เจ๊ออน
ภายในห้องทำงานข้าวของถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ จันทร์เสี้ยวเคาะประตูสองสามทีพลางยืนคอยสักพัก
ก็อก ก็อก ก็อก
"เข้ามาได้"
ในทันทีเสียงอนุญาตดังออกมาเชื้อเชิญ ให้ร่างบางที่หัวใจเต้นระรัว อยู่หน้าประตูเข้าไป
เดินหน้ามาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ถอยหลัง
ท่องไว้จันทร์เสี้ยว
เพื่อยาย
เพื่อน้อง
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกและ เดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆ
หญิงวัยกลางคนใบหน้าเรียวคมสวยงามสะดุดตา จันทร์เสี้ยวลอบมองท่าทีการดีดลูกคิดอย่างชำนาญช่างเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดเหลือหลาย
"คิดดีแล้วเหรอ ว่าจะเดินทางสายนี้"
"ค่ะ" เธอเงียบไปชั่วอึดใจก่อนตอบ
เมื่อได้รับคำตอบ หญิงวัยกลางคนละสายตาจากการคิดบัญชี เดินเข้ามาหาเธอที่ยืนอยู่
มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
ดวงหน้าเรียวมนประดับด้วยตากลมโต ขนตางอนงามเป็นแพ ปากอวบอิ่มและจมูกคมสวยได้รูป พวงแก้มใสเผยเลือดฝาด รูปร่างอรชรความสูงพอประมาณ
เจ๊ออนพินิจหญิงสาว อยู่ครู่หนึ่ง เขายิ้มเยาะอยู่ในใจ
นี่มันช้างเผือกตัวงามเชียว...ป่าไหนกันช่างปล่อยของล้ำค่าออกมา
จันทร์เสี้ยวยืนตัวตรงนิ่ง แม้เกิดอาการหวั่นใจ และเกรงกลัวอยู่บ้าง แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าและร้อยยิ้มของคนที่รักเธอ ความรู้สึกเหล่านั้นก็พันหายวับไปในทันที
เจ๊ออนสมญานาม สตรีไร้พ่าย ที่ผู้คนในแวดวงสายงานสีเทาต่างพากันนับถือ เธอไม่เคยก้มหัวให้ผู้ใด
แม้เจ๊ออนจะทำนาบนหลังคน ใช้ความสาวของลูกผู้หญิงด้วยกันหาเงิน ทว่าหัวใจของเธอก็ไม่ได้เลวร้ายหน้าเลือดผิดมนุษย์มนา
มีแต่ความโอบอ้อมอารีแก่สตรีในบ้าน ทุกคนถึงเรียกเจ๊ออนว่าแม่ได้เต็มปาก
กฎการรับคนเข้าบ้านมีเพียงหนึ่งข้อคือ
ขอเพียง เป็นสตรี...
เสียงแหลมเข้มกล่าวพลางใช้ปลายพัดที่ถืออยู่ในมือ เชยคางมนให้เอียงซ้ายเอียงขวาตาม เพื่อดูให้ถนัดตา
เจ๊ออนรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวเป็นอย่างมาก ถึงกับอยากรู้ความเป็นมาเป็นไปของจันทร์เสี้ยว
ไม่เพียงแค่คิดจะรับเธอส่ง ๆ เหมือนเด็กสาวทั่วไป
"ชื่ออะไรน่ะเรา"
"จันทร์เสี้ยวค่ะ"
"ลูกเต้าเหล่าใคร ไหนเล่าให้ฟังหน่อยสิ"
"'หนูเป็นหลานของยายดวงแข มีน้องหนึ่งคน ส่วนพ่อแม่ น้าสาว น้าชาย ตายหมดค่ะ"
จันทร์เสี้ยวเล่าด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญในครั้งนั้น
"แล้วสวยขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เลือกทำอย่างอื่นล่ะ"
วัดด้วยสายตาและจากประสบการณ์ที่ตนนั้นเก็บสะสมมาเกือบค่อนชีวิต พอจะมองออกว่าเด็กสาวนิสัยดีใช้ได้
หากมีทางให้เลือกเดินเธอไม่มีทางเดินบนเส้นทางนี้โดยเด็ดขาด เธอต้องมีเหตุผล
"ยายต้องผ่าตัด จันทร์ต้องงานเงินค่ะ"
จันทร์เสี้ยวตอบด้วยเสียงเรียบแต่เข้มขัน
"หนูทำงานรับจ้างทุกอย่างที่ได้เงิน เพื่อเลี้ยงยาย และน้อง แต่รายได้ไม่เคยพอกับค่าใช้จ่าย"
"มันไม่พอค่ะ ทั้งที่หนูพยายามแล้ว"
แววตาเศร้ากระพริบถี่
"ยังถือพรหมจันทร์ใช่ไหม"
"คะ? ค่ะ"
"หนูต้องการเงินค่าผ่าตัดเท่าไหร่ ฉันจะออกให้เธอก่อน แล้วมาทำงานใช้หนี้ "
"25,000 บาท นี่ค่ะเอกสารที่หมอให้มา"
เจ๊ออนรับ หนังสือแผนการรักษามามองกวาดสายตาด้วยความเร็ว แต่แล้วก็ สะดุดที่นามสกุล
นางดวงแข รุ่งเรือง
หัวใจที่ร้อนนานนับหลายปี เย็นวาบในทันที
ความสั่นของมือเกิดโดยอัตโนมัติ เจ๊ออนคว้าสร้อยคอที่สวมใส่ออกมา ทั้งค่อย ๆ เปิดสร้อยทองจี้หัวใจ
ความเศร้าเข้าปกคลุม น้ำตาเม็ดโตหยดลงรูป เธอรีบเอามือเช็ดออกอย่างลนลานเกรงว่าสิ่งนั้นจะบุบสลาย
"สร้อยเส้นนี้พี่ขอหมั่นน้องไว้ก่อนชอบไหม"
"ชอบจ้ะ"
ภาพวันวานย้อนหวนคืนกลับมา ยิ่งพาหัวใจให้ คิดถึงชายที่รัก
เพื่อความแน่ใจ ว่าเขายังมีชีวิตอยู่เจ๊ออนจึงเอ่ยถามย้ำอีกครั้งและในใจภาวนาให้นเรศแต่งงานมีความสุขกับใครสักคน
ถึงแม้ชาตินี้ไร้วาสนาไม่อาจครองคู่กันแต่ก็หวังดีเสมอ
"หนูบอกว่าอะไรนะ นเรศ รุ่งเรืองตายแล้วอย่างนั้นเหรอ"
เสียงถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"ใช่ค่ะ 2 ปีก่อนคนเมาขับรถชนประสานงาน "
เจ๊ออนถึงกลับหลั่งน้ำตาทันที ปล่อยความเสียใจ มือกำสร้อยจี้หัวใจคล้ายกำหัวใจตัวเองที่ร้าวราน
ทำไมพี่ถึงไม่ใช้ชีวิตให้ดี ฉันหวังว่าพี่จะมีสุข
นึกถึงเธอในวัยเยาว์...
ออนในวัยแรกแย้ม พบรักกับชายหนุ่มรูปงาม นั้นก็คือ นเรศ น้าชายของเด็กสาวตรงเบื้องหน้า
ความรักของทั้งคู่สุกงอมจวนจะจูงมือกันและกันเข้าประตูวิวาห์
แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็พันเกิด แม่พ่อของเธอได้จับเธอแต่งงานไปกับลูกคนรวย
คนที่ผิดสัญญาก่อนคือเธอ และชีวิตแต่งงานที่พ่อแม่เลือกให้
ราวกับฝันร้าย เขาทั้งทุบตีด่าทอ จนวันหนึ่งฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดสะบั้น มีดใช้ทำกับข้าว ถูกปักลงกลางใจของสามีชั่วเขาคือเดรัจฉานในคาบคน รอยเปลือดกระเซ็นเปื้อนดวงหน้าขาว มือบางเช็ดออกหมดจดราวกับหมดใจ
หลังจากพ้นโทษ เธอจึงเริ่มสร้างบ้านเรือนดอกแก้ว ให้แก่ผู้หญิงและเด็กที่ไร้ทางไปได้พึ่งพิง
"ขอโทษนะจ๊ะที่น้ากลั้นน้ำตาไม่อยู่"
"น้า ?"
จันทร์เสี้ยว ทวนคำพูดของสตรีงามเบื้องหน้าที่ร้องไห้ในทันที เมื่อรู้ว่าน้าขายของเธอได้จากไปตั้งแต่สองปีก่อน
"ใช่จ้ะ น้าเป็นเพื่อนเก่าของนเรศ"
"เอาเงินนี้ไปรักษายายเลยนะไม่ต้องทำงานที่นี้หรอก"
เจ๊ออนเอื้อมมือไปแตะมือจันทร์เสี้ยวถุงเงินถูกยัดลงบนมือเรียว อย่างตั้งใจ
จันทร์เสี้ยวสะดุ้งเล็กน้อย พลางเอาเงินคืนเจ๊ออน
"รับไปเถอะ น้าเต็มใจ"
"ขอบคุณค่ะ อย่างงั้นเงินนี้หนูยืมนะคะ"
เพียงแค่เธอมีเงินเป็นค่ารักษายายในทันทีมันก็ดีต่อใจเธอมาก็แล้วบุญคุณท้วมฟ้า เธอต้องหาทางตอบแทน
"เมื่อเสร็จธุระแล้ว หนูจะมาทำงานใช้หนี้ทันทีค่ะ"
น้าออนวางมือลงบนหัวอย่างเอ็นดู
"ถือซะว่าน้าช่วยแม่เพื่อนได้ไหม"
"ขอบคุณนะคะ"
ออนสวมกอดจันทร์เสี้ยวด้วยความรักราวกับว่าพวกเขาเป็นแม่ลูกที่พลัดพรากกัน
ถึงอย่างไร เธอก็จะหาเงินมาคืนน้าออนอยู่ดี
หัวใจที่เคยตากแดดโดนฝนบัดนี้อบอุ่นอีกครั้ง จากสตรีพึ่งพบหน้าไม่ถึงวัน
นอกจากยายแล้ว
ก็คงมีแม่เล้านางยักษ์ผู้ใจดี คนนี้ที่เห็นเนื้อแท้ เห็นใจและเข้าใจเธอ...
คืนแห่งความมืดมน...
ในคืนก่อนจะนำเงินไปจ่ายที่โรงพยาบาล
"พระจันทร์ใกล้เปิดเทอมแล้ว เอาหนังสือมาอ่านให้พี่ฟังหน่อยสิ ลืมหมดแล้วมั้งปิดเทอม"
"ถ้าหากอ่านเก่ง และคล่องแคล่ว พรุ่งนี้มีรางวัล"
เงียบ
"จะมีใครอยากกินขนมเซเว่นไหมนะ เลือกอะไรก็ได้"
ไม่มีเสียงตอบรับทั้งที่เอ่ยชื่อร้านที่เขาเฝ้ามองอยากเข้าไปทุกวัน
"หลับเหรอ!"
"พระจันทร์"
เธอเดินเข้าไปภายในบ้าน ต้องตกใจสุดขีด น้าชายเล็กเขากลับมา
ตั้งแต่จำความได้ทุกครั้งที่กลับบ้านไม่เคยมีเรื่องดีสักครั้ง มันเหมือนพายุที่พัดทุกอย่างให้ราบ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
เหมือนมีฝ่ามือที่หยาบกร้านบีบหัวใจเธอจนแหลกละเอียด เมื่อพระจันทร์อยู่ในอ้อมแขนเขา
" เอาเงินมา 400,000 ไม่อย่างนั่นฉันจะเอาลูกฉันไป"
"พี่คะ ช่วยหนูด้วย เขาไม่ใช่พ่อของหนู "
"หนูไม่อยากไป"
ดวงตากลมโตส่งสายตาในเชิงขอร้องจ้องมองมายังจันทร์เสี้ยว ปากถูกปิดด้วยมือห้ามไม่ให้ส่งเสียงอีก พระจันทร์ทำได้เพียงสะอื้นให้เบา ๆ พร้อมกับคราบน้ำตาไหลที่อาบแก้ม
"คุณน้า เห็นไหมพระจันทร์ตกใจกลัวหมดแล้ว"
น้องสาวที่เธอรักและหวงแหนร้องด้วยความหวาดกลัว ใจของเธอร้อนราวกับไฟที่เติมฟืนและเชื้อเพลิง
"ไปหาเงินมา ไม่อย่างนั้นพระจันทร์ต้องไปกับฉัน"
น้าชายคือลูกที่เกิดกับเมียน้อยของตา ตั้งแต่ลืมตาดูโลกได้เพียงสองเดือนแม่ก็จากไปด้วยโรคร้าย ตาหอบเด็กชายตัวอ้วนกลับบ้านมาให้ยายเลี้ยง
แต่เพราะความไม่รักดี เขาใช้ชีวิตในทางที่ผิด กินเหล้า เค้านารี ผีพนัน หนักสุดเป็นผู้ค้ายาที่ไม่ต้องใช้ใบประกอบวิชาชีพ
ตั้งแต่พระจันทร์เกิดได้ไม่กี่วัน เขานำเธอมาทิ้งไว้ แล้วหนีหายไปนานหลายปีการกลับมาของเขาในวันนี้ไม่ใช่คิดถึงลูกแต่
ต้องการเงิน เงินที่มากถึง 400,000 เธอจะไปหาจากไหน
"ขอเวลาฉัน สองอาทิตย์นะคะ"
"ไม่ 7 วัน ฉันต้องได้เงิน รับปากสิ"
"พวกมันจะฆ่าฉัน ฉันต้องเอาพระจันทร์ไปขัดดอก"
คำพูดที่ไม่ควรออกจากปากผู้เป็นพ่อ เขาไม่ควรเป็นพ่อด้วยซ้ำ...
เสือร้ายมันยังไม่กินลูกตัวเอง แล้วนี้คนเป็นสัตว์ประเสริฐเพื่อกลบความชั่ว ความเลวทรามของตน ที่หลงมัวเมาปล่อยให้ผีการพนันเข้าสิง สร้างหนี้ขึ้นถึงขนาดยอมขายลูก
"ได้ ฉันรับปาก"
จันทร์เสี้ยวมือสั่น ลมหายใจขาดห้วง รีบตกปากรับคำ เมื่อนึกถึงความรู้สึกของพระจันทร์ที่ได้ยินคนเป็นพ่อจะขายเธอ
พระจันทร์ถูกปล่อยตัวจาการเกาะกุมเธอโผเข้าสวมกอดพี่สาวในทันที
"พี่ หนูไม่ไป" เสียงน้อย ๆ ของเธอราวกับมีดกรีดกลางใจเธอ
"ไม่เป็นไรนะ พี่ไม่ยอมให้ใครมาเอาเธอไปทั้งนั้น"
โรงพยาบาล..
ในวันรุ่งขึ้น หลังจากจ่ายค่าผ่าตัดของยาย เธอหลบเลี่ยงผู้คนมายังสวนนั่งเล่นของโรงพยาบาล
เรื่องของยายพลันโลงใจไปแต่ซ้ำร้ายความกดทับจากอากาศยังไม่จางจากไป แต่มวลน้ำตามันกลับล้นเอ่อออกมาอย่างท่วมท้น
ขาทั้งสองอ่อนแรง ทรุดลงบนพื้นหญ้าเธอปล่อยใจให้น้ำตาไหลอย่างเงียบงัน
ความเหนื่อยล้า สะสม
ปัญหาเก่าที่ยังไม่คลาย ปัญหาใหม่กลับเพิ่มขึ้น
ต่อให้เธอเข้มแข็ง รับไหว ไม่เคยปริปากพูดสักครั้ง แต่เธอเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้นเสียใจได้ร้องไห้เป็น
ในวันที่หัวใจตกหลุมอากาศ ขอเพียงสิทธิ์ร้องไห้ปลอบใจแล้วจะลุกขึ้นใหม่
ทิวสนในระหว่างที่เขาพายายมานวด กลับเจอเธออีกแล้ว!
ภาพหญิงสาวคนนั้น
คนที่ชนเขาหน้าห้องน้ำ
คนที่เป็นลมต่อหน้าเขา
และวันนี้เธอคงเสียใจจริง ๆ ถึงได้ร้องไห้ในที่สาธารณะแบบไม่อายคน
น้ำตาเปียกปอนบนใบหน้างามและความอ่อนไหวนั้น มันช่างบีบคั้นความรู้สึกของเขาจับใจ เขาเหมือนถูกมนต์สะกดรู้ตัวอีกทีขาทั้งสองเดินตรงไปหยุดยืนข้างกายหญิงสาว
"คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
ผ้าเช็ดหน้าลายดอกทานตะวัน เล็ก ๆ ถูกยื่นให้เธอ
จันทร์เสี้ยวที่จมอยู่กับความขมขื่นของชีวิต
เพียงประโยคสั้น ๆ แต่ร้อยล้านความหมาย
ยิ่งมีคนปลอบ น้ำตาที่ไหลอยู่ ยิ่งไหลพรากราวกับฝนตกห่าหนึ่ง
เขาเป็นใครกันที่มาห่วงใยเธอ
ตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น ไม่มีคนเข้าใจหรือห่วงใยเธอเลย มีแต่เธอที่เป็นฝ่ายห่วงใยคนอื่น
ไหวไหม ทานข้าวหรือยัง
หรือสบายดีหรือเปล่า ในสายตาคนนอกต่างพากันสมเพส เวททนาคนฐานะต่ำต้อยเช่นเธอ
จันทร์เสี้ยวเงยหน้ามองผู้มาเยือนผ่านม่านน้ำตา ความรู้สึกซาบซึ้งในใจไม่ถูกเอ่ยออกมา
เธอใช้มือปาด ๆ เช็ด ๆ น้ำเจิ่งนอง ให้มันหายไป
"ผ้าเช็ดหน้าครับ สะอาดแน่นอน"
"ขอบคุณค่ะ"
จันทร์เสี้ยวรับน้ำใจพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ ถึงจะอบอุ่นแต่เธอไม่ควรคุยกับชายแปลกหน้า
ร่างบางรีบเดินจากไปทันที
ชายรูปร่างสูงโปร่ง แข็งแกร่ง ใบหน้าคมเข้ม คิ้วดกจมูกโด่งคมสัน ปากหยักได้รูป สวมเสื้อเชิ้ตพับแขนถึงศอก กางแกง สแลคขายาวสีดำ สวมนาฬิกาเรือนละหลายแสน
มิทันได้เอ่ย เธอก็จากไปเสียแล้วสายตาตมเข้มได้แต่มองตามหลังหญิงสาวที่ค่อย ๆ เดินห่างไปไกล
การพบกันเรียกได้ว่าอาจเป็นเพราะโลกกลม หรือพรหมลิขิตกันแน่
ทุกครั้งที่เจอเธอ มักจะทำให้เขาแปลกใจอยู่ไม่น้อย เหมือนว่าเธอเปราะบางก็ไม่ใช่เข้มแข็งก็ไม่เชิง
แต่ทุกครั้งที่เจอเธอแม้เสี้ยวนาที เขากลับอุ่นใจราวกับเจอเพื่อนเก่า
เช้าวันนี้ทิวสนเดินทางไปทำงานทั้งที่เมื่อคืนป่วยหนัก ใจเขาไม่อยากทิ้งภรรยาคนงามไว้ที่บ้านเพียงลำพัง แต่ด้วย โครงการเร่งด่วน บีบบังคับให้เขาพากายที่ไร้หัวใจเข้าประชุมพนักงานทุกฝ่ายเข้าประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อได้เผลอทำในสิ่งที่เจ้านายไม่ได้สั่งและปิดบังจนเรื่องบานปลาย หัวหน้าโครงการนั่งตัวเกร็งเหงื่อตกเปิดหาเอกสารด้วยอาการร้อนรน"นี่ครับ คุณทิวสนเอกสารที่คุณต้องการ"มือที่ยื่นแฟ้มเอกสารให้ผู้เป็นนายด้วยอาการสั่นเทาเล็กน้อย ก่อนจะปาดเหงื่อบนใบหน้า สายตาคมเข้มรอบมองลูกน้องอย่างเงียบ ๆ ก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้พนักงานในห้องประชุมถึงกับงงกันเป็นแถว "ในเมื่อผิดพลาดไปแล้ว ก็ต้องรีบแก้ไข วันนี้ทุกคนคงต้องอยู่ทำงานจนดึก เดี๋ยวให้ฝ่ายบุคคลสั่งอาหารเย็นให้ วันนี้พอแค่นี้ไปทำงานเถอะ"ทิวสนในสายตาลูกน้องคือคนเคร่งคัดเป็นระเบียบ ดุ จริงจังกับการทำงานห้ามผิดพลาดและบทลงโทษสำหรับคนผิดพลาดนั้น ทุกคนต่างพากันหวาดกลัวเป็นที่สุด กร ถอนหายใจทันทีที่หลังพ้นประตูห้องประชุม สำหรับเขาแล้วมันคือขุมนรกที่มัจจุราชกำลังพิพากษาตัดสินโทษแก่ดวงวิญญาณผู้ได้พลั้งมือฆ่าคน "นึกว่าจะโดนไล่ออกซะแล้ว""นั่นสิ สาธุ ศั
ใบหน้าหล่อคมเต็มด้วยรอยช้ำ เสี่ยงเพ้อหลุดจากปากปลุกให้ร่างอวบอิ่มตกใจตื่นขึ้นมา"คุณทิวสน คุณทิวสนคะ"เธอเอ่ยเรียกด้วยอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น ทว่าคนที่เธอเอ่ยปากเรียกกลับไร้เสียงตอบรับ แถมยังเพ้อไม่หยุด จันทร์เสี้ยวสลัดความง่วงที่เกาะกุมให้หลุดก่อนใช้มือไปสัมผัสตัวเขาพลางเขย่าเบา ๆ นอนอะไรขนาดนั้น เรียกก็แล้ว เขย่าก็แล้ว เธอนึกโมโหในใจ มือเรียวจึงคว้าเปิดๆหัวเตียงก่อนขยับลุกขึ้นนั่ง ตั้งท่าจะไปบ่นให้เขาเสียเต็มที่ ทว่าใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้ซีดเซียวราวกับไก่ต้ม เธอใช้มืออังวัดไข้ เพียงสัมผัสบางเบาก็รับรู้ได้ถึงความร้อนระอุเธอจึงรีบลุกจากเตียงเดินตรงไปยังห้องแต่งตัว เปิดหาผ้าขนหนูผืนเล็กสำหรับเช็ดตัว ไม่นานเธอกลับออกมาในมือถือถังใส่น้ำอุ่นและกระเป๋ายาเดินตรงมายังเตียง เปิดกล่องยาใช้เครื่องวัดไข้ วัดที่หน้าผากเขาหน้าจอแสดงผลอุณหภูมิสูงถึงสามสิบเก้าองศา ไข้สูงเชียว ทำไมฉันต้องมาดูแลคนที่ทิ้งฉันไปด้วย แต่ช่างเถอะพรุ่งนี้ยังไงฉันก็จะไปจากที่นี่แล้ว แค่ตอนนี้ช่วยเหลือถือซะว่าเอาบุญ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น ท่องไว้ จันทร์เสี้ยวเมื่อนึกได้ดังนั้นเธอจึงเริ่มลงมือเช็ดตัวให้เขาจนไข้ลดลง ความเ
"คุณเห็นจันทร์เป็นอะไร" มือบางที่กำแน่น...มันแน่นจนตัวเธอเองก็รับรู้ได้ถึงรอยเล็บที่ฝังลงบนเนื้อตัวเอง ทุบไปยังไหล่เขา ที่บัดนี้ไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระความเจ็บคอยย้ำเตือนตนเองภายในใจ...เจ็บตอนนี้ดีกว่ากลับมาอยู่ในสถานะเขารักก็ดีด้วย พอไม่รักเขาก็ไม่เห็นค่า..."โอ๊ย"ใบหน้าคมถึงกับนิวหน้า ราวกับว่าโดนของมีคมแทงทะลุเนื้อไหล่เขา เลือดค่อย ๆ ซึมทะลุชุดนอน"คุณเป็นอะไรคะ ทำไมถึงมีเลือด" เธอรีบปลดกระดุมเสื้อเพื่อดูที่มาของเลือดเขาไม่ตอบกับเพียงยิ้มที่เห็นคนบางคนเมื่อกี้ยังต่อว่าเขาอยู่ พอเห็นว่าเขาไม่สบายกลับแสดงอาการเป็นห่วงทันทีที่ปลดเปลื้องเสื้อออกเผยให้เห็นท่อนบนที่เปลือยเปล่ากล้ามเนื้อเป็นลอนที่เธอคุ้นเคย เลือดแดงฉานซึมทะลุผ้าปิดแผลเพราะเธอเป็นคนทำ"แผลน่าจะปริ ไปหาหมอเถอะค่ะ"เธอที่ทำเตรียมจะลุกพาเขาไปหาแต่มือหนายังคงรั้งเอวบางไว้ในอ้อมแขน"ไม่ต้องไปหรอก...แค่หนูห่วงใยพี่แผลนี้ก็หายแล้ว"คำที่เขาเอ่ยออกมามันทำให้ใจของเธอราวกับดอกไม้แห้งเฉาได้รับน้ำจากคนสวน สดชื่นแต่ต้องรอคอย ซึ่งเธอไม่อยากเฝ้ารอการดูแลจากใครอีก เธออยากเป็นดอกไม้ที่เติบโตข้างริมน้ำ"แค่วันนี้เท่านั้นค่ะ พรุ่งนี้จั
บรรยากาศภายในรถปกคลุมไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดัง สายตาคู่งามมองทอดออกไปนอกบานกระจกรถ ใจอยากให้ถึงบ้านเสียเร็ว ๆ ไม่ต้องทนอยู่กับซาตานน้ำแข็งเช่นเขา ถึงแม้ว่าช่วงนี้ท่าทีของเขาแปลกไป อ่อนโยนขึ้น เธอก็ไม่อาจคาดเดาความคิดเขาได้ว่าจะระเบิดความเคียดแค้นใส่เธออีกตอนไหน ทว่าวันนี้เขาขับช้ากว่าปกติ ยิ่งกินอิ่มท้องผนวกกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศเธอรู้สึกสบายตัวจนไม่อาจต้านทานความง่วง ผล็อยหลับไปในที่สุด สายตาคมลอบมองเธอลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอจากร่างบางที่บัดนี้อวบขึ้นเล็กน้อยกำลังนอนหลับตาพริ้มแก้มเนียนอมชมพู ในขณะเดียวกัน มือหนารีบประคองใบหน้างามที่กำลังเอนตกจากการหลับลึกให้อยู่ในท่าที่นอนสบาย อย่างเบามือ อย่างเกรงกลัวว่าเจ้าของความงามนี่จะตื่น เปรียบดั่งรักษาน้ำหยุดสุดท้ายที่มีในมือไม่ให้ร่วงหายไป ทว่ามือบางกลับไม่ยอมปล่อยแขนของเขาให้เป็นอิสระเธอดึงรั้งเอาไว้ก่อนขยับตัวเข้าหากอดแขนของเขาแน่นยิ่งกว่าเชือกที่ผูกตาย...ไม่สามารถหาทางแก้ได้ "คนใจร้าย..."เสียงหวานพร่ำเพ้อพูดในขณะที่ยังหลับ แม้ยามหลับฝันเธอยังต่อว่าเขาขนาดนี้ นับประสาอะไรกับตอนตื่นเธอต้องไม่ให้อภ
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบชั่วขณะ ทุกคนทานข้าวอย่างเงียบ ๆ อย่างรอคอยคำตอบ ของจันทร์เสี้ยว "แต่ยายว่ามันคือข่าวดีสำหรับบ้านของเรานะลูก ไม่ผิดแน่นอน อาการของทิวสนเหมือนคุณตาตอนที่ยายตั้งครรภ์แม่เข็ม และเหมือนพ่อไผ่ตอนที่แม่มะลิตั้งครรภ์ทิวสน บ้านเรามันเป็นกรรมพันธุ์สามีแพ้ท้องแทนภรรยา" "ตอนนี้ทิวสนเหมือนตาสมัยหนุ่ม ๆ ง่วงนอนท้้งวัน แถมทานต้มกล้วยอีกอาการชัดขนาดนี่" "วันนี้ข่าวดีจริง ๆ อยู่ที่นี่กับตาและยายนะจันทร์เสี้ยว ไม่ต้องไปไหน ส่วนใครมันไม่ยอมรับอะไร ก็ปล่อยมันไป ตาเลี้ยงเองเหลนคนนี้" "ค่ะ ขอบคุณสำหรับความรักที่คุณตาและคุณยายมอบให้จันทร์นะคะ แต่จนไม่อาจทนอยู่ในที่มองว่าจันทร์ทำผิดได้ ให้ฉันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะนะคะ หนูขอร้อง" "เด็กต้องเกิดท่ามกลางสายตาคนเป็นพ่อที่ไม่ยอมรับแม่ของเขามันโหดร้ายเหลือเกิน....สำหรับผ้าขาวหนึ่งผืน" ไม่เป็นไรเลยนะลูกแม่สามารถเลี้ยงลูกได้ เธอสื่อสารกับลูกในท้อง การแต่งงานครั้งนี้ค่าสินสอดแต่งงาน ยายของเธอไม่เรียกร้องสักบาท ขอเพียงเขาดูแลเธอเท่านั้นเอง ทว่าในเมื่อมันไปต่อไม่ได้ ถอยออกมาย่อมดีกว่า เงินค่าสินสอดที่เธอได้พอทำให้เธอยกฐานะจากหาเช้
หลังจากหย่าทิวสนคิดว่าตนเก่ง เพราะเขาเคยได้รับวัคซีนทางใจมาแล้วจากภรรยาคนเดิม พอแต่งอีกครั้ง มันยังผิดหวังอีก เขาจึงมองว่ามันเป็นแค่จุดเปลี่ยนของชีวิตเวลาผ่านไปสองเดือน เขากลับหวนคิดถึงแววตานั้นอีกครั้ง นี่นายเป็นอะไร แค่เด็กขายตัวคนเดียว ที่เปลี่ยนมาเป็นเมียแต่งแค่ไม่กี่คืน จะคิดถึงทำไม นายนอนกับผู้หญิงมาตั้งเท่าไหร่ แต่ทว่าตั้งแต่เลิกกับเธอไป...เขาไม่เคย ซื้อใครอีกเลย เขาเลือกที่จะทำงานหนักในทุกวันเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นกลบความคิดถึงที่กำลังก่อตัวอย่างเงียบ ๆ ให้ดับวูบในทันที กิตตินำกาแฟมาเสริฟเขาตามเช่นเคยในทุกวัน"อเมริกาโน่ครับ"เอาออกไปเลย เหม็นจนเวียนหัวจะอ้วกเขาเอามืออุดจมูก พร้อมเดินเข้าไปยังห้องส่วนตัวที่คล้ายกลับยกบ้านมาไว้ที่ทำงาน "นายเลื่อนประชุมหน่อยนะ ฉันไม่สบาย"เขาพูดพลางล้มตัวลงนอนที่โซฟาหลับยาวตั้งแต่สิบเอ็ดโมงถึงสี่โมงเย็นเขาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเวียนหัวอยู่ดี ง่วงนอน อยากทานของดอง...เขานึกพลางคิดว่าจะไปทานที่ไหนได้"กลับโรงแรม หรือคอนโดครับ"กิตติเตรียมตัวเก็บของและขับรถไปส่งผู้เป็นนาย"กลับบ้านสวน"เขาเอ่ยพร้อมเดินผ่านห้องพักพนักงาน ได้กลิ่นบางอย่าง เขา