‘หวางชิวเฟิน’ เจ้ากรมศึกษาหรือที่ผู้คนเรียกกันว่า’ซือถู’เปิดผ้าม่านก้าวลงมาเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเลวร้าย
“เจ้าเอ่ยว่าอันใดหรือสาวน้อย มีคนส่งนักเลงไปทำลายร้านชาแล้วทำร้ายตาของเจ้าจนเสียชีวิตอย่างนั้นหรือ” เสียงนุ่มนวลเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าร่างบางตรงหน้าเป็นเพียงสาวน้อยหน้าตาสะอาดสะอ้านเรือนร่างอ้อนแอ้นอรชรคนหนึ่ง
“ท่านเป็นคนผู้นั้นยังจะแกล้งทำไขสืออีกหรือ” เสียงต่อว่าดังออกมาก่อนเซียงเจินจูจะเงยหน้ามองชายหนุ่มผู้รั้งตำแหน่งเจ้ากรมศึกษาให้ชัด
โอ้วววววว หล่อมาก
ใบหน้าขาวเนียนเปล่งประกายความฉลาดเฉลียว คิ้วโค้งโก้งดั่งคันศร จมูกโด่ง ดวงตาเรียวเปล่งพลังความเข้มแข็งมีชีวิตชีวา เครื่องหน้าเปี่ยมราศีบ่งบอกความหลักแหลมคมคาย
รูปร่างสูงสง่าผึ่งผาย บ่ากว้าง หลังตรง แม้ไม่แลดูแข็งแกร่งเท่าผู้คุ้มกันด้านข้าง แต่กลับแลดูชวนมองเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศ
เกิดมาไม่เคยเจอใครหล่อขนาดนี้มาก่อนเลย หล่อจนแทบละลายลงไปกองกับพื้นแล้ว ดูแก้มนั่นสิ นุ่มนวลน่าจิ้มสักทีสองที
คนนี้คือเจ้ากรมศึกษาหรือ ไม่ใช่มั่ง หน้าตาไม่เหมือนโจรหรือผู้ร้ายสักนิด
ไข่มุกในร่างของเซียงเจินจูถึงกับหลุดมาดเผลอมองจ้องจนตาแทบทะลักออกมาจากเบ้า
“เจ้าบอกว่าข้าคือคนผู้นั้น จึงมาต่อว่าข้าเช่นนั้นหรือ” เสียงที่ถามยังคงนุ่มนวลเก็บข่มความไม่พอใจเอาไว้
“หากท่านคือเจ้ากรมศึกษา ย่อมคือผู้ที่ส่งนักเลงไปทำลายร้านชาและทำร้ายตาของข้า ข้าไม่อยากให้สำนักศึกษาซึ่งสร้างขึ้นภายใต้เลือดเนื้อและชีวิตของท่านตาต้องเปิดขึ้นเพื่อสร้างคนชั่วช้าให้เพิ่มมาอีก” เซียงเจินจูรีบรวบรวมสติตะโกนตอบเสียงดังเพื่อให้ชาวบ้านช่วยเป็นพยาน
“หากข้าจะบอกว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวหาออกมา ข้าไม่รู้เรื่องใด แต่จะสืบสาวหาความออกมาให้ได้โดยเร็ว เจ้าจะเชื่อหรือไม่” ใบหน้าหล่อเหลามองสบตาหญิงสาวด้วยแววตาใสซื่อจริงใจ
“ไม่เชื่อ ท่านมีตำแหน่งใหญ่โต จะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร เพียงต้องการถ่วงเวลาเพื่อหาทางกำจัดพวกเรายายหลานให้พ้นทางล่ะสิ ชาวบ้านทั้งหลายช่วยเป็นพยานให้ข้าด้วย เจ้ากรมศึกษาผู้นี้ต้องการที่ดินของร้านชาเซียงซือของพวกเรา จึงหาทางแย่งชิงอย่างใจร้าย ยามนี้ท่านตาของข้าก็ถูกทำร้ายจนสิ้นชีวิตไป หากพวกเรายายหลานมีอันเป็นไปอีก ขอพวกท่านเรียกร้องหาความเป็นธรรมให้พวกเราด้วยเถิด” หญิงสาวร้องไห้เสียงดังตะโกนกล่าวหายืดยาวจนหวางชิวเฟินปวดหัวปวดหู
นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน จู่ๆก็มีหญิงสาวมาตะโกนกล่าวหาเขากลางตลาด คงมิใช่แสร้งหาเรื่องเข้าใกล้สร้างความสนใจอยู่กระมัง
ชายหนุ่มตัดสินใจพูดจาให้จบโดยเร็วด้วยผู้คนซึ่งมามุงดูเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าขอเอาตำแหน่งเจ้ากรมศึกษาเป็นประกัน ข้าไม่เคยรู้เรื่องที่เจ้ากล่าวมา แต่รับปากว่าจะ สืบเรื่องราวทวงความยุติธรรมให้แก่เจ้า”
“ท่านเอาตำแหน่งขุนนางใหญ่โตมาข่มขู่หรือ ฮือๆๆๆๆ” เสียงร้องไห้ดังขึ้นอีก
“เอาล่ะ สาวน้อย ข้าขอเอาตัวเองเป็นประกันก็แล้วกัน หากข้าไม่สามารถสืบหาผู้ทำร้ายตาของเจ้าได้ ข้าจะไปให้เจ้าลงโทษด้วยตนเอง” หวางชิวเฟินรับปากออกมาอย่างพยายามตัดปัญหา
“ได้ ท่านผู้ยิ่งใหญ่รับปากด้วยตนเอง ข้าจะยอมเชื่อสักครั้ง” เซียงเจินจูยอมถอยเมื่อเห็นว่าใบหน้าของชายหนุ่มเริ่มบ่งบอกว่าความอดทนใกล้สิ้นสุดแล้ว
“เจ้ากลับไปก่อนเถิด อีกไม่กี่วันข้าจะแวะไปเยี่ยมเยียนที่ร้านชาเซียงซือด้วยตนเอง”
“ได้ ข้าจะรอฟังความจริง หวังว่าจะไม่ใช่การปั้นเรื่องเพียงเพื่อให้ผ่านๆไป” หญิงสาวเดินถอยออกจากเส้นทางพลางมองตามชายหนุ่มหล่อซึ่งเดินกลับไปขึ้นรถม้าอย่างงามสง่า
อือ...หล่อจัง
ตอนพิเศษสี่อยู่ดีไม่ว่าดีหลี่หยู่ซีมองเห็นจวงเห่ยกังซึ่งนั่งอยู่ติดกันดึงแขนเสื้อคล้ายห้ามปราม“ท่านแม่ เหตุใดกล่าวเช่นนั้น ข้าแวะมาด้วยอาหารที่นี่รสชาติดีเลิศ หรือท่านแม่ไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น”“ดีเลิศหรือ ก็งั้นงั้น หากมิใช่หยางฮูหยินและหยางกงจื่อเชื้อเชิญ ข้าหรือจะยอมเหยียบเข้ามาในร้านที่มีแต่กลิ่นเหม็นเพียงนี้ ดูสิ เสื้อผ้าหน้าผมของข้าเหม็นจนต้องกลับไปชำระล้างเสียยกใหญ่” หญิงซึ่งคาดว่าเป็นมารดาของจวงเห่ยกังแสดงท่าทีรังเกียจ“หากไม่ชื่นชอบ ข้าคงต้องขอโทษ ด้วยร้านนี้ข้ามีหุ้นด้วยส่วนหนึ่ง” หยางหมิงเจ๋อลุกขึ้นมากล่าวหน้านิ่ง“มิใช่ท่านแม่ไม่ชอบหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่กลิ่นออกจะแรงไปสักหน่อย ความจริงอาหารต่างๆก็รสชาติดี จริงไหมเจ้าคะ ท่านแม่” หญิงสาวซึ่งนั่งถัดมารีบเอ่ยแก้ต่างให้มารดาอ้อ...คนนี้น่าจะเป็นคุณหนูจวง ว่าที่คู่หมั้นหมายของหยางหมิงเจ๋อ หน้าตางดงามชวนมองอย่างที่พี่ชายโอ้อวดเอาไว้ 
ตอนพิเศษสามผู้ใดกันแน่ที่หาเรื่องผ่านเหตุการณ์ที่มีผู้ว่าจ้างให้นักเลงมาหาเรื่องทำลายชื่อเสียงยังร้านห่าวซือหมาล่าหม้อไฟมานานนับเดือน แต่จวงเห่ยกังยังคงไม่มีความคืบหน้าใดมาบอกกล่าวแก่หลี่หยู่ซีเขาอ้างว่าสอบสวนลูกกระจอกที่จับมาได้อย่างหนักแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้เห็นเกี่ยวกับผู้บงการแต่อย่างใดนั่นย่อมทำให้กัวฮูหยินน้อยหรือหลี่หยู่ซีซึ่งแม้จะมีความสุขกับการแต่งงานและร้านค้าซึ่งกำลังทำเงินไม่อาจหยุดครุ่นคิดด้วยเกรงจะมีผู้มาก่อเรื่องอีก“ซีซี เจ้าไม่ต้องกังวล หากมีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องพวกเราอีก ข้าจะสั่งสอนมันให้เข็ดหลาบ” กัวจื่อหานซึ่งไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์คราวที่แล้ว จึงรู้สึกละอายใจที่ไม่ได้ช่วยเหลือภรรยา แต่กลับเปิดโอกาสให้ชายอื่นได้แสดงฝีมือ“ข้าเพียงอยากรู้ว่าผู้ใดกันที่แค้นเคืองถึงกับว่าจ้างคนมาทำร้ายทั้งร้านและตัวข้าเช่นนี้ หากยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของผู้บงการ ชาตินี้ข้าคงไม่อาจนอนหลับตาได้อย่างสนิทใจ” หลี่หยู่ซีเอ่ยเสียงเข้มแม้นางจะหายโกรธนักเลงพวกนั้นแล้ว แต
ตอนพิเศษสอง ปั้นก้อนแป้งน้อย ด้วยช่องทางรักของนางยังคับแคบอยู่มาก เขาจึงไม่กล้าตอกย้ำซ้ำๆหลายครา ที่ผ่านมาเพียงหลั่งได้น้ำเดียวเขาก็จำต้องปล่อยให้นางได้พักผ่อนแล้วแต่คืนนี้ เขาจะทำให้นางได้พบความสุขจนลืมไม่ลงทีเดียวชายหนุ่มเลื่อนกายขึ้นจุมพิตร้อนแลกลิ้นจนน้ำใสไหลย้อยลงข้างปาก จากนั้นจึงจับแท่งกายแข็งเข้าจ่อยังปากทางฉ่ำน้ำใส“วันนี้น้ำของเจ้าออกมามากทีเดียว คงไม่เจ็บแล้ว” เสียงปลอบประโลมเอ่ยบอกก่อนของแข็งจะค่อยๆมุดแทรกเข้ามาจนเต็มโพรงอุ่นอย่างเชื่องช้า“อืม...ไม่เจ็บแล้วจริงด้วย” หญิงสาวร้องบอกสามี“เช่นนั้นข้าจะเร่งแรงขึ้นดีหรือไม่”“ดี” หญิงสาวคล้อยตามคำเชิญชวนท่อนเอ็นหนาผลุบเข้าผลุบออกในช่องทางสีชมพูหวานเป็นจังหวะเชื่องช้า ก่อนจะเร่งแรงจนกลายเป็นตอกกระแทกถี่รัวเมื่อความเสียวซ่านเริ่มกำซาบมากขึ้น“อื้อ...ดี...หานหาน...อ้า...ซี๊ดดด ดี...”“เสียวหรือไม่ ซีซี”“เสียว ยิ่งแรงยิ่งเสียว”เสียงเนื้อกระท
ตอนพิเศษหนึ่ง คืนเข้าหอ “อย่าได้ดูถูกข้าเช่นนั้น ข้าจะจับเจ้ากินไม่ให้ได้นอนทีเดียว” “อย่าคุยโม้คุยโตไป ดื่มสุรามงคลแล้วถอดเสื้อผ้าเข้านอนเถอะ ทั้งตัวมีแต่กลิ่นสุราเช่นนี้ ข้าคงนอนไม่หลับ” หลี่หยู่ซียกจอกสุรามงคลเพื่อดื่มร่วมกันตามธรรมเนียม จากนั้นจึงช่วยถอดเสื้อผ้าให้สามี “ซีซี ข้าถอดให้เจ้าเอง” กัวจื่อหานพยายามวุ่นวายกับชุดรุ่มร่ามของภรรยาสาว แต่มะงุมมะงาหราอยู่นานก็ยังถอดไม่ออกสักชิ้น “เฮ้อ...หานหาน ข้าถอดเองดีกว่า ไม่งั้นคงได้นอนทั้งชุดนี้แน่” หญิงสาวผลักร่างสามีให้นอนลงรอ ส่วนตนเองยืนขึ้นถอดชุดเจ้าสาวออกทีละชิ้นจนหมด หญิงสาวเดินทั้งร่างเปลือยเปล่าขึ้นเตียงไปนอนประกบเคียงข้างร
ตอนที่ยี่สิบเจ็ด แต่งงานจวงเห่ยกังและหยางหมิงเจ๋อเดินมาส่งขบวนเจ้าสาวโดยอ้างว่าเพื่อคุ้มครองทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่ ระหว่างเดินขนาบข้างมากับเกี้ยวเจ้าสาว ทั้งสองคนจึงใช้โอกาสเอ่ยไขความข้องใจ “เจ้าไม่เคยรู้สึกชอบข้าบ้างเลยหรือ” หยางหมิงเจ๋อเอ่ยขึ้นมาก่อน “หากจะบอกว่าไม่เคยก็คงเป็นการโกหก พี่หมิงเจ๋อเป็นชายหนุ่มที่แสนดีจนข้าเองก็แอบเผลอใจไปบ้าง แต่หากเทียบกับหานหานแล้ว เขาดูแลข้ามาเกือบสิบปี ทั้งห่วงใยรักใคร่ ทุ่มเททั้งชีวิตให้ข้า หากเกิดเรื่องร้ายขึ้น ข้าเชื่อว่าเขากล้าสละชีวิตและทิ้งทุกสิ่งเพื่อข้า” “อืม...นั่นสิ เพียงเรื่องนี้ข้าก็เทียบกัวจื่อหานไม่ได้แล้ว ข้ายังต้องเห็นแก่บิดามารดา ยังต้องถูกบังคับให้รับการแต่งงานที่ไม่ชื
ตอนที่ยี่สิบเจ็ด แต่งงาน ทั้งสองตัดสินใจฝั่งหีบเก่าเอาไว้ใกล้กับที่เดิมแล้วกลับร้านหมาล่าหม้อไฟเพื่อขอให้คนสืบข่าวคราวรวมทั้งขอเข้าพบบิดาอีกคราโดยอ้างว่านำหยูกยามามอบให้ ด้วยความช่วยเหลือจากหยางหมิงเจ๋อ และเงินสินบนเล็กน้อย หลี่หยู่ซีจึงเข้าพบบิดาได้อีกครั้ง “ท่านพ่อคงมิได้นำเงินที่โกงกินมาฝั่งไว้เพื่อให้ข้าเก็บ ใช่หรือไม่” หลี่หยู่ซีกระซิบถามขณะส่งห่อยาให้บิดา “ไม่ใช่ เงินนั่นเป็นสมบัติที่มารดาของเจ้าสะสมเอาไว้ พ่อจึงนำมาฝั่งไว้ที่นี่เพื่อมอบให้เจ้า อย่าได้คิดมากไป เดิมที่พ่อจะมาบอกด้วยตนเอง มิคาดกลับประสพเภทภัยเสียก่อน” อดีตเจ้ากรมหลี่บอกบุตรสาวด้วยสายตาอ่อนโยน “มารดาของเจ้าช่างเก็บออมและขย