“มินมาทำงานกับพี่กรมาเป็นอาทิตย์แล้วอะ ตัวคิดว่าพี่กรเป็นไง”
เมธาวีถามเพื่อนสาวที่กำลังนอนแปะแผ่นมาสก์หน้าข้าง ๆ แล้วอ่านหนังสือไปพลาง ซึ่งสมัยเรียนพวกเธอทำแบบนี้กันบ่อย ชวนกันมาผ่อนคลาย อ่านหนังสือทำสวยแล้วก็นอนคุยกันไปเรื่อยกับเรื่องของผู้หญิง
“อืม ก็ดูเป็นคนดีนะ สุภาพแล้วก็ดูแลดีด้วย” กวินตราบอกเพื่อนรักไปตามที่เห็น
เมธาวีที่ได้ยินเพื่อนของเธอพูดถึงพี่ชายแบบนั้นก็พลิกตัวจนกวินตราต้องลุกมานั่งให้เธอจ้องหน้าเลย
“แล้วชอบปะ”
พอถามถึงเรื่องนี้แก้มที่อยู่ภายใต้แผ่นมาส์กก็ร้อนผ่าวขึ้นมา แขนขาเริ่มชา กวินตราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาธัชกรทำให้เธอหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย ด้วยท่าทีสุภาพบุรุษของเขาและความอ่อนโยนคอยเอาใจใส่ ต่อให้เป็นคนอื่นก็คงต้องหวั่นไหวเช่นเธอบ้างแหละ
“ไม่รู้สิ”
“อ้าวทำไมละ นี่อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายวันได้คุยกันบ้างปะ”
“อืม ก็คุยนะ เรื่องงานน่ะทำไมเหรอ”
“โอ้ย ไม่ใช่เรื่องนั้น หมายถึงเรื่องอื่นน่ะ”
“เรื่องอื่น เรื่องอะไร” กวินตรามองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจแล้ววางหนังสือที่ตัวเองอ่านอยู่ลงข้าง ๆ ก่อนจะดึงแผ่นมาส์กเปียกแฉะออกจากหน้าแล้วใช้มือตบเบา ๆ เพื่อให้เซรั่มที่เหลืออยู่ซึมเข้าผิว
“หัวใจไง หัวใจนี่เค้าไม่ติดเลยนะเอาจริง ๆ ถ้ามินจะเปิดใจให้พี่กรอะ”
“หา จะบ้าเหรอ มินพึ่งรู้จักคุณกรเองนะ อีกอย่าง...เขาไม่ชอบเราหรอก”
หลายวันมานี้แม้กวินตราจะมีความรู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้างเพราะความเอาใจใส่ของธัชกรทว่าที่ผ่านมาเธอเห็นเขาก็เป็นคนเช่นนี้ เอาใจใส่และดีกับทุกคนเธอจึงไม่แน่ใจและไม่อยากหวั่นไหวเพราะเขาทำดีให้แบบที่เคยทำกับทุกคน ดูอย่างภรรยาเก่า เขาดีขนาดนี้ สร้างภูเขาเอาไว้ชมวิวท้ายสวนส่วนตัวให้
ความเอาใจใส่เพียงเล็กน้อยที่ทำให้เธอคงไม่อาจนับได้ว่าธัชกรชอบเธอละมั้ง
“หื้ม น้อยไปน่ะสิ นี่มินรู้หรือเปล่าตั้งแต่พี่กรเลิกรากับแม่ของเจ้าเเฝดไปนะเราไม่เคยเห็นพี่กรเข้าใกล้ผู้หญิงที่ไหนขนาดนี้เลย เมว่าพี่กรชอบมินแล้วแหง”
“ไม่มั้ง ก็ต้องทำงานด้วยกันนี่นา”
“พอแล้วเลิกเถียง ชอบหรือเปล่าเดี๋ยวก็รู้” รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมายของเมธาวีทำให้กวินตรารู้สึกขนลุก พอเพื่อนรักของเธอยิ้มแบบนี้ทีไรเป็นต้องมีแผนทุกที
ณ แคมป์คนงานที่โฮมสเตย์ ปกติกวินตราต้องตามธัชกรมาดูงานสองที่ประจำ ช่วงเช้าจะไปตรวจงานที่ไร่ส้ม ช่วงนี้ผลผลิตเริ่มออกต้องระวังเป็นพิเศษไม่ให้ดอกมันร่วงเยอะ และต้นไหนมีดอกไม้ต้องไปควบคุมเพื่อให้ผลที่เกิดออกมาตรงตามมาตรฐานที่กำหนดนี่คือหน้าที่ของกวินตราที่ต้องคอยดู
ตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานก็ผ่านมาสามเดือนแล้ว ธัชกรสอนงานให้เธออย่างใจเย็นทั้งยังชมว่าเธอหัวไวบอกแป๊บเดียวก็ทำตามได้แล้ว
พอตกบ่ายโมงธัชกรจะพาเธอขับรถมาที่โฮมสเตย์ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ไร่ส้มบางที่ได้ถูกปลูกเอาไว้ให้แขกที่มาพักแวะเก็บและถ่ายรูปกลายเป็นจุดเช็กอินเป็นจุดขายของโฮมสเตย์ทำให้คนรู้จักมากขึ้น แนวคิดนี้กวินตราเป็นคนเสนอธัชกร ซึ่งเขาก็เห็นด้วย พอรู้ว่าผลตอบรับดีเขาจึงชมเธอเสียยกใหญ่
“คุณกวินตราวันนี้อยากทานอะไรคะป้าจะทำให้ทาน” แม่บ้านคนงานเดินมาถามกวินตราที่นั่งดูเอกสารที่เปลตัวโปรดของเธอ ขณะที่ธัชกรออกไปดูหน้างานเพื่อเตรียมขยายพื้นที่กับคนงาน
“อืม หนูว่าวันนี้ขออะไรแซ่บ ๆ หน่อยก็ดีค่ะ อ้อขอแกงผักไม่เผ็ดสักอย่างนะคะ ช่วงนี้คุณธัชกรดูปวดท้องบ่อยไม่รู้เป็นเพราะกินข้าวไม่ตรงเวลาหรือเปล่า”
กวินตราพูดจบแม่บ้านวัยห้าสิบก็ยิ้ม “แหม ดูคุณกวินตราใส่ใจนายหัวดีจังเลยนะคะ ป้าละแอบคิดว่าอยากให้ทั้งสองลงเอยกัน ไร่ของเราจะได้ครึกครื้นมีงานมงคลกับเขาสักที นายหัวเนี่ยเมื่อก่อนเอาแต่เคร่งเครียดทำงานไม่สดใสเลย แต่ตั้งแต่...”
“นินทาอะไรผมกันอยู่เหรอครับ” เสียงเจ้าของชื่อดังขึ้นด้านหลังของป้าแม่บ้าน ทำเอาเธอสะดุ้งก่อนจะบอกไม่มีอะไรแล้วรีบเดินหนีไป
ธัชกรเดินมานั่งที่เปลใกล้ ๆ กวินตรา เธอสังเกตเขาที่จับท้องตัวเองก่อนจะทำหน้ายู่
“ปวดท้องอีกแล้วเหรอคะ”
“นิดหน่อยครับ น่าจะเพราะหิวข้าว”
“ระวังเป็นโรคกะเพาะนะคะ วันนี้ฉันให้ป้าทำแกงผักไม่เผ็ดมาให้ คุณรอทานก่อนนะคะค่อยไปทำงานต่อ”
พูดจบใบหน้าหวานก็หันกลับไปจ้องมองกระดาษตรงหน้าของตัวเองต่อ ธัชกรมองหญิงสาวแล้วลอบยิ้ม รู้สึกเขาจะชอบเมื่อถูกหญิงสาวเอาใจใส่เป็นพิเศษแบบนี้
เมื่อกลับมาจากทำงานเมธาวีวิ่งเข้ามาหาทั้งคู่บอกว่านทีจู่ ๆ ก็ตัวร้อน แล้วตอนนี้เธอกำลังทำงานอยู่อีกสิบนาทีจะต้องเข้าประชุมเธอจะดูแลรพีให้ ขอให้ทั้งสองพานทีไปหาหมอในเมืองก่อน กวินตราจึงอาสาพาเด็กทั้งสองไปหาหมอเป็นเพื่อนธัชกร เด็กน้อยนอนเพ้อในอ้อมแขนของกวินตรา
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเธอผูกพันกับเด็กแฝดทั้งสองไม่น้อยเพราะต้องช่วยเพื่อนรักดูแลและเล่นด้วยกัน เมธาวีบอกพักหลังมานี้เด็กน้อยไม่ได้ร้องงอแงถึงแม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แทบจะไม่มีร้องเลย หลับง่ายมากตั้งแต่มีกวินตรามาคอยดูแลพวกเขา
“ตัวร้อนมากเลยค่ะ” กวินตราคลำหน้าผากเด็กน้อยแล้วกระชับกอดเขาแน่นด้วยความสงสาร
“แผ่นลดไข้อยู่ที่ลิ้นชักครับ”
เมื่อเปิดดูก็พบว่ามีอยู่จริง ๆ หลายอันด้วย กวินตราไม่ได้สงสัยก็แกะแล้วแปะแผ่นเย็นที่หน้าผากเด็กน้อยทันที ขับรถไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กระทั่งเด็กน้อยหลับไปแล้วก็ถึงโรงพยาบาลในตัวเมือง กวินตราส่งนทีให้ธัชกรแล้ววิ่งตามเข้าไปพร้อมกระเป๋าเอกสาร
ขอเชิญคุณพ่อคุณแม่รอข้างนอกนะคะ
“เอ่อ...” กวินตรามองธัชกรขณะที่เขาหันมามองเธอแล้วยิ้มให้เช่นกัน
“วันนี้เป็นแม่ให้ลูกผมสักวันนะ”
กวินตราไม่ตอบแค่ก้มหน้าลงกลัวว่าเขาจะเห็นว่าเธอเขินจนหน้าแดงไปแล้วตอนนี้
รอหมอตรวจไม่นานพวกเขาก็ได้เข้าไปเยี่ยม หมอบอกว่าน่าจะแค่ไข้ปกติไม่ได้ร้ายแรงอะไร ให้น้ำเกลือสักขวดก็กลับได้แล้ว กวินตรานั่งเฝ้าไข้เด็กน้อยอยู่ข้างเตียงด้วยความเหนื่อยก็เผลอหลับไป ส่วนธัชกรลงไปซื้อน้ำมาให้กวินตรา ตั้งแต่บ่ายยังไม่ได้กินอะไรน่าจะหิว แต่พอขึ้นมาก็เจอกวินตราฟุบหลับข้างเตียงลูกชายของตนแล้ว
ชายหนุ่มเดินอ้อมมาอีกฝั่ง เขานั่งลงข้าง ๆ มองใบหน้าที่ไร้เดียงสาของหญิงสาวเวลาที่นอนหลับ เอื้อมมือไปจับแก้มเนียนเบา ๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวเขาจึงชักมือออกอย่างไว
“กลับมาแล้วเหรอคะ” กวินตรางัวเงียลุกขึ้นมองธัชกรที่กำลังยื่นน้ำกับขนมปังมาให้เธอ
“คุณทานหรือยังคะ”
“ไว้กลับไปกินที่บ้าน”
“ถ้างั้นไว้กินพร้อมกันก็ได้ค่ะ”
“แต่ว่า...”
“พ่อครับ” เสียงเด็กน้อยตื่นขึ้นทำให้ความสนใจของผู้ใหญ่ทั้งสองพุ่งไปที่เด็กน้อยคนเดียว
กวินตราเรียกหมอให้มาตรวจอีกครั้งก่อนหมอจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ ตั้งแต่ตอนนั้นกว่าจะได้กลับก็สี่ทุ่มแล้ว ขับรถจากในเมืองมาที่ไร่ก็ครึ่งชั่วโมง
กวินตรากอดร่างเล็ก ๆ ของเด็กน้อยเอาไว้แน่นขณะที่เธอเองก็หลับไปแล้วเช่นกัน พอถึงบ้านธัชกรปลุกทั้งคู่เท่าไหร่ก็ไม่ตื่น คนหนึ่งน่าจะหลับเพราะฤทธิ์ยา ส่วนอีกคนก็คงหลับเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน
ธัชกรเดินอ้อมไปทางเบาะคนข้าง ๆ เปิดประตูแล้วอุ้มสองคนลงมาพร้อมกัน กวินตราพอถูกกวนเธอขยับตัวซบที่อกของธัชกรอย่างเป็นธรรมชาติขณะที่มือยังกอดนทีเอาไว้แน่น
เมธาวีได้ยินเสียงก็เดินมารับ พอเห็นพี่ชายอุ้มเพื่อนรักเข้ามาถึงกับตาโต ธัชกรส่งสัญญาณไม่ให้ถามตอนนี้ ทว่าเขากลับให้น้องสาวมาอุ้มลูกชายของเขาไป ส่วนตัวเขาพากวินตรากลับมานอนที่ห้องแล้วส่งลูกชายให้น้องสาวพาไปนอนแทน
ร่างบางถูกบรรจงวางลงบนเตียงแสนนุ่ม แขนเล็ก ๆ กอดคอของชายหนุ่มแน่นไม่ยอมปล่อยกระทั่งดึงจนเขาเสียหลักล้มทับเป็นจังหวะที่เมธาวีเดินมาเพื่อจะดูเพื่อน พอดีเห็นเข้าก็รีบปิดประตูให้ทั้งคู่ด้วยความเบามือ
“นี่จะตามทำไมนักหนาเนี่ย” เมธาวีก้าวขาให้สูงพอให้พ้นจากความสูงของหญ้าที่คนงานยังไม่ทันได้เข้ามาตัดเพื่อหนีแขกของเพื่อนสนิทที่เอาแต่เดินตามเธอไม่หยุด“พี่จะไปไหนล่ะ”“อย่ามาเรียกฉันพี่นะ ฉันเป็นลูกคนเล็กและอีกอย่างฉันไม่อยากมีน้องชายแบบนาย”“ครับไม่ให้เรียกพี่งั้นผมเรียกป้านะ”“ใครป้านาย นี่จะกวนประสาทฉันไปถึงไหน ตั้งแต่มาแล้วนะ” เมธาวีพูดจบก็กำลังจะเดินหนีทว่ากลับก้าวไม่ระวังหลุมดินที่คนงานขุดเอาไว้ระบายน้ำเธอจึงเหยียบเข้าไปเต็มแรง โชคดีที่ณัฐชัยมือไวจึงคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ทัน จึงทำให้อีกคนค้างเติ่งอยู่ในท่ายืนขาเดียว“นี่จะทำอะไร ลวนลามฉันเหรอ ว๊ายยย...ไอ้บ้า ปล่อยทำไมยะ”ทันทีที่อ้าปากด่าคนที่ช่วยเธอเอาไว้ก่อนหน้า คนตัวสูงก็ทำมึนก่อนจะปล่อยมือทันทีจนทำให้อีกคนล้มสะโพกกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บตัวก็อีกส่วนแต่เรื่องที่ปล่อยมือจนทำให้เธอล้ม เธอต้องเอาเรื่องเขาให้ได้ทว่าแค่จะลุกยังทำไม่ได้เพราะปวดที่ข้อเท้า“ก็คุณบอกผมจะลวนลาม”“โอ๊ย” เ
หลังจากที่ได้นอนเต็มอิ่มทนายหนุ่มก็ยกนาฬิกาตรงข้อมือมาดูพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว ชายหนุ่มตัดสินใจไม่นอนต่อ ใช้ฝ่ามือตบแก้มของตัวเองเบา ๆ สองสามทีก่อนจะดีดตัวลุกจากที่นอน ณัฐชัยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง ตั้งแต่ทำงานก็จำแทบไม่ได้แล้วว่าตัวเองไปพักผ่อนสูดอากาศที่ดีแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ชายหนุ่มพาร่างที่ยังไม่ตื่นดีลุกแล้วเดินออกไปริมระเบียง คิดในใจแม้ว่าเขามาที่นี่เพราะอยากจะทำให้พี่ชายกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าก็เถอะ แต่ว่าผู้ชายคนใหม่ของอดีตว่าที่พี่สะใภ้เป็นคนยังไงกันถึงได้ถูกใจกวินตราได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว“อ๊า” ณัฐชัยยืนตัวตรงยกแขนเหยียดขึ้นจนสุดพลางสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางหุบเขาเข้าปอดจนเต็มจะว่าไปนายธัชกรอะไรนั่นก็ไม่ใช่คนที่ขี้เหนียวตระหนี่แถมยังมีความสามารถ แม้ว่าที่ผ่านมาจะเคยมีครอบครัวไปแล้วก็เถอะ แต่ว่าภายในระยะเวลาอันสั้นหมอนั่นใช้ความสามารถบริหารธุรกิจโฮมสเตย์จากศูนย์จนมีชื่อเสียงขนาดนี้นับว่ามีความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียวตาคมมองไปรอบ ๆ ที่เขาพักอยู่ บ้านเดี่ยวเป็นส่วนตัวมีวิวสวนส้ม พี่ชายของเขาก็พักอยู่อีกห้องซึ่
“นี่ตัวบอกนายดินเรื่องพี่กรเหรอ ทำไมละ”เมธาวีแทบปรี้ดแตกเมื่อได้ยินเพื่อนรักพูดถึงรักเก่าที่เคยทำเพื่อนของเธอเจ็บแสบแล้วเขายังจะมาที่นี่พร้อมกับน้องชายในอีกสองวันข้างหน้า เพื่อมาฟ้องอดีตพี่สะใภ้เพื่อหาทางเอาหลานทั้งสองคืนมา ถึงอย่างนั้นเมธาวีก็ไม่อาจเห็นแก่ตัวให้เพื่อนรักกลับไปพัวพันกับรักครั้งก่อนที่เฮงซวยแบบนั้นได้“ไม่ได้ ฉันไม่ยอม นี่เราหาทางอื่นก็ได้นะไม่ต้องให้พวกเขามา ฉันอุตส่าห์พาเธอหนีมาตั้งไกลจะให้ตามมาอีก”กวินตรารู้ถึงความหวังดีจากเพื่อนของเธอ ทว่าเรื่องนี้มันเร่งด่วนจริง ๆ เพราะเธอไม่อาจปล่อยให้ธัชกรตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ได้“เฮ้อ ช่างเถอะฉันว่าอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้วนี่”“ไม่เอาน่า ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดอะไรกับดินแล้ว จริง ๆ” เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนรักเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด กวินตราก็ยกมือขึ้นชูนิ้วสาบานทันที“ก็ได้ เอางี้ฉันจะให้คนงานไปเตรียมห้องที่โฮมสเตย์ ฉันเห็นความสัมพันธ์ของเธอกับพี่กรไปได้ด้วยดีก็ไม่อยากจะให้อะไรมาทำให้มันสั่นคลอน ในฐานะเพื่อนฉันอยากให้เธอได้เจอคนดี ๆ
พอเห็นว่ารถขับออกไปกวินตราที่แอบดูอยู่ก็เดินเข้ามา เธอนั่งลงข้าง ๆ ธัชกรก่อนจะกอดเขาเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าเธอนั้นจะพึ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานแต่กวินตาก็รู้ดีกว่าทั้งเรื่องโฮมสเตย์และเรื่องลูกธัชกรทุ่มเทกับสองสิ่งนี้มากแค่ไหน ชีวิตของลูกใครจะไม่เป็นห่วง แล้วยังมีชีวิตและปากท้องของคนงานที่โฮมสเตย์ กวินตราเข้าใจดีที่เขาไม่อาจตัดสินใจโดยไม่ไตร่ตรอง“ผมโง่ใช่มั้ย” ธัชกรซบหญิงสาวแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย“คุณไม่ได้โง่เลยค่ะ คุณเป็นคนดีฉันรู้”จบประโยคนั้นชายหนุ่มโผเข้ากอดกวินตราแน่นท่ามกลางสายตาของคนงานที่มองพ่อเลี้ยงของพวกเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร เมธาวีอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ เธอเข้าไปกอดพี่ชายของเธอเอาไว้แน่นเธอผิดเองที่ตอนนั้นไม่ได้ห้ามพี่ชายของเธอในวันที่หย่า หากวันนั้นเธอใจแข็งบังคับให้ชัญญาเซ็นสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับลูกอีก วันนี้เธอคงเรียกตำรวจมาลากผู้หญิงนิสัยต่ำช้าคนนี้ไปเข้าคุกเรียบร้อยแล้วธัชกรก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร เขานั่งเงียบ ๆ คนเดียวอยู่ในห้องทำงาน งานเลี้ยงที่เตรียมไว้สำหรับสองแฝดเป็นต้องยกเลิกไ
เปลือกตาบางสะท้านแสงจ้าด้านนอก เสียงเครือเพราะความเหนื่อยล้าเนื่องจากชายผู้กินไม่รู้จักอิ่มกวนเธอทั้งคืน กว่าจะได้นอนก็เกือบจะเช้า พอนึกเหตุการณ์สุดสยิวเมื่อคืนความปวดหน่วงที่ท้องน้อยจึงเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุย กวินตราพลิกตัวเพื่อจะเปลี่ยนท่านอนกลับพบว่าข้าง ๆ มีใบหน้าอันหล่อเหล่านอนกอดเธออยู่“คุณคะ”“อือ บอกแล้วไงเรียกพี่ เรียกคุณอีกคำเดียวพี่จับกินอีกวันนี้ไม่ต้องออกไปไหนเลย”กวินตรากลืนน้ำลายหนืดลงคอเพราะรู้ว่าเขาจะทำจริงแน่ เมื่อคืนเพราะอยากจะหาเรื่องมีอะไรกับเธอหลายต่อหลายรอบธัชกรจึงใช้ข้ออ้างที่เธอเผลอเรียกเขาคุณไปคำหนึ่งเพื่อลงโทษเธอเหลี่ยมจัดจริง ๆ คนบ้านนี้กวินตราคิดในใจเนื่องจากรู้นิสัยของเพื่อนรักดี เหมือนพี่ชายเธอไม่มีผิด เจ้าความคิดจอมวางแผน“วันนี้มีงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอคะ เราจะไปสายนะ” เป็นวันที่ไร่และโฮมสเตย์ปิดเพราะวันนี้มีงานเลี้ยงวันเกิดของสองแฝดครบสามขวบและเลี้ยงคนงานไปเลยในวันเดียว“อือ เดี๋ยวค่อยไปพวกเขาจัดงานอยู่ นอนต่ออีกหน่อยนะพี่ง่วงมาก เพลียด้วย ปวดเอวอีกต
ร่างบางถูกดันจนขาของเธอสะดุดเข้ากับเตียงจนตัวล้มลงบนที่นอน เมื่อกระเด้งขึ้นมาก็ถูกมือหนาจับตัวยกขึ้นจนเธอไปนอนตรงกลางเตียงทันที ริมฝีปากบางถูกครอบครองอีกครั้งโดยชายหนุ่มที่ร้างสัมพันธ์สวาทมานาน ความหอมหวานนี้เขาไม่แน่ใจว่าตนเองเลิกสนใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่“อือ”เสียงครางแผ่วเบาเมื่อริมฝีปากของกวินตราถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ทว่าแค่ไม่กี่วิก็กลับถูกต้อนอีกครั้ง ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากควานหาความหวานจนทั้งคู่เริ่มรู้สึกวูบวาบขึ้นมาทั่วร่าง กวินตรายกมือขึ้นถอดเสื้อยืดที่อีกคนใส่อยู่ มัดกล้ามเป็นลอนสะท้อนแสงไฟจากด้านนอก สันกรามเป็นเส้นปูดโปนทำเอาหัวใจของเธอเริ่มสั่นคลอนอยู่ไม่สุข“อ้า”กวินตราพึ่งรับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาลให้ตัวของเธอที่กำลังจะปะทุ เมื่อเขาเริ่มจัดการถอดเสื้อผ้าของเธอออกจนหมด ริมฝีปากอุ่นไล่จูบไปตามเรือนร่างบอบบาง ชั้นในสีหวานถูกปลดออกไปอย่างง่ายดายด้วยมือของเขาเพียงข้างเดียว หน้าอกหน้าใจที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้การแต่งตัวแสนธรรมดามานาน วันนี้ธัชกรพึ่งได้รู้ว่าหญิงสาวนั้นซ่อนรูปงดงามขนาดนี้เอาไว้เพียงใด“ไม่เสีย