อีกฟากฝั่งของงานลูกน้องของชารัณ ที่คอยติดตามขวัญยิหวา ก็กำลังวิ่งตามหาตัวเจ้านายกันให้จ้าละหวั่น
เนื่องจากขวัญยิหวากำลังเมาและเอาเรื่องกับทุกคนที่เข้าใกล้ แถมเจ้าตัวยังทำท่านักเลงใส่ จึงไม่มีใครกล้าแตะต้องด้วยเธอเป็นเด็กของเจ้านาย
เมื่อชารัณเดินพ้นประตูเข้ามา เขาก็ได้เห็นว่าอีกคนกำลังนั่งโอนเอนอยู่บนโซฟา อีกทั้งใบหน้าของเจ้าตัวยังแดงจัด เพราะดันซัดไวน์เข้าไปจนหมดขวด
“เจ้านายรีบพาตัวนายหญิงกลับบ้านก่อนเถอะครับ นายหญิงท่าจะเมาแล้วนั่นแหละถึงได้นั่งทำตาหวานเยิ้มซะขนาดนั้น ไอ้พวกผู้ชายทั้งหลายมันเลยพากันเข้ามาจีบ แล้วพวกเราก็ได้ช่วยกันพวกมันออกไปตอนที่เจ้านายไม่อยู่ เมื่อสักครู่ก็หิ้วปีกออกไปโยนไว้ข้างนอก บอกได้เลยว่านายผู้หญิงของนายคนนี้ช่างเสน่ห์แรงเหลือร้ายจริงๆ ”
คนเป็นลูกน้องรีบฟ้องคนเป็นนาย เพราะหากพวกเขาดูแลขวัญยิหวาได้ไม่ดีตามคำสั่ง แล้วยังกล้าขัดใจ ซึ่งคนที่จะโดนส้นตีนของเจ้านายก่อนใคร ก็น่าจะไม่พ้นคนเป็นลูกน้องอย่างพวกเขานี่แหละ
ชารัณพยักหน้ารับเบาๆ เชิงเข้าใจ ก่อนเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งกอดขวดไวน์เปล่าเอาไว้แน่น ดูเธอหวงแหนมันซะจนอีกคนรู้สึกขำ ปนเอ็นดูท่าทางของหญิงสาวที่ทำราวกับว่าตัวเองเป็นนางเมรีขี้เมา
“รสชาติเป็นยังไงบ้าง มันดีมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
เขาถามขณะดึงขวดเปล่า ที่หญิงสาวยื้อเอาไว้ออกมาจากเธอได้สำเร็จ ซึ่งเธอก็ยอมให้เขาเอาไปแต่โดยดีและไม่มีโวยวาย แถมยังเอาแต่มองหน้าของอีกฝ่ายด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำ เนื่องจากเจ้าตัวจำใครไม่ได้ เพราะอยู่ในอาการเมาจนแทบจะทิ้งตัว
ร่างบางหัวเราะคิกคักซึ่งดูน่ารักและมีเสน่ห์ชวนมอง ทำเอาหัวใจของชารัณเต้นผิดเพี้ยนไปจนจับจังหวะเดิมแทบไม่ได้
“มันดีมากเลย...แต่เอ๊ะ!หน้าตาคุ้นๆ ทำไมหน้าของคุณถึงได้เหมือนตาแก่ตัณหากลับเมื่อคืนเลยละคะ ตาแก่แต่อยากจะกินหญ้าอ่อน...ฮ่าๆ..” เธอว่าพร้อมกับหัวเราะร่า ขณะยกฝ่ามือขึ้นมาประคองใบหน้าของร่างใหญ่แล้วเอียงคอไปมา จากนั้นจึงเบิกตากว้างอย่างรู้สึกตกใจ
“เป็นคุณจริงๆ ด้วย ไปให้พ้นนะ!...”
เธอว่าพร้อมกับผลักร่างเขาออกไปแต่มันก็ไม่มีผล จนอีกคนเกือบจะหลุดขำตอนได้ยินคำพูดของหญิงสาว ที่กล่าวหาว่าเขาเป็นตาแก่ตัณหากลับ
ฟังแล้วก็อยากจะจับมามาฟาดก้นเสียให้ยับ หรือไม่ก็จับกระแทกเอาหนักๆ ให้ลืมทางกลับบ้านไปเลย
“อย่างนั้นเหรอ แล้วสภาพเธอตอนนี้ มันชวนให้ปลอดภัยจากผู้ชายคนอื่นมากนักหรือไง มาเถอะเราคงต้องกลับกันแล้ว”
ชารัณคว้าหมับเข้าไปที่ข้อมือบาง แล้วออกแรงรั้งแค่เพียงเบาๆ เจ้าของร่างเล็กก็ถลาเข้ามาหาเขาอย่างง่ายดาย
กลิ่นตัวหอมกรุ่นใบหน้าสวยละมุนแดงกล่ำ ทำเอาหัวใจของเขารู้สึกหวามไหว จนนึกรำคาญใจตัวเองเนื่องจากครั้งก่อน ก็ยังค้างคามาจากแม่ตัวดีไม่หาย แล้วตอนนี้เจ้าลูกชายของเขา มันก็กำลังตื่นตัวขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ
“ทำไมต้องรุนแรงกับยิหวาด้วยละคะหื้ม...หรือว่าคุณชอบอืม...แบบหนักๆ” เธอว่าขณะมองเขาด้วยนัยน์ตาฉ่ำวาว
“เวลาเธอเมานี่ดูน่ารักดีนะ ใช่...ถึงฉันจะชอบแบบนั้น แต่มันคงไม่ใช่ที่นี่ ดูเหมือนเธอต้องการให้ฉันพาเธอไปที่อื่นมากกว่า” คราวนี้เป็นชารัณที่พูดจาแบบสองแง่สองง่าม จนคนอ่อนปีกว่าตามคำพูดของเขาไม่ทัน
ดวงตากลมโตหวานฉ่ำทำเอาหัวใจของเขาละลาย จนห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ไหวแล้วในตอนนี้...
นั่นสิ...แล้วทำไมต้องทน!
ร่างสูงคว้าคนตัวเล็กอุ้มขึ้นพาดบ่า ก่อนพาเดินนำหน้าลูกน้องของเขาไปขึ้นรถ ที่สตาร์จเครื่องยนต์ไว้รอท่าคนเป็นนายอย่างที่รู้ใจกันมานาน
เมื่อรถเจ้านายขับพ้นออกไปจากบริเวณงาน คนของพงษ์สวัสดิ์วัชรเสวี ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ตรงนั้น ลูกน้องของชารัณจึงพร้อมใจกันถอนกำลังออกไป จนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
ชารัณพาร่างอ่อนปวกเปียกของขวัญยิหวาขึ้นมาบนห้อง โดยยอมฉีกกฎของตัวเองที่ว่า จะไม่พาผู้หญิงคนไหนเข้ามาวุ่นวาย ภายในบ้านของตัวเองนั่นแหละ แต่สำหรับขวัญยิหวา เธอน่าจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับการยกเว้น
ชารัณวางร่างบอบบางลงบนที่นอนกว้าง ก่อนโน้มตัวลงไปเท้าแขนทั้งสองข้างคร่อมร่างเธอไว้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายปรือตาขึ้นมามองเขาในจังหวะเดียวกัน
“สายตากับท่าทางของเธอ มันกำลังชวนฉันขึ้นเตียงอยู่...รู้ตัวบ้างไหม?”
“รู้อะไรคะ ยิหวาไม่เห็นรู้ แต่เอ๊ะ! ตาแก่คนนั้นหายไปไหนแล้วคะ?” ขวัญยิหวายังไม่ยอมลืมตาแก่นั่นได้สักที ทั้งที่เธอก็นอนหลับกับอกของเขามาตลอดทาง
"ฉันสั่งให้ลูกน้องจับตาแก่ของเธอโยนออกไปนอกบ้านของฉันให้แล้ว...สบายใจได้"
"สบายใจได้ยังไงคะ ตาแก่นั่นมันจะข่มขืนยิหวา...มันหื่น..ยิหวากลัว"
"อยู่กับฉัน เธอไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เพราะฉันจะดูแลและปกป้องเธอเอง"
ชารัณเกรงว่าเธออาจกลัวเขามากเกินไป เขาจึงพยายามใช้คำพูดกล่อมเกลาคนใต้ร่างอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร หรือต้องอดทนอดกลั้นกับผู้หญิงคนไหนได้นานขนาดนี้
"ยิหวาไม่เหลือใครอีกแล้ว คุณจะดีกับยิหวาจริงๆ ใช่ไหมคะ?"
เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า ขณะใช้ฝ่ามือบางลูบไล้ไปทั่วแผงอกกว้างผ่านเสื้อผ้าของเขา และด้วยความเมามันจึงทำให้หญิงสาวใจกล้ามากกว่าที่เห็น
“จริงสิ...หากเธอไม่ดื้อกับฉัน” เขาบอกขณะถอดเสื้อออกไปเพื่อให้เธอลูบไล้เขาได้ถนัดๆ
“กล้ามคุณสวยจัง ยิหวาชอบ ”
"อ่า...ยิหวา...เธอทำฉันไม่ไหว..."
ร่างใหญ่ครางอือตอนถูกฝ่ามือของหญิงสาว ลูบไล้ไปทั่วแผงอกเปลือยเปล่า ทำเอาความเป็นชายของเขาดีดดิ้นอย่างทรมาน เพราะความต้องการเธอแทบบ้า
ถึงแม้อาจถูกตำหนิเมื่อเธอได้สติขึ้นมา แต่ในเวลาอย่างนี้เขาไม่อยากสนใจอะไรมากไปกว่า คนที่กำลังนอนทำตาหวานฉ่ำซึ่งอยู่ใต้ล่างของตนเอง
เขาปลดเปลื้องทุกอย่างออกจากร่างกาย พลางกวาดสายตามองทั่วเรือนร่างที่ยังอยู่ในชุดสีแดงขับผิวขาวเนียนละเอียด ซึ่งอีกฝ่ายก็มองเขาไม่วางตาเช่นเดียวกัน
ชารัณถึงกับต้องกลั้นลมหายใจก่อนพ่นมันออกไปแรงๆ มือแกร่งขยุ้มสะโพกของเธอไว้แน่น ในทุกจังหวะลีลาการเคลื่อนไหวของหญิงสาว ทำให้เขารู้สึกได้ถึงแรงตอดรัดอัดแน่นอันแสนหวาน"อ่า...เมียจ๋า...เก่งจัง..ทำผัวเสียวไปหมดแล้ว อื้อ~~ซี้ด~~" เสียงครางต่ำพร่า พลางมองสบตากับคนบนร่างอย่างแสนรัก และเมื่อได้ยินคำพูดที่ออกจากปากของเขา มันก็ยิ่งไปเร้าอารมณ์ของหญิงสาว ให้ขย่มท่อนลำของเขาไม่ยั้ง แถมยังส่งเสียงครางหวานระคนเสียวซ่าน ออกมาอย่างไร้ยางอาย“คุณจะได้รักยิหวาคนเดียว...ไม่เลี้ยวไปไหนไงคะ...อ่าส์...ซี้ด~~"เธอว่า ขณะวางมือบางเท้าไว้บนอกกว้าง แล้วเร่งรัดจังหวะให้ถี่กระชั้นขึ้นไป จนคนใต้ล่างแทบทนไม่ไหวสะโพกกลมมนขยับโยกย้ายส่ายเป็นจังหวะ ขณะที่เอวสอบด้านล่างก็เด้งขึ้นมารับอย่างสอดคล้อง เสียงเนื้อกระทบกันดังก้อง ส่วนอีกคนก็จ้องเธอราวกับต้องมนต์ ชารัณชอบเวลาที่เห็นขวัญยิหวา ทำตัวร้อนแรงกับเขาแบบนี้..."ให้ตายเถอะ ยิหวา..." ร่างหนากัดฟันกรอดเมื่อรู้สึกถึงแรงตอดรัดท่อนลำ มือกว้างกำสะโพกของเธอไว้แน่น เพื่อช่วยผ่อนแรงให้หญิงสาวขยับเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นกว่าเดิมร่างบางสะบัดหน้าไปมา เมื่อรู้ตัวว่าเธอใกล้จะถึง
การสืบคดีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะสำนวนทุกอย่างได้ถูกเตรียมเอาไว้แล้วทรัพย์สินทั้งหมดของอิทธิวิเชียร ได้ถูกทางการยึดไว้หลังรอการตัดสินจากศาล หรืออาจนานกว่านั้น เพราะมันยังมีอีกหลายคดีที่ถูกขุดคุ้ย และสืบค้นไปจนถึงธุรกิจที่ทำผิดกฎหมาย หลังจากนั้นชารัณจึงเข้าไปครอบครองพื้นที่ต่างๆ ในส่วนที่ควรเป็นของเขาได้อย่างง่ายดายสายตาคู่หวานของขวัญยิหวา จับจ้องมองใบหน้าคมเข้มจากดวงไฟสลัวที่อยู่ข้างหัวนอน ริมฝีปากสีอ่อนยกยิ้มบางๆ พลางทอดสายตาเลื่อนลงมาบนเรือนร่างของผู้ชาย ที่ได้ครอบครองเธอทั้งร่างกายและหัวใจ เมื่อย้อนคิดถึงสิ่งที่เขามอบให้ มาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงปัจจุบันโดยเฉพาะสัมผัสอันร้อนแรงของอีกฝ่าย ที่ทำให้เธอหลอมละลายไม่ว่ายามหลับตาหรือว่ายามตื่น...ซึ่งในค่ำคืนนี้... หญิงสาวจึงอยากจะเอาใจเขากลับไปบ้าง...ขวัญยิหวาชันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าหาร่างสูง ที่นอนเอนกายพิงกับพนักหัวเตียงด้วยท่าทางผ่อนคลาย มือเล็กยันลงบนผ้าปูที่นอนก่อนจะค่อยๆ เยื้องย่างขึ้นไปคร่อมร่างเขาไว้ดวงตาหวานฉ่ำสบประสานกับนัยน์ตาคมเข้มที่มองมาอย่างรู้ทัน“จะทำอะไร?” คิ้วเข้มข้างหนึ่งเลิกขึ้นมองใบหน้างามตอนถาม ขณะ
ชารัณที่ยืนซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง เดินออกมาขัดขวางการสะสางบัญชีแค้น แทนขวัญยิหวาด้วยตัวของเขาเอง“อย่าขี้โกงสิลิตา วันนี้ผมแค่จะมาเป็นพยานให้กับขวัญยิหวาเท่านั้น”เมื่อเห็นชารัณปรากฎตัว นั่นหมายความว่าลูกน้องของเธอคงไม่มีใครเหลือรอด ซึ่งเธอควรหาทางหลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของตัวเองน่าจะดีกว่าลลิตาพยายามคิดหาวิธีที่จะหยิบปืนบนพื้นขึ้นมา แต่ดูเหมือนชารัณจะรู้ทันว่าเธอกำลังคิดอะไร“ไม่คิดเลยว่าผู้ยิ่งใหญ่อย่างคุณ จะมาเป็นเบ้รับใช้ให้กับผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้ ฟังแล้วยังไงมันก็ดูเสียศักดิ์ศรีอยู่นะ”ชารัณยักไหล่ทำท่าทางไม่ใส่ใจ เพราะรู้ดีว่าขวัญยิหวาไม่ได้สนใจคำพูดอื่นใด นอกเสียจากอยากจะแก้แค้นให้คนเป็นพี่ชายเท่านั้น“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีของใคร มีแค่คุณกับฉันเท่านั้นที่ต้องสะสางกันให้รู้เรื่อง” ขวัญยิหวาพูดออกมาบ้างหลังจากที่ยืนฟัง อย่างรู้สึกเคียดแค้นเหลือทนกับคนตรงหน้า“เอ...จะว่าไปแล้วนิสัยกัดไม่ปล่อยอย่างแกนี่ มันดูคล้ายกับใครสักคน ที่ฉันเคยเห็นมาก่อนตอนที่มันยังมีชีวิต ” ลลิตาทำท่าคิดทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ “กันต์ธีไง...เหมือนกันต์ธีลูกน้องของคุณ ที่ฉันเป็นคนสั่งฆ่าม
ร้านอาหารในเครืออิทธิวิเชียร“เอาเหล้ามาอีก เหล้าในร้านมีเท่าไหร่ เอาออกมาให้หมด”เสียงของอนาวินทำให้คนที่เป็นเจ้าของร้าน รู้สึกเอือมระอาในตัวเขาอย่างมาก แต่เนื่องจากร้านนี้เป็นร้านที่อยู่ภายใต้การปกครองของลลิตา สิ่งที่ทำได้ก็น่าจะมีแค่คำว่าต้องอดทนเท่านั้นอนาวินได้ถูกลลิตาด่าทออย่างรุนแรง ในเรื่องที่เขากลั่นแกล้งขวัญยิหวาซึ่งถือว่าเธอคือผู้หญิงของชารัณ ด้วยการส่งลูกน้องเข้าไปแจกใบปลิวในมหาลัยเพื่อทำให้ขวัญยิหวาเสียหายและอับอาย ซึ่งนอกจากอนาวินจะทำไม่สำเร็จแล้วยังมาถูกตำรวจจับได้เสียอีกอนาวินทำให้คนเป็นพี่สาวต้องปวดหัว แถมเจ้าตัวยังชอบสร้างหนี้โดยให้คนเป็นพี่ ต้องคอยตามเช็คตามล้างอย่างไม่มีวันจบสิ้นสักที“อีพี่สาวตัวดี ขนาดกูทำให้มันทุกอย่างแต่มันก็ยังกล้ามาด่ากูอีก ต่อไปนี้มันกับกูคงต้องเดินกันคนละทาง” อนาวินก่นด่าพี่สาว แต่กลับถูกลูกน้องของเขาแย้งเตือนสติกลับมาให้ว่า“ตอนนี้นายหญิงของพวกเรา ไม่ได้มีพวกหนุนหลังเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะครับ หากเจ้านายจะทิ้งนายหญิงไปช่วงนี้มันคงดูไม่ดีแน่นอน”“ถ้ากูทิ้งไปตอนนี้แล้วมันจะมีปัญหาอะไรวะ ในเมื่อพี่สาวของกูมันไม่กล้าสู้กับไอ้ชารัณ กูนี่แหละที่
และเมื่อลูกน้องของชารัณที่มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามจับตัวคนของอีกฝ่ายมาได้ เรื่องวุ่นวายทั้งหลายจึงได้จบลงเมื่อจบเรื่องวุ่นวายด้านนอก ชารัณจึงหันมาบอกเรื่องที่เขาได้พูดค้างเอาไว้ ให้ทุกคนได้รับฟังกันหลังจากนั้นว่า“ทุกคนคงได้เห็นความโกลาหลเมื่อครู่ ซึ่งคงจะได้รู้และเข้าใจแล้วว่า เรื่องที่ผมพูดออกมาทุกอย่างมันคือเรื่องจริงทั้งหมด เอาล่ะ...สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ คือผมจะขอประกาศหรืออาจจะเป็นการ์ดเชิญ ที่ใช้ปากเปล่าพูดก็ได้ว่า ผมจะแต่งงานกับขวัญยิหวา หลังจากที่เธอเรียนจบการศึกษาอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นผมจึงเลือกเดินทางมาที่นี่ เพื่อนำข่าวดีของเรามาแจ้งให้แก่ทุกคนได้รับทราบ และหากใครต้องการจะไปร่วมแสดงความยินดีกับเรา ผมก็ยินดีต้อนรับทุกคนในฐานะแขกของยิหวา ผมหวังว่าคงจะได้รับความร่วมมือจากทุกท่านเป็นอย่างดี”เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องสุดช็อคของวันไป แต่ดูเหมือนคนที่จะตื่นตกใจมากกว่าใครคือขวัญยิหวานั่นเอง“คุณจะแกล้งยิหวาทำไมคะ?” เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ราวกับวิญญาณจะปลิวออกจากร่าง“ใครบอกว่าฉันแกล้ง ฉันอยากแต่งงานกับเธอจริงๆ ”“ ไม่จริง!ยิหวารู้ว่าคุณกำลังแสดงอยู่...”“เรื่องแบบนี้เ
ขวัญยิหวาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตออกมาทางด้านหลังของร้าน พร้อมกับถอดชุดฟอร์มพนักงานของทางร้านออกไป รองเท้าที่ไม่ได้ขนาดถูกเตะใส่ถังขยะ ขณะวิ่งหนีเอาตัวรอดและเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย ซึ่งแลดูคล้ายกับหมาที่ถูกไล่ล่าจากเจ้าถิ่น หูก็ได้ยินพวกของอนาวินที่วิ่งไล่ตามกันมา ขณะวิ่งก็ปาดน้ำตาทิ้งไปด้วยความเสียใจ เมื่อย้อนนึกถึงการตายอย่างทรมานของคนเป็นพี่ชายเสียงฝีเท้าของคนเหล่านั้น ยังคงวิ่งไล่หลังตามมาติดๆ เมื่อหาทิศทางไปทางไหนไม่ได้เธอจึงกระโดดเข้าไปในกองขยะ ที่อยู่ข้างตรอกคับแคบแล้วนั่งแอบซ่อนตัวอยู่ตรงนั้น พร้อมกับลุ้นระทึกจนใจสั่น แต่เมื่อเห็นว่าพวกมันผ่านเลยไป เธอถึงกับถอนหายใจโล่งอกออกมานาทีชีวิตผ่านพ้นไป กับความจริงที่ได้รับฟังมาจนเต็มสองหู และได้รับรู้แล้วว่าใคร...ที่เป็นคนทำให้ชีวิตของเธอต้องมืดมน ซ่า!สายฝนโปรยปรายโดยไม่มีใครบอกได้ว่า มันจะสามารถชะล้างบางสิ่งที่กำลังลุกไหม้อยู่ในใจของหญิงสาวได้หรือเปล่า..ขวัญยิหวานั่งกอดเข่าร้องไห้ตามลำพังด้วยความอ้างว้างและเดียวดาย หากคิดจะแก้แค้นให้คนเป็นพี่ชาย ก็คงต้องพึ่งพาอำนาจของคนที่อยู่เหนือกว่าซึ่งนั่นก็คือชารัณ แต่หากไม่ต้องการทำอย่างนั้น หน