'แพรไหม' เลขาสาวสุดสวยของนักธุรกิจหนุ่ม 'จอมทัพ' ความสัมพันธ์ระหว่างเลขาสาวและเจ้านายหนุ่มจอมเนี้ยบต้องเปลี่ยนแปลงไปในชั่วข้ามคืนเพียงเพราะการไปดูงานต่างจังหวัด...
View Moreเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ส่งเสียงดังสนั่นห้องเช่าคับแคบ มือเรียวควานหาต้นตอของเสียงก่อนกดอะไรสักอย่างให้เสียงมันเงียบลงไป
หญิงสาวที่อยู่ในชุดนอนผ้าบางสีขาวพลิกตัวไปอีกฝั่ง ดึงผ้าห่มผืนเล็กขึ้นมาคลุมหัวเพราะผ้าม่านที่ไม่ป้องกันแสงสาดส่องนั้นทำเอาเธอรำคาญใจ
“ฮือ อยากลาออก” แพรไหมพูดออกมาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตาเลยสักนิด
กว่าจะทำใจให้เอาตัวออกมาจากผ้าห่ม ลุกจากเตียงเล็กก็กินเวลาไปหลายนาที แพรไหมยืนอยู่ข้างเตียง หลับตาอยู่อย่างนั้นจนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงนาฬิกาปลุกเหมือนเมื่อสักครู่ เสียงเรียกเข้าที่ทำเอาแพรไหมหวาดผวาและจิตตกทุกครั้งที่ได้ยิน แพรไหมรีบร้อนในการไปหยิบมันก่อนกดรับสายทันที กระแอมไอเล็กน้อยและกรอกเสียงผ่านปลายสาย
“สวัสดีค่ะบอส” แพรไหมทักทาย
[นี่เธอเพิ่งตื่นงั้นเหรอ] จอมทัพเจ้านายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุ
“เปล่าค่ะบอส! ฉันตื่นตั้งแต่ตีห้าแล้วค่ะ ฉันตื่นมารดน้ำต้นไม้ที่ริมระเบียง เล่นโยคะแล้วตอนนี้ก็...” แพรไหมไม่เว้นช่องไฟ เธอพูดยาวเหยียด
[ฉันไม่ได้อยากรู้] แต่เจ้านายหนุ่มก็ตอบกลับมาทำเอาหญิงสาวที่ร้อนรนหยุดพูดเกือบไม่ทัน
“ค่ะ” แพรไหมจงใจใช้โทนเสียงที่แปลกไป
[ฉันให้เวลาเธอสิบห้านาที]
“คะ บอสจะให้เวลาฉันทำไมคะ ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลางานเลยนะคะ เหลือเวลาอีกตั้งเกือบชั่วโมง...” แพรไหมมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังก็พูดขึ้น
[อีกสิบห้านาทีฉันจะไปถึงหน้าหอเธอ ถ้าเธอช้าแม้แต่วินาทีเดียวเงินเดือนเธอจะถูกหักทันที]
“ฮะ บอสคะ!”
เหมือนอีกฝ่ายไม่ได้สนใจว่าแพรไหมจะตอบตกลงหรือไม่ อีกฝ่ายวางสายไปในทันที แพรไหมกำโทรศัพท์แล้วยกขึ้นหัวทำท่าจะฟาดเพื่อหวังระบายอารมณ์แต่เธอก็ทำได้แค่นับหนึ่งถึงสิบในใจ เครื่องนี้เพิ่งใช้ไปได้แค่สองปี ยังพังไม่ได้!
“อ๊าก!!! ไอ้บอสบ้า ไอ้คนเอาแต่ใจ” แพรไหมตะโกนอย่างเหลืออดแต่ก็ต้องรีบวิ่งไปหยิบผ้าขนหนูที่ระเบียงนอกห้อง
“สวัสดีครับคนสวย ตะโกนอะไรแต่เช้าเหรอครับ” ผู้ชายข้างห้องที่พยายามจะผูกมิตรกลับเธอโผล่หน้ามาทักทายเมื่อได้ยินเสียงประตูหลังห้องของเธอเปิดออก
แพรไหมชะงักด้วยความตกใจแต่ก็ทำเป็นใจดีสู้เสือและยิ้มตอบกลับไป “พอดีต้องรีบไปทำงานค่ะ”
“ให้ผมไปส่งไหมครับ” ผู้ชายที่แพรไหมไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเอ่ยถาม แพรไหมยิ้มและทำท่าทีเหมือนกับว่ามีคนโทรหา เธอจึงยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู
“ขอตัวก่อนนะคะ พอดีเจ้านายโทรตามแล้วค่ะ” แพรไหมไม่อยากสร้างศัตรู เธอจึงต้องหาทางเลี่ยงอยู่เสมอ
หอพักที่ราคาเอื้อมถึงก็มักมีผู้พักอาศัยแตกต่างกันออกไป ผู้ชายข้างห้องเพิ่งย้ายเข้ามาพักได้ไม่นาน น่าจะไม่เกินสองสัปดาห์ แต่แพรไหมกลับรู้สึกหวาดกลัวทุกครั้งกับสายตาที่มองเธอ ระเบียงห้องที่ไม่มีความปลอดภัยอะไรสักอย่าง หากไม่กลัวตกลงไปตายด้านล่างก็สามารถปีนไปมาหาสู่กันได้อย่างง่ายดาย
แพรไหมสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวเพราะเจ้านายของเธอนั้นขึ้นชื่อเรื่องของการตรงต่อเวลา
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ อาบน้ำแต่งตัวในเวลาเพียงสิบห้านาทีก่อนรีบวิ่งลงบันไดด้วยรองเท้าส้นสูงลงมารอเจ้านายหนุ่มที่ด้านล่าง
“ซวยแล้วไอ้แพร” เท้ายังไม่ทันจะแตะถึงชั้นหนึ่งก็ต้องลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นรถยนต์คันหรูจอดเทียบท่า
แพรไหมจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ เสื้อเชิ้ตสีขาวรัดรูป กระโปรงสั้นเลยเข่าขึ้นมา รองเท้าส้นสูงสีดำ ทรวดทรงองค์เอวที่ทำให้ผู้ชายหลาย ๆ คนต่างเหลียวหลังมามอง
แพรไหมเดินไปหยุดอยู่ประตูข้างคนขับ ในจังหวะที่เธอกำลังจะเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งผู้ชายข้างห้องก็รีบวิ่งตามเธอลงมา
“คนสวยครับ!” ผู้ชายคนนั้นวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“คะ”
“พอดีผมทำอาหารไว้ให้ หวังว่าคนสวยจะทานมันจนหมดนะครับ”
“เอ่อ...” แพรไหมกำลังคิดที่จะปฏิเสธแต่เจ้านายของเธอที่นั่งอยู่ตรงหลังพวงมาลัยนั้นบีบแตรเสียงดังเสียก่อน
ปี๊บ
แพรไหมสะดุ้งและเอื้อมมือออกไปรับ อันที่จริงเธออยากจะปฏิเสธออกไปเสียด้วยซ้ำแต่ก็กลัวว่าเจ้านายของเธอจะรอนาน
“ขอบคุณนะคะ ฉันไปทำงานก่อนค่ะ” แพรไหมโค้งหัวขอบคุณและรีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างคนขับก่อนรถหรูจะแล่นออกไปด้วยความเร็วทันที
“บอสคะ ขับช้า ๆ หน่อยได้ไหมคะ แถวนี้มันเขตชุมชน...” แพรไหมหวังดีกลัวว่าจอมทัพอาจจะเผลอไปชนกับใครเข้า
“ฉันไม่อยากได้ยินเสียงเธอ” จอมทัพตวาดกลับและนั่นทำเอาแพรไหมได้แต่นั่งตัวตรงนิ่งเงียบ
เออดี อย่าคุยนะ ไม่ได้อยากคุยเหมือนกันนั่นแหละ! แพรไหมพูดอยู่ในใจ
แพรไหมโค้งหัวลาพนักงานที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณหน้าห้อง เลขาสาวที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงาน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ทุกคนต่างทยอยออกจากออฟฟิศ ไม่ต้องเดินเข้าไปถามก็รู้ว่าวันนี้เธอคงต้องอยู่ทำโอทีกับเจ้านายอีกเช่นเคย แม้จะอยู่ด้วยกัน ไปทำงานด้วยกันกลับบ้านด้วยกันทุกวันก็ตามแต่แพรไหมก็ยังไม่ชินสักเท่าไร ชีวิตที่พลิกผันในชั่วข้ามคืน จากพนักงานธรรมดาที่อยู่ในห้องเช่าโทรม ๆ กลับได้ไปอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของเจ้านายและคนในบ้านต่างเรียกเธอว่าคุณนาย แม้จะเป็นแบบนี้แต่แพรไหมก็ยังคงเจียมตัว ไม่ทำอะไรที่มันเกินตัวเลยสักครั้ง คนในชั้นบริหารแทบบางตา จะเหลือก็เพียงแค่คนที่อยู่ในห้องทำงาน คงทำงานล่วงเวลาเหมือนเจ้านายของเธอ แพรไหมลุกขึ้นยืน บิดกายไล่ความล้าไปมา เธอตั้งใจจะเข้าไปถามจอมทัพว่ามีอะไรที่อยากทานหรือเปล่า เธอจะได้ลงไปซื้อขึ้นมาให้ ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูหยุดลงพร้อมกับประตูที่เปิดเข้าไปภายใน “บอสคะ หิวหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงกันข้าม มีเพียงโต๊ะทำงานตัวใหญ่เพียงเท่านั้นที่คั่นกลางเอาไว้
ความสัมพันธ์ของเจ้านายและเลขาเลื่องลือไปทั้งบริษัท อันที่จริงแพรไหมไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ เธอบอกกับจอมทัพไปแล้วด้วยซ้ำว่าเรื่องความสัมพันธ์ของเธอและจอมทัพอยากให้ปิดเป็นความลับก่อน ถึงแพรไหมจะยังไม่รู้ก็ตามว่ามันควรเรียกว่าอะไร แฟนก็ไม่ใช่เพราะจอมทัพไม่เคยขอ จอมทัพก็เอาแต่พูดว่าเธอและเขานั้นเป็นผัวเมียกันแพรไหมไม่รู้ว่าจอมทัพนั้นจริงจังกับเธอมากแค่ไหน แต่ยิ่งเห็นจอมทัพเปิดเผยเรื่องราวของเธอนั้นต่อหน้าคนอื่น จับมือ ถือของให้เวลาเดินไปไหนหรือแม้แต่เดินเพื่อเข้าประชุม ตอนแรกเธอไม่ค่อยชินเท่าไรนัก แต่ตอนนี้ก็ถือว่าทำใจยอมรับได้บ้างมีคนหลายคนพูดถึงเธอด้วยเรื่องเสีย ๆ หาย ๆ อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำแต่พอได้ยินเสียงคนคุยกันในเรื่องของเธอ เธอเลยเลือกที่จะยังไม่ออกไปปรากฏตัว“เฮ้อ โชคหล่นทำจริง ๆ เลยนะยัยแพรไหมนั่นน่ะ”“ทำไงได้ล่ะแก ก็อยู่ใกล้บอสขนาดนั้นนี่”“แกว่าที่ยัยนั่นได้เป็นเลขาทั้ง ๆ ที่อายุยังน้อยขนาดนี้เป็นเพราะมันเอาตัวเข้าแลกป่ะ”“เฮ้ย แกก็คิดเหมือนฉันเหรอ”แพรไหมนิ่งเงียบและไม่ลืมที่จะบันทึกเสียงเอาไว้เป็นหลักฐาน“ท่านประธานก็นะ ฉันทำงานมาตั้งนาน สวย
ตื่นเช้ามาด้วยความเมื่อยล้า ปวดร้าวไปที่ช่วงล่าง แพรไหมนั่งมองจอมทัพที่กำลังแต่งตัวเพื่อออกไปพบกับลูกค้า แพรไหมเพิ่งจะทราบตอนนี้ว่าวันนี้จอมทัพนั้นนัดคุยงานกับลูกค้าอีกราย เธอเสนอที่จะไปด้วยแต่จอมทัพก็เอาแต่ห้ามและออกคำสั่ง“พี่จอมทัพจะไม่ให้หนูไปด้วยจริง ๆ เหรอคะ” แพรไหมที่นั่งอยู่บนเตียงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมอกมองหน้าเจ้านายหนุ่มที่กำลังผูกเนกไท“หนูพักผ่อนเถอะ”“แต่นั่นมันหน้าที่ของหนูนี่”“หน้าที่ของหนูตอนนี้คือทำตัวเป็นเมียที่ดีก็พอครับ” จอมทัพไม่พูดเปล่า เขาสาวเท้ามาหาแพรไหม นั่งลงข้างกายยื่นเนกไทไปตรงหน้าเลขาคนสวยเขินอายกับประโยคที่จอมทัพพูดไปก่อนหน้า ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อยแต่มือเรียวก็ยอมยื่นไปเพื่อหยิบเอาเนกไทมาผูกให้กับเจ้านายหนุ่ม“อาบน้ำได้แต่ห้ามใส่เสื้อผ้านะ” จอมทัพใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปบริเวณหัวไหล่มนของแพรไหม“ทะ...ทำไมล่ะคะ”“พี่ชอบเวลาที่หนูไม่ใส่อะไรเลย”“แต่หนูไม่ชอบ”“อย่าดื้อ ฟังที่พี่บอกก็พอ” ไม่ใช่น้ำเสียงดุเหมือนเวลาออกคำสั่งเรื่องงาน แต่เป็นน้ำเสียงทุ้มที่กล่อมให้แพรไหมคล้อยตามได้อย่างง่ายดาย“สะ...เสร็จแล้ว” แพรไหมต้านสายตาของผู้ชายตรงหน้าไม่ไหว“เดี๋
แพรไหมจะปฏิเสธ แต่เธอก็โดนจอมทัพอุ้มในท่าเจ้าสาวมาวางบนเตียงเสียอย่างนั้น ครั้งนี้จอมทัพไม่ได้นั่งตรงปลายเตียงหรือลุกหนี เจ้านายหนุ่มใช้สองแขนล็อกแพรไหมให้อยู่ใต้ร่างของเขา“บอสจะทำอะไรคะ”“พี่จะทำให้หนูเป็นของพี่”“ฮะ”“พี่หวง”“หวง? หวงอะไรคะ”“พี่หวงหนู พี่อยากรอให้หนูชอบพี่ให้มากกว่านี้แต่พี่ทนไม่ไหว...หนูสวยมันจึงไม่แปลกเลยที่จะมีคนมาชอบหนู...เพราะพี่ก็ชอบหนู”“คะ?” แพรไหมเสียงดัง“พี่ถึงถามหนูไงว่าหนูชอบพี่หรือเปล่า”“…”“ว่าไงครับเด็กดี...หนูชอบพี่หรือเปล่า” จอมทัพโน้มหน้าลงไปใกล้มากกว่าเดิม กระซิบถามเสียงแหบพร่าข้างหูของแพรไหมเลขาสาวขนลุกชูชันไปทั่วร่างกาย ขบเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น เธอกำลังชั่งใจว่าเธอควรพูดมันออกไปดีหรือเปล่า หากพูดออกไปแล้วมันจะกระทบกับงานของเธอหรือไม่ หากตอนนี้จอมทัพแค่เมา ตื่นเช้าขึ้นมาเรื่องนี้มันจะเป็นอย่างไรต่อ“บะ...บอสคะ” แพรไหมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากของจอมทัพค่อย ๆ จูบซับทั่วกรอบหน้าสวย“พี่ชอบหนู ชอบมานานแล้ว...หนูชอบพี่เหมือนกันหรือเปล่า”“…”“ถ้าหนูไม่ชอบพี่จะหยุด” จอมทัพไม่อยากฉวยโอกาส หากแพรไหมไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันกับเขา เขาก็พร้อมจะหยุดทุ
จอมทัพเอาแต่ทำหน้าดุ ไม่พูดไม่จา ไม่ปล่อยให้แพรไหมอยู่ห่างตัวเองเกินสามก้าว ตอนที่จอมทัพคุยกับลูกค้าแต่สายตาก็ยังคงจดจ้องไปที่เลขาสาวจนแพรไหมทำตัวไม่ถูกอยู่ในงานได้ไม่นาน จอมทัพก็ขอตัวกลับก่อน แพรไหมได้แต่งุนงงแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรกลับ เจ้านายของเธออยู่ในงานสังคมเก่ง เพราะทุกครั้งจอมทัพก็มักจะได้ลูกค้าจากในงานสังคมที่ไป แต่ทำไมวันนี้จอมทัพถึงพาเธอกลับห้องเร็วขนาดนี้กันนะแพรไหมไม่ได้เอ่ยถาม เธอรู้สึกว่าก็ดีเหมือนกันเพราะรองเท้าที่เธอใส่ในตอนนี้มันเริ่มทำเธอเจ็บเสียแล้ว ไม่ต้องก้มลงไปมองก็รู้ว่าหลังเท้าของเธอคงเป็นแผลไปเป็นที่เรียบร้อยเจ้านายหนุ่มเดินเข้าห้องไป แพรไหมเดินตามเข้าไปติด ๆ แม้ในใจจะอยากหาทางรอดไปนอนที่อื่นแต่อีกใจก็คิดว่าแค่นอนคงไม่เป็นอะไร คงไม่มีอะไรเสียหาย อีกอย่างจอมทัพก็มองเธอเป็นลูกน้องคนหนึ่งเท่านั้นเองจอมทัพเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง ถอดเสื้อสูทตัวนอกลงบนโซฟา มือดึงรั้งเนกไท เป็นภาพที่แพรไหมชอบมองทุกครั้ง บอสของเธอในตอนนี้นั้นดูเซ็กซี่จนเธอแอบกรี๊ดอยู่ในใจแพรไหมถอดรองเท้าส้นสูง “ซี้ด” ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บแสบจอมทัพมองไปที่เธอ ขมวดหัวคิ้วเข้าหากัน “เป็นอะไร”“
“บอสคะ ตอนไหนชุดของฉันจะมาคะ” แพรไหมทนไม่ไหว เอ่ยถามครั้งที่เท่าไรเธอก็ไม่แน่ใจ“กำลังมา” แพรไหมคิดไว้อยู่แล้วว่าจอมทัพต้องตอบเธอมาแบบนี้“บอสพูดแบบนี้มาหลายชั่วโมงแล้วนะ” เลขาคนสวยผ่อนลมหายใจออกอย่างเบื่อหน่าย“ทำไมล่ะ” จอมทัพแสร้งเป็นไม่รู้“ฉันไม่ชอบนี่ มันเหมือนฉันกำลังแก้ผ้าต่อหน้าบอสเลย” ประโยคนี้แพรไหมพูดเสียงเบาหวิว“ฉันไม่ถือ” จอมทัพยักไหล่เล็กน้อย“ถ้าไม่ติดว่าบอสเป็นเจ้านายฉันจะด่าบอสแล้วนะคะ”“ฮึ” เจ้านายหนุ่มหัวเราะในลำคอไม่นานนักเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น แพรไหมรีบลุกขึ้นยืนตั้งใจจะเดินไปยังประตูห้องแต่มือหนาก็ดึงรั้งแขนของเธอเอาไว้“เธอจะไปไหน”“ไปเอาเสื้อผ้าไงคะบอส”“ออกไปสภาพนี้เหรอ” จอมทัพใช้สายตาไล่มองแพรไหม“ไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันไม่ถือ ฉันยังกล้าให้บอสดูเลยนี่นา” แพรไหมตอบออกไปตามตรง เดินห่อไหล่ไม่ให้ยอดอกเด่นสง่าก็น่าจะเพียงพอแล้ว“นั่งลง”“คะ?”“นั่งลงไป”“แต่ว่า”“ฉันบอกให้เธอนั่งลงไป” จอมทัพเอ่ยเสียงดุ ออกคำสั่งกับเลขาสาว แพรไหมไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยเถียง เธอพยักหน้าและนั่งลงตรงที่เดิมเมื่อหญิงสาวทำตามที่เขาสั่ง จอมทัพก็ก้าวเท้าไปยังบานประตูนั้น แพรไหมมองตามหล
Comments