เสียงครางน้อย ๆ ดังขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ยามเช้า กวินตราบิดขี้เกียจก่อนจะหันหนีแสงสว่างทว่าแขนกลับไปฟาดโดนบางอย่างที่อยู่ข้าง ๆ กวินตราดีดตัวลุกขึ้นก็พบว่าธัชกรนอนหลับอยู่ข้างกายแถมเขายังไม่ใส่เสื้อผ้าอีกต่างหาก
“คุณ คุณคะ!”
ธัชกรถูกปลุกก็ตื่นขึ้น น้ำเสียงงัวเงียถามอีกคนกลับ “ตื่นแล้วเหรอครับ”
“เมื่อคืนคุณนอนที่นี่เหรอคะ”
“ครับ”
“หา นี่อย่าบอกนะว่าพวกเรา...” คิดแล้วใบหน้าขาวเนียนยามเช้าก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะทำแบบนั้นในตอนที่เธอไม่รู้ตัว เสียแรงที่เธอบอกเขาเป็นคนดี
“คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไงคะ ฉันอุตส่าห์มองคุณว่าเป็นคนดี”
กำปั้นเล็ก ๆ ทุบแขนแกร่ง เขารวบข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ก่อนจะบอกให้เธอตั้งสติ ทว่าอีกคนกลับโวยวายทำเอาคนที่แอบฟังอยู่หน้าก้องถึงกับมองหน้ากันแล้วหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะเดินลงมาด้วยความพอใจ ในที่สุดเมธาวีก็ทำสำเร็จ เธอได้เพื่อนสุดที่รักเป็นพี่สะใภ้เรียบร้อยแล้ว
“คนบ้า คนบ้า ทำแบบนี้กับฉันได้ยังไงคะ ฉันยังซิงอยู่เลยนะ”
“เดี๋ยวคุณฟังผมก่อน”
ธัชกรเลือกไม่ได้เขาเปลี่ยนขึ้นคร่อมหญิงสาวก่อนจะตรึงแขนเล็ก ๆ ที่เอาแต่ทุบตีเขาเอาไว้ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทำให้กวินตราเงียบปากลงได้เลิกต่อว่าเขา
“ได้สติแล้วใช่มั้ย คิดดี ๆ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
เขาย้ำ กวินตราเริ่มคิดตาม เมื่อคืนเธอฝันว่าธัชกรอุ้มเธอขึ้นมาบนห้องแล้วยังฝันสัปดน เป็นเธอเองที่ขึ้นคร่อมแล้วจูบเขา “หรือว่ามันจะไม่ใช่ฝัน”
“อ๋อฝันเหรอครับ งั้นในฝันของคุณได้ฉีกเสื้อผมด้วยหรือเปล่า”
ธัชกรเบือนหน้าไปมองเห็นว่าเสื้อที่เขาใส่เมื่อวานถูกฉีกจนผ่าครึ่ง กวินตราตัวชา หูอื้อแทบจะไม่ได้ยินประโยคต่อไปที่เขาพูดว่าเธอทำอะไรเขาไปบ้าง ทั้งยังกอดเขาแน่นไม่ยอมให้เขากลับห้องอีกจะให้ทำยังไง
“เมื่อวานผมเหนื่อยมาก ทั้งยังไม่ได้กินข้าวเลยหลับไปทั้งอย่างนั้น ว่าแต่คุณเถอะครับ ฝันว่ามีอะไรกับผมจริง ๆ น่ะเหรอ”
ตายแล้วจะถามย้ำทำไมเนี่ย
“บ้า บ้าเหรอคะ ฉันแค่ละเมอ คนหลับจะไปรู้อะไรละคะ เอ่อ...พี่กรรรร” เสียงหวานหยดเรียกชายที่ขึ้นคร่อมบนร่าง กะจะขอร้องไม่ให้เขาพูดถึงเรื่องนี้กับเพื่อนรักของเธอ “อย่าบอกเรื่องนี้กับยัยเมนะ นะคะหนูขอร้อง...ไม่อย่างนั้นฃโดนเธอล้อไปทั้งชีวิตแน่”
ธัชกรสะท้านทั้งตัว เพราะคำนี้หญิงสาวพึ่งพูดกับเขาไปเมื่อคืน…
ถึงจะจูบไม่ค่อยเก่งแต่ก็ใช้ได้เลยทีเดียว
“ได้สิ”
“เหรอคะ ขอบคุณนะคะ”
“แต่มีข้อแม้นะ”
ว่าแล้วเชียว คิดว่าเขาเป็นคนดีมาตลอดที่แท้ก็แอบซ่อนความเจ้าเล่ห์เอาไว้นี่เอง
“อะไรคะ”
“เราต้องเลิกใช้คุณกับฉันเวลาเรียกแทนตัวเอง แล้วให้เรียกพี่ว่าพี่”
“แต่...”
“ถ้างั้นพี่ก็ไม่รับปาก ถ้าบังเอิญเดินออกไปจากห้องแล้วยัยเมมาเจอเข้าแล้วถามว่าผมมาทำอะไรห้องของคุณ ผมคงต้องตอบความจริงไปแล้วล่ะ ผมไม่ชอบโกหก”
“ดะ ได้ค่ะตกลงตามนั้น”
ใบหน้าหล่อเหลาลอบยิ้มเมื่อมองหญิงสาวที่ตอนนี้แก้มแดงเหมือนลูกมะเขือเทศสุกแล้วน่าแกล้งชะมัด ธัชกรแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าชีวิตของเขาเริ่มมีชีวิตชีวาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไหนลองเรียกสิ”
“พะ พี่กร” กวินตราเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา
“อะไรนะพี่ไม่ได้ยินเลย”
“พี่กร พี่กร พอใจหรือยัง พี่ออกไปจากห้องฉันได้แล้วค่ะ”
“ได้สิน้องสาว พี่จะออกไปเดี๋ยวนี้”
ได้แกล้งคนตัวเล็กสมใจแล้วเขาก็เดินออกกลับห้องไปเพื่อเปลี่ยนชุด วันนี้เขามีนัดกับน้องสาวตัวแสบว่าจะไปซื้อของมาจัดงานวันเกิดกับสองแฝดตอนสาย ๆ จึงถือโอกาสหยุดงานไปด้วยเลย คนงานส่วนใหญ่ก็จะหยุดงานกันเพื่อรอมางานเลี้ยงในคืนนี้
เมธาวีนั่งป้อนข้าวหลานอยู่ที่โต๊ะเห็นกวินตราเดินลงมา เธอยิ้มต้อนรับขณะที่อีกฝ่ายเดินมานั่งเงียบ ๆ ราวกับคนที่ไปทำอะไรผิดมาสักอย่าง
“เมื่อคืนหลับสบายมั้ย”
กวินตราสะดุ้งขณะที่มองหน้า ส่วนเพื่อนก็มองเธอด้วยอารมณ์ปกติ กวินตราเลิ่กลั่กแล้วตอบไปแบบติดขัดเพราะเธอเป็นคนที่โกหกไม่เก่ง บอกให้ธัชกรไม่บอกใครเรื่องเมื่อคืนแต่เธอกลับทำมันโป๊ะเองเสียอย่างนั้น
“ก็หลับที่ห้องปกติไม่ใช่หรือไง ถามอะไรแปลก ๆ นะเรา”
กวินตรามองคนที่เดินลงมาด้วยชุดแปลกตา วันนี้เขาแต่งตัวแปลกไปกว่าทุกวัน กางเกงยีนสีอ่อนรัดรูปกับเสื้อยืดสีดำพอดีตัวและเสื้อหนังสีดำเข้ากับผมที่เซตอย่างดี เดินตรงมานั่งข้าง ๆ เธอ กลิ่นน้ำหอมของเขาทำให้กวินตราถึงกับต้องเบือนหน้าหนีเพื่อเก็บอาการ
“นี่เราไม่แต่งตัวเหรอ” ธัชกรหันไปเจอน้องสาวที่ใส่ชุดอยู่บ้านทั้งที่นัดกันแล้ว
“อ้อ ลืมบอกไปเลยคือหนูมีคุยงานกับลูกค้าน่ะ ไปด้วยไม่ได้แล้ว” เมธาวีบอกพี่ชายที่ตอนนี้ขมวดคิ้วเตรียมดุ เธอจึงรีบเอาตัวรอดเสนอเพื่อนสาวที่หยุดงานให้ไปแทน
“นี่ไงพี่ก็พามินไปด้วย พาไปเปิดหูเปิดตาบ้าง พี่ใช้งานเพื่อนน้องหนักเกินไปแล้วนะคะ”
“พี่ใช้งานเราหนักเกินไปเหรอ” วันนี้ธัชกรดูเด็กลงกว่าตอนทำงานเยอะเลย ทั้งยังกระฉับกระเฉงกว่าครั้งแรกที่เจอกันเสียอีก กวินตราตามสองพี่น้องนี้แทบไม่ทัน
“คะ”
“ไปเถอะไปแต่งตัว เอาสวย ๆ นะ ดูสิพี่เล่นแต่งตัวมาซะเวอร์ กดดันเพื่อนหนูมากเลยนะ”
“พี่เนี่ยนะ”
“ไปเถอะ ฉันช่วยเลือกชุด”
เมธาวีรีบพากวินตราหนีก่อนตัวเองจะถูกธัชกรบ่น ก่อนเดินไปก็ไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่พี่ชายอย่างทะเล้น ครู่เดียวเมธาวีก็ลงมาพร้อมกับกวินตรา เดรสสีอ่อนความยาวเลยเข่า รัดรูปช่วงบนแต่กระโปรงพลิ้ว ผมยาวสวยถูกจัดลอนคลาย ๆ ทั้งยังแต่งหน้าจนหวานหยดทำเอาคนที่นั่งอยู่ถึงกับมองตาค้าง
“คุณกวินตราสวยมากเลยค่ะ” พี่เลี้ยงที่อยู่กับเด็ก ๆ มาตลอดปกติเห็นแค่กวินตราใส่แต่ยีนส์และเสื้อยืด วันนี้ได้เห็นเธอแต่งแบบอื่นบ้างก็แปลกตาไปไม่น้อย
“สวยใช่มั้ยพี่กร จะจีบเลยปะ...มองขนาดนี้” เมธาวีแซวพี่ชายที่มองไม่พอยังอ้าปากค้างอีก
“นี่เม!” แซวพี่แต่คนเขินกลับเป็นอีกคนเสียอย่างนั้น
“ล้อเล่นน่า ไปได้แล้วทั้งสองคนไม่ต้องห่วงเจ้าสองแสบ ทำงานเสร็จหนูดูให้นะ”
เมธาวีเดินมาส่งธัชกรและเพื่อนสาวให้ขึ้นรถกระบะคันใหญ่ดุดันออกไปด้วยกัน เธอยืนมองอย่างภูมิใจในผลงานการชงของตัวเอง
ขณะที่รถกระบะคันใหญ่เลี้ยวออกจากประตูรั้วหน้าไร่ไปได้ไม่นาน ก่อนเธอจะเดินเข้าบ้านเก๋งสีขาวคันหนึ่งก็ขับมาจอดที่หน้าบ้าน เธอจำรถคันนี้ได้แม่นจึงได้รอคุยกับเจ้าของ
เรียวขางามก้าวลงจากรถ ส้นสูงสีแดงแตะพื้นก่อนที่ร่างอรชรในชุดเดรสสีขาว ดวงตาคมเฉี่ยวถูกปิดเอาไว้ด้วยแว่นดำราคาแพง ริมฝีปากถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดง เธอเบ้ปากทันทีเมื่อเจอว่าใครที่ออกมาต้อนรับเธอ เป็นน้องสาวอดีตสามีนี่เอง เธอเกลียดยัยเด็กนี่เข้าไส้ ชอบจัดแจงไม่เข้าเรื่องจนน่ารำคาญ
แต่ถึงแม้จะไม่ชอบแค่ไหนชัญญาก็ต้องฝืนยิ้มให้หญิงสาวที่อ่อนกว่าตัวเองสองปี เพราะคนที่เธออยากจะมาหาไม่ใช่เมธาวีแต่เป็นอดีตสามีของเธอต่างหาก ได้ข่าวว่าช่วงนี้ธุรกิจโฮมสเตย์ของเขาไปได้ดี ทั้งยังเป็นไวรัลในโซเชียลทำให้มีคนจองคิวถึงปลายปีหน้า
อดีตสามีได้ดิบได้ดีขนาดนี้เธอจึงใช้โอกาสนี้มาเยี่ยมเยือนเขาเสียหน่อย
“มาทำไมคะ” เมธาวีเอ่ยทักอดีตพี่สะใภ้
“ไม่ได้มาหาเธอก็แล้วกัน กรล่ะ”
“อยากรู้ไปทำไมคะ”
“ไม่อยู่ใช่มั้ย งั้นพี่จะเข้าไปรอในบ้าน สองแฝดตื่นหรือยัง”
ชัญญาจะเดินเข้าไปหาลูกที่เธอคลอดมากับมือในบ้านแต่กลับถูกน้องสาวของสามีเข้ามาขวางเอาไว้
“กลับไปเถอะค่ะ ชีวิตพี่กรกำลังดีพี่อย่ามาก่อกวนพี่กรอีกเลย”
“ทำไม กรมีเมียใหม่แล้วเหรอ เมียเก่าแบบพี่ถึงจะมาเจอเขาไม่
ได้...”