแวดระวัง ดีเหมือนกัน ไม่เหมือนชาติที่แล้วที่พวกเขาไม่ได้เตรียมการไว้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่ถูกกระทำฝ่ายเดียว ท้ายที่สุดแล้วทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสกุลเจียงก็ล้วนถูกสกุลซูเล่นงานจนพังพินาศทั้งสิ้นนางยังคิดไว้ว่ารอคลอดลูกก่อนแล้วค่อย ๆ ขุดคุ้ยหาข้อผิดพลาดของสกุลซู ดูแล้วตอนนี้ก็ไม่ต้องรอให้ถึงเวลานั้นแล้ว สกุลซูก็ไม่ได้ย้ายไปชายแดนหมดทั้งบ้าน บ้านเดิมของสกุลซูก็ยังอยู่ที่เมืองเซิ่งจิง ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ไม่ได้มีซูเต๋อไห่เป็นลูกชายคนเดียวเสียหน่อยเวลานี้เจียงหวยก็ไม่กล้ากอดเฝิงจิ้งหยวนไว้เพื่อปล

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 490

    หลินเฟิงนำทหารไปส่งเจียงเฟิ่งหัวถึงหน้าประตูจวนสกุลเจียง จากนั้นก็ดึงเย่อิ่งไปอีกด้าน “องค์รัชทายาทให้ข้ากำชับเจ้า ว่าต้องปกป้องความปลอดภัยของพระชายารัชทายาทให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องลอบสังหารแบบครั้งก่อนเป็นอีกอันขาด หากพระนางเป็นอะไรไป ให้เจ้าหิ้วหัวมาพบ เจ้าเองก็ระวังสักหน่อย ระวังหัวจะไม่ปลอดภัยเข้าล่ะ”ดวงตาของหลินเฟิงมีประกายอำมหิตสายหนึ่งวาบผ่าน มือทำสัญลักษณ์ปาดคอขึ้นมา เย่อิ่งรู้สึกเพียงว่าศีรษะเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน นับตั้งแต่องครักษ์หลินเปลี่ยนจากองครักษ์ของท่านอ๋องกลายเป็นองครักษ์ของรัชทายาท คนก็เปี่ยมไปด้วยพลังเสียเหลือเกิน!สีหน้าของเย่อิ่งไม่เปลี่ยนแปลง และดูเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ในอ้อมอกกอดกระบี่ไว้เล่มหนึ่ง “ได้ยินว่าในวังมีนางกำนัลหลายคนชอบเจ้า พวกนางล้วนอยากแต่งงานกับเจ้า”หลินเฟิงประหลาดใจ “หน้าน้ำแข็งก็ชอบพูดล้อเล่นแล้วหรือนี่ พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วกระมัง”“ข้าไม่ได้ล้อเล่น” สีหน้าของเย่อิ่งดูทื่อๆ ทว่าจริงจังยิ่งหลินเฟิงตะลึงไป รีบหันไปดูที่หน้าประตูใหญ่ของจวนสกุลเจียงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเหลียนเย่กับพระชายารัชทายาทเข้าไปแล้ว ก็กระซิบเสียงเบา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status