ครามที่เดิมทีตั้งใจจะนอนพักผ่อนอยู่ในห้อง พอได้ยินเสียงสนทนาเจื้อยแจ้วของแม่ตัวเองกับเพื่อนบ้านคนใหม่ที่ดูจะเข้ากันได้ดีเหลือเกินก็ตัดสินใจถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาดูหน้าบ้าน
เขาปรากฏตัวพร้อมกับเสื้อกล้ามสีขาวแบบเรียบ กางเกงขาสั้นธรรมดา ท่าทางไม่ได้ตั้งใจให้เป็นทางการนักแต่ก็ไม่ได้ดูมอมแมมอะไร
แต่ทันทีที่สายตาของเขาปะทะเข้ากับหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างแม่ของตน ร่างสูงก็ผงะไปเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
“อะ...” เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายก่อนจะปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติ ทว่าเจ้าตัวก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองอีกฝ่ายซ้ำ
เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะตกใจอะไรได้ง่ายแต่การที่หญิงตรงหน้ามีเค้าโครงใบหน้าละม้ายคล้ายกับฟ้าใสเสียเหลือเกิน ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก
แม่ของเขาที่เห็นอาการนิ่งอึ้งของลูกชายก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างขบขันก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียงใส
“อ้าวคราม ออกมาพอดีเลย มา ๆ เดี๋ยวแม่แนะนำให้รู้จัก นี่น้าลิตาแม่ของฟ้าใสกับม่านเมฆ บ้านที่ย้ายมาอยู่ตรงข้ามเรานี่เอง”
ลลิตาส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร “สวัสดีจ้ะ ครามใช่ไหม?”
ครามกะพริบตาเล็กน้อยก่อนจะรีบยกมือไหว้อย่างสุภาพ
“สวัสดีครับ”
แม่ของเขาอมยิ้มบางก่อนจะหันมาทางลลิตา “เจ้าลูกชายคนนี้ของฉันออกจะเงียบไปหน่อย แต่ก็เป็นเด็กดีนะ”
ครามแค่นหัวเราะในลำคอ เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเด็กดีตามที่แม่ว่าเสียเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ดังนั้นจึงทำเพียงพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองฟ้าใสกับน้องสาวของตัวเองที่ยืนอยู่ไม่ไกลพลางคิดว่าเขาไม่น่าออกมาดูเลยจริง ๆ
หลังจากที่บ้านของฟ้าใสยุ่งอยู่กับการขนย้ายและจัดบ้านใหม่ ไม่กี่วันต่อมาวันประกาศผลสอบก็มาถึงเร็วเกินกว่าที่พวกเธอจะตั้งตัวทัน
เช้าวันนั้นฟ้าใส ครีม และม่านเมฆเดินทางไปโรงเรียนด้วยกันตั้งแต่เช้าตรู่ พวกเขาเดินไปยืนรวมกับกลุ่มนักเรียนคนอื่นที่กำลังมุงดูบอร์ดประกาศผลสอบที่ติดอยู่หน้าหอประชุม
“แกว่าผลจะเป็นยังไง?” ครีมหันมาถามฟ้าใสด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นแฝงความกังวล
“ก็ต้องลุ้นกันแล้วละ” ฟ้าใสถอนหายใจออกมาเล็กน้อยพลางมองไปทางน้องชายที่ดูจะนิ่งกว่าปกติ
“นายไม่กังวลหน่อยเหรอ?” เธอถาม
ม่านเมฆส่ายหน้า “สอบไปแล้ว ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เครียดไปก็เท่านั้น”
“โอ๊ย! พวกแกนี่ไม่ตื่นเต้นกันเลยหรือไง!?” ครีมทำหน้าหงุดหงิดขึ้นมาก่อนจะรีบเดินฝ่าฝูงนักเรียนเข้าไปดูผลสอบอย่างว่องไว
ฟ้าใสกับม่านเมฆเดินตามไปติด ๆ พวกเขามองหารายชื่อของตัวเองท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของนักเรียนคนอื่น ที่เริ่มเห็นผลสอบของตัวเองแล้ว
แล้วในที่สุด...“ฟ้าใส! แกติดอันดับสาม!” ครีมหันกลับมาร้องเสียงดังพร้อมกับดึงแขนเพื่อนเขย่าแรง ๆ
“จริงเหรอ!?” ฟ้าใสรีบขยับเข้าไปใกล้บอร์ดก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นชื่อตัวเองอยู่ในลำดับที่สามของผลการสอบ
“ม่านเมฆอันดับหก!” ครีมอ่านออกมาอีกครั้งก่อนจะกรี๊ดเบา ๆ “ส่วนฉัน... อันดับเก้า! โอ๊ยย เกินคาด!”
ฟ้าใสมองดูรายชื่อของตัวเองด้วยความโล่งอก อันดับสาม... เธอรู้สึกภูมิใจที่ความพยายามของเธอไม่เสียเปล่า
ม่านเมฆที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เหลือบมองรายชื่อตัวเองก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ก็ดีแฮะ”
“ไม่แค่ก็ดีหรอก! นายติดท็อปสิบอันดับแรกเลยนะเว้ย!” ครีมหัวเราะร่า “ฉันยังตกใจเลยว่าตัวเองติดอันดับเก้าได้ยังไง คิดว่าหลุดไปไกลกว่านี้แล้วซะอีก”
“เพราะแกตั้งใจอ่านหนังสือไง” ฟ้าใสตอบเพื่อนด้วยรอยยิ้ม
“ก็ใช่แหละ...” ครีมยิ้มกว้างก่อนจะหันไปดึงแขนฟ้าใสกับม่านเมฆ “นี่พวกเรา ฉลองกันหน่อยดีไหม”
ฟ้าใสหัวเราะขึ้นมาให้กับความร่าเริงของเพื่อน “แล้วพวกเราจะกินอะไรล่ะ?”
“น้ำอัดลมกับขนมที่ร้านหน้าปากซอย! พวกเราสอบติดโรงเรียนใหม่แล้ว ทั้งยังติดอยู่ในสิบอันดับแรกอีก มันต้องฉลองกันหน่อย! ไปกันเถอะ”
ม่านเมฆเองก็หัวเราะตามคนทั้งคู่ออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ”
หลังจากที่ผลสอบประกาศออกมา ครีม ฟ้าใส และม่านเมฆต่างก็ยังคงตื่นเต้นไม่หาย พวกเขาเดินออกจากโรงเรียนมาด้วยกัน ขณะที่กำลังเดินไปทางป้ายรถเมล์ครีมก็นึกขึ้นได้ว่าอยากจะบอกข่าวดีนี้ให้พ่อแม่ของเธอรู้
“เฮ้ย! ฉันต้องโทรไปบอกป๊ากับแม่ก่อน!” ครีมหยุดเดินกลางทางก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาตู้โทรศัพท์สาธารณะ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์แต่มีคนกำลังต่อแถวรอยาวเหยียด
“ไปโทรร้านค้าตรงนั้นก็ได้ เสียแพงหน่อยแต่ไม่มีคน” ฟ้าใสเอานิ้วสะกิดเพื่อนพลางชี้ไปทางร้านโชห่วยฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นทางเดียวกับที่พวกเธอต้องไปรอรถเมล์
“ได้ พวกเราไปกัน” ครีมพูดเสียงดังอย่างร่าเริง ก่อนที่ม่านเมฆจะแซวออกมา “เจ้ครีมจะโทรบอกให้ป๊าเลี้ยงฉลองให้ละสิ”
“แน่นอน!” ครีมยิ้มกว้างก่อนจะรีบสาวเท้าเดินขึ้นสะพานลอยเพื่อไปยังร้านค้าอย่างรีบร้อน
และหลังบอกจุดประสงค์กับเจ้าของร้าน เธอยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะหยอดเหรียญห้าจากกระเป๋ากระโปรงแล้วกดหมายเลขบ้านตัวเอง
ม่านเมฆกับฟ้าใสยืนรออยู่ด้านข้างพลางมองไปรอบ ๆ ในขณะที่ครีมยืนพูดโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ฮัลโหล! ป๊า หนูเองนะ! วันนี้ประกาศผลสอบแล้ว หนูติดอันดับเก้า! ฟ้าใสอันดับสาม ม่านเมฆอันดับหก!”
เสียงของครีมดังจนฟ้าใสต้องกลั้นหัวเราะก่อนจะปล่อยให้เพื่อนสาวของเธอคุยต่อไป
“จริงเหรอลูก! เก่งมาก!” เสียงพ่อของครีมดังมาตามสาย แม้จะไม่ได้ยินทั้งหมด แต่ฟ้าใสก็พอจะเดาได้ว่าเขาคงดีใจไม่น้อย
“ป๊า ๆ ๆ วันนี้ขอฉลองได้ไหม! ให้ฟ้าใสกับม่านเมฆไปด้วยนะ!” ครีมเงี่ยหูฟังคำตอบ ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะสว่างขึ้นอีกครั้ง
“เย้! ป๊าบอกว่าเย็นนี้ให้ไปกินข้าวกัน!”
ฟ้าใสหัวเราะให้กับท่าทางของเพื่อน “ดีจัง งั้นกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเนอะ ฉันจะได้บอกป๊ากับแม่ด้วย”
ครีมพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะหันไปพูดโทรศัพท์ต่อ “เดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะป๊า!”
หลังจากวางสายครีมก็เดินออกมาด้วยท่าทีเริงร่า “แม่ฉันจะไปด้วย ส่วนเฮียคราม...ก็ต้องไปด้วยเหมือนกัน! พอถึงบ้านเธอก็ชวนป๊ากับแม่ไปด้วยกันสิ เรื่องดี ๆ แบบนี้ต้องฉลองเพราะวันนี้เฮียครามจะเป็นสปอนเซอร์ละ
“แกจะให้เฮียครามเป็นสปอนเซอร์ได้ยังไง? เขายังเป็นนักเรียนเหมือนเราไม่ใช่เหรอ” ฟ้าใสถามออกมาอย่างกังขา
“อ้อ เรื่องนั้นน่ะ...” ครีมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดต่อ “เฮียครามรับจ้างเล่นดนตรีพิเศษตอนเย็นตามร้านอาหารเขามีเงิน”
ฟ้าใสกับม่านเมฆหันมามองกันก่อนที่ม่านเมฆจะถามขึ้น “จริงเหรอ? เฮียครามเล่นดนตรีด้วย?”
“จริงสิ! เขาเล่นกีตาร์เก่งมากเลยนะ ปกติจะไปเล่นตามร้านอาหารกับเพื่อน บางวันก็เล่นเดี่ยว เขาเก็บเงินเองตั้งแต่ปีที่แล้วเพราะอยากมีเงินไว้ใช้เองไม่อยากรบกวนเงินที่บ้าน” ครีมขยายความ
ฟ้าใสพยักหน้าอย่างนึกทึ่ง “เฮียของแกเก่งมาก แกว่าพวกเราควรหาเงินกันเองบ้างดีไหม”
“แกจะไปวาดรูปเหมือนไหมล่ะ แกวาดรูปเก่งนี่ฟ้าใส”
“มันจะทำเงินได้จริงเหรอ แกไม่รู้อะไร ญาติของแม่ฉันชอบบอกว่าวาดรูปเก่งจะมีประโยชน์อะไรต่อไปเดี๋ยวก็ไส้แห้ง ฉันละโคตรหงุดหงิด”
ครีมได้แต่เอามือโอบบ่าของเพื่อนอย่างให้กำลังใจ “แกอย่าคิดมากเลย คนพวกนั้นสายตาคับแคบ ฉันว่าเธอต้องทำให้พวกเขาเห็น จะได้เป็นการตบหน้าคนพวกนั้นไปในตัวไง แค่ฉันคิดก็สะใจแล้วฮ่า ๆ” ครีมพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงใสโดยมีม่านเมฆเห็นพ้อง
“ผมสนับสนุนคำพูดของเจ้ครีม คนพวกนั้นผมไม่ชอบเลย”
ฟ้าใสหัวเราะออกมาให้กับความร่าเริงและการให้กำลังใจของครีมกับน้องชาย จริงอยู่ว่าการวาดรูปเป็นสิ่งที่เธอรัก แต่ในสังคมที่ให้ค่ากับอาชีพที่มั่นคงบางครั้งมันก็ยากที่จะทำให้คนรอบข้างเข้าใจ
“ฉันจะลองคิดดูอีกทีละกัน” ฟ้าใสพูดขึ้นก่อนจะหันไปหาม่านเมฆ “แล้วนายล่ะ มีอะไรที่อยากลองทำและหาเงินด้วยตัวเองบ้างรึเปล่า?”
ม่านเมฆนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนที่ดวงตาของเขาจะวาวขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องที่เพิ่งพูดคุยกันเมื่อครู่
“จริง ๆ ผมอยากลองเล่นดนตรีดู” เขาพูดออกมาก่อนจะขยายความเพิ่ม “ผมไม่เคยจับเครื่องดนตรีจริงจังเลย แต่พอได้ยินว่าเฮียครามเล่นกีตาร์ได้ ก็รู้สึกสนใจขึ้นมา”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ฝากตัวเป็นศิษย์ของเฮียฉันซะเลยสิ!” ครีมพูดขึ้น
“ได้เหรอ!” น้ำเสียงของม่านเมฆแสดงความตื่นเต้น