Share

บทที่ 5

Author: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
วันนี้เซี่ยซางสวมชุดแพรทรงตรงสีม่วง ตรงเอวรัดด้วยแถบผ้าแพรปักดิ้นทองลายเมฆสีเดียวกันเส้นหนึ่ง ผมสีดำสนิทรวบไว้ครอบด้วยมงกุฎทองคำประดับหยก รูปร่างสูงโปร่งยืนแผ่นหลังตั้งตรง ทั้งตัวคนแลดูหล่อเหลาสง่างาม กอปรด้วยราศีสูงศักดิ์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด

ส่วนเจียงเฟิ่งหัววันนี้สวมเสื้อคลุมเนื้อบางสีม่วงอ่อน ข้างในสวมเกาะอกและกระโปรงร้อยจีบสีฟ้าเทา ไหล่กลึงเกลาดุจแกะสลัก เอวอ้อนแอ้นอรชร ลำคอของนางเรียวยาว ผิวพรรณขาวพิสุทธิ์เกลี้ยงเกลา บุคลิกภาพดุจกล้วยไม้ในหุบเขา การแต่งกายแต่ละแบบสามารถขับเน้นเสน่ห์ที่ไม่ซ้ำกันของนาง ผมทรงมวยเมฆาในวันนี้ยิ่งขับเน้นความสุภาพเรียบร้อย แลดูทั้งสง่างามและหรูหรา นางแต่งหน้าอย่างประณีตงดงาม เดินตรงมาทางเขาด้วยฝีเท้าแช่มช้า

“หม่อมฉันคารวะท่านอ๋อง” น้ำเสียงของนางอ่อนหวาน ต่างจากท่าทางปล่อยตัวตามสบายเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนเมื่อคืนนี้ลิบลับ กิริยาที่นางแสดงออกก็คือมาดของชายาอ๋อง

เซี่ยซางใจสั่นระรัว หันหน้ามากล่าวเสียงเย็นชา “ตามธรรมเนียมแล้ว วันนี้ข้าจะต้องพาเจ้าเข้าวังไปคารวะขอบพระทัย ถ้าเจ้าเตรียมตัวเสร็จแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ!”

“เพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างไม่แข็งกร้าวไม่ต่ำต้อย

เดิมเซี่ยซางคิดจะกำชับนางสักหลายประโยค เห็นนางแต่งกายเหมาะสม กิริยาสง่างามก็ไม่พูดมาก คิดว่าวังหมัวมัวคงสั่งสอนนางมาหมดแล้ว

คนทั้งสองนั่งรถม้าคันเดียวกันเข้าวัง เพิ่งมาถึงประตูเฉิงเทียนรถม้าก็หยุดลง ถึงจะเป็นรถม้าของท่านอ๋องก็ต้องเปลี่ยนไปนั่งรถม้าของวังหลวงที่ประตูเฉิงเทียนก่อนจึงจะสามารถเข้าไปในวังได้ เซี่ยซางมุดออกไปเป็นคนแรกแล้วก้าวลงจากรถม้าอย่างคล่องแคล่ว

เจียงเฟิ่งหัวตามหลังมาติดๆ แต่นางพลันหยุดลงกะทันหัน ดวงตาแวววามคู่นั้นของนางจ้องมองเซี่ยซางอย่างกระอักกระอ่วน น้ำเสียงหวานซึ้งเบาหวิว “ท่านอ๋องช่วยประคองหม่อมฉันได้ไหมเพคะ สาวใช้ของหม่อมฉันไม่อยู่ข้างกาย คานรถม้าของจวนอ๋องสูงกว่าคานรถม้าของที่บ้านหม่อมฉันมากนัก”

เซี่ยซางเห็นนางยืนอยู่บนรถม้าสูงๆ อย่างอ่อนแอ ดวงตาฉายแววขลาดๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดบุตรีของราชครูเจียงจึงอ่อนแอเช่นนี้ นางลงมาเองไม่ได้หรือไร?

เขาไม่อยากรอนานกว่านี้จึงก้าวเข้ามายื่นแขนให้นาง ทำทีให้นางจับแขนลงมา นิ้วเรียวงามของเจียงเฟิ่งหัววางลงบนฝ่ามือของเขาแล้วลงมาจากรถม้าอย่างสง่างาม แย้มยิ้มอ่อนหวาน “ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”

เด็กน้อยที่ร้องไห้เป็นมีลูกอมให้กิน สตรีขี้อ้อนมีคนเอ็นดู สตรีรู้ความชวนให้คนสงสาร หลักการที่นางใช้เวลาชั่วชีวิตก็ยังไม่เข้าใจ กลับได้เรียนรู้มาจากในหออี๋ชุน

สัมผัสนุ่มนิ่มอบอุ่นทำให้เซี่ยซางเหมือนจะนึกถึงภาพอันงดงามอันใดขึ้นมา เขาเพียงพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร

ต่อจากนั้น ตอนจะขึ้นรถม้า เขาเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “จับแขนเอาไว้”

นางตวัดสายตาขึ้นจับแขนเซี่ยซางตามที่เขาบอก หลีกเลี่ยงสัมผัสทางผิวหนัง? ความถือสาเช่นนี้ช่างน่าขันเสียจริง

เจียงเฟิ่งหัวดื่มด่ำกับขั้นตอนเหล่านั้น เซี่ยซางกลับไม่อาจไม่คอยดูแลแม้ไม่เต็มใจ ทั้งสองดูแล้วเหมือนคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันที่รักใคร่กันดีคู่หนึ่ง บุรุษหล่อเหลาสตรีงดงาม กลายเป็นทิวทัศน์ที่งดงามฉากหนึ่งในวังหลวง

ในโถงทางเดินไกลออกไป สาวน้อยสวมชุดทะมัดทะแมงสีแดงเข้มมองดูภาพนี้อย่างอึ้งๆ ในใจรู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก

สาวใช้อิ๋นซิ่งตัดพ้ออยู่ข้างๆ “เหิงอ๋องลั่นคำสาบานชั่วฟ้าดินสลายกับคุณหนู บอกว่าชาตินี้จะไม่แต่งงานกับใครนอกจากคุณหนู ยามนี้ไม่เพียงแต่งผู้อื่นเป็นพระชายา แต่ยังเอาใจใส่หญิงอื่นไปเสียทุกเรื่อง บ่าวรู้สึกไม่คู่ควรแทนคุณหนูจริงๆ เจ้าค่ะ”

“อาซางอธิบายแล้ว การแต่งงานกับนางไม่ใช่ความต้องการของเขา ราชโองการยากจะขัดขืน เขารับปากข้าแล้วว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่ปันใจให้หญิงอื่น” เมื่อวานตอนที่อาซางแต่งงาน นางก็ซ่อนอยู่ในฝูงชน นางเห็นสายตาตกตะลึงในความงามยามอาซางมองเจียงเฟิ่งหัวอย่างชัดเจน นางรู้สึกทรมานใจมาก รอเขาที่หอวั่งเยว่ทั้งคืน นางนึกว่าเขาจะมา หากสุดท้ายเขาก็ไม่มา

เมื่อคืนพวกเขาคงเข้าหอกันแล้วสินะ! นางยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ หากมิใช่เพราะรักเขา นางคงจากไปแล้ว แต่ก็เหมือนที่ท่านป้าพูด การถอยทางมอบคนรักให้ผู้อื่นเช่นนั้นจะยินยอมพร้อมใจได้อย่างไรเล่า

ซูถิงหว่านกำหมัดแน่น คิดในใจว่า “ข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด อาซางเป็นของข้า”

ยามนั้น องค์หญิงเก้าพลันกระโดดเข้ามา “ที่แท้พี่หญิงหว่านก็แอบวิ่งออกมาดูพระชายาคนใหม่ของพี่ห้านี่เอง”

“ข้าไม่ได้มาดูนางสักหน่อย ข้าจะไปขี่ม้าต่างหาก” ซูถิงหว่านมั่นใจในตัวเองเต็มเปี่ยม นางเชื่อว่าอาซางไม่มีทางชอบคนอื่น อาซางยิ่งไม่ใช่บุรุษที่หลงใหลได้ปลื้มกับหญิงงามจนหน้ามืดตามัว

เมื่อวานเนื่องจากอยู่ห่างเกินไป นางยังซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน นางจึงเห็นไม่ชัดว่าเจียงเฟิ่งหัวมีหน้าตาอย่างไร ความจริงนางก็อยากไปดูเหมือนกันว่าเจียงเฟิ่งหัวมีรูปโฉมอย่างไรกันแน่ เมื่อครู่นางยืนอยู่บนกำแพงวัง มองจากไกลๆ รู้สึกว่าเงาร่างของอีกฝ่ายสูงเพรียว กิริยาชดช้อย ทว่าเห็นหน้าตาได้ไม่ชัดนัก

“ข้ากลับอยากเห็นนักว่าสตรีแบบไหนที่กล้าแย่งคนในดวงใจพี่หญิงหว่านไป” เซี่ยหลิงเอ๋อร์กล่าวมาอีกว่า “พี่หญิงหว่านอย่าได้เศร้าใจไป ท่านคอยดูข้าเถอะ ข้าไม่ปล่อยให้นางมีช่วงเวลาดีๆ แน่”

“หลิงเอ๋อร์...” ซูถิงหว่านอยากขัดขวาง เซี่ยหลิงเอ๋อร์กลับนำคนตรงไปทางนั้นด้วยท่าทางดุดันเสียแล้ว

ทางด้านนี้ รถม้าเพิ่งหยุดลงหน้าประตูตำหนักคุนหนิง เจียงเฟิ่งหัวมุดออกไปจากรถม้าด้วยอากัปกิริยาสง่างาม คราวนี้ไม่จำเป็นต้องให้นางบอก เซี่ยซางก็เป็นฝ่ายยื่นแขนออกมาให้นางเกาะลงจากรถม้า

มุมปากเจียงเฟิ่งหัวแย้มขึ้นเป็นรอยยิ้ม เห็นว่ารอบตัวเขาเต็มไปด้วยความห่างเหิน อยู่ห่างออกไปเสียไกล นิ้วมือเรียวของนางเพิ่งแตะลงไปก็ถูกเรี่ยวแรงขุมหนึ่งผลักออกไป

“ท่านอ๋อง...” นางอุทานอย่างตกใจ เท้ายืนไม่มั่นเซล้มลงไปจากรถม้า

เซี่ยซางรวบเอวนางไว้ได้อย่างตาไวมือเร็ว ดวงตานางฉายแววตกใจ ดวงหน้าน้อยๆ เผือดขาว ร่างกายสั่นเทิ้ม สองแขนของนางโอบรอบลำคอเซี่ยซาง น้ำเสียงนุ่มนวลยวนใจ “ท่านอ๋องช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้อีกแล้ว บุญคุณช่วยชีวิต มิมีสิ่งใดจะตอบแทน...”

เซี่ยซางปล่อยนางลงบนพื้น จ้องเซี่ยหลิงเอ๋อร์พลางเอ่ยเสียงลุ่มลึก “น้องหญิงเก้า ไยเจ้าทำตัวเหลวไหลเช่นนี้”

เซี่ยหลิงเอ๋อร์ไม่ได้คิดจะผลักนางลงจากรถม้า เพียงต้องการปัดมือที่กุมกันของทั้งสองออกจากกันเท่านั้น เห็นแล้วขัดหูขัดตานัก คิดไม่ถึงว่าจะทำให้อีกฝ่ายตกจากรถม้า ถึงขั้นมอบโอกาสที่พี่ห้าช่วยเหลือนางให้กับนาง

เซี่ยหลิงเอ๋อร์อายุเพียงสิบสามปี นางยู่ริมฝีปากสีชมพู สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งที่นางอยากเห็น ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่พี่หญิงหว่านอยากเห็น นางไม่เพียงไม่ขอโทษ แต่กลับจงใจเอ่ยว่า “พี่ห้า ท่านลืมไปแล้วหรือว่าพี่หญิงหว่านยังรอท่านอยู่? ถ้าปล่อยให้นางเห็นท่านทำตัวสนิทสนมกับหญิงอื่น นางจะเศร้าใจมากแค่ไหนกัน!”

เอ่ยถึงซูถิงหว่าน เซี่ยซางก็ร้อนใจขึ้นมา “หวานหว่านอยู่ที่ไหน?”

“รู้ว่าท่านพาพระชายาคนใหม่เข้าวัง นางไปขี่ม้าที่สนามม้าแล้ว” เซี่ยหลิงเอ๋อร์ขึ้นเสียงเอ่ย

ได้ยินถึงตรงนี้ เซี่ยซางก็หันหลังทำท่าจะจากไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

เจียงเฟิ่งหัวคว้าแขนเขาไว้ได้อย่างตาไวมือเร็ว ก้มหน้าใช้เสียงที่ได้ยินเพียงพวกเขาสองคนเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง หากท่านอยากแต่งแม่นางหว่านเข้าจวน ยามนี้ท่านไม่อาจไป ฮองเฮารออยู่ที่ตำหนักคุนหนิง ถ้าแม่นางหว่านอยากเข้าจวนมีแต่ต้องให้ฮองเฮาพยักหน้าก่อนเท่านั้น มิฉะนั้น นางจะต้องแบกรับคำครหาว่ามีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับบุรุษโดยไม่ถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณี”

ดวงตาเซี่ยซางฉายแววตกตะลึง สายตาเขาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เหมือนต้องการจะจ้องเจียงเฟิ่งหัวให้เป็นรูกระนั้น วาจาที่เอ่ยออกมายิ่งทำร้ายจิตใจคน “หากไม่ใช่เพราะเจ้า หวานหว่านก็คงเป็นชายาเอกของข้าแล้ว”

เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านอ๋องลองสงบสติตรองดูเถอะ หากไม่มีข้าก็ยังมีสตรีอื่นมาแต่งงานกับท่านอ๋องอยู่ดี ข้าเดาว่าแม่นางหว่านไม่มีวันได้เป็นชายาเหิงอ๋องของท่าน ดังนั้นท่านอ๋องจึงจำต้องแต่งงานกับหม่อมฉันอย่างไรเล่า!”

“เจ้า...” ดวงตาของเซี่ยซางเต็มไปด้วยความตกตะลึง เจียงเฟิ่งหัวตรงหน้าหาได้อ่อนแอเหมือนที่เขาคิด

“ท่านอ๋องยอมอดทนไปก่อนจะดีกว่า หม่อมฉันจะต้องทำให้แม่นางหว่านได้แต่งเข้าจวนมาให้ได้เพคะ” เจียงเฟิ่งหัวไร้เล่ห์มารยา ดวงตากลมโตกะพริบปริบ ท่าทางไร้เล่ห์เพทุบาย นางเอ่ยมาอีกว่า “ประเดี๋ยวข้าจะไปหาแม่นางหว่านกับท่าน ข้าจะอธิบายกับนางแทนท่านเองว่า คืนวานระหว่างพวกเราไม่มีอันใดเกิดขึ้นทั้งนั้น วันหน้าข้าก็ไม่มีทางแย่งชิงอันใดกับนาง พวกท่านรักใคร่ชอบพอกัน ข้าจะไม่เข้าไปแทรกกลางแน่นอน ท่านอ๋องเพียงแค่ให้เกียรติจวนสกุลเจียงของข้าบ้าง ทำให้ข้าไม่ถึงกับถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ก็พอแล้ว”

ดวงตาของนางสีดำสีขาวตัดกันชัดเจน ใสสะอาดดุจสายน้ำ สีหน้าเปี่ยมความจริงใจ เซี่ยซางคิดไม่ถึงเลยว่าเจียงเฟิ่งหัวจะใคร่ครวญเพื่อเขากับหวานหว่านถึงเพียงนี้

นางเป็นชายาเหิงอ๋องแท้ๆ แต่กลับได้รับความไม่เป็นธรรมถึงเพียงนี้ ความละอายใจวาบผ่านดวงตาเซี่ยซาง ทั้งที่เป็นความแค้นระหว่างเสด็จแม่กับซูกุ้ยเฟย ไม่ควรพัวพันไปถึงพวกนาง เจียงเฟิ่งหัวแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบคนหนึ่ง นางก็เป็นผู้เสียหายเหมือนกัน

เซี่ยซางครุ่นคิดจนเข้าใจแล้วจึงกล่าวกับเซี่ยหลิงเอ๋อร์ว่า “น้องหญิงเก้า เจ้าไปบอกหวานหว่านให้ไปรอข้าที่เดิม”

เซี่ยหลิงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าทั้งคู่กระซิบกระซาบอะไรกันบ้าง นางนึกว่าพี่ห้าจะทิ้งเจียงเฟิ่งหัวเพื่อพี่หญิงหว่านเสียอีก

เห็นเพียงเจียงเฟิ่งหัวยืนอย่างอ่อนโยนอยู่ตรงนั้น พยักหน้าให้เซี่ยหลิงเอ๋อร์ “องค์หญิงเก้าจะไปคารวะเสด็จแม่ด้วยกันกับพวกเราไหมเพคะ?”

เซี่ยหลิงเอ๋อร์เบะปากถลึงตาใส่เจียงเฟิ่งหัว “ข้าจะไปหาพี่หญิงหว่าน ในใจข้ามีเพียงพี่หญิงหว่านที่เป็นพี่สะใภ้ห้าของข้า คนอื่นอย่าฝันเลย”

นางพูดจบก็เชิดหน้าเดินจากไปอย่างเย่อหยิ่ง

เจียงเฟิ่งหัวแค่นหัวเราะในใจ วันนี้หากปล่อยให้เจ้าพาเซี่ยซางจากไป คนที่เสียหน้าก็คือข้าน่ะสิ

หากเป็นชาติก่อน นางคงร้องห่มร้องไห้ไปแล้ว แต่ตอนนี้...
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 466

    “เฮ้อ ก็ใครขอให้ฝ่ายนั้นเขามีบุตรีงดงามถึงขั้นได้เกาะบารมีรัชทายาทกันเล่า ครอบครัวพวกข้าไม่มีธิดาสักคน ชาตินี้อย่าได้วาดหวังว่าจะมีโอกาสงาม ๆ เช่นนี้เลย”“จากบัณฑิตธรรมดาคนหนึ่งจู่ ๆ ก็ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในกรมคลัง แม้ตำแหน่งเขาจะยังไม่โดดเด่น ทว่าการใช้เส้นสายของเขากลับแย่งอาชีพทำมาหากินของคนอีกจำนวนไม่น้อยไป ตำแหน่งนี้รัชทายาทยังจัดสรรให้เขาตั้งแต่สมัยยังเป็นเหิงอ๋องด้วย”“แล้วต่อมาเขายังได้รับแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองเจ้ากรมคลัง และเป็นเพราะรัชทายาทเป็นคนเรียกตัวเขาไปร่วมศึก แค่ออกรบศึกเดียวสุดท้ายก็ได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เป็นโหวเจวี๋ยอย่างก้าวกระโดด หากมิได้เกาะชายกระโปรงอาศัยบารมีของน้องสาวคนอย่างเขาหรือจะก้าวมาถึงตำแหน่งนี้ได้”“หากต้องอาศัยเพียงความรู้ความสามารถที่แท้จริงของเขาสอบเข้าเป็นขุนนางในราชสำนักจริง เกรงจะยากกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก”เพียงชั่วข้ามคืนคุณชายอันดับหนึ่งที่เคยมีพรสวรรค์สูงล้ำโดดเด่นกลับกลายเป็นคนเล่นเส้นสาย เป็นบุรุษที่อาศัยสตรีเลี้ยงดูในปากของคนอื่นไปแล้ว ไม่ต้องบอกว่าน่าอดสูเพียงใดครั้งนี้เขาสอบได้ที่สอง ทุกคนต่างก็เริ่มขยี้ตาแล้วมองเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 465

    วันต่อมาขณะประชุมสภาขุนนางยามเช้า พานไท่ฟู่มาถึงพระตำหนักจินหลวนด้วยอาการร้อนรนกระวนกระวาย ประสิทธิภาพการทำงานของเขารวดเร็วฉับไว ขณะเดียวกันก็นำคำให้การของหวังชิงมาด้วยพานไท่ฟู่ทำความเคารพด้วยความนบนอบ “กระหม่อมถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”“ไท่ฟู่เชิญลุกขึ้นเถิด ท่านผู้เฒ่ามีเหตุอันใดจึงเข้าวังมาหรือ เฉาเต๋อเจ้ารีบไปหาที่นั่งให้พานไท่ฟู่เร็วเข้า” ฝ่าบาททรงรับสั่งด้วยเสียงเคร่งขรึม“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเข้าวังมาก็เพื่อจะกราบทูลฝ่าบาทถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามสอบเคอจวี่ปีนี้พ่ะย่ะค่ะ” พานไท่ฟู่แม้อายุมากแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรงดี หัวหน้าขันทีเฉาย้ายเก้าอี้นุ่มมาให้แต่กระนั้นเขาก็มิได้ถือดีว่าตนเองอาวุโสและนั่งลงไปจริง ๆ เพียงแต่ค่อย ๆ เริ่มบรรยายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสนามสอบเมื่อวานให้อีกฝ่ายรับฟังอย่างละเอียดพวกเขาไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ลากตัวคนที่กองบัญชาการปัญจทิศรักษานครจับกุมได้เมื่อวานเข้ามาสอบปากคำทันที หนึ่งในนั้นได้กล่าวหาว่าผู้เข้าสอบนามว่าหวังชิงกระทำการทุจริตขณะสอบ กระทั่งพานไท่ฟู่ไปตรวจสอบถึงในเรือนของหวังชิงด้วยตัวเอง คิดไม่ถึงว่าเขายังมิได้ทำการสอบสวน

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 464  

    ท้องของนางใหญ่มากแล้วจึงได้แต่นอนตะแคง และยังจำเป็นต้องหนุนหมอนอีกใบที่หลัง มิเช่นนั้นแล้วนางจะนอนไม่สบาย นางลืมตาขึ้นมาก็เห็นเขาใกล้กันเพียงคืบ นางเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างแผ่วเบา “ท่านพี่ ท่านจำได้หรือไม่ว่านับแต่ครั้งล่าสุดพวกเราไม่ได้นอนด้วยกันแบบนี้มานานกี่วันแล้ว” “กี่วันหรือ?” เขาถาม “คงหกเจ็ดได้แล้วกระมัง!” “สิบสี่วันแล้วเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวบอกจำนวนให้เขาฟัง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “วันนี้หากท่านไม่กลับมา พวกเราก็มิได้พบหน้ากันครึ่งเดือนเต็มแล้วนะเพคะ หม่อมฉันนับวันรอจะได้พบท่าน เหมือนกับตอนที่ท่านไปทำศึกครานั้นหม่อมฉันก็ได้แต่เฝ้าคิดว่าสามีของหม่อมฉันจะกลับมาเมื่อใด” “นานเพียงนี้เชียวหรือ? วันเวลาผ่านไปรวดเร็วปานนี้เชียว? หรวนหร่วน ข้าเย็นชากับเจ้าแล้ว ตอนแรกเจ้าตั้งครรภ์ข้าก็มิได้อยู่ข้างกายเจ้า บัดนี้จวนจะคลอดเต็มทีแล้ว ข้าก็ยังมิได้อยู่เคียงกายเจ้าเลย เจ้าตัวคนเดียวลำพังคงลำบากมากแน่” เขาทอดกายนอนข้างเจียงเฟิ่งหัวและหันหน้ามาทางนาง ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องในวังหลวงให้ฟัง คล้ายกำลังอธิบาย “ข้าชุลมุนจนหัวหมุนแล้ว ไปถึงตำหนักไท่หัวข้าก็ยังปรับตัวไม่ค่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 463  

    เวลานี้ เห็นเพียงแววตาของเจียงเฟิ่งหัวดูอบอุ่นอ่อนโยนลงมาก ดวงหน้างดงามเพริศพริ้งดุจบุปผา นางเอื้อนเอ่ยคำชมหวานหูออกมา “ฝ่าบาททรงมีพระปรีชาสามารถองอาจห้าวหาญ เพียบพร้อมทั้งสติปัญญาและความกล้าหาญ กุมอำนาจทั่วใต้ผืนฟ้า สูงส่งเหนือผู้ใด โจรใจทรามไหนเลยจะหลอกลวงได้ง่าย ๆ องค์รัชทายาทของพวกเรา เปี่ยมล้นด้วยสติปัญญา ดุจสายธารดาราอันพร่างพราว กว้างใหญ่ไพศาลไร้สิ้นสุด เปล่งประกายทั่วใต้หล้า รัชทายาทไหนเลยจะปล่อยให้คนชั่วช้าสามานย์ได้อำนาจลอยนวลไป” กล่าวอีกนัยหนึ่งหากชาติก่อนสกุลเจียงประสบปัญหาเช่นนี้ ต่อให้เจียงเฟิ่งหัวจะพยายามพูดเพียงใดล้วนไม่เป็นประโยชน์ สกุลเจียงต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และไม่มีทางจะพลิกฟื้นกลับมาสู่จุดเดิมได้อย่างแน่นอน ชาตินี้นางได้ครองตำแหน่งชายารัชทายาทอย่างมั่นคงแล้ว ได้รับความไว้วางพระทัยจากทั้งฝ่าบาทและองค์รัชทายาท เสียงกระซิบข้างหมอนของนางมิได้เป็นเพียงลมล่องลอยสูญเปล่า เมื่อมีอำนาจถึงจะมีสิทธิ์ในการเอ่ยวาจา บัดนี้นางมีสิทธิ์ในการเอ่ยวาจาแล้ว สิ่งนี้คือความเป็นไปของโลก ได้ฟังวาจาของเจียงเฟิ่งหัว มุมปากของเซี่ยซางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยคำชื่นช

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 462  

    แท้ที่จริงจางอวี่มั่วอยากเรียนทำอาหารจานโปรดของเจียงจิ่นเหยียนไว้ต่างหาก เจียงเฟิ่งหัวตักน้ำแกงให้เจียงจิ่นเหยียนและเซี่ยซางคนละถ้วย “กินข้าวก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากันเถิด!” “หรวนหร่วน เจ้าคิดเห็นเช่นไรหรือ?” เซี่ยซางเป็นฝ่ายถามนางขึ้นมาก่อน คล้ายว่ากำลังหยั่งเชิงความคิดเห็นของนางต่อเซียวอวี้ เจียงเฟิ่งหัวเอ่ย “ข้ากำลังคิดถึงหวังชิง ชื่อของคนผู้นี้คล้ายติดอยู่ในความทรงจำ” เจียงจิ่นเหยียนถามขึ้น “เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร” เจียงเฟิ่งหัวเผยรอยยิ้มสบายใจให้พวกเขา “ข้าไม่รู้จักเขา และไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็คงไม่รู้ว่ามีข้าผู้นี้อยู่ด้วย ข้าจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนมีบัณฑิตจำนวนมากมายอยากฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านพ่อ ทว่าท่านพ่อเองก็ใช่ว่าจะรับทุกคนเป็นศิษย์ สิ่งแรกที่ให้ความสำคัญก็คือคุณธรรมความประพฤติ และหวังชิงผู้นี้ก็เหมือนกับศิษย์คนอื่น ๆ ที่อยากให้ท่านพ่อเป็นท่านอาจารย์ของเขา” “พื้นเพของหวังชิงทำการค้าขาย ร่ำรวยอู้ฟู่ ดังนั้นเขาจึงยกหีบเงินทองสองหีบมาถึงจวนสกุลเจียง ทว่ากลับถูกท่านพ่อปฏิเสธไป แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังดึงดัน ไม่รับเขาเป็นศิษย์ เขาก็ไม่ไป จนพวกข้าไป

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 461  

    เซี่ยซางเขี่ยปลายจมูกของนางเบา ๆ “มารดาของพวกเขาช่างมีความรู้กว้างขวางนัก แม้ตั้งครรภ์พวกเขาแต่ก็ยังชอบอ่านตำราประจำ หลังจากนี้จะต้องเลี้ยงดูสั่งสอนจนพวกเขาได้เป็นจอหงวนแน่” “หม่อมฉันศึกษาเองคงพอทำเนา แต่ให้สอนบุตรด้วยหม่อมฉันสอนไม่ได้เพคะ เช่นนี้จะทำอย่างไรดีเพคะ? มิสู้ให้ท่านพี่สอนเองเป็นอย่างไรเพคะ หม่อมฉันขอรับหน้าที่แค่ให้กำเนิดก็พอ ส่วนพวกเขาให้เป็นหน้าที่ของท่านพี่แล้วกันเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกะพริบตาอย่างแสดงความฉลาด เซี่ยซางเองก็คิดจะปัดความรับผิดชอบเหมือนกัน “บัณฑิตส่วนมากที่สอบได้ในปีนี้ล้วนแต่เป็นศิษย์ของพ่อตาทั้งสิ้น ความสามารถในการให้วิชาความรู้สั่งสอนศิษย์ย่อมไม่มีผู้ใดกังขา ไม่สู้พวกเราฝากพวกเขาให้พ่อตาเป็นผู้อบรมสั่งสอนวิชาความรู้เป็นอย่างไร” เจียงเฟิ่งหัวยิ้มกว้าง “ความคิดนี้ดีเพคะ อีกทั้งยังต้องหาท่านอาจารย์เก่งๆ สักคนมาสอนวิชาต่อสู้ให้เขา ร่างกายจะได้แข็งแรง หากว่าให้กำเนิดเป็นบุตรี ข้าจะสอนนางร่ายรำด้วยตัวเอง นักสังคีตและนางรำในวังยากจะอธิบายด้วยคำพูดสั้น ๆ …” สองสามีภรรยาหารือกันแล้วว่าจะดูแลเจ้าตัวน้อยที่ยังไม่เกิดออกมาอย่างไร เจียงเฟิ่งหัวเองก็เคยคิดเอาไว้แ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status