.
.
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงหลังจากที่กะทิกลับเข้ามาในโรงฝึก เธอเอาแต่นั่งขลุกตัวอยู่แต่ในห้องของตนเองเงียบๆ เพราะเธอยังช็อกกับภาพที่เห็นเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ความรู้สึกขยะแขยงก่อตัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เคยดื้อแล้วดูหนังโป๊กับเพื่อนมาบ้างแต่ไม่เคยพบเจอจะจะ ตา หรือสัมผัสด้วยตัวเองแบบนี้ แค่นึกถึงตอนที่ตัวเองจะโดนทำแบบนั้นตอนโดนทำมิดีมิร้ายก็รู้สึกคลื่นไส้ ถ้าการันต์ไม่ได้มาช่วยไว้เธอคงจะเป็นสภาพน่าเกลียดแบบนั้นแน่ๆ
ก๊อกๆ
“นายเหนือให้มาเรียก”
“...ค่ะ”
กะทิตะโกนตอบรับก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปรับอารมณ์ตัวเอง เพราะเธอจะต้องออกไปเจอหน้าคนที่เธอพึ่งเห็นเขามีบทรักอย่างดุเดือดในสวนเมื่อครู่ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องและออกไปยังลานกลางโกดัง ชายหนุ่มสองคนก่อนหน้านั่งคุกเข่าอยู่กลางลาน ใบหน้าฟกซ้ำและเลือดเต็มใบหน้าไปหมด คนที่ยืนอยู่หน้าชายหนุ่มทั้งสองก็คือทิศเหนือและการันต์ รวมถึงเทมป์
เด็กสาวเดินเข้าไปยืนข้างๆ การันต์โดยที่ไม่กล้าเงยหน้ามองผู้เป็นนาย เธอก้มมองแต่รองเท้าหนังราคาแพงของเขาเท่านั้น ทิศเหนือยกยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของเด็กสาว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มสองคนที่นั่งคุเข่าตรงหน้า ทิศเหนือเดินไปกระชากผมของชายคนหนึ่งที่ลวนลามเด็กสาวไว้แน่น
“มึงไม่รู้หรอว่าเด็กนี่เป็นใคร?”
“ข..ขอโทษครับนาย ผมนึกว่าไม่ใช่เด็กบำเรอของนาย เพราะนายบอกว่าเทียบเท่าพวกเราเหมือนลูกน้องคนนึง”
“เพราะกูพูดแบบนั้น พวกมึงเลยคิดว่าจะเอาทำเมียก็ได้?”
“ข..ขอโทษครับ!”
“พวกมึงก็รู้ว่ากูเป็นคนพายัยเด็กนี่มาด้วยตัวเอง มันก็ต้องเป็นของกู”
“ผ..ผมผิดไปแล้วครับนาย..”
“ถึงกูจะคิดว่ายัยเด็กนี่ต้องเจอเรื่องแบบนี้เข้าสักครั้ง แต่...ต้องไม่ใช่ฝีมือพวกมึง”
ทิศเหนือปล่อยมือที่กระชากผมของชายหนุ่มที่อ้อนวอนขอชีวิตอย่างแรง ก่อนจะยกฝ่าเท้าแตะเข้าไปที่ใบหน้าที่ปูดบวมของชายคนนั้นและเพื่อนของเขาจนล้มลงไปนอนกับพื้นเพราะความเจ็บปวด กะทิมองดูเหตุการณ์นั้นก็ถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความหวาดกลัวกับความโหดเหี้ยมของผู้ที่รับเลี้ยงเธอ ร่างกายของเธอเริ่มสั่นเทาอีกครั้งจนการันต์สังเกตเห็น แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก
“พวกมึงที่นี่จำไว้ ใครก็อย่าได้แตะต้องยัยเด็กนี่ถ้ากูไม่อนุญาต”
“ครับนาย!”
ทุกคนเอ่ยรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงและหนักแน่นเนื่องจากกลัวจะเป็นอย่างสองคนที่นอนกองกับพื้นอย่างไม่ได้สติ การกระทำของทิศเหนือยังคงโหดเหี้ยมดังเดิมเหมือนที่ทุกคนรู้ แต่ยังดีที่การันต์ช่วยพูดไม่ให้เขาฆ่าชายหนุ่มสองคนนั้นทิ้งลงทะเล เพราะคำพูดของลูกน้องคนสนิทเขาจึงยอมปล่อยไป เพราะทุกคนรู้ดีว่าถ้าไม่ใช่เพราะการันต์สองคนนี้คงได้โดนจับถ่วงทะเลไปแล้ว
พอจบเรื่องลูกน้องคนอื่นๆ ก็พากันช่วยหามชายหนุ่มทั้งสองที่นอนเจ็บหนักแยกออกไปยังห้องพยาบาล เหลือเพียงเทมป์กับการันต์และกะทิที่ยังคงยืนอยู่กับผู้เป็นนาย ทิศเหนือหันไปมองกะทิก็เห็นว่าเธอยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองเขาเลยสักครั้ง พลันก็นึกถึงตอนที่เธอแอบเข้าไปซุ่มดูเขาที่หอนารี ชายหนุ่มก็นึกคาดโทษขึ้นมาทันทีพร้อมกับเดินเข้าไปหาเธอ
“เฝ้าหน้าห้องไว้ อย่าให้ใครเข้าไปยุ่ง เดี๋ยวกูออกมา”
“ครับนาย”
ทิศเหนือพูดจบก็จับข้อมือเล็กของกะทิและลากเข้าห้องนอนของเธอไปพร้อมกับล็อกกลอนประตูเสียเรียบร้อย กะทิเห็นอย่างนั้นจึงรีบถอยหลังไปติดกำแพงฝั่งหัวเตียงซึ่งตรงข้ามกับประตูที่ทิศเหนือยืนอยู่ด้วยความหวั่นเกรง
“ใครใช้ให้เข้าไปหอนารี”
“...คุณเห็น?”
“เธอขัดคำสั่งฉัน”
“เอ่อ...หนูแค่ได้ยินเสียงเลยสงสัยเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะคะ”
“เสียงแบบไหน? ถึงทำให้อยากรู้อยากเห็นขนาดกล้าขัดคำสั่ง”
“อะ..เอ่อ...หนูไม่รู้ว่าที่นั่นคือหอนารี”
ทิศเหนือเดินเข้าไปใกล้เธอขึ้นเรื่อยๆ จนเธอทำตัวลีบเล็กร่างผอมบางเริ่มสั่นเทา สายตาของเธอเฉมองไปทางอื่นทันทีที่เขาเข้ามาใกล้ เด็กสาวไม่กล้าสบตาหรือมองหน้าเขาตรงๆ ทิศเหนือเดินเข้าไปจนเกือบจะชิดติดตัวเธอก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนกำแพงข้างๆ ใบหน้าสวยที่กำลังน้ำตาคลออยู่เต็มเบ้า
“มองหน้าฉัน”
“...ค่ะ”
กะทิได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่ดูหงุดหงิดก็รีบเงยหน้ามองเขา ใบหน้าหล่อได้รูปอยู่ใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจ ภาพติดตาที่พึ่งเจอมาทับซ้อนใบหน้าของเขา เธอยิ่งตัวสั่นกว่าเดิมพร้อมด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอก็ได้ไหลลงอาบสองแก้มอย่างกลั้นไม่อยู่
เด็กสาวทำได้เพียงกลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่ให้ไปรบกวนอารมณ์ของชายตรงหน้าที่กำลังหงุดหงิดให้ยิ่งหงุดหงิดไปกว่าเดิม เพราะสายตาคมกริบของเขาจ้องมองเธอเหมือนจะตัดให้ขาดเป็นท่อนๆ มันน่ากลัวจนเธอขาสั่นไปหมด
“ถ้ายังอยากอยู่รอดจนได้แก้แค้น...ก็อย่าขัดคำสั่งฉันอีก”
“ค่ะๆ หนูขอโทษค่ะ หนูจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว”
กะทิพูดรัวพร้อมกับกลืนเสียงสะอื้น ทิศเหนือมองดูเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แขนแกร่งที่ยันกำแพงอยู่ก็ลดลง เมื่อเห็นคนตรงหน้าตอบรับด้วยท่าทีหวาดกลัวและตัวสั่นเป็นลูกนก ยังไงเขาก็ไม่คิดจะรังแกเด็ก18อยู่แล้วแม้จะแอบคิดก็เถอะ แต่เขาไม่อยากเสี่ยงไปเที่ยวฮ่องกรงแทนที่จะห่วงอนาคตที่กำลังไปได้สวย จะเรื่องแบบนั้นเอามาเสี่ยงกับเด็กสาวมันไม่คุ้มค่าสำหรับเขา และเขาก็ไม่ได้ขาดแคลนเรื่องนี้
ทิศเหนือเดินออกจากห้องไปเงียบๆ หลังจากได้ยินคำรับปากของเด็กสาวแล้ว เมื่อร่างสูงของเขาก้าวพ้นประตูไปกะทิถึงกับนั่งพับลงพื้นที่เดิมพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาน่ากลัวเกินไปไม่ใช่คนที่เธอจะต่อกรด้วยได้ในตอนนี้
หลังจากเกิดเรื่องวันนั้นในทุกๆ วันเธอจะฝึกซ้อมและทำงานในโรงฝึกเหมือนปกติ และลูกน้องของทิศเหนือที่อยู่ในโรงฝึกแห่งนี้ก็ดูไม่ค่อยอยากสนิทหรือยุ่งเกี่ยวกับเธอเท่าไหร่นัก งานทุกอย่างเธอจึงทำมันคนเดียวโดยไม่มีใครคิดจะช่วยเหลือ เทมป์และการันต์จะคอยดูแลอยู่ที่นี่ การันต์เป็นมือขวาของผู้เป็นนายจะเข้ามาบ้างตามคำสั่ง เขาเองก็ดูไม่ชอบขี้หน้าเธอเท่าไหร่นักเหมือนคนอื่นๆ
เทมป์เองก็เช่นกัน แม้เขาจะช่วยฝึกสอนการต่อสู้ให้ แต่หลังจากสอนก็ไม่แยแสสนใจเธอเลยสักนิด ว่าเธอจะโดนกลั่นแกล้งยังไงบ้าง เธอผ่านทุกอย่างมาด้วยตนเอง รวมถึงทุกคืนที่นอนฝันถึงเหตุการณ์ร้ายๆ ของครอบครัว เธอก็ผ่านมันมาอย่างทรมานด้วยตัวคนเดียว มันเหมือนเป็นเครื่องเคยย้ำเตือนว่าเธอจะต้องหาคนฆ่าพ่อแม่ของเธอให้ได้
.
เวลาล่วงเลยมาจนถึงเปิดเทอมของมหาวิทยาลัย การันต์เป็นคนจัดการให้ทุกอย่างในฐานะผู้ปกครอง ส่วนค่าเทอมค่าใช้จ่ายต่างๆ ทิศเหนือจะเป็นคนจ่ายให้โดยผ่านการันต์เป็นตัวกลาง
แม้กระทั่งวันรับน้องของมหาวิทยาลัย การันต์ยังต้องมานั่งเฝ้าเธอ จึงไม่แปลกที่คนอื่นๆ จะมองเธอเหมือนลูกคุณหนู เพราะเขาใส่สูทผูกไทป์มานั่งเฝ้าคล้ายกับคนคุ้มกัน บางคนก็คิดว่าเป็นคนรักของเธอด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะความหล่อเกินใครด้วยนั่นแหละเขาถึงเป็นที่จับจ้อง
“เธอๆ ...คนนั้นเขามากับเธอ?”
หญิงสาวที่นั่งข้างๆ สะกิดก่อนจะชี้นิ้วไปที่การันต์ที่นั่งอยู่ กะทิยิ้มแห้งๆ ก่อนจะพยักหน้า สายตาของหญิงสาวที่พึ่งชวนคุยตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“แฟนเธอหรอ? หล่อวัวตาย ควายล้มเลย...แถมมานั่งเฝ้าด้วยอ่ะอิจฉา”
“เอ่อ....”
“อ้อ ฉันชื่อของขวัญ เรียกขวัญก็ได้”
“ฉัน...กะทิ”
“ส่วนอิฉันชื่อเดซี่ค่ะ”
หญิงสาวทั้งสองสนทนากันอยู่ดีๆ ชายหนุ่มหัวใจหญิงที่นั่งอยู่ข้างหน้ากะทิก็หันมาแนะนำตัวด้วยอีกคน ทั้งสองสาวยิ้มพร้อมกับหัวเราะกับจริตจะก้านของชายออกสาวคนนี้
“เฮ้ย! พี่ๆ พูดอยู่น้องไม่ให้ความเคารพเลยกลับคุยกันอีก...ออกมาเลยครับ น้องสามคนที่นั่งตรงกลาง”
เสียงทุ้มตะโกนใส่โทรโข่งเรียกทั้งสามคนให้ออกไปด้านหน้า พวกเธอมั่นใจว่าเป็นพวกเธอเพราะรุ่นพี่หนุ่มคนนั้นชี้นิ้วมายังกลุ่มของพวกเธอทั้งสามคน ของขวัญ กะทิ และเดซี่ลุกขึ้นก่อนจะเดินไปยังด้านหน้าแถวในบรรดาเพื่อนๆ ที่กำลังนั่งฟังการรับน้องอยู่
“น้องไม่ให้ความเคารพรุ่นพี่เลยหรอครับ?”
ชายหนุ่มรุ่นพี่เป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆ สังเกตได้จากตลอดช่วงเช้าๆ ที่รับน้องจะมีสาวมารายล้อมเขาไม่พัก รุ่นพี่หนุ่มหล่อเหมือนหนุ่มเกาหลีเอ่ยขึ้นพร้อมมองป้ายชื่อแต่ละคนก่อนจะเลือกเอ่ยชื่อของกะทิ
“น้องกะทิ ตอบพี่มา”
“ขอโทษค่ะ พวกเราแค่แนะนำตัวเพื่อทำความรู้จักกันเท่านั้น”
“เรามีเวลาให้แนะนำอีกเยอะ ทำไมไม่ฟังพวกพี่ก่อน”
“ขอโทษค่ะ”
“งั้นพี่ขอเบอร์น้องหน่อยได้ไหม? เป็นการไถ่โทษ”
.
.
..4 ปีผ่านไปหลังจากที่กะทิคลอดลูกชายตัวน้อย ทิศเหนือก็ยังคงดูแลไม่ห่างแต่ถึงอย่างนั้นเธอและลูกก็ออกจากบ้านไร่เมื่อครบสามเดือนเหมือนที่ตกลงไว้ ทิศเหนือเองก็ไม่ได้อยู่เฉย เขายังคงคอยเทียวไปหาเธอและลูกที่บ้านไม่ได้ห่าง แถมยังไม่ยอมนอนบ้านของตนเองอีกด้วย ในทุกๆ วันเขาจะมีข้ออ้างเพื่อได้นอนที่บ้านของภรรยาสาว แม้จะต้องนอนที่โซฟาก็ตามก็ยังดีกว่าช่วงปีแรกๆ ที่ต้องนอนในรถ ปีหลังๆ มานี้กะทิก็ดูจะใจอ่อนลงอยู่บ้าง ส่วนการันต์กับอัญญาก็ได้แต่งงานกันเรียบร้อยในปีที่สามชายหนุ่มยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่หน้าโรงเรียนเด็กเล็กแห่งหนึ่งเหมือนทุกครั้ง ด้วยใบหน้าที่หล่อร้ายของเขาทำเอาครูสาวถึงกับมองค้าง ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรชายคนนี้ได้เลย แม้จะเป็นสูญรวมสายตาแต่ทิศเหนือกลับไม่ได้สนใจใดๆ ยังคงก้มมองนาฬิกาเพื่อรอเวลาที่ลูกชายตัวน้อยของเขาเลิกเรียน“ปะป๊าฮับ!”เสียงเรียกของเด็กชายดังขึ้น ทิศเหนือรีบหันไปตามเสียงเรียกนั้น ก่อนที่ลูกชายตัวน้อยจะวิ่งกางแขนไปหาผู้เป็นพ่ออย่างดีใจเช่นทุกวัน ครูสาวยืนม
..“เริ่มเลยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเด็กจะไม่มีน้ำนมดื่ม เพราะเด็กยังทานอย่างอื่นไม่ได้นอกจากน้ำนมจากอกคุณแม่”“เอ่อ....”พยาบาลสาวไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปลากมือของทิศเหนือไปยังหญิงสาวที่ยังนั่งอ้าปากค้างอยู่ กะทิเบือนหน้าหนีเล็กน้อย ส่วนพยาบาลก็สอนวิธีนวดให้ทิศเหนืออย่างตั้งใจ ทิศเหนือเองก็ไม่ต่างจากกะทิเท่าไหร่ อะไรที่ไม่เคยทำก็ทำมันแบบเขินๆ ที่กะทิไม่แย้งเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องปัญหาที่มีของตน จึงทำได้แค่เงียบ“อย่างนั้นแหละค่ะ...ต้องนวดแบบนี้บ่อยๆ นะคะ”“...ครับ”“เพราะว่าถ้าคุณพ่อช่วยนวดจะทำให้น้ำนมไหลออกมาได้เร็ว”“เอ่อ...ครับ”“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พยาบาลขอตัวก่อนนะคะ”พยาบาลยิ้มก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้คนทั้งคู่อยู่ด้วยกันเงียบๆ ในห้อง กะทิเองก็ไม่ได้พูดอะไรเอนตัวนอนและหลับตานิ่ง เพื่อรอเวลาที่คุณหมอจะส่งตัวลูกชายของตน ทิศเหนือมองหน้าไร้อารมณ์ของกะทิก็หย่อนตัวนั่งโซฟาข้างๆ เตียงพร้อมกับถอนหายใจ อาจจะเป็นเพราะความเพลียจึงทำให้กะทิผล็อยหลับไป ทิศเหนือมองกะทิอยู่เงียบๆ อย่างนั้
..เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ทิศเหนือไม่เคยออกไปทำงานนอกบ้านอีกเลย แถมยังใช้เวลาเกือบสองเดือนที่ทำงานอยู่ที่บ้านไร่ไม่หนีหายไปไหนแม้แต่นาทีเดียว กะทิเองจะยังไม่ค่อยพูดคุยกับเขาเหมือนเดิม แถมยังพยายามทำตัวห่างจากเขาอีกตามเคย แม้กระทั่งถึงวันคลอดเธอก็ไม่เคยถามหาเขา ยังคงถามหาแต่การันต์ลูกน้องของเขาแทนจนตอนนี้มาอยู่หน้าห้องคลอดทิศเหนือก็แทบจะนั่งไม่อยู่ ลุกเดินไปเดินมาอย่างตื่นเต้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววหมอคนไหนจะเดินออกมาจากห้องคลอดเลย การันต์นั่งมองผู้เป็นนายไปมา แม้ตัวเขาเองจะตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าหลานแต่ก็ไม่เท่าทิศเหนือเลย“นั่งก่อนดีไหมครับนาย”“เป็นมึงนั่งใจเย็นได้หรอวะ กูตื่นเต้นจนอยากจะไปทำคลอดเองแล้วเนี่ย”“อย่างน้อยนายเหนือก็น่าจะใจเย็นลงหน่อยนะครับ”“แม่ง...ช้าฉิบหาย หมอมัวทำอะไรกันอยู่วะ”ทิศเหนือเดินไปเดินมาพร้อมกับสบถไป คิ้วเข้มขมวดยุ่งเมื่อรู้สึกว่ามันนานเกินไปสำหรับเขา การันต์ยิ้มกริ่มเพราะความใจร้อนอยากเห็นหน้าลูกชายของผู้เป็นนาย แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเขาไม่เคยคิดจะมีล
..หลังจากขับรถมานานกว่าสองชั่วโมง ก็ถึงบ้านไร่เดชาเสียที คนในบ้านต่างออกมาต้อนรับพวกเขาเพราะยังไม่ค่ำจึงมีคนงานในบ้านเดินเข้ามาช่วยหอบหิ้วข้าวของของเจ้านายเข้าบ้านไป แม้กะทิจะอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะสนิทสนมด้วย เพราะถือว่าเธอเป็นคุณนายเดชาเดชจึงมีหลายครั้งที่กะทิมักจะออกไปเดินเล่นคนเดียว ถึงจะมีผู้ติดตามไปแต่กลับไม่มีใครกล้าพูดคุยกับเธอทิศเหนือเองก็ไม่ได้ถามไถ่เธอเรื่องนี้ และกะทิก็ไม่ยอมบอกเขากลัวว่าจะไปเป็นเรื่องรบกวนเวลาเขาทำงานเสียเปล่าๆ แต่การไม่ที่เธอไม่อยากงอแงใส่เขาหรือเอาแต่ใจกับเขา กลายเป็นการเปิดทางให้เขามีคนอื่นเสียอย่างนั้น ถึงจะพูดไม่ได้เต็มปากว่ามีคนอื่นแต่ช่วงเวลานั้นทิศเหนือก็ได้แปรใจปันให้คนอื่นไปแล้วกะทิเดินเข้าบ้านที่คุ้นเคยอย่างเงียบๆ ไม่มีคำพูดหรือสนทนาใดๆ กับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอเดินเข้าห้องนอนของตัวเองโดยไม่หันหลังกลับไปมองมาเฟียหนุ่มที่กำลังเดินตามเธอต้อยๆ เหมือนสุนัขเชื่องๆ ที่เลี้ยงไว้ กะทิหันไปมองชายหนุ่มที่เดินตามเธอเข้าในห้องด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างที่ชอบทำ ใบหน้าหล่อทำทีท่าสงสัย
..“เลือกได้ดีค่ะ”กะทิพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่แสดงถึงความดีใจ แม้ภายในใจจะไม่ได้เป็นอย่างสีหน้าที่แสดงออกไป แววตาของมาเฟียหนุ่มผู้โหดร้ายกลับแสดงออกมาอย่างชัดเจน เขามองกะทิด้วยความรู้สึกเจ็บปวด มันเจ็บปวดมากกว่าการโดนแย่งแฟนคนแรกเสียอีก แม้แต่ลูกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นการเติบโตของลูกชายตัวเอง“แต่...เธอต้องอยู่กับพี่จนกว่าจะคลอดได้สามเดือน เพราะร่างกายเธอยังคงไม่หายดี”“ไม่จำเป็น”“พี่ขอแค่สามเดือน ให้เวลาพี่หาบ้านที่จะซื้อให้และรถ”“คนอย่างคุณมันไม่ใช่เรื่องยากหรอกแค่เรื่องพวกนั้น”“ก็จริง...แต่พี่ขอ..ขอร้อง...ให้พี่คุกเข่าตรงนี้ก็ยอม”“ทำสิ”กะทิพูดออกมาอย่างไม่แยแส การันต์เองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อทิศเหนือยอมคุกเข่าทันทีที่กะทิพูดจบ เพราะคนอย่างทิศเหนือไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร มีแต่คนอื่นที่คุกเข่าต่อหน้าเขาเพราะความเกรงกลัว ทิศเหนือยอมจำนนทุกอย่างจริงๆ เพื่อให้ได้อยู่กับลูกและเมียเพียงแค่สามเดือน“กะทิ นายเหนือ”“ได้ ฉันจะยอมอยู่กับคุณสามเดือน และค
..“อะไรนะครับ?”“กูให้มึงไปสืบหาเรื่องของอัญญา...แต่มึงกลับมาสภาพนี้ มึงสืบแบบไหน?”“ก็....”“อย่าบอกนะว่าแบบเดิมที่เคยทำ”“.......”การันต์ไม่ได้ตอบคำถามทีเล่นทีจริงของผู้เป็นนาย เพียงเท่านั้นทิศเหนือก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นอย่างที่เขาคิดแน่นอน เพราะเขาและการันต์อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมจะไม่รู้วิธีการของลูกน้องคนสนิท ทิศเหนือยกยิ้มก่อนจะพยักหน้าเบาๆ“ขอโทษครับนาย”“กูยังไม่ได้ว่าอะไรมึงเลย”“ผมนึกว่านายจะโกรธที่...”“ทำไมกูต้องโกรธ กูดีใจด้วยซ้ำ กะทิจะได้ไม่คิดมาก”“นายจะบอกเรื่องนี้กับกะทิหรอครับ?”“มีเหตุผลอะไรที่กูต้องบอก...เดี๋ยวเธอก็เห็นท่าทีของพวกมึงเอง”“ครับ? ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอ”“กูไม่ได้หมายถึงมึงหรอก กูหมายถึงอัญญาต่างหาก”ทิศเหนือพูดด้วยความมั่นใจ เพราะดูจากผู้หญิงแล้วไม่ว่าจะรักหรือไม่รักถ้าได้มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอที่ทำให้จำไม่ลืมก็ไม่แปลกที่ท่าทีที่มีต่อกันมันจะเปลี่ยนไปเองตามธรรมชาติ และยิ่งเป็นคนที่