ห้องนอน
"เสี่ยคะ !"
เสียงออดอ้อนแหบผร่าดังสะท้อนในห้องกระจกอย่างแผ่วเบา พร้อมกับมือเรียวเคาะบานกระจกอย่างจงใจ เธอตั้งใจสร้างแรงเย้ายวน เกาะกุมยึดใจ ยากที่จะลืมไม่ลง
ดวงหน้าคมคายริมฝีปากแดงสดแนบชิดแผ่นกระจกใส หลังเปลือยเปล่านวลเนียนโน้มเข้าหา ผู้ที่อบอวลไปด้วยความแข็งแกร่ง อย่างศิโรราบ มอบกายให้เขาอย่างไร้ข้อแม้
หยดไอน้ำจากฝักบัวสั่นไหวค่อย ๆ จางเลือนหายไปภายใต้ภาพเคลื่อนไหวที่เร่าร้อนขึ้นเรื่อย
อ้อมแขนแกร่งตักตวงใช้งานมันอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เพราะเป็นเพียงสินค้าอย่างหนึ่งเท่านั้นที่เขาใช้เงินซื้อมา
ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่ความหลง มีเพียงลมหายใจร้อนผ่าว กับเสียงกระซิบที่ไร้ความหมาย
สำหรับเธอความยากจนทำให้เธอได้เลือกเส้นทางนี้
ในค่ำคืนนี้เป็นทั้งค่าตอบแทนและเดิมพัน...ที่อาจจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
หากเธอสามารถจับใจเขาได้ เขาคือทางรอดสุดท้ายสำหรับการที่เธอไม่ต้องนอนกับใครต่อใครอีก
เธอจะได้เป็นคนของเขา
แต่ทว่าสำหรับเขาแล้ว เธอคือของปลอมที่ซื้อมาเพื่อกลบร่องรอยของแท้ในยามหัวใจของเขาว่างเปล่า
และตำแหน่งภรรยา ข้างกายนี้เขาไม่ต้องการมอบให้อีกทั้งนั้น
...
เมฆเคลื่อนผ่านลอยไป ท้องฟ้ายามค่ำคืนนี้จากมืดมิดกลับแจ่มแจ้งเด่นชัดแต่กระนั้น ถึงท้องฟ้าจะสวยงามเพียงใดก็ไม่อาจเทียมความเหงาในใจของเขาได้
"เสี่ยคะ"
เสียงหวานอ้อนเดินเข้าหาชายผู้มอบความสุขให้เธอเมื่อครู่
กลิ่นควันบุหรี่ลอยคละคลุ้งถูกพ้นออกจากปากเพื่อปลดปล่อยอารมณ์
ร่างสูงแข็งแกร่งมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันกาย
เสียงฝีเท้าของเธอใกล้เข้ามา ช้าแต่แน่วแน่ อย่างมีประสงค์แอบแฝง
เธอหวังสูงคิดว่าความเร่าร้อนเมื่อครู่จะตราตรึงใจเขา
เธออยากเป็นเมียตัวจริง
แต่ชีวิตไหนเลยจะง่ายดังปลอกกล้วยเข้าปาก
"เงินวางอยู่บนโต๊ะ ภายในห้านาทีผมไม่อยากเห็นคุณอีก"
เขาพูดเสร็จพร้อมกับหันหลังให้อย่างไร้เยื่อใย
แค่อีกก้าวเดียว... อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นที่เธอจะสัมผัสตัวเขาได้
แต่ทุกอย่างหยุดลงจากคำสั่งที่เฉียบขาด
ใบหน้าคมคายกับเรือนกายไร้ที่ติ จำใจต้องหันกลับไปแต่งตัว เก็บของ กำเงิน จากไปพร้อมกับความผิดหวัง
...เขายิ้มเยาะในใจ"เหมือนกันหมด"...
เธอไม่ใช่เพียงรายแรกที่เข้าหาเขาเช่นนี้ ผู้หญิงทุกคนที่นอนกับเขาต่างหวังว่าหลังจากนอนด้วยกันแล้ว
จะจับใจเขาได้แต่เปล่าเลย...
ในทุก ๆ คืนกิตติลูกน้องคนสนิท จะนำหญิงสาวมาส่งถึงเตียง เขานอนกับผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้า...
ใช้เสร็จโปรยเงินนับหมื่นที่เป็นเพียงเศษเงินสำหรับเขา ให้พวกเธอเหล่านั้นเป็นค่าตอบแทน
เขาไม่เคยผูกใจกับใครซักคน
ภายใต้ความมืด แววตาว่างเปล่ามองทอดออกไปจากห้องที่อยู่มุมสูงสุดของโรงแรม
"นายครับ ผมส่งเธอกลับแล้วครับ"
"อืม"
"เรียกเพิ่มไหมครับ จะได้โทรบอกเจ๊แก้ว"
"ไม่ล่ะ เสียงของพวกเธอกลบเสียงในใจฉันไม่ได้สักคน"
"พวกเธอทำงานแบบนี้แต่ต่างหวังอยากเป็นเจ้าของฉัน"
"ไปพักเถอะฉันจะนอนแล้ว"
"ครับนาย"
บาดแผลที่เกิดขึ้นในชีวิตไม่ว่ากับใครต่างทิ้งร่องรอยไว้เสมอ
สำหรับเขาแม้มันผ่านมาแล้วถึงสองปีแต่แผลนั้นไม่เคยตกสะเก็ดเลย มันเหมือนอักเสบอยู่ตลอดเวลา
จากผู้ศรัทธาในรัก กลับกลายเป็นเกียจความรัก ไปโดยไร้ข้อโต้แย้ง ทุกครั้งที่หัวใจหวั่นไหวกับใครสักคน ความรู้สึกเจ็บปวดในตอนนั้น เขายังจำได้ดี มันมักย้อนกลับมา จนไม่อาจเริ่มต้นใหม่
การซื่อสัตย์ที่มอบให้เพียงฝ่ายเดียวมันไม่อาจรักษาคำว่าครอบครัวไว้ได้
...แต่ไม่ว่าเรือนร่างของผู้หญิงคนไหน จะเปลือยเปล่าขนาดใด ก็ไม่เคยหลอมละลายความหนาวในหัวใจของเขาได้...”
เมื่อก่อน
ความหอมของภรรยาคนงามเขาอยากแนบเธอติดตัวไปด้วยทุกที่ อ้อมแขนแกร่งโอบกอดภรรยาจากด้านหลัง กดริมฝีปากสัมผัสตามใจ
"ไม่ไปกับพี่เหรอคะ"
"ไม่ค่ะ อยากดูลูกน้องทำงานพี่ไปเถอะ"
ดวงตาคมเข้มฉายแววเปล่งประกายเมื่อมองภรรยาตั้งใจทำงานช่างมีเสน่ห์ ดึงใจสามีเช่นเขาให้ตกหลุมรักในตัวภรรยาทุกวัน
ความหมั่นเขี้ยว เขากดจมูกหอมฟอดใหญ่ ๆ ซ้ำครั้งไม่รู้เบื่อ
"ไปได้แล้ว"
มือเธอตีเบา ๆ ไปที่แขนแกร่ง พร้อมออกปากไล่ พลางเอียงแก้มให้หอมเหมือนว่าเธอเองก็ไม่อาจขาดเขาได้
...เขาว่ากันว่า ความลับไม่มีในโลก
แต่แล้ว วันนั้นโลกได้ค่อย ๆ เผยความลับบางอย่างออกมา
การเซอร์ไพรส์ที่ตื่นเต้นยิ่งกว่าเมื่อ เขาเสร็จธุระก่อนกำหนดและกลับบ้านก่อนเวลา
"ครูคะ หน้าจอกล้องวงจรปิด มันมืดค่ะ ไม่รู้เป็นอะไร"
"ครับพี่เก๋ผมไปดูให้"
เพียงไม่นานจากหน้าจอมืด ๆ ของทีวี กลับสว่างวาบขึ้นมา เขาไล่ตรวจเช็คภาพทุกชั้นจนไปถึงชั้นที่ 12 ห้องนอน
พบผู้หญิงคนหนึ่ง ใช่เธอคือเจ้าของห้อง ภรรยาของเขา
และชายอีกคนเดินตามออกมา
"ป้าครับคนนี้ใคร"
"ช่างซ้อมบำรุงค่ะ"
เมื่อทราบที่มาที่ไปของชายผู้เดินตามหลังภรรยาเขาพยักหน้าเป็นการรับรู้ เบา ๆ
หัวใจกลับร้อนรุ่มแปลกพิกล จู่ ๆ ความรู้สึกสงสัยผุดขึ้นอย่างเงียบ ๆ กับความสัมพันธ์ภรรยาของตน และนายช่างผู้นั้น
ทำไม? เขาถึงออกมาจากห้องนอนถึงแม้จะคนละเวลา
แปลก!
เขาเฝ้าสังเกตภรรยา แต่ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
ลิลสร้างความน่ารักเสมอต้นเสมอปลายในหน้าที่ของศรีภรรยา สิ่งเหล่านั่นค่อย ๆ ฝังกลบรอยร้าวในใจที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ราวผงฝุ่นได้มิด และมันก็เรือนหายไปพร้อมกับกาลเวลา
ชีวิตคู่อบอุ่นหวานชื่นไม่มีสถานการณ์ที่สร้างความหวาดระแวงแก่เขาแม้แต่น้อย
วันที่โลกอยากบอก
แต่แล้ววันหนึ่งโลกที่เก็บงำทุกอย่างเอาไว้ได้เปิดเผยความจริงอันแสนเจ็บปวดสำหรับสามีผู้ภักดีเช่นเขา
"ที่รักพี่ไปสอนแล้วนะครับ ไปกับพี่ไหม"
"ไม่ค่ะอยากดูลูกน้องทำงาน"
เธอส่งสามีขึ้นรถ ใบหน้าเปื้อนยิ้มพร้อมกับโบกมือลา ทันทีที่สามีลับสายตา เธอกลับขึ้นห้องตามเช่นเคย
มีใครบางคนเฝ้าคอยอยู่ในห้อง หยดน้ำที่พึ่งผ่านการอาบน้ำมาหมาด ๆ ยังเกาะบนเนื้อเนียน แข็งของกล้ามเนื้อ ชวนให้อีกฝ่ายมองอย่างไม่วางตา
แขนแกร่งโอบเธอไว้แน่นไม่ให้ขัดขืน
"ลิลยังไม่ได้อาบน้ำเลยค่ะ"
"ผมทนไม่ไหวแล้ว เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งหลายวัน"
"ไม่รู้ล่ะคุณต้องชดเชยทั้งตอนนี้ และเย็นนี้ ผมจะรอที่สวนด้านหลัง"
ไร้เสียงพูดคุย มีเพียงการสัมผัสเร่าร้อนหวือหว่าของคนทั้งสองที่เต็มใจมอบความสุขแก่กัน
...ชีวิตแต่งงานของลิลมีความสุข เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง สามีรักเธอสุดหัวใจ เงินทอง ข้าวของไม่เคยขาดมือ
แต่โอ๊ตชายคนรักในวัยเรียน เขาเป็นรักแรก รักเดียวที่เธอห่วงหาอาทร
ทั้งคู่ จากกันเพราะถูกครอบครัวของฝ่ายหญิงไม่ยอมรับความรักในวัยเรียน แถมความจนของฝ่ายชาย ยิ่งผลักใสให้ทั้งคู่ไกลห่างกันริบ ยากจะหวนคืน
การกลับมาพบกันในวันนี้ วันที่เปรียบเสมือนทางคู่ขนานที่ไม่มีเส้นบรรจบ ทั้งสองต่างแต่งงานและมีครอบครัว
ความต้องการของใจ ถ่านไฟเก่าที่ไม่เคยมอดไหม้ มันปะทุกรุ่นอยู่ภายในใจบัดนี้ได้ลุกฮือ โหมกระหน่ำอีกครั้ง ข้ามเส้นศีลธรรม
แม้ผิดแต่ใจปรารถนา
แม้บาปขอชดใช้ในชาติต่อไป
ขอโทษจากใจสามีแต่เธอไม่อาจขาดเขาได้อีก
เสียงหายใจถี่รัว ได้เริ่มขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างไม่รู้เหนื่อย จนกระทั่งความคิดถึงได้จางหายไป ทั้งคู่ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดคนที่รัก
...เสียงใส่รหัสหน้าประตูห้อง
ติ๊ด
ปลุกให้ร่างบางตกใจตื่น ดวงตาเบิกโพลง หัวใจเต้นแรงรัวราวกลองศึก รีบเขย่าเรียกชายชู้ให้ตื่น
"เกิดอะ..."เสียงชายหนุ่มหลับบนเตียงรู้สึกตัวถาม
ลิลจุปากส่งซิกเป็นการเตือนห้ามพูด…ชี้นำให้ไปซ่อนตัวยังระเบียง
ไม่นานประตูเปิดออก สามีของเธอกลับมา
ทิวสน เห็นภรรยาอยู่ในชุดคลุม ก็เข้าสวมกอด
"ไปอาบน้ำเร็วค่ะ จะได้สดชื่น"
"มาเหนื่อย ๆ ขอกอดให้ชื่นใจหน่อย "
"ถ้าช้า ก็เสียว่าเวลาทำอย่างอื่นนะคะ"
ประโยคหวานหว่านล้อม เขาจึงยอมไปอาบน้ำแต่โดยดี
เป็นโอกาสให้ชายชู้ออกตัวจากที่ซ่อน
"คืนนี้ผมรอคุณนะ ไม่มาไม่กลับ"
คำพูดทิ้งท้ายจากชายคนรักที่ไม่ใช่สามี
ทิวสนออกจากห้องน้ำสงสัยภรรยาคุยกับใคร "เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่กับคุณ"
"เสียงฉันดูมือถือค่ะ"
...ตอนกลางดึกเงียบสงัด
ร่างบางแกะตัวออกจากแขนแกร่ง นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน สามีของเธอหลับไหลเพราะฤทธิ์ยาแก้แพ้บวกกับความเหนื่อยล้าจากการทำงาน
เสียงประตูปิดลงอย่างเบามือ ร่างบางในชุดนอน เดินหนีหายไปยังสวนหลังโรงแรมจุดนัดพบ
ความโหยหา ปลดเปลื้องทุกอย่าง ใช้ใจสัมผัสใจ เรือนร่างสัมผัสกัน หล่อหลอมคนทั้งสองเวลาผ่านไปเนิ่นนาน
โดยที่คนทั้งคู่ไม่รู้เลย ว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง
แม้ที่ตรงนั้นเปลี่ยวลับสายตาคน แต่มันก็มีคนจำพวกที่ชอบธรรมชาติมาแอบนอนประจำ
กิตติลูกน้องคนสนิทของทิวสนเดินออกมาตามหาแมวที่ตนเลี้ยงไว้
แต่กลับมาเจอแมวขโมย เขาหยุดนิ่งตั้งสติคิดทำอย่างไรดี ก่อนตัดสินใจ
ใช้มือถือโทรหาผู้เป็นนาย....
ความเหนื่อยล้า และฤทธิ์ยาส่งผลให้เขาหลับลึก แต่ต้องตกใจตื่นกับเสียงมือถือ มือหนาคว้ามาด้วยความพร่ามัวของตาที่สู้แสงของโทรศัพท์ในความมืด
หน้าจอปรากฏว่า กิตติลูกน้องคนสนิท วิดิโอคอลมา
มันสร้างความแปลกใจไม่น้อย
ในทันทีที่กดรับสายของกิตติ ภาพตรงหน้า เป็นเงาตะคุ้ม แต่พอรู้ว่าเป็นชายหญิงกำลังพลอดรักกันในที่ลับตา
แต่สิ่งที่มันกระตุกใจเขา โทรศัพท์สมัยใหม่สูมได้ไกลและชัดเจน
มือสั่นเทากำมือถือแน่น มีบางอย่างเยียบเย็นแทรกในใจ มันไม่ใช่ความเจ็บ แต่ทันเป็นความชา วินาทีนั้นเหมือนหัวใจของเขาจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ
เตียงว่างเปล่า กับภาพเคลื่อนไหวของคนสองคนตรงหน้า
แววตาเริ่มแดงก่ำ น้ำน้อยที่ตาเขาพยายามไม่ให้มันหล่นแม้เพียงสักหยด
แต่ก็ไม่อาจต้านทานได้ มือที่กำแน่นร้าวไปถึงกระดูกเขากดตัดสายทันที
"เก็บหลักฐาน"
คำสั่งสั้น ๆ แต่เฉียบขาด ถูกส่งถึงลูกน้อง เพราะเขาไม่อาจทนมองภาพพวกนั้นได้อีกต่อไป
เช้าวันนี้ทิวสนเดินทางไปทำงานทั้งที่เมื่อคืนป่วยหนัก ใจเขาไม่อยากทิ้งภรรยาคนงามไว้ที่บ้านเพียงลำพัง แต่ด้วย โครงการเร่งด่วน บีบบังคับให้เขาพากายที่ไร้หัวใจเข้าประชุมพนักงานทุกฝ่ายเข้าประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อได้เผลอทำในสิ่งที่เจ้านายไม่ได้สั่งและปิดบังจนเรื่องบานปลาย หัวหน้าโครงการนั่งตัวเกร็งเหงื่อตกเปิดหาเอกสารด้วยอาการร้อนรน"นี่ครับ คุณทิวสนเอกสารที่คุณต้องการ"มือที่ยื่นแฟ้มเอกสารให้ผู้เป็นนายด้วยอาการสั่นเทาเล็กน้อย ก่อนจะปาดเหงื่อบนใบหน้า สายตาคมเข้มรอบมองลูกน้องอย่างเงียบ ๆ ก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้พนักงานในห้องประชุมถึงกับงงกันเป็นแถว "ในเมื่อผิดพลาดไปแล้ว ก็ต้องรีบแก้ไข วันนี้ทุกคนคงต้องอยู่ทำงานจนดึก เดี๋ยวให้ฝ่ายบุคคลสั่งอาหารเย็นให้ วันนี้พอแค่นี้ไปทำงานเถอะ"ทิวสนในสายตาลูกน้องคือคนเคร่งคัดเป็นระเบียบ ดุ จริงจังกับการทำงานห้ามผิดพลาดและบทลงโทษสำหรับคนผิดพลาดนั้น ทุกคนต่างพากันหวาดกลัวเป็นที่สุด กร ถอนหายใจทันทีที่หลังพ้นประตูห้องประชุม สำหรับเขาแล้วมันคือขุมนรกที่มัจจุราชกำลังพิพากษาตัดสินโทษแก่ดวงวิญญาณผู้ได้พลั้งมือฆ่าคน "นึกว่าจะโดนไล่ออกซะแล้ว""นั่นสิ สาธุ ศั
ใบหน้าหล่อคมเต็มด้วยรอยช้ำ เสี่ยงเพ้อหลุดจากปากปลุกให้ร่างอวบอิ่มตกใจตื่นขึ้นมา"คุณทิวสน คุณทิวสนคะ"เธอเอ่ยเรียกด้วยอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น ทว่าคนที่เธอเอ่ยปากเรียกกลับไร้เสียงตอบรับ แถมยังเพ้อไม่หยุด จันทร์เสี้ยวสลัดความง่วงที่เกาะกุมให้หลุดก่อนใช้มือไปสัมผัสตัวเขาพลางเขย่าเบา ๆ นอนอะไรขนาดนั้น เรียกก็แล้ว เขย่าก็แล้ว เธอนึกโมโหในใจ มือเรียวจึงคว้าเปิดๆหัวเตียงก่อนขยับลุกขึ้นนั่ง ตั้งท่าจะไปบ่นให้เขาเสียเต็มที่ ทว่าใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้ซีดเซียวราวกับไก่ต้ม เธอใช้มืออังวัดไข้ เพียงสัมผัสบางเบาก็รับรู้ได้ถึงความร้อนระอุเธอจึงรีบลุกจากเตียงเดินตรงไปยังห้องแต่งตัว เปิดหาผ้าขนหนูผืนเล็กสำหรับเช็ดตัว ไม่นานเธอกลับออกมาในมือถือถังใส่น้ำอุ่นและกระเป๋ายาเดินตรงมายังเตียง เปิดกล่องยาใช้เครื่องวัดไข้ วัดที่หน้าผากเขาหน้าจอแสดงผลอุณหภูมิสูงถึงสามสิบเก้าองศา ไข้สูงเชียว ทำไมฉันต้องมาดูแลคนที่ทิ้งฉันไปด้วย แต่ช่างเถอะพรุ่งนี้ยังไงฉันก็จะไปจากที่นี่แล้ว แค่ตอนนี้ช่วยเหลือถือซะว่าเอาบุญ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น ท่องไว้ จันทร์เสี้ยวเมื่อนึกได้ดังนั้นเธอจึงเริ่มลงมือเช็ดตัวให้เขาจนไข้ลดลง ความเ
"คุณเห็นจันทร์เป็นอะไร" มือบางที่กำแน่น...มันแน่นจนตัวเธอเองก็รับรู้ได้ถึงรอยเล็บที่ฝังลงบนเนื้อตัวเอง ทุบไปยังไหล่เขา ที่บัดนี้ไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระความเจ็บคอยย้ำเตือนตนเองภายในใจ...เจ็บตอนนี้ดีกว่ากลับมาอยู่ในสถานะเขารักก็ดีด้วย พอไม่รักเขาก็ไม่เห็นค่า..."โอ๊ย"ใบหน้าคมถึงกับนิวหน้า ราวกับว่าโดนของมีคมแทงทะลุเนื้อไหล่เขา เลือดค่อย ๆ ซึมทะลุชุดนอน"คุณเป็นอะไรคะ ทำไมถึงมีเลือด" เธอรีบปลดกระดุมเสื้อเพื่อดูที่มาของเลือดเขาไม่ตอบกับเพียงยิ้มที่เห็นคนบางคนเมื่อกี้ยังต่อว่าเขาอยู่ พอเห็นว่าเขาไม่สบายกลับแสดงอาการเป็นห่วงทันทีที่ปลดเปลื้องเสื้อออกเผยให้เห็นท่อนบนที่เปลือยเปล่ากล้ามเนื้อเป็นลอนที่เธอคุ้นเคย เลือดแดงฉานซึมทะลุผ้าปิดแผลเพราะเธอเป็นคนทำ"แผลน่าจะปริ ไปหาหมอเถอะค่ะ"เธอที่ทำเตรียมจะลุกพาเขาไปหาแต่มือหนายังคงรั้งเอวบางไว้ในอ้อมแขน"ไม่ต้องไปหรอก...แค่หนูห่วงใยพี่แผลนี้ก็หายแล้ว"คำที่เขาเอ่ยออกมามันทำให้ใจของเธอราวกับดอกไม้แห้งเฉาได้รับน้ำจากคนสวน สดชื่นแต่ต้องรอคอย ซึ่งเธอไม่อยากเฝ้ารอการดูแลจากใครอีก เธออยากเป็นดอกไม้ที่เติบโตข้างริมน้ำ"แค่วันนี้เท่านั้นค่ะ พรุ่งนี้จั
บรรยากาศภายในรถปกคลุมไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดัง สายตาคู่งามมองทอดออกไปนอกบานกระจกรถ ใจอยากให้ถึงบ้านเสียเร็ว ๆ ไม่ต้องทนอยู่กับซาตานน้ำแข็งเช่นเขา ถึงแม้ว่าช่วงนี้ท่าทีของเขาแปลกไป อ่อนโยนขึ้น เธอก็ไม่อาจคาดเดาความคิดเขาได้ว่าจะระเบิดความเคียดแค้นใส่เธออีกตอนไหน ทว่าวันนี้เขาขับช้ากว่าปกติ ยิ่งกินอิ่มท้องผนวกกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศเธอรู้สึกสบายตัวจนไม่อาจต้านทานความง่วง ผล็อยหลับไปในที่สุด สายตาคมลอบมองเธอลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอจากร่างบางที่บัดนี้อวบขึ้นเล็กน้อยกำลังนอนหลับตาพริ้มแก้มเนียนอมชมพู ในขณะเดียวกัน มือหนารีบประคองใบหน้างามที่กำลังเอนตกจากการหลับลึกให้อยู่ในท่าที่นอนสบาย อย่างเบามือ อย่างเกรงกลัวว่าเจ้าของความงามนี่จะตื่น เปรียบดั่งรักษาน้ำหยุดสุดท้ายที่มีในมือไม่ให้ร่วงหายไป ทว่ามือบางกลับไม่ยอมปล่อยแขนของเขาให้เป็นอิสระเธอดึงรั้งเอาไว้ก่อนขยับตัวเข้าหากอดแขนของเขาแน่นยิ่งกว่าเชือกที่ผูกตาย...ไม่สามารถหาทางแก้ได้ "คนใจร้าย..."เสียงหวานพร่ำเพ้อพูดในขณะที่ยังหลับ แม้ยามหลับฝันเธอยังต่อว่าเขาขนาดนี้ นับประสาอะไรกับตอนตื่นเธอต้องไม่ให้อภ
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบชั่วขณะ ทุกคนทานข้าวอย่างเงียบ ๆ อย่างรอคอยคำตอบ ของจันทร์เสี้ยว "แต่ยายว่ามันคือข่าวดีสำหรับบ้านของเรานะลูก ไม่ผิดแน่นอน อาการของทิวสนเหมือนคุณตาตอนที่ยายตั้งครรภ์แม่เข็ม และเหมือนพ่อไผ่ตอนที่แม่มะลิตั้งครรภ์ทิวสน บ้านเรามันเป็นกรรมพันธุ์สามีแพ้ท้องแทนภรรยา" "ตอนนี้ทิวสนเหมือนตาสมัยหนุ่ม ๆ ง่วงนอนท้้งวัน แถมทานต้มกล้วยอีกอาการชัดขนาดนี่" "วันนี้ข่าวดีจริง ๆ อยู่ที่นี่กับตาและยายนะจันทร์เสี้ยว ไม่ต้องไปไหน ส่วนใครมันไม่ยอมรับอะไร ก็ปล่อยมันไป ตาเลี้ยงเองเหลนคนนี้" "ค่ะ ขอบคุณสำหรับความรักที่คุณตาและคุณยายมอบให้จันทร์นะคะ แต่จนไม่อาจทนอยู่ในที่มองว่าจันทร์ทำผิดได้ ให้ฉันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะนะคะ หนูขอร้อง" "เด็กต้องเกิดท่ามกลางสายตาคนเป็นพ่อที่ไม่ยอมรับแม่ของเขามันโหดร้ายเหลือเกิน....สำหรับผ้าขาวหนึ่งผืน" ไม่เป็นไรเลยนะลูกแม่สามารถเลี้ยงลูกได้ เธอสื่อสารกับลูกในท้อง การแต่งงานครั้งนี้ค่าสินสอดแต่งงาน ยายของเธอไม่เรียกร้องสักบาท ขอเพียงเขาดูแลเธอเท่านั้นเอง ทว่าในเมื่อมันไปต่อไม่ได้ ถอยออกมาย่อมดีกว่า เงินค่าสินสอดที่เธอได้พอทำให้เธอยกฐานะจากหาเช้
หลังจากหย่าทิวสนคิดว่าตนเก่ง เพราะเขาเคยได้รับวัคซีนทางใจมาแล้วจากภรรยาคนเดิม พอแต่งอีกครั้ง มันยังผิดหวังอีก เขาจึงมองว่ามันเป็นแค่จุดเปลี่ยนของชีวิตเวลาผ่านไปสองเดือน เขากลับหวนคิดถึงแววตานั้นอีกครั้ง นี่นายเป็นอะไร แค่เด็กขายตัวคนเดียว ที่เปลี่ยนมาเป็นเมียแต่งแค่ไม่กี่คืน จะคิดถึงทำไม นายนอนกับผู้หญิงมาตั้งเท่าไหร่ แต่ทว่าตั้งแต่เลิกกับเธอไป...เขาไม่เคย ซื้อใครอีกเลย เขาเลือกที่จะทำงานหนักในทุกวันเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นกลบความคิดถึงที่กำลังก่อตัวอย่างเงียบ ๆ ให้ดับวูบในทันที กิตตินำกาแฟมาเสริฟเขาตามเช่นเคยในทุกวัน"อเมริกาโน่ครับ"เอาออกไปเลย เหม็นจนเวียนหัวจะอ้วกเขาเอามืออุดจมูก พร้อมเดินเข้าไปยังห้องส่วนตัวที่คล้ายกลับยกบ้านมาไว้ที่ทำงาน "นายเลื่อนประชุมหน่อยนะ ฉันไม่สบาย"เขาพูดพลางล้มตัวลงนอนที่โซฟาหลับยาวตั้งแต่สิบเอ็ดโมงถึงสี่โมงเย็นเขาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเวียนหัวอยู่ดี ง่วงนอน อยากทานของดอง...เขานึกพลางคิดว่าจะไปทานที่ไหนได้"กลับโรงแรม หรือคอนโดครับ"กิตติเตรียมตัวเก็บของและขับรถไปส่งผู้เป็นนาย"กลับบ้านสวน"เขาเอ่ยพร้อมเดินผ่านห้องพักพนักงาน ได้กลิ่นบางอย่าง เขา