ตอนที่ห้า
สอบสวนเรื่องราว
ระหว่างรอความคืบหน้าในการหาตัวผู้บ่งการ เซียงเจินจูจึงวางแผนการเปิดร้านชาเซียงซือครั้งใหม่อย่างรอบคอบ
อืม...ใบชายังมีเหลืออยู่ ส่วนใบชารอบใหม่น่าจะกำลังส่งมา
กาน้ำชากับถ้วยชาน่าจะต้องซื้อใหม่ทั้งหมดเพราะแตกไปแทบไม่เหลือ ก็ดีจะได้เลือกให้สวยแปลกใหม่อย่างที่ชอบ
วัตถุดิบทำขนมของท่านยายคงต้องรอให้ยายเหลียนทำใจได้อีกสักพักค่อยปลุกปลอบให้มีกำลังใจอีกครั้ง
ส่วนการตกแต่งร้าน
หญิงสาวเดินวนดูรอบร้านเป็นรอบที่ห้า เพื่อพิจารณาการปรับปรุงให้ได้ดั่งใจก่อนจะวาดแบบเป็นรูปภาพออกมา
ได้มาเปิดร้านชาที่นี่ ถือว่าได้ฝึกฝีมือก็แล้วกัน
ไข่มุกคิดอย่างสนุกสนานที่ได้เริ่มต้นทำในสิ่งที่ชอบอีกครั้ง นางหาช่างมาตกแต่งร้านใหม่ตามแบบที่ร่างไว้พร้อมสั่งให้ทุกคนระวังตัวให้มากขึ้นอีกทั้งยังจ้างคนมาเฝ้าที่ร้านอีกหลายคน
หญิงสาวบอกกล่าวเรื่องคร่าวๆกับยายเหลียนด้วยนางไปหาเรื่องเจ้ากรมศึกษาต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก หากเขาเจ็บแค้นอาจส่งคนมาทำร้ายพวกนางยายหลานได้
ยายเฒ่ามีอาการแปลกใจที่หลานสาวแสนเรียบร้อยอ่อนแอของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก แต่เมื่อเห็นนางทำเรื่องราวต่างๆด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุขจึงไม่อยากขัดใจด้วยทั้งรักทั้งห่วงใยในตัวหลานสาวนอกไส้นางนี้
ในขณะที่เซียงเจินจูวางแผนการป้องกันตนเองและร้านชาควบคู่ไปกับการเปิดร้านชาเซียงซืออีกครั้ง หวางชิวเฟินซึ่งกลับมายังจวนของตนเองอย่างเร่งรีบจึงสั่งการเรียกตัวลูกน้องหลายคนเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริง
“ได้ข่าวว่า ‘ซือถู’ ถูกหญิงสาวตะโกนต่อว่ากลางตลาดหรือ” เลขามู่หวังเยี่ยนซึ่งเป็นเพื่อนเล่นวัยเด็กและเติบโตมาด้วยกัน เดินเข้ามาเอ่ยคำหยอกล้อพลางยิ้มขำแล้วนั่งลง
เขาขอรับตำแหน่งเลขาเจ้ากรมศึกษาโดยไม่ยอมไปอยู่ชายแดนกับบิดาซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพด้วยไม่ชอบการใช้กำลังอีกทั้งยังชอบใช้ชีวิตอิสระ
“เจ้าไม่ต้องขำ ข้ากำลังสอบสวนเรื่องราว มาช่วยกันก่อนแล้วค่อยปรึกษาหารือ” หวางชิวเฟินหรือที่ผู้คนมักเรียกว่าซือถู เอ่ยเสียงเคร่งเครียดพาให้เลขาหนุ่มปรับสีหน้าเป็นงานเป็นการ
หลังจากสอบสวนอย่างละเอียดจึงได้ความว่าลูกน้องคนหนึ่งอยากได้ผลงานด้วยการรวบรวมนำโฉนดที่ดินมาส่งมอบให้แก่เขาอย่างรวดเร็ว จึงไปบังคับขู่เข็ญเอากับตายายเจ้าของร้านชาเซียงซือ ซึ่งเป็นร้านเดียวในย่านนั้นซึ่งยังไม่ยอมขายที่ดิน
เดิมทีโฉนดได้มาเกือบครบแล้ว ลูกน้องคนนั้นจึงยิ่งกระเหี้ยนกระหือรืออยากเอาใจหวางชิวเฟินเพื่อการเลื่อนตำแหน่งในคราวหน้า จึงวางแผนส่งนักเลงโตไปบีบคั้นและทำร้ายตาเฒ่าจนเสียชีวิต
“ข้าไม่ได้ตั้งใจนะขอรับซือถู ตาเฒ่าคนนั้นใจเสาะเอง” ลูกน้องผู้ก่อเรื่องยังไม่ยอมรับว่าเป็นความผิดของตนเอง
หวางชิวเฟินเมื่อได้ฟังจึงรับรู้ว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของเขาด้วยส่วนหนึ่งที่ควบคุมลูกน้องไม่เข้มงวดจนสร้างเรื่องให้คนคนหนึ่งต้องเสียชีวิตไปโดยไร้ความผิด
ชายหนุ่มสั่งปลดลูกน้องคนนั้นออกจากตำแหน่งและลงโทษสถานหนัก อีกทั้งจับกุมนักเลงกลุ่มนั้นไปส่งให้กรมอาญาเพื่อเข้าคุกไปรับโทษฐานทำร้ายคนจนตาย
“เจ้าคิดว่าข้าควรชดใช้เด็กสาวคนนั้นกับยายของนางอย่างไรดี” ซือถูหนุ่มปรึกษากับเลขา
“ชีวิตคนคงไม่อาจนำกลับคืนมาได้ เจ้าบอกว่านางอยากเปิดร้านชาต่อไป เช่นนั้นก็ช่วยเหลือพวกนางในจุดนี้ก็แล้วกัน”
“คงได้แต่ทำเช่นนั้น” หวางชิวเฟินพยักหน้ายอมรับ
“แต่กรมศึกษาต้องการที่ดินตรงนั้นเพื่อเปิดสำนักศึกษา หากเจ้าจะให้นางเปิดร้านชาต่อ แล้วแผนการเปิดสำนักศึกษาจะทำอย่างไร”
“ใช้ที่ดินผืนอื่นไม่ได้หรือ”
“พวกเราซื้อที่ดินละแวกนั้นมาเกือบทั้งหมดแล้ว ที่ดินของร้านชาเซียงซืออยู่ตรงกลาง หากนางไม่ยอมขายและยังดึงดันจะเปิดร้านชาต่อไป เช่นนั้นสถานศึกษาของเรามิใช่โอบล้อมร้านชาของนางหรือ”
“เช่นนั้นคงต้องไปบอกเล่าให้นางเข้าใจและปรึกษาหารือกันอีกที” หวางชิวเฟินตัดสินใจใช้การเจรจา
“เจ้าก็ไปกับข้าด้วย” ชายหนุ่มหันมาสั่งเลขาซึ่งคือเพื่อนสนิท
“ได้ขอรับ ท่านซือถู” มู่หวังเยี่ยนโค้งรับอย่างเสแสร้งด้วยหากอยู่กันตามลำพังพวกเขาไม่เคยวางท่าเป็นเจ้านายลูกน้อง
ตอนที่สิบเก้า ฉกฉวยโอกาสองคชายหกและจวงเห่ยกังถึงกับทำคอย่นเมื่อได้ยินประโยคหลัง ผิดกับองค์หญิงแปดซึ่งยิ้มแย้มชอบใจ“เช่นนี้สิ จึงจะสมเป็นว่าที่พี่สะใภ้ของข้า”“ความจริง หากไม่อยากให้แม่เลี้ยงและน้องสาวผู้ร้ายกาจตามรังควาน การตัดสินใจไปอยู่ที่แคว้นโจวย่อมดีที่สุด” องค์หญิงรีบเอ่ยเข้าข้างตนเอง“ไม่จำเป็นต้องไปไกลเพียงนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ขอเพียงนางแต่งงานก็ไม่ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของบิดาอีกต่อไป” หยางหมิงเจ๋อเอ่ยขัด“ชิ ก็แต่งงานกับพี่หกอย่างไรเล่า มีสามีเป็นถึงองค์ชาย ย่อมไม่มีผู้ใดกล้ามาวุ่นวาย” องค์หญิงแปดเชิดหน้าอย่างภาคภูมิในศักดิ์ฐานะ“องค์ชายหกมีทั้งชายาเอก ชายารอง ชายาสาม แล้วยังอนุอีกมากมาย หากเข้าไปอยู่ที่นั่นคงมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น” หยางหมิงเจ๋อเอ่ยราวตาเห็น“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณชายหยางเอ่ยราวเคยเข้าไปอยู่ในเรือนหลังเสียเอง”“องค์หญิงทรงสูงศักดิ์ย่อมไม่เคยต้องพบเห็นเรื่องน่ารำคาญใจของการแย่งชิงความโป
ตอนที่สิบแปด ชิงดีชิงเด่น“นางเองหรือที่เจ้าเฝ้าติดตามอยู่หลายวันจนน้องสาวของข้าแง่งอนไม่พอใจ อืม...หากจะวัดเพียงแค่รูปร่างหน้าตา นับว่าน้องสาวของข้ายังเหนือกว่าเล็กน้อย แต่หากจะวัดที่รสชาติอาหาร ต้องยอมรับว่านางเหนือกว่ามาก” จู่ๆจวงเห่ยกังก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาทุกสายตาต่างหันไปมองจ้องความไม่รู้กาลเทศะของบุตรชายแม่ทัพใหญ่จนเขารู้สึกเก้อเขิน “เอ่อ...ข้าเพียงจะเอ่ยชมว่าหมาล่าหม้อไฟที่ร้านห่าวซือรสชาติดีเยี่ยม เลิศรสจนข้าอยากจะร่วมลงแข่งชิงเจ้าของร้านด้วยอีกคนแล้ว” ยิ่งพูดยิ่งแย่ จนสายตาทุกคู่มองกดดันมาทางจวงเห่ยกังอย่างไม่ชอบใจ โชคดีที่หลี่หยู่ถงซึ่งสุ่มดูอยู่เห็นเหตุการณ์ศึกแย่งชิงสาวงามจึงเกิดความหมั่นไส้ทนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ไหว ถลาออกมาชี้หน้าพี่สาวต่างมารดาซึ่งมีชายหนุ่มรุมล้อมอ
ตอนที่สิบเจ็ด ว่าที่พี่สะใภ้“ไม่เข้าใจ ข้าไม่เข้าใจอันใดทั้งนั้น ข้าไม่มีเงินจ่าย และข้าก็จะกลับโรงเตี๊ยม หากผู้ใดขัดขวาง ข้าจะตะโกนร้องให้คนช่วยว่าพวกเจ้าใช้กำลังรังแกลูกค้า” หลี่หยู่ถงพาลพาโล“ร้องไปก็ไม่มีผู้ใส่ใจ หรือจะไปฟ้องท่านเจ้าเมืองก็ได้ ข้ามีพยานมากมายว่าเจ้ากินอาหารโดยไม่ยอมชำระเงิน” หลี่หยู่ซีท้าพร้อมยุส่ง“เช่นนั้นข้าจะฟ้องท่านพ่อ” หลี่หยู่ถงเห็นท่าไม่ดีรีบยกบิดาออกมาข่มขู่“เชิญ รีบกลับไปฟ้องท่านพ่อได้เลย ไปเร็วๆล่ะ แต่ก่อนไป จ่ายเงินออกมาก่อน” หลี่หยู่ซีสรุปด้วยการไม่ยอมให้น้องสาวต่างมารดาออกไปโดยไม่ชำระเงินหลี่หยู่ถงกระทืบเท้าด้วยความโมโห ถอดเครื่องประดับบนตัวออกมาขว้างใส่พี่สาวต่างมารดาโชคดีที่หลี่หยู่ซีหลบทันแต่เสี่ยวเอ่อด้านหลังกลับโดนลูกหลงจนหัวแตกเลือดอาบ“อันธพาลเช่นนี้จับตัวไปส่งทางการเสียดีไหม” หลี่หยู่ซีข่มขู่ด้วยความไม่พอใจที่น้องสาวต่างมารดาทำร้ายคนของตนเอง“เชอะ แค่หัวแตก เอ้า..เอาไปซื้อยา” บุตร
ตอนที่สิบหก หน้าด้านหน้าทนเพียงไม่กี่วันหลี่หยู่ถงก็อดรนทนไม่ไหว วันแรกที่มาถึงนางรู้เพียงว่าพี่สาวและคู่หมั้นอยู่ที่ร้านหม้อไฟจึงรีบปรี่ไปฉีกหน้า โดยไม่คิดจะนั่งลงกินอาหารแต่ทันที่รู้ว่าร้านห่าวซือหมาล่าหม้อไฟร้านนั้นเป็นของพี่สาวต่างมารดาจึงเดินกร่างเข้ามาแล้วสั่งอาหารมากินจนล้นโต๊ะโดยสั่งให้สาวใช้และผู้ติดตามอีกโต๊ะหนึ่งเมื่อกินเสร็จ หลี่หยู่ถงลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าอย่างเฉิดฉายแล้วกรุยกรายเชิดหน้าเตรียมออกจากร้าน“ขออภัยขอรับ คุณหนูท่านนี้ ค่าอาหารเป็นเงิน5ตำลึงเงินกับอีก20อีแปะขอรับ” เสี่ยวเอ่อรีบวิ่งมาเก็บเงินตามหน้าที่“เชอะ เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าคือผู้ใด บังอาจจะเก็บเงิน รีบไปบอกหลี่หยู่ซีว่าข้าให้เกียรติมากินอาหารที่ร้าน ให้นางห่ออาหารให้ข้ากลับไปกินที่โรงเตี๊ยมด้วย” หลี่หยู่ถงเชิดหน้าบอกอย่างเย่อหยิ่ง“ร้านของเราไม่ว่าผู้ใดก็ต้องจ่ายเงินขอรับ แม้แต่หยางกงจื่อมากินยังต้องจ่าย ขอคุณหนูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยขอรับ” เสี่ยวเอ่อมีสีหน้ายุ่งยากใจด้วยหลี่หยู่ซีเ
ตอนที่สิบห้า น้องสาวพิธีหมั้น?เพียงคำนี้ย่อมเรียกอาการหันขวับของทั้งหลี่หยู่ซีและหยางหมิงเจ๋อกัวจื่อหานรีบผลักร่างของหลี่หยู่ถงให้ห่างออกพลางเอ่ยวาจาไม่ไว้หน้า“ผู้ใดตกลงว่าจะหมั้น ข้าหมั้นอยู่กับซีซีมาเกือบสองปี พวกเรายังไม่เคยถอนหมั้นกัน เจ้าอย่ามาเอ่ยคำเพ้อเจ้อ”“พี่จื่อหาน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างตกลงถอนหมั้นพวกเจ้าทั้งสองคนแล้ว อีกทั้งยังกำหนดวันหมั้นระหว่างพวกเราทั้งสองคนใหม่ เรื่องนี้พี่จื่อหานย่อมรู้ดี เหตุใดมาทำเป็นไขสือเช่นนี้” หลี่หยู่ถงตั้งใจเอ่ยเสียงดังเพื่อป่าวประกาศให้ผู้คนได้รับรู้ยามนี้พวกเขาต่างยืนอยู่ด้านหน้าร้าน ย่อมมีผู้คนผ่านไปผ่านมาไม่น้อย เป็นธรรมดาที่จะมีผู้หยุดฟังเรื่องชาวบ้านเพื่อนำไปนินทาให้สนุกปาก“พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ” หลี่หยู่ซีเอ่ยบอก แม้ไม่อยากต้อนรับน้องสาวต่างมารดา แต่นางไม่อยากให้ผู้คนลือกันไปผิดๆมากกว่า“เชอะ เกรงผู้คนจะรู้ว่าเจ้าขโมยคู่หมั้นน้องสาวมาหรือ หลี่หยู่ซี” หลี่หยู่ถงกลับไม่รู้ความ ยืนป
ตอนที่สิบสี่ ล้อเล่นแล้ว“ข้าไม่อยากได้สักตำแหน่ง ข้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว” คราวนี้หลี่หยู่ซีกระแทกเสียงตอบโดยไม่เกรงใจ “แค่คู่หมั้น ยังไม่ได้แต่งงานสักหน่อย รีบไปยกเลิกเถอะ” องค์ชายแคว้นโจวปัดมือบอกอย่างไม่ยี่หระ “พวกเราเพิ่งพบหน้ากันครั้งแรก องค์ชายเอ่ยราวการแต่งงานเป็นเรื่องง่ายดายราวซื้อผักปลา ความสัมพันธ์เช่นนี้ไม่มีวันยั่งยืน ข้าไม่เสี่ยงไปกับความฉาบฉวยเช่นนี้แน่ ขอองค์ชายอย่าทรงกริ้วที่ข้าขอปฏิเสธ” หลี่หยู่ซีไม่พูดพร่ำแต่ปฏิเสธโดยไม่ไว้หน้าโดยมีสายตาโล่งอกของหยางหมิงเจ๋อคอยให้กำลังใจ “ข้อเสนอแสนดีเช่นนี้ เจ้ากล้าปฏิเสธเชียวหรือ ความสัมพันธ์ชายหญิงจะต้องลึกซึ้งเพียงใดกัน ชายาทุกคนของข้า บางนางเพิ่งเคยพบหน้าในวันแต่งงานด้วยซ้ำ สตรีในเรือนหลังเพียงร่วมอภิรมย์สุขสมก็เพียงพ