ผ้าขาวผืนบางแต่งแต้มรวดลายงานหัตถกรรมดอกทานตะวันปักแน่นไม่ไหวติงปักใจผู้ทำ แต่ไม่ใช่ตะวันโน้มหาแสง เช่นเดียวกับชีวิตผู้ปัก
สักวัน...เธอจะเป็นตะวันไม่โน้มเข้าหาใคร
"โอ๊ย"
เข็มจิ้มทะลุเนื้อผ้าเลือดแดงฉานซึมช้า ๆ ออกจากปลายนิ้ว
เจ๊ออนยื่นกระดาษทิชชู่ให้เธอซับรอยเลือด พร้อมสายตาที่มองลอดแว่นอ่านหนังสือ
จากการสังเกตมาหลายวัน
นี้คือวันที่ห้า ที่ร่างจันทร์เสี้ยวมีแค่กายหยาบ
หาได้มีวิญญาณ
ร่างที่ถูกกักขังจากคำว่ารัก....และความกตัญญู
"จันทร์เสี้ยวมีอะไรอยากบอกหน้าไหม"เสียงเรียบนั้น สะกิดใจ แต่เธอยังคงฝืนยิ้ม แม้ภายในใจแหลกลพเอียด
"ไม่ค่ะ"
"น้าดูมาหลายวันแล้ว จันทร์เสี้ยวมีเรื่องไม่สบายใจใช่ไหม"
"จันทร์เสี้ยวบอกน้ามามีเรื่องอะไร"
น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ จู่ ๆ ล้นเอ่อออกมาราวเขื่อนแตก ตัวสั่นเครือสะอื้นอย่างเงียบ ๆ
คำพูดที่เหมือนกับมืออุ่น ๆ โอบหลังของเธอ
"พ่อพระจันทร์เขาอยากได้เงินเพื่อแลกกับอิสระของเธอ"
โลกทั้งใบหยุดหมุน
"หนูจะทำอย่างไรดีคะ"
"จันทร์เสี้ยวสงสารน้อง"
ทั้งที่ตัวเองแหลกเหลวไปแล้วแท้ ๆ
"เลวเสียจริง ไม่สมควรเรียกพ่อ"
คำของเจ๊ออนแหลมคมแต่มีน้ำหนักราวกับค้อนทุบตรงกลาง
ใจที่เปราะอยู่แล้วให้แตกยับ
"อย่าห่วงไปเลย เดี๋ยวเงินนี้หน้าจัดการเอง"
เจ๊ออนอ้าแขนโถมตัวเข้ากอดจันทร์เสี้ยว
เธอดีขนาดนี้สักวัน จะต้องมีต้นแสงของตัวเองนะจันทร์เสี้ยว เฉกเช่นแสงรุ่งอรุณในยามเช้า
เธอจะไม่เป็นดอกทานตะวันที่โหยหาแสงจากใครอีก
แต่ฝันดีซ้ำร้ายบ้านดอกแก้วเข้าสู่ยุคมืดโดยทายาทรุ่นถัดไป
"ฉันอายผู้คนที่ต้องอยู่บ้านหลังนี้"
ดาหลาลูกสาวเจ๊ออนกับอดีตสามีที่ตายไปแล้ว เธอที่เกิดมาท่ามกลางผู้หญิงขายตัว ทว่าดาหลาเอาแต่รังเกียจสิ่งที่แม่ ทำและกล่าวโทษที่เธอต้องมีชีวิตที่ไร้พ่อ
กลางดึกวันหนึ่งฝนตกโปรยปราย ทุกคนในบ้านหลับสนิท เงามืดกวาดสิ่งของมีค่าลงกระเป๋า พร้อมโฉนดที่ดิน ซึ่งสักวันต้องเป็นของเธอ
"สักวันมันต้องเป็นของหนู งั้นหนูเอาไปเลยแล้วกัน"
ในยามเช้าคนใช้เข้าไปเรียกหาคุณหนูไร้วี่แวว
มีเพียงจดหมาย
ถึงคุณแม่
"ลูกรักคุณแม่สุดหัวใจ แต่ลูกอยากมีคนครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา มีชีวิตที่ปกติสุขเช่นคนอื่น ลูกไม่อาจทนอยู่ในสายตาที่ผู้คนดูถูกไปได้ คุณแม่ไม่ต้องตามหาลูก ขอออกไปใช้ชีวิต"
ปล.ดาหลา
"คุณแม่คะ"
เสียงหวานเรียบจากใครคนหนึ่งที่กำลังยืนมองคนทั้งสองปลอบใจกัน
เจ๊ออนใจไหววูบน้ำแข็งที่เกาะกุมใจราวโดนทุบแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ
น้ำเสียงคุ้นเคยของลูกสาว เธอค่อย ๆ หันไปยังตนตอที่เรียกเธอด้วยความคิดถึง
ดาหลาหญิงสาวสวยปานนางในวรรณคดีบัดนี้ท้องโตอ้วนอวบเธอยืนลูบท้องเบา ๆ
ไม่มีบทพูด มีเพียงความเงียบ เจ๊ออนหันหลังให้ลูกสาวเดินจากไปอย่างไม่เหลือเหยื่อใย
"คุณแม่คะให้อภัยลูกด้วย" ดาหลาเอ่ยกับตนเองบางเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน
จันทร์เสี้ยวงุนงงกับเรื่องราวรู้เพียงคนท้องไม่ควรยืนนาน
"นั่งก่อนค่ะ" เสียงหวานพลางพยุงคุณแม่ให้นั่งลง
ใช่ว่าทุกคนจะเห็นความหวังดีจากใจ คนบางจำพวกจิตใจมืดบอดก็มองคนอื่นเลวร้ายไปเสียหมด
"ฉันดาหลา เธอเป็นใคร"
"ฉันเป็นเด็กในบ้านค่ะ"
"คุณแม่ดูรักเธอ"
"แค่เอ็นดูค่ะ"
ดาหลารู้เพียงว่าสายตาที่แม่เธอมองเด็กสาวคนนี้ไม่เหมือนมองคนในบ้านทั่วไป
หรือคุณแม่จะไม่รักฉันแล้วจริง ๆ
คุณแม่จะเอาเธอมาแทนที่ฉัน
ไม่ได้ เด็ดขาด
ฉันไม่ยอม
"คุณหนูของนิ่มกลับมาแล้วเหรอคะ"สาวใช้คนหนึ่งชื่อว่านิ่มวิ่งมาประจบเลียแข่งเลียขาคุณแม่คนสวยราวกับคุ้นเคย
"ไปค่ะ พี่นิ่มจะพาไปพักที่ห้อง"
นิ่มพยุงนายสาวท้องโตไปยังห้องนอนเดิม ดาหลาเดินจากไปแต่ทว่าปลายหางตายังคงฝังไว้ที่จันทร์เสี้ยว
"ห้องตรงนั้นของใคร"
"คุณหนูจันทร์เสี้ยวเจ้าค่ะ"
"คุณหนู"เสียงแหลมทวนอย่างไม่เชื่อหูแม่มีแค่เธอที่เป็นลูกสาว ใครกันที่กล้ามาเป็นคุณหนูอีกคน
"ใคร พี่นิ่ม"
"ก็คนเมื่อกี้ไงคะ"พี่นิ่มเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่วันที่เธอเดินเข้าบ้านมาสมัครงานแต่ได้รับอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่น จนถึงวันนี้
"อย่าคิดจะมาแทนที่ฉัน"
แต่ก่อนที่จะไปจัดการจันทร์เสี้ยวเธอต้องไปทวงบัลลังก์ลูกรักคืนมาเสียก่อน
ก็อก ก็อก ก็อก
"คุณแม่คะ"
นิ้วที่ดีดลูกคิดสายตาไล่ตรวจบัญชีไม่แม้แต่จะชายตามองลูกสาวที่ยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
ไม่มีเสียงตอบ มีแค่เสียงลูกคิดดังกระทบกันด้วยความเร็ว
แม่ที่เคยรักและให้อภัยเธอมาโดยตลอด ไม่เหลียวมองเธอสักนิด ต้องเป็นเพราะจันทร์เต็มดวงนั้นแน่นอน
ร่างท้วมท้องทรุดตัวนั่งลง พยายามก้มกราบแทบเท้า
ความโกรธเจ๊ออนยกเท้าหนีลูกสาว
"'วันนี้ลูกผิดไปแล้ว แม่ให้อภัยลูกได้ไหม"
"'ถ้าวันนี้แม่ไม่ยกโทษให้ ลูกจะอยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างไร"
"ลูกจะอยู่ก็ไม่ได้ จะไปก็ไม่มีที่ไป"
"เงินหมดแล้วเหรอถึงได้ซมซานกลับมา"
"ท้องโตมาขนาดนี้ ไหนพ่อเด็กถูกเขาฟันแล้วทิ้งมาล่ะสิ "
"ใช่ค่ะเขาทิ้งลูกไปแล้ว"ในตาดาหลาเริ่มพร่ามัวกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่สะอื้นร่ำไห้
เจ๊ออนยังคงนั่งนิ่งไม่แยแสลูกสาวผู้ใจแตก
เธอเห็นว่ามารดาไม่อาจยกโทษให้ อยู่ไปจะมีความหมายอะไรคนท้องอ้วนพยุงตัวลุกขึ้นกำลังจะก้าวเดินจากไป
"ชีวิตที่เลือกเดินไปแล้วไม่ต้องเสียใจ เริ่มใหม่"
มันไม่ใช่คำบอกกล่าวว่าให้อภัย
และไม่ใช่คำผลักไสไล่ส่ง
"แม่คะหนูขอโทษ" ดาหลาหันตัวเข้ามากอดแม่ทันที เจ๊ออนปาดน้ำตาราวกลับกลืนเลือดตัวเอง
"ต่อไปก็อยู่นี้ หลานเดี๋ยวแม่เลี้ยงเองไม่ต้องง้อผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น"
ดาหลากอดมารดาม่านน้ำตาที่เคยมีได้จางหาย เธอยิ้มกริ่ม มันพิสูจน์แล้วว่าเธอยังเป็นที่หนึ่งในใจมารดา
จันทร์เสี้ยวเธอต้องออกไปจากบ้านหลังนี้
ดาหลาสารภาพความผิดทั้งหมดต่อมารดาว่าตนได้นำบ้านไปจำนองกับเจ๊ปล่อยเงินกู้หน้าเลือดหากไม่นำเงิน5,000,000บาทไปไถ่ถอนภายในเวลาอีก2วันไม่อย่างนั้นบ้านจะโดนยึด
ข่าวบ้านถูกยึดแพร่กระจายออกไป เงินที่จันทร์เสี้ยวคิดว่าจะได้ก็ไม่กล้าทวงถาม เพราะบ้านดอกแก้วกำลังเข้าสู่วิกิต
"ฉันขอโทษนะที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้"
"เงินที่เธอสมควรได้รับมันกลับต้องนำมาไถ่ถอนบ้านหลังนี้"
"จันทร์เสี้ยวเข้าใจค่ะ"เธอเข้าใจจริง ๆ เพียงแต่คิดหนักจะทำอย่างไรได้ถึงจะช่วยน้องสาวพระจันทร์ให้หลุดพ้นวังวนนรก
"คนอื่นในบ้านออกรับงานหาเงิน แค่ไม่กี่วันก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ"
"ฉันได้ยินว่าเธอไม่เคยผ่านมือชายเลย"
"สิ่งนี้ไงที่มันมีราคาแพง"ดาหลาเดินเข้ามาใกล้พลางพูดกระซิบขายมัน
"คิดดี ๆ นะจันทร์เสี้ยวเธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนะ"
"ถ้าคิดได้แล้วมาหาฉันนะจันทร์เสี้ยว"
ดาหลายิ้มกริ่ม สวยแล้วยังเก็บความสาวไว้ได้อีก เลอค่าอย่างนั้นเหรอเสี้ยวจันทร์เธอจะมาเด่นกว่าฉันที่เป็นลูกแม่ได้อย่างไร
"เธอจะยอมเหรอคะคุณหนู"
"ไม่ใช่แค่สมยอม แต่เธอเต็มใจทำมันเลยล่ะ พี่นิ่มคอยดู"
สองขาก้าวเดินเตร็ดเตร่ในใจวุ่นวายเลื่อนลอยไปถึงท้ายสวน จันทร์เสี้ยวดวงตาหนักอึ้ง แต่ไม่สู้หัวใจที่หนักกว่า เธอจะทำอย่างไรดีฉันเสี้ยว
เธอนั่งลงกลางสวนหลังบ้านโยนหินลงน้ำก้อนแล้วก้อนเล่าทบทวนใจตัวเองหลาย ๆ ครั้ง
แต่เดิมเธอมาเพื่ออะไร ครอบครัวไม่ใช่หรือ
ต่อให้ต้องขายวิญญาณเธอก็ยินนี้คือคำปฏิญาณมันดังขึ้นมาอีกครั้ง
บัดนี้ใจที่ลังเล เริ่มไม่สั่นไหวอีกต่อไป
กลางดึกคืนนั้น รางอรชรอาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดรัดรูปแถมสั้น รองเท้าส้นเข็มสูงสองนิ้ว เธอไปหาดาหลาที่ห้องตามนัด
"มาแล้วเหรอ ฉันนึกว่าเธอจะไม่มาเสียอีก"
"นี่มันครั้งแรก เธอตามใจเสี่ยอ๋าหน่อยแล้วกัน เขาจะได้เงินตามต้องการ"
"ฉันต้องออกไปหาน้าออนไหม"
"แก...เธอจะไปหาแม่ทำไมเดี๋ยวลูกน้องเสี่ยมารับ รออยู่นี้"
เกือบแผนแตกแล้วไหมล่ะ ถ้าแม่จับได้จบกัน นางจันทร์เต็มดวงนี่รู้มากเสียจริง
จันทร์เสี้ยวนั่งรออยู่นานรู้สึกปวดฉี่ จึงเดินหลบไปเข้าห้องน้ำระหว่างทางกลับมา
แมวที่ไหนไม่รู้สีเทาขนฟูฟ่องปุกปุยจันทร์เสี้ยวตกหลุมรักในความทะเล้นของมัน คล้ายต้องมนต์สะกด เธอเดินตามมันอยากนำกลับมาเลี้ยง เจ้าสี่ขาวิ่งหนีการจับกุมไปยังประตูหน้าบ้าน
จันทร์เสี้ยววิ่งตามไม่ห่าง
พอถึงรั้วเจ้าเทาพลันหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ทว่าตรงหน้าเธอกลับปรากฏเท้าของใครคนหนึ่งจันทร์เสี้ยวเงยมองจากปลายเท้าไล่ไปจนถึงใบหน้า
"เชิญขึ้นรถเลยครับ"ชายแปลกหน้าเอ่ยเสียงเรียบ
"ค่ะ"
ภายในรถมีเพียงเธอนั่งข้างหลังและเขาคนขับรถ
"ขอถามได้ไหมคะ"
"'ได้ครับ ถ้าตอบได้"ชายคนขับตอบเสียงเรียบ
"เสี่ยชอบอะไร ไม่ชอบอะไรพอจะบอกได้ไหมคะ"
ชั่วอึดใจ เธอนึกว่าเขาจะเมินไม่ตอบ แต่เขายอมพูด
"ไม่ชอบให้ผู้หญิงที่ไปนอนด้วยหลงรักครับ"
"ทำไมเหรอคะ"
คราวนี้เขาเมินไม่มีเสียงตอบ มีเพียงความเงียบภายในรถที่วิ่งด้วยความเร็วอย่างสม่ำเสมอ
เขาจอดให้เธอลงหน้าโรงแรมสูงเฉียดฟ้า จันทร์เสี้ยวแหงนมองยอดตึกใจเต้นราวกลองศึกที่โรมรัน
ครั้งแรกของเธอ ใครบ้างไม่ตื่นเต้น
ท่องไว้จันทร์เสี้ยว เพื่อน้อง เพื่อยาย
"เชิญทางนี้ครับ"คนขับรถเชิญเธอให้เดินตาม เธอสังเกตเห็นนิ้วหนากดหมายเลขชั้น12 ลิฟท์ทยานสู่ยอดสูงสุดของตึก
"นายครับ"
"อืม"เสียงเข้มขรึมตอบรับจากคนภายในห้อง
จันทร์เสี้ยวใจเต้นตึกตักเปลี่ยนเป็นโครมครามดังกัมปนาทแผดเสียงก้องสกล
"นายรออยู่ด้านในผมส่งคุณแค่นี้..."
แค่คืนนี้ พรุ่งนี้เช้ามันก็จบลง...จันทร์เสี้ยว
เช้าวันนี้ทิวสนเดินทางไปทำงานทั้งที่เมื่อคืนป่วยหนัก ใจเขาไม่อยากทิ้งภรรยาคนงามไว้ที่บ้านเพียงลำพัง แต่ด้วย โครงการเร่งด่วน บีบบังคับให้เขาพากายที่ไร้หัวใจเข้าประชุมพนักงานทุกฝ่ายเข้าประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อได้เผลอทำในสิ่งที่เจ้านายไม่ได้สั่งและปิดบังจนเรื่องบานปลาย หัวหน้าโครงการนั่งตัวเกร็งเหงื่อตกเปิดหาเอกสารด้วยอาการร้อนรน"นี่ครับ คุณทิวสนเอกสารที่คุณต้องการ"มือที่ยื่นแฟ้มเอกสารให้ผู้เป็นนายด้วยอาการสั่นเทาเล็กน้อย ก่อนจะปาดเหงื่อบนใบหน้า สายตาคมเข้มรอบมองลูกน้องอย่างเงียบ ๆ ก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้พนักงานในห้องประชุมถึงกับงงกันเป็นแถว "ในเมื่อผิดพลาดไปแล้ว ก็ต้องรีบแก้ไข วันนี้ทุกคนคงต้องอยู่ทำงานจนดึก เดี๋ยวให้ฝ่ายบุคคลสั่งอาหารเย็นให้ วันนี้พอแค่นี้ไปทำงานเถอะ"ทิวสนในสายตาลูกน้องคือคนเคร่งคัดเป็นระเบียบ ดุ จริงจังกับการทำงานห้ามผิดพลาดและบทลงโทษสำหรับคนผิดพลาดนั้น ทุกคนต่างพากันหวาดกลัวเป็นที่สุด กร ถอนหายใจทันทีที่หลังพ้นประตูห้องประชุม สำหรับเขาแล้วมันคือขุมนรกที่มัจจุราชกำลังพิพากษาตัดสินโทษแก่ดวงวิญญาณผู้ได้พลั้งมือฆ่าคน "นึกว่าจะโดนไล่ออกซะแล้ว""นั่นสิ สาธุ ศั
ใบหน้าหล่อคมเต็มด้วยรอยช้ำ เสี่ยงเพ้อหลุดจากปากปลุกให้ร่างอวบอิ่มตกใจตื่นขึ้นมา"คุณทิวสน คุณทิวสนคะ"เธอเอ่ยเรียกด้วยอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น ทว่าคนที่เธอเอ่ยปากเรียกกลับไร้เสียงตอบรับ แถมยังเพ้อไม่หยุด จันทร์เสี้ยวสลัดความง่วงที่เกาะกุมให้หลุดก่อนใช้มือไปสัมผัสตัวเขาพลางเขย่าเบา ๆ นอนอะไรขนาดนั้น เรียกก็แล้ว เขย่าก็แล้ว เธอนึกโมโหในใจ มือเรียวจึงคว้าเปิดๆหัวเตียงก่อนขยับลุกขึ้นนั่ง ตั้งท่าจะไปบ่นให้เขาเสียเต็มที่ ทว่าใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้ซีดเซียวราวกับไก่ต้ม เธอใช้มืออังวัดไข้ เพียงสัมผัสบางเบาก็รับรู้ได้ถึงความร้อนระอุเธอจึงรีบลุกจากเตียงเดินตรงไปยังห้องแต่งตัว เปิดหาผ้าขนหนูผืนเล็กสำหรับเช็ดตัว ไม่นานเธอกลับออกมาในมือถือถังใส่น้ำอุ่นและกระเป๋ายาเดินตรงมายังเตียง เปิดกล่องยาใช้เครื่องวัดไข้ วัดที่หน้าผากเขาหน้าจอแสดงผลอุณหภูมิสูงถึงสามสิบเก้าองศา ไข้สูงเชียว ทำไมฉันต้องมาดูแลคนที่ทิ้งฉันไปด้วย แต่ช่างเถอะพรุ่งนี้ยังไงฉันก็จะไปจากที่นี่แล้ว แค่ตอนนี้ช่วยเหลือถือซะว่าเอาบุญ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น ท่องไว้ จันทร์เสี้ยวเมื่อนึกได้ดังนั้นเธอจึงเริ่มลงมือเช็ดตัวให้เขาจนไข้ลดลง ความเ
"คุณเห็นจันทร์เป็นอะไร" มือบางที่กำแน่น...มันแน่นจนตัวเธอเองก็รับรู้ได้ถึงรอยเล็บที่ฝังลงบนเนื้อตัวเอง ทุบไปยังไหล่เขา ที่บัดนี้ไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระความเจ็บคอยย้ำเตือนตนเองภายในใจ...เจ็บตอนนี้ดีกว่ากลับมาอยู่ในสถานะเขารักก็ดีด้วย พอไม่รักเขาก็ไม่เห็นค่า..."โอ๊ย"ใบหน้าคมถึงกับนิวหน้า ราวกับว่าโดนของมีคมแทงทะลุเนื้อไหล่เขา เลือดค่อย ๆ ซึมทะลุชุดนอน"คุณเป็นอะไรคะ ทำไมถึงมีเลือด" เธอรีบปลดกระดุมเสื้อเพื่อดูที่มาของเลือดเขาไม่ตอบกับเพียงยิ้มที่เห็นคนบางคนเมื่อกี้ยังต่อว่าเขาอยู่ พอเห็นว่าเขาไม่สบายกลับแสดงอาการเป็นห่วงทันทีที่ปลดเปลื้องเสื้อออกเผยให้เห็นท่อนบนที่เปลือยเปล่ากล้ามเนื้อเป็นลอนที่เธอคุ้นเคย เลือดแดงฉานซึมทะลุผ้าปิดแผลเพราะเธอเป็นคนทำ"แผลน่าจะปริ ไปหาหมอเถอะค่ะ"เธอที่ทำเตรียมจะลุกพาเขาไปหาแต่มือหนายังคงรั้งเอวบางไว้ในอ้อมแขน"ไม่ต้องไปหรอก...แค่หนูห่วงใยพี่แผลนี้ก็หายแล้ว"คำที่เขาเอ่ยออกมามันทำให้ใจของเธอราวกับดอกไม้แห้งเฉาได้รับน้ำจากคนสวน สดชื่นแต่ต้องรอคอย ซึ่งเธอไม่อยากเฝ้ารอการดูแลจากใครอีก เธออยากเป็นดอกไม้ที่เติบโตข้างริมน้ำ"แค่วันนี้เท่านั้นค่ะ พรุ่งนี้จั
บรรยากาศภายในรถปกคลุมไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดัง สายตาคู่งามมองทอดออกไปนอกบานกระจกรถ ใจอยากให้ถึงบ้านเสียเร็ว ๆ ไม่ต้องทนอยู่กับซาตานน้ำแข็งเช่นเขา ถึงแม้ว่าช่วงนี้ท่าทีของเขาแปลกไป อ่อนโยนขึ้น เธอก็ไม่อาจคาดเดาความคิดเขาได้ว่าจะระเบิดความเคียดแค้นใส่เธออีกตอนไหน ทว่าวันนี้เขาขับช้ากว่าปกติ ยิ่งกินอิ่มท้องผนวกกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศเธอรู้สึกสบายตัวจนไม่อาจต้านทานความง่วง ผล็อยหลับไปในที่สุด สายตาคมลอบมองเธอลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอจากร่างบางที่บัดนี้อวบขึ้นเล็กน้อยกำลังนอนหลับตาพริ้มแก้มเนียนอมชมพู ในขณะเดียวกัน มือหนารีบประคองใบหน้างามที่กำลังเอนตกจากการหลับลึกให้อยู่ในท่าที่นอนสบาย อย่างเบามือ อย่างเกรงกลัวว่าเจ้าของความงามนี่จะตื่น เปรียบดั่งรักษาน้ำหยุดสุดท้ายที่มีในมือไม่ให้ร่วงหายไป ทว่ามือบางกลับไม่ยอมปล่อยแขนของเขาให้เป็นอิสระเธอดึงรั้งเอาไว้ก่อนขยับตัวเข้าหากอดแขนของเขาแน่นยิ่งกว่าเชือกที่ผูกตาย...ไม่สามารถหาทางแก้ได้ "คนใจร้าย..."เสียงหวานพร่ำเพ้อพูดในขณะที่ยังหลับ แม้ยามหลับฝันเธอยังต่อว่าเขาขนาดนี้ นับประสาอะไรกับตอนตื่นเธอต้องไม่ให้อภ
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบชั่วขณะ ทุกคนทานข้าวอย่างเงียบ ๆ อย่างรอคอยคำตอบ ของจันทร์เสี้ยว "แต่ยายว่ามันคือข่าวดีสำหรับบ้านของเรานะลูก ไม่ผิดแน่นอน อาการของทิวสนเหมือนคุณตาตอนที่ยายตั้งครรภ์แม่เข็ม และเหมือนพ่อไผ่ตอนที่แม่มะลิตั้งครรภ์ทิวสน บ้านเรามันเป็นกรรมพันธุ์สามีแพ้ท้องแทนภรรยา" "ตอนนี้ทิวสนเหมือนตาสมัยหนุ่ม ๆ ง่วงนอนท้้งวัน แถมทานต้มกล้วยอีกอาการชัดขนาดนี่" "วันนี้ข่าวดีจริง ๆ อยู่ที่นี่กับตาและยายนะจันทร์เสี้ยว ไม่ต้องไปไหน ส่วนใครมันไม่ยอมรับอะไร ก็ปล่อยมันไป ตาเลี้ยงเองเหลนคนนี้" "ค่ะ ขอบคุณสำหรับความรักที่คุณตาและคุณยายมอบให้จันทร์นะคะ แต่จนไม่อาจทนอยู่ในที่มองว่าจันทร์ทำผิดได้ ให้ฉันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะนะคะ หนูขอร้อง" "เด็กต้องเกิดท่ามกลางสายตาคนเป็นพ่อที่ไม่ยอมรับแม่ของเขามันโหดร้ายเหลือเกิน....สำหรับผ้าขาวหนึ่งผืน" ไม่เป็นไรเลยนะลูกแม่สามารถเลี้ยงลูกได้ เธอสื่อสารกับลูกในท้อง การแต่งงานครั้งนี้ค่าสินสอดแต่งงาน ยายของเธอไม่เรียกร้องสักบาท ขอเพียงเขาดูแลเธอเท่านั้นเอง ทว่าในเมื่อมันไปต่อไม่ได้ ถอยออกมาย่อมดีกว่า เงินค่าสินสอดที่เธอได้พอทำให้เธอยกฐานะจากหาเช้
หลังจากหย่าทิวสนคิดว่าตนเก่ง เพราะเขาเคยได้รับวัคซีนทางใจมาแล้วจากภรรยาคนเดิม พอแต่งอีกครั้ง มันยังผิดหวังอีก เขาจึงมองว่ามันเป็นแค่จุดเปลี่ยนของชีวิตเวลาผ่านไปสองเดือน เขากลับหวนคิดถึงแววตานั้นอีกครั้ง นี่นายเป็นอะไร แค่เด็กขายตัวคนเดียว ที่เปลี่ยนมาเป็นเมียแต่งแค่ไม่กี่คืน จะคิดถึงทำไม นายนอนกับผู้หญิงมาตั้งเท่าไหร่ แต่ทว่าตั้งแต่เลิกกับเธอไป...เขาไม่เคย ซื้อใครอีกเลย เขาเลือกที่จะทำงานหนักในทุกวันเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นกลบความคิดถึงที่กำลังก่อตัวอย่างเงียบ ๆ ให้ดับวูบในทันที กิตตินำกาแฟมาเสริฟเขาตามเช่นเคยในทุกวัน"อเมริกาโน่ครับ"เอาออกไปเลย เหม็นจนเวียนหัวจะอ้วกเขาเอามืออุดจมูก พร้อมเดินเข้าไปยังห้องส่วนตัวที่คล้ายกลับยกบ้านมาไว้ที่ทำงาน "นายเลื่อนประชุมหน่อยนะ ฉันไม่สบาย"เขาพูดพลางล้มตัวลงนอนที่โซฟาหลับยาวตั้งแต่สิบเอ็ดโมงถึงสี่โมงเย็นเขาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเวียนหัวอยู่ดี ง่วงนอน อยากทานของดอง...เขานึกพลางคิดว่าจะไปทานที่ไหนได้"กลับโรงแรม หรือคอนโดครับ"กิตติเตรียมตัวเก็บของและขับรถไปส่งผู้เป็นนาย"กลับบ้านสวน"เขาเอ่ยพร้อมเดินผ่านห้องพักพนักงาน ได้กลิ่นบางอย่าง เขา