บทที่ 8
...
‘ความรู้สึกอึดอัดนี้มันคืออะไรเนี่ย แล้วทำไมคุณราชันย์ต้องมายืนทำหน้ายักษ์จ้องเขม็งแบบนี้ด้วย ไม่เห็นจะเข้าใจเลย’
เธอลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินไปห้องน้ำ เพราะเริ่มจะรับไม่ไหวกับบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ ทันทีที่เธอลุกขึ้นนั้น สายตาดุ ๆ ก็หันขวับมาจ้องเธอทันที ทำให้กอหญ้าได้แต่ลุกขึ้นมายืนนิ่ง ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขาออกจากตรงนั้น
“จะไปไหน”
“ไปห้องน้ำค่ะ”
“ไปสิ”
ทันทีที่เธอได้ยินการอนุญาตจากบุคคลตรงหน้า เท้าน้อย ๆ ก็รีบก้าวฉับ ๆ ออกมาอย่างไม่คิดชีวิต เธอก้าวเท้าด้วยความเร็วเพื่อที่จะออกมาจากที่ตรงนั้นเดินตรงดิ่งมาที่ห้องน้ำหญิงที่อยู่ไม่ไกลมาก เมื่อเธอเข้ามาทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว มือน้อย ๆ ก็ควักมือถือออกมาเช็กนิดหน่อย ก็เห็นว่ามีข้อความจากปอร์เช่
เธอเดินออกจากห้องน้ำโดยที่มือของเธอก็ยังง่วนอยู่กับการตอบข้อความของเพื่อนสนิท ทันทีที่เธอเดินพ้นประตูห้องน้ำออกมาเล็กน้อยก็ต้องชะงักเท้าเล็ก ๆ เพราะสายตาที่จ้องมือถือนั้นเห็นเท้าของผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนขวางทางอยู่เบื้องหน้า กลิ่นน้ำหอมผู้ชายอ่อน ๆ นี้ไม่ผิดแน่ เธอเงยหน้าออกจากจอมือถือเล็กน้อยก็ต้องหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้มองหน้าเธอสลับกับมือถือในมือของเธอไปมาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
“คุยกับใคร”
“คือ..”
“ทำไมซื้อมือถือไม่บอกฉัน แล้วมีเงินหรอ”
“เอ่อ..”
“ฉันรอฟังอยู่”
“คุยกับเพื่อนค่ะ กอหญ้ายืมเงินเพื่อนมาซื้อ”
“แล้วทำไมไม่เคยบอกฉัน”
ก็ไม่รู้ว่าจะต้องตอบยังไงเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้โกหกเพราะปอร์เช่คือเพื่อนจริง ๆ แต่ก็เป็นผู้ชาย ไม่ตอบน่าจะปลอดภัยกว่า ถ้าตอบไม่ถูกใจเดี๋ยวมีเรื่องอีก
“ไปเถอะ หนังจะฉายแล้ว”
“ค่ะ”
เธอกดปิดเสียงมือถือยัดลงกระเป๋าตามเดิม ก่อนจะเดินตามเขามาที่หน้าโรงภาพยนตร์ที่มีพราวฟ้ากับมังกรยืนรออยู่แล้ว เมื่อพวกเรามาถึงทุกคนก็เดินเข้าไปในโรงทันที ที่นั่งทุกตัวเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย อาจเพราะหนังเรื่องนี้กำลังโด่งดังและเป็นที่น่าติดตามมาก เมื่อเรานั่งได้สักครู่หนังก็เริ่มฉายพอดี เธอจดจ่อกับการดูเรื่องนี้มาก แต่เมื่อผ่านไปได้ไม่นานอากาศเย็น ๆ กับความรู้สึกอ่อนเพลียที่วันนี้เดินซื้อของทั้งวัน ทำให้เธอรู้สึกง่วงนอนอย่างมาก มากเสียจนรู้สึกได้ว่าเธอไม่สามารถฝืนเปลือกตาให้ดูต่อได้
เวลาผ่านไปจนเมื่อหนังจบทุกคนทยอยออกจากโรงหนังกันไปจนหมด เหลือแค่พวกเขาสี่คนเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม พราวฟ้าและมังกรหันมามองกอหญ้ากับราชันย์ ครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกันเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้
“ปลุกน้องเถอะราชันย์ เราจะนั่งอยู่นี่ไปทั้งคืนหรือไง”
ราชันย์ไม่ตอบ ได้แต่หันมองกอหญ้าที่นอนหลับซบอยู่ที่ไหล่ราชันย์อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ราชันย์ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเขย่าเธอเล็กน้อยแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววว่าเธอจะตื่นขึ้นมา
“นอนต่อห้านาทีนะคะแม่”
ราชันย์อุ้มกอหญ้าขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที ที่คาดว่ายังไงเธอก็คงไม่ตื่นขึ้นมาง่าย ๆ ก่อนจะเดินออกมาจากโรง ตรงไปยังที่จอดรถที่พวกเขาจอดไว้ทันที
“ไปคนละคันละกัน เจอกันที่คอนโด”
“โอเค”
เขาอุ้มเธอมาวางบนที่นอนเบา ๆ ก่อนจะออกมาด้านนอก ยืนมองหน้าพราวฟ้านิ่ง ๆ ด้วยหัวคิ้วที่แทบจะชนกันอย่างไม่สบอารมณ์มาก ๆ
“ไม่ต้องมามองแบบนี้เลย ทำไม หวงน้องหรอ”
“ทำไมให้กอหญ้าแต่งตัวโป๊แบบนั้น”
“มันไม่โป๊ไหมราชันย์ นายอย่ามาเว่อร์ไปหน่อย ชุดนั้นเหมาะกับกอหญ้ามากไม่เห็นหรอ”
“ไอ้ราชันย์จะมาตาเขียวขู่ฟ่อ ๆ เหมือนหมาทำไม ไหนบอกว่ากอหญ้าไม่ได้สำคัญไง”
“ก็ไม่ได้สำคัญ แต่ไม่ชอบให้แต่งตัวไปล่อเสือล่อจระเข้ขี้เกียจตามเก็บกวาด”
“พอ ๆ ไปแยกย้าย วันนี้เรานอนนี่นะพราว เฮียขี้เกียจขับรถ”
“ดีเลยเฮีย พราวยังคุยกับกอหญ้าไม่พอเลย”
“แกก็ไปนอนได้แล้วราชันย์ ไปเฝ้าของเล่นไป ระวังของเล่นหาย”
“ห้องนอนเล็กยังไม่ได้เก็บกวาด แกไปจัดการเองแล้วกันนะไอ้พี่ชาย ไปนอนละ”
“ปากบอกไม่สนใจ ๆ แต่ห่างน้องไม่ได้เลยนะ”
กอหญ้าคลานขึ้นมาบนเตียงที่มีราชันย์นอนหน้ามุ่ยคอหักดั่งปลาทูแม่กลอง ก่อนจะมุดเข้าไปในผ้านวมผืนหนา มือเล็กลูบไล้ขาแกร่งของราชันย์อย่างเบามือ รับรู้ได้ว่าราชันย์เองก็เกร็งขาเป็นระยะ แต่ยังทำท่าทีไม่สนใจเมียเหมือนเดิมมือเล็กของกอหญ้าเลื่อนไปปลดเข็มขัดของเขาออก ปลดกระดุมกางเกงช้า ๆ รูดซิปออกก่อนจะดึงกางเกงของผู้ชายใต้ร่างของเธอออกอย่างง่ายดาย เหลือเพียงกางเกงในสีขาวแบรนด์ดังที่บัดนี้ปิดเจ้าโลกไว้ไม่มิดด้วยซ้ำ ราชันย์น้อยที่หัวเห็ดขนาดใหญ่โผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงใน ผงกหัวราวกับกำลังเชิญชวนให้เธอมาทำมิดีมิร้าย แต่เจ้าตัวกลับยังทำหน้ามุ่ยไม่สนใจ เพียงแค่ปลายนิ้วชี้ของเธอกระตุกทั้งกางเกงนอกกางเกงในของราชันย์ก็ถูกถอดออกโยนไปกองที่พื้นโดยที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่ขัดแม้แต่น้อยของเขามือเล็กของเธอกำเข้ากับเจ้าโลกที่ขยายเต็มที่ หัวเห็ดบานยั่วเย้าเหล่าแมลงมีน้ำหวานผุดออกมาจากปลายหัวเห็ดให้นิ้วชี้ของกอหญ้าได้ไล้วน สร้างความเสียวซ่านกระตุกถี่ กอหญ้าใช้ลิ้นอุ่น ๆ ไล้เลียไปที่หัวเห็ดบานจนทั่วยิ่งเธอวนรอบหัวมากเท่าไหร่ น้ำหวานที่ไหลเยิ้มก็ยิ่งผลิตออกมามากเท่านั้น ไล้เลียรอบหัวจนพอใจลิ้นของเธอก็ค่อย
“ค่ะเฮีย หญ้าได้ยินแล้ว เฮียดีใจเสียงดังไปแล้วค่ะ”“คุณแม่ฝากครรภ์เลยไหมคะ”“ฝากเลยค่ะ”“ได้เลยค่ะ”คนที่ดูจะตื่นเต้นสุดเหมือนจะเป็นผู้ชายข้าง ๆ มากกว่าเธอเสียอีก กอหญ้าที่เห็นราชันย์ดีใจมากก็ทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ เธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเด็กผู้หญิงที่ครอบครัวล้มละลาย จะได้มีครอบครัวที่มีความสุขขนาดนี้ ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดแต่จะรีบให้หมดเวลาสัญญา ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอตกหลุมรักเขาโดยที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่แม้แต่จะชายตามอง ผู้ชายที่เธอไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมายืนเคียงข้างเธอเป็นครอบครัวของเธอจริง ๆ“เฮีย”“ว่าไงจ๊ะเมียจ๋า”“หญ้ารักเฮียนะ”“เฮียก็รักหญ้า รักมาก ๆ รักที่สุดเลย”“แต่หญ้าเหม็นหน้าเฮียมากนะ”“…”“หญ้าว่าจนกว่าจะคลอด อยากให้เฮียอยู่ห่าง ๆ หญ้าหน่อยจะได้ไหมคะ”“แต่เฮียอะ..อยากอยู่กับหญ้าตลอดเวลาเลยจริง ๆ นะ”“อะแห่ม! เดี๋ยวเรื่องนั้นยังไงค่อยกลับไปตกลงกันเนอะ แต่ตอนนี้เรามาทำประวัติฝากครรภ์กันก่อนดีกว่าน๊า”ถึงแม้คุณหมอจะพูดแบบนั้น แต่แก้มหมอกลับยิ้มไม่หุบเมื่อเห็นความมุ้งมิ้งของสองสามีภรรยานี้ ยิ่งทำให้หมอยิ้มแก้มแทบปริ กอหญ้าเองก็ลืมตัวว่ายังอยู่ที่โรงพยาบาล ทำ
กอหญ้าไม่ได้พูดเล่น แต่เธอรู้สึกว่าราชันย์นั้นมีกลิ่นตัวที่ผิดจากปกติ เป็นกลิ่นที่เตะจมูกแบบแปลกกว่าที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ยังคงใช้แชมพูกลิ่นเดิม ครีมอาบน้ำกลิ่นเดิม และน้ำหอมก็ยังคงกลิ่นเดิม แต่สองสามวันมานี้เวลาเจอราชันย์กลับมีกลิ่นที่แปลกไป แต่เธอไม่กล้าพอที่จะบอกกับเขา กลัวว่าผู้เป็นสามีของตนจะน้อยใจแต่พอยิ่งเห็นเขา อาการเหม็นกลิ่นตัวเขาก็ยิ่งจุกในอกมากขึ้นจนบางครั้ง ก็อยากที่จะเดินหนีเขาให้พ้น ๆ ต่างกันกับราชันย์ที่มีความต้องการที่อยากจะคลอเคลียนัวเนียกับผู้เป็นภรรยาตลอดเวลา อยากอยู่ใกล้อยากเห็นหน้าตลอดเวลา อยากจะไปไหนมาไหนทำอะไรด้วย เขารู้สึกว่ากลิ่นกายของกอหญ้าหอมเป็นพิเศษ และเป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่รู้สึกคลื่นไส้เวลาพบเจอและเพียงแค่เขาออดอ้อนเมียได้ไม่นานนัก ความมวนท้องก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกจากหน้าห้องน้ำ ราชันย์ก็หันหลังตรงดิ่งเจ้าไปกอดคอชักโครกสุดที่รักเช่นเดิม กอหญ้าเองถึงแม้จะเห็นความทรมานของราชันย์ก็เถอะ แต่พอเธอจะก้าวขาเข้าไปลูบหลังก็ต้องชะงัก เพราะเมื่อเห็นหน้าราชันย์เธอเองกลับรู้สึกคลื่นไส้มาเสียอย่างนั้น
พิเศษ ตอนที่ 3...“หม่ำ หม่ำ”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเศษ ที่กำลังนั่งเก้าอี้รอกินข้าวอย่างใจจดใจจ่อ โดยที่เก้าอี้ข้างกันนั้นยังมีเด็กชายพี่น้องฝาแฝดที่ทำหน้านิ่งมองหน้าอลิซที มองหน้าผู้เป็นพ่อที และเด็กน้อยก็รอเพียงไม่นานผู้เป็นแม่อย่างกอหญ้าก็เดินมาพร้อมกับอาหารสีสันสดใสน่ารับประทานนำมาวางไว้ที่เก้าอี้ ส่งผลให้เด็กน้อยอารมณ์ดีอย่างอลิซปรบมือดีใจยกใหญ่“หม่ำ หม่ำ”“โอเค ข้าวมาแล้วลูกสาวป๊าจะได้กินข้าวแล้ว”“อาร์เดนหิวข้าวมั้ยลูก”“…”ไม่มีเสียงตอบรับจากลูกชายของเธอมีเพียงตาตาที่ดุราวกับเสือร้ายที่จดจ้องมองไปที่จานข้าวอย่างไม่ละสายตา ดูท่าทางแล้วเขาจะได้ลูกชายที่ค่อนข้างเงียบมากมาคนหนึ่งแน่นอน กอหญ้าไม่ลีลาให้ลูกต้องรอนาน เธอส่งสัญญาณให้ราชันย์เริ่มป้อนข้าวลูกได้ ถึงแม้อาร์เดนจะมีท่าทีไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่พอเธอป้อนข้าวให้ก็ไม่มีท่าทีว่าจะไม่ทาน ผ่านไปเพียงไม่นานข้าวผัดสีสันสดใสก็หมดเกลี้ยงจานทั้งคู่ สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก“หม่ำ”และยังคงเป็นเช่นนี้ อาร์เดนจะส่งเสียงร้องขอก็ต่อเมื่อเห็นจานผลไม้เท่านั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน ลูกชายของเขาแลดูจะชอบผลไม
“ยังเลย”“ทำไมเธอดูตื่นเต้นขนาดนี้”“ทำอย่างกับนายไม่ตื่นเต้น”“ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นะ”เพียงไม่นานประตูห้องคลอดก็ถูกเปิดออกโดยมีกลุ่มคุณหมอเดินออกมาสามสี่คน ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปหาคุณหมอทันที“คุณหมอคะ คนไข้ที่เพิ่งเข้าไปเป็นยังไงบ้างคะ คลอดหรือยังคะ”“คุณแม่ยังไม่คลอดนะคะ ปากมดลูกยังไม่เปิด”“เธอเป็นยังไงบ้างคะ”“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ แต่เบื้องต้นอายุครรภ์ยังไม่ถึงกำหนด คลอดออกมาเด็ก ๆ อาจจะต้องเข้าตู้อบก่อนนะคะ”“ขอบคุณมากค่ะ”เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงก็ไม่มีท่าทีว่าเธอจะคลอด ทั้งธันวาและเว่ยเอินเองก็สลับกันลุกนั่ง วนอยู่หน้าห้องคลอด และไม่มีท่าทีจะคลอดง่าย ๆ ยิ่งทำให้เว่ยอินและธันวารู้สึกกังวลเพิ่มขึ้น“ไอ้ธัน”“มาสักที”“กอหญ้าเป็นไงบ้าง นานแล้วนะยังไม่คลอดอีกหรอ”“ยังเลย”“คุณเป็นใครคะ”“อ่อ..คนนี้เว่ยเอินที่เคยเล่าให้ฟัง..ส่วนนี่ราชันย์”“สวัสดีครับ”ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทำความรู้จักกัน ก็มีกลุ่มคุณหมอสามสี่คนรีบวิ่งมาที่หน้าห้องคลอด ทำให้ราชันย์เองก็ตกใจไปด้วยเขาคว้าข้อมือของหมอผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้“เกิดอะไรขึ้นครับ”“คุณแม่มีภาวะครรภ์เป็นพิษครับ หมอขอตัวก่อนนะคร
เขาอุ้มกอหญ้าและเดินช้าๆ ให้เข้าไปนั่งรอในรถ ทางด้านเว่ยเอินเองเธอก็รีบวิ่งมาหอบหิ้วข้าวของอย่างพะรุงพะรังเข้าไปยัดไว้ในรถเช่นเดียวกัน ก่อนที่เธอกระโดดขึ้นรถด้วยความเร็วแสง เคาะเบาะรถเบา ๆ ให้ธันวานั้นขับรถออกไปอย่างรวดเร็วปลายทางคือโรงพยาบาล ถึงแม้โรงพยาบาลจะอยู่ไม่ไกลมากนักแต่ช่วงเวลานี้ รถบนท้องถนนย่อมมีมากกว่าปกติเพราะเป็นช่วงเวลาทำงานพอดีนั่นจึงทำให้รถของเขาที่กำลังจะมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลนั้นเกิดการล่าช้าอย่างช่วยไม่ได้ ธันวาที่พยายามเหยียบคันเร่งรถอย่างเต็มที่เพื่อให้ไปถึงโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด ก็ต้องฟันฝ่ากับอุปสรรคบนท้องถนน คนข้างๆ เขาเองก็ต้องฝ่าอุปสรรคความเจ็บปวดที่รู้สึกได้เลยว่ามดลูกกำลังบีบตัวลง และเวลาต่อมาก็ยิ่งทำให้เธอตกใจเข้าไปอีก เมื่อเธอรู้สึกว่าเบาะที่เธอนั่งนั้นตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน จะบอกว่าเธอฉี่แตกก็ไม่น่าจะใช่ เธอไม่รู้สึกเลยว่ามันไหลออกมาตอนไหน เมื่อรู้ตัวอีกทีมันก็เปียกชุ่มไปหมดแล้ว"น้ำเปียกเบาะหมดแล้ว""ห๊ะ! เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งคลอดนะ บนรถอันตราย""คุณธันวาขับเร็วกว่านี้ได้ไหม เห็นไหมพี่หญ้าหน้าซีดหมดแล้ว""ฉันก็กำลังรีบอยู่"ใ