ภูผาเลี้ยวเข้ามาส่งคนข้าง ๆ หน้าทางเข้าคอนโดตามที่อีกฝ่ายร้องขอไว้
“วันนี้วินนี่อาจไม่กลับนะเฮีย ส่งข้อความบอกแม่ไว้แล้ว”
“อื้ม”
“เฮียเป็นอะไรรึเปล่า เห็นเงียบ ๆ มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“เปล่า ๆ เฮียกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะ แล้วนี่เราจะนอนค้างกับไอ้หน้าขาวนั่นจริง ๆ เหรอคืนนี้”
“เปล่าสักหน่อย จะไปนอนกับยายเจน เจนพักอยู่คอนโดข้าง ๆ นี้เอง วินนี่นัดเพื่อนไว้แล้วว่าหลังง้อพี่สิงห์เสร็จจะไปหา”
คนได้ยินระบายเสียงหายใจออกมาอย่างคนโล่งอก หลังจากที่นั่งคิดหนักมาตลอดทางว่าจะยอมปล่อยให้เด็กน้อยของเขาไปอยู่กับไอ้หน้าขาวนั่นตลอดทั้งคืนจริง ๆ น่ะเหรอ
“งั้นวินนี่ไปก่อนนะคะ”
“ระวังตัวด้วยล่ะ”
ภาพของคนตัวเล็กยังสะท้อนที่กระจกข้างของรถยนต์ ภูผาไม่ยอมออกรถสักที ในใจก็เฝ้าแต่ถามตัวเองว่าที่เขาทำไปทั้งหมดวันนี้มันเพื่ออะไรกัน
ตั้งแต่เช้าเมื่อรู้ว่าวินนี่มีนัดกับไอ้หมอนั่น เขาก็ไปบอกแม่กับน้าวันว่าเขาและวินนี่จะไปส่งเค้กของวันนี้ให้เอง ทั้ง ๆ ที่ลูกน้องในร้านก็สามารถไปส่งได้
ลงทุนขับรถออกไปไกลแล้วแกล้งว่ารถเสียบ้าง โทรตามเพื่อนสนิทให้มาเล่นละครเป็นช่างและยื้อเวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้บ้าง
เขาทำทั้งหมดไปเพื่ออะไรกัน ในเมื่อสุดท้ายก็เป็นเขาเองที่พาวินนี่มาส่งให้ไอ้หน้าขาวนั่นถึงที่แบบนี้
ภูผาสะบัดหน้าแรง ๆ เรียกสติเข้าร่าง วินนี่จะไปหาแฟนของตัวเองมันก็เป็นสิทธิ์ของเด็กนั่น เขาจะไปเอาสิทธิ์อะไรมาไม่พอใจกัน รถยนต์เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง
ร่างเพรียวบางเดินมาถึงทางเข้าคอนโด ในมือก็ต่อสายหาคนที่เธอคิดว่าอยู่ด้านบนอีกครั้ง
สองเท้าต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงเรียกเข้าอันคุ้นหูดังมาจากสถานที่ไม่ไกล วินนี่กวาดสายตามองหาเจ้าของโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงเรียกเข้า
ดวงตากลมสบเข้ากับสองร่างที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงแถมยังจูบแลกลิ้นกันนัวอยู่ข้างรถยนต์คันหรู ซึ่งเธอรู้ว่าเป็นรถของใคร ร่างกายเหมือนขยับไปเองวินนี่ก้าวเดินตรงไปหาสองร่าง มือถือในมือถูกกำแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
“อื้อ ~ สิงห์จะไม่รับโทรศัพท์หน่อยเหรอคะ”
“ไม่ต้องสนใจหรอก ขึ้นห้องกันดีกว่า เราไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ไหวอะไรคะพี่สิงห์”
“วินนี่!!!” คนตกใจรีบปล่อยมือจากเอวสาวสวยที่ตนเพิ่งจะชวนขึ้นห้องเมื่อครู่ในทันที
“นี่มันอะไรกันคะพี่สิงห์”
“เอ่อ...คือ”
“เด็กนี่น่ะเหรอคะที่สิงห์เล่าให้เมย์ฟัง หน้าตาก็ไม่ได้ดูใสซื่อจนเหมือนทำเรื่องอย่างว่าไม่เป็นสักหน่อย เมย์ว่าคุณโดนเด็กนี่หลอกแล้วแหละค่ะ”
เพี๊ยะ!!
“โอ๊ย! นี่แกกล้าตบฉันเหรอยายเด็กบ้า!” คนถูกตบยกมือปิดแก้มตัวเองก่อนจะหันมาตวาดใส่หน้าวินนี่
“มากกว่านี้ก็กล้า ใครให้เธอมาวิพากษ์วิจารณ์คนอย่างฉันมิทราบ” คนถูกความโกรธจัดครอบงำก้าวเดินเข้าหาสาวสวยที่แฟนหนุ่มกำลังจะพาขึ้นห้องจนอีกคนถอยหนี
“หยุดนะวินนี่ ทำไมทำตัวไม่น่ารักแบบนี้” เป็นสิงห์ที่รีบแทรกตัวเข้ามาขว้างไว้ได้ทัน
“แล้วพี่สิงห์ละคะ ทำตัวน่ารักนักเหรอ กำลังจะพาผู้หญิงคนอื่นขึ้นห้องเนี่ยนะ”
“ก็เพราะว่าเธอมันไม่ได้เรื่องไงเขาถึงได้หาคนอื่นมาทดแทน” สาวสวยด้านหลังยังคงชะโงกหน้ามาส่งคำพูดที่ทำให้คนฟังอย่างวินนี่ยิ่งหัวร้อนเข้าไปใหญ่
“หุบปาก! อยากโดนตบอีกสักรอบใช่ไหม” มือบางกระชากผมอีกฝ่ายได้ทันพอดี ก่อนจะดึงให้ผู้หญิงปากมากออกมาจากด้านหลังของแฟนหนุ่ม
“โอ๊ย! ปล่อยฉันนะยายบ้า!”
“หยุดนะวินนี่ เลิกบ้าสักที!” ผู้ชายเพียงคนเดียวรีบเข้ามาแกะมือวินนี่ก่อนจะดึงคนที่ตนพามาให้มาหลบด้านหลังอีกครั้ง
“พี่สิงห์กำลังจะประกาศว่าเลือกผู้หญิงคนนี้งั้นเหรอคะ”
“ใช่ แล้วจะทำไม”
เพี๊ยะ!
“ไอ้คนเลว”
“วินนี่ กล้าตบพี่งั้นเหรอ”
คนถูกตบอย่างแรงหันมาด้วยสายตาไม่พอใจอย่างหนัก ก่อนจะคว้าข้อมือเล็กกระชากเข้าหาตัว
“โอ๊ย! ปล่อยวินนี่นะ”
“หึ ก็ถ้าเธอไม่เล่นตัวมาก เรื่องของเรามันก็คงไม่ลงเอยแบบนี้หรอก จะบอกอะไรให้นะ ผู้หญิงอย่างเธอผู้ชายก็แค่อยากหลอกฟันเท่านั้นแหละ ใครจะไปทนอยู่กับผู้หญิงพูดมาก เอะอะก็ใช้แต่กำลังอย่างเธอได้กันฮะวินนี่”
“ว่าแต่คนอื่นตัวเองดีตายแหละ หน้าก็ขาว เห็นในที่มืดก็นึกว่าเจอผี”
“ยายเด็กนี่!” ฝ่ามือใหญ่ถูกง้างขึ้นกลางอากาศ ถ้าคิดว่าคนอย่างวินนี่จะกลัวจนหลับตาละก็อย่าหวัง เธอยังคงจ้องตาท้าท้ายคนตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัวใด ๆ
และมันก็ทำให้เธอได้เห็นว่าก่อนที่มือของอีกคนจะถึงหน้าเธอ มีร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยวิ่งเข้ามาต่อยหน้าสิงห์จนล้มไปกองกับพื้นก่อนที่เขาจะได้ทำร้ายเธอ
ภูผาเข้าไปคร่อมร่างที่ตนเพิ่งชกจนล้ม ก่อนจะประเคนหมัดอีกสามสี่หมัดให้ไอ้ปากเสียนี่จนเลือดกบปาก แต่อีกคนก็ไม่ยอมถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวสวนหมัดใส่หน้าคนด้านบนไปบ้างอย่างทุลักทุเล
ภาพของผู้ชายสองคนที่กำลังต่อยกันชุลมุนทำเอาคนดูสองคนยืนอึ้งค้างจนทำอะไรไม่ถูก เป็นวินนี่ที่ตั้งสติได้ก่อนจึงรีบวิ่งเข้าไปดึงร่างของภูผาออกมา
“พอได้แล้วเฮียผา”
อัก!
คนถูกดึงให้ลุกขึ้นไม่วายแตะเข้ากลางท้องของคนที่ยังนอนหมอบอยู่กับพื้นอีกรอบ ก่อนจะชี้หน้าขู่อีกคนเสียงเหี้ยม
“ถ้ากูเห็นมึงมายุ่งกับวินนี่อีกนะ กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่ไอ้เหี้ย! ไป กลับกันเถอะ”
แม้น้ำเสียงที่ข่มขู่คนบนพื้นจะดูน่ากลัว แต่ท้ายประโยคที่หันมาพูดกับคนตัวเล็กกลับดูอ่อนโยนเหลือเกิน
วินนี่ถูกพาตัวออกจากตรงนั้นโดยคนที่กำลังจับมือเธอเดินตรงไปยังรถซึ่งจอดอยู่ที่เดิมที่เขามาส่งเธอเมื่อกี้ วินนี่นึกว่าภูผากลับไปแล้วซะอีกเพราะเห็นอีกฝ่ายขับรถออกไปแล้วกับตา
ดวงตากลมยังคงจ้องมองแผ่นหลังกว้างของคนที่เดินนำ มันยังให้ความรู้สึกเหมือนเดิมไม่มีผิด ตั้งแต่วันแรกที่เธอเจอเขาจนกระทั่งถึงวันนี้ ความรู้สึกที่ว่ามันกว้างมากจริง ๆ กว้างจนเหมือนสามารถบดบังเธอจากเรื่องร้าย ๆ ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะเจอเรื่องแย่ ๆ แค่ไหน ขอแค่ยืนอยู่ข้างหลังเขาแบบนี้ ในหัวใจมันก็รู้สึกเหมือนปลอดภัยและอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ร่างบางถูกพามาส่งขึ้นเบาะก่อนจะเป็นภูผาที่รัดเข็มขัดให้เธอเหมือนเธอเป็นเด็กที่ทำอะไรเองไม่เป็นยังไงยังงั้น
ภายในห้องโดยสารถูกปกคลุมด้วยความเงียบอีกครั้ง วินนี่หันมองใบหน้าของคนข้าง ๆ ขอบตาเริ่มแดงและร้อนผ่าวขึ้นมา
ภูผาจอดรถตามสัญญาณไฟที่ขึ้นสีแดง ก่อนจะหันมามองหน้าคนที่นั่งข้าง ๆ
“นึกว่าเฮียกลับบ้านไปแล้วซะอีก”
“เฮียรู้สึกเป็นห่วงเรา ก็เลยวนกลับไปดู”
“ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เฮียต้องมาเจ็บตัวแบบนี้”
“ถ้าจะร้องเพราะเฮียถูกต่อยก็อย่าร้อง”
“ฮึก ฮืออออ ~” เสียงร้องไห้โฮดังมาทันทีที่เขาพูดจบ
อารมณ์ขุ่นมัวมันเริ่มก่อตัวในใจของภูผาอีกครั้ง บอกว่าอย่าร้องเพราะเขาถูกต่อยไง แต่วินนี่กลับร้องแบบนี้ แสดงว่าร้องไห้ให้ไอ้หน้าขาวนั่นใช่ไหม
แต่แล้วความไม่พอใจก็หายวับไปในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
“ทำไมเฮียต้องบังคับให้วินนี่ทำสิ่งที่วินนี่ไม่อยากทำด้วย ฮึก ปากเฮียแตกจนเลือดออกขนาดนี้จะให้วินนี่นั่งหัวเราะรึไงกัน ฮือออ รีบขับรถกลับบ้านเลย”
คนร้องไห้น้ำมูกไหลรีบเช็ดหน้าก่อนจะสูดน้ำมูกกลับเข้าจมูกเสียงดัง มือชี้ไปยังร้านขายยาข้างทางที่ยังเปิดอยู่
“จอดที่ร้านยาด้วย วินนี่จะไปซื้อยามาทำแผลให้เฮีย”
“หึ น้ำมูกเต็มหน้าแบบนี้กล้าลงไปเหรอ”
“ไม่ต้องพูดมาก นั่งรอเงียบ ๆ ไปเลย เกิดแผลที่ปากเลือดออกมากกว่าเดิมจะทำไงฮะ”
คนบ่นเสร็จรีบวิ่งลงจากรถเข้าไปซื้อยาและอุปกรณ์ทำแผลก่อนจะรีบวิ่งออกมา ทุกการกระทำของคนตัวเล็กอยู่ในสายตาของคนที่นั่งยิ้มคนเดียวในรถตลอดเวลา
.
.
.
“เจ็บไหม”
“ไม่เจ็บเลย มือวินนี่เบาที่สุด” ใบหน้าหล่อฉีกยิ้มกว้างให้คนที่นั่งซับยาสมานแผลที่มุมปากให้ตน
“ถอดเสื้อออกค่ะ”
“คิดจะทำมิดีมิร้ายเฮียรึเปล่าเนี่ย”
“ยังจะเล่นอีก เร็วค่ะ วินนี่จะดูว่ามีแผลที่อื่นอีกไหม”
คนแกล้งหวงตัวยอมถอดเสื้อยืดสีเทาของตนออกแต่โดยดี ร่างกายที่มีมัดกล้ามสวยงามตามฉบับคนออกกำลังกายสม่ำเสมอปรากฎต่อสายตาของเด็กน้อย แม้จะเห็นมาบ่อยครั้งแต่ครั้งนี้กลับทำเอาวินนี่รู้สึกร้อนที่หน้าแปลก ๆ ก่อนจะต้องสะบัดหน้าไล่ความรู้สึกบางอย่างให้ออกไปจากหัว
ดวงตากลมมองสำรวจหาร่องรอยการบาดเจ็บตามร่างกายกำยำ ก่อนจะต้องสะดุดกับรอยนิ้วตรงแขนของภูผา คงเป็นรอยนิ้วของสิงห์ที่พยายามจะหยุดเขา น้ำตาลื่นหล่นลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้
“เฮียเจ็บมากไหม ฮึก วินนี่ขอโทษนะที่ทำให้เฮียต้องมาเจ็บตัวอีกแล้ว”
นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่พี่ชายข้างบ้านของเธอต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอแบบนี้ ตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ต่อยตีกับคนที่มาแกล้งเธอก็ต้องต่อยตีกับผู้ชายเลว ๆ ที่เข้ามาหลอกเธอ เขาปกป้องเธอมากี่ครั้งแล้วนะ ถ้าให้นับเธอคงนับมันไม่ไหว
“บอกว่าไม่ต้องขอโทษไง ไม่ได้เจ็บอะไรมากเลย ตั้งแต่กลับมาวินนี่ได้ยินเฮียพูดสักคำรึยังว่าเจ็บ”
ใบหน้าหวานส่ายไปมาแทนคำตอบ ร่างกายยังคงสั่นเทาจากการร้องไห้
“ไม่ร้องนะเด็กดี เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาตาบวมหน้าบวมไม่สวยเอานะ” คนอายุมากกว่าเช็ดน้ำตาให้อีกคนอย่างอ่อนโยน
สองสายตาสอดประสานกันนิ่งอยู่เกือบนาที ก่อนที่ใบหน้าเล็กจะถูกมือที่ยังวางอยู่ข้างแก้มดึงเข้ามาใกล้
ริมฝีปากหนาทาบทับลงกับกลีบปากสวย บดคลึงอย่างช่ำชองจนคนอ่อนประสบการณ์ยอมเผยอริมฝีปากให้เขารุกล้ำเข้ามาอย่างเอาแต่ใจ
“อื้อ ~”
เสียงหวานดังอยู่ในลำคออย่างห้ามไม่ได้ รสจูบที่เริ่มเร่าร้อนของเขามันกำลังแผดเผาสติของเธอจนไม่อาจจะต้านทานอะไรได้เลย
ร่างบอบบางค่อย ๆ ถูกดันให้ล้มลงไปนอนกับเตียงนุ่ม โดยที่ริมฝีปากของคนด้านบนยังไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
*Trigger Warning*ในตอนมีเนื้อหาเกี่ยวกับ : Pegging (การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยเซ็กทอยทางทวารหนัก) , Femdom (หญิงเป็นฝ่ายควบคุมหรือเป็นผู้กระทำในกิจกรรมทางเพศ) , Blowjob (การร่วมเพศทางปาก) , Anal penertration (การสอดใส่ของเข้าไปทางทวารหนัก) , Dirtty talk (การพูดจาหยาบโลน) , Sex Toys (ของเล่นผู้ใหญ่) , Rimming (เลียทวารหนัก)**************"ลืมกระเป๋า" คนเป็นภรรยาพูดขึ้นหลังมองหากระเป๋าใบสำคัญไม่เจอ"สำคัญไหมครับ" ณัฐกรหันไปถามคนเบาะข้าง ๆ เพราะถ้าไม่สำคัญคงต้องไปหาซื้อใหม่ เนื่องจากตอนนี้เขาและจารวีขับรถออกมาไกลจากบ้านพอสมควรแล้ว"สำคัญสิ กระเป๋าของเล่น"คนขับใบหน้าร้อ
*Trigger Warning*ในตอนมีเนื้อหาเกี่ยวกับ : Pegging (การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยเซ็กทอยทางทวารหนัก) , Femdom (หญิงเป็นฝ่ายควบคุมหรือเป็นผู้กระทำในกิจกรรมทางเพศ) , Blowjob (การร่วมเพศทางปาก) , Anal penertration (การสอดใส่ของเข้าไปทางทวารหนัก) , Dirtty talk (การพูดจาหยาบโลน) , Sex Toys (ของเล่นผู้ใหญ่) , Rimming (เลียทวารหนัก)*************สามีเด็กหายไปไม่นานก็วิ่งกลับมาพร้อมของสามสี่อย่าง และท่าทางหอบเหนื่อยจนดูน่าเอ็นดูในสายตาคนมอง ก่อนที่จารวีจะหยิบดิลโด้สีดำขึ้นมาพินิจดูอย่างคนสนอกสนใจ"เอ่อ เราต่อกันเลยไหมครับ""อื้ม ถอดกางเกงสิ เจ้านี่...ฉันขอใส่ให้นายได้ป่ะ" คนอายุมากกว่าว่าขณะชูของที่อยู่ในมือขึ้นณัฐกรพยักหน้าขึ้นลงรัว ๆ อย่างไม่ป
หลังจากจัดการทำความสะอาดเตียงนอนของตนเองและอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อย ณัฐกรก็เดินไปยังห้องนอนใหญ่ ซึ่งเป็นห้องนอนที่เขาและจารวีใช้หลับนอนด้วยกันอาทิตย์ละสี่วัน อีกสามวันแยกนอนห้องนอนของตนเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนเป็นภรรยาเสนอขึ้นหลังแต่งงาน แม้เขาอยากจะปฏิเสธแต่ก็ขัดใจอีกฝ่ายไม่ลงณัฐกรเปิดรายงานการประชุมอ่านระหว่างรอให้ใครอีกคนเข้ามาในห้องนอน หนึ่งชั่วโมงก็แล้ว สองชั่วโมงก็แล้ว จนกระทั่งเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเที่ยงคืนเจ้าของร่างสูงโปร่งจึงตัดสินใจจะไปตามคนที่ยังอยู่ในห้องทำงานไม่ยอมออกไปไหนก๊อก ก๊อก"พี่วีย์"ปึก!"ฮะ ว่าไง มีอะไรรึเปล่า" หลังได้ยินเสียงคนเป็นสามีดังขึ้นคนที่แอบหาข้อมูลบางอย่างอยู่ก็รีบปิดจอโน้ตบุคอย่างมีพิรุธ"คือ ผมเห็นว่ามันดึกมากแล้ว ก็เลยมาตามพี่วีย์ไปนอน" ณัฐกรเด
*Trigger Warning*ในตอนมีเนื้อหาเกี่ยวกับ : Pegging (การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยเซ็กทอยทางทวารหนัก) , Femdom (หญิงเป็นฝ่ายควบคุมหรือเป็นผู้กระทำในกิจกรรมทางเพศ) ,Anal penertration (การสอดใส่ของเข้าไปทางทวารหนัก) ,Sex Toys (ของเล่นผู้ใหญ่)จารวีจ้องมองของที่สามีนำมาวางไว้บนเตียง มันไม่ได้มีมากมายอย่างที่เธอเคยคิดไว้ มีแค่ดิลโด้ขนาดไม่ใหญ่มาก กับปลั๊กเสียบก้นรูปทรงคล้ายหยดน้ำซึ่งทำจากซิลิโคนเนื้อดี เจลหล่อลื่นและถุงยางนิ้ว เมื่อกวาดตาดูครบก็เดินกลับไปนั่งยังเก้าอี้ข้างเตียงนอนสามีเด็ก ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเรียบเช่นเคย"ใช้ให้ดูสักอันสิ""แต่" ณัฐกรอยากจะปฏิเสธ แต่ก็จำใจต้องทำ เขาสัญญากับคนตรงหน้าไปแล้วว่าจะทำทุกอย่างที่อีกฝ่ายสั่งให้
"เลิกปฏิเสธเถอะ ฉันรู้หมดแล้ว""รู้?""อื้ม" จารวีตอบสั้น ๆ ขณะดึงมือตัวเองออกจากการกอบกุมของคนที่ยังคุกเข่าอยู่ตรงหน้า"บอกผมได้ไหมว่าพี่รู้อะไร ขอให้ผมได้มีโอกาสอธิบายบ้างได้ไหม ผมยอมรับเรื่องที่พี่ขอหย่าโดยที่ไม่รู้อะไรเลยไม่ได้จริง ๆ มันไม่ยุติธรรมกับผมเลย" ณัฐกรยังคงทำตัวดื้อดึง เขากำพนักเก้าอี้ทั้งสองข้างลำตัวของจารวีไว้แน่นราวกับจะกักกั้นไม่ให้เธอลุกหนีไปไหนได้จารวีถอนหายใจเสียงดัง ก่อนจะถามออกไปด้วยน้ำเสียงติดเรียบเช่นเคย"ขับรถมาเองไหม""ครับ""งั้นก็กลับไปคุยกันที่บ้าน"จะให้เธอมาพูดความลับของสามีในที่สาธารณะคงไม่ใช่เรื่องที่ควรถึงจะเป็นห้องอาหารส่วนตัวก็เถอะ แต่ถ้ามันหลุดรอดไปณัฐกรคงเสียหายแน่ระหว่างทางกลับบ้านในห้องโ
จารวีในวัยยี่สิบแปดปีต้องพบเจอกับเหตุการณ์แปลก ๆ หลายเรื่อง บางเหตุการณ์ร้ายแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาลนอนพักอยู่หลายวัน จนกระทั่งผู้เป็นแม่ต้องไปสอบถามจากหมอดูคนสนิท และได้เรื่องว่าเป็นปีชงของลูกสาว จะแก้ได้ก็ต่อเมื่อแต่งงานกับผู้ชายที่เด็กกว่าซึ่งก็ดันมีเด็กคนหนึ่งเดินเข้ามาเสนอตัว เด็กที่จารวีเคยเล่นด้วยตั้งแต่สมัยยังเล็กเพราะอยู่บ้านติดกัน แต่ก็ห่างหายกันไปช่วงหนึ่งเพราะเธอต้องไปเรียนปริญญาตรีและโทยังต่างประเทศ ซึ่งไม่เพียงแค่แม่เธอเท่านั้นที่เห็นดีเห็นงามกับเด็กคนนี้ พ่อของเธอเองก็ถูกใจเด็กคนนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะนอกจากจะนิสัยดี ยังทำงานเก่ง เคยช่วยบริษัทของพ่อตอนวิกฤตมาแล้วด้วยครั้งหนึ่งจารวีอยากปฏิเสธแต่ก็เผลอคล้อยตามคนเป็นแม่ในที่สุด"แต่งกันแก้เคล็ดเอง อยู่กันไปสักปี ไม่ดี ไม่ชอบก็ค่อยว่ากันใหม่"ณัฐกรเติบโตมาอย่างดี เรียบจบทางด้านกฏหมายมีความสามารถเกินวัยหน้าตา