Share

บทที่ 7

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
เหลยเจิ้นมิตอบทันที แต่ชี้ไปที่หัวของตน

ฉินอู๋ต้าวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าหมายถึงอะไร?”

“ทูลฝ่าบาท ปีนี้ดาวแห่งจักรพรรดิจะเข้าสู่วังชีวิต ทำลายอิทธิพลชั่วร้าย ดาวดวงอื่น ๆ หลับใหล นี่เป็นตัวบ่งบอกถึงจำนวนภัยพิบัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อดาวไท่เวยอยู่ข้าง ๆ วังชีวิต เคราะห์ร้ายก็คลายกังวล หลังจากวันชุนเฟินในปีหน้า ครั้นดาวทุกดวงกลับคืนสู่ตำแหน่ง ไทเว่ยก็จะถูกขับออกจากตำแหน่ง"

“เจ้ากำลังบอกว่า องค์รัชทายาทคือกุญแจสำคัญที่ช่วยป้องกันข้าจากเคราะห์ร้ายรึ?”

เหลยเจิ้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “พ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่ดวงดาวจะกลับสู่ตำแหน่ง ต้องมิรบกวนไท่เวย มิเช่นนั้นโชคร้ายร่วงหล่นจากสวรรค์ ทั่วหล้าโกลาหลวุ่นวาย แคว้นจะตกอยู่ในอันตรายพ่ะย่ะค่ะ!”

การแสดงออกของฉินอู๋ต้าวเริ่มจริงจัง

หากมีใครพูดเช่นนี้เขาคงจะสั่งให้ลากคนผู้นั้นออกไปตัดศีรษะแล้ว

ทว่ายามนี้คำพูดที่มาจากปากของหัวหน้าโหรหลวงแห่งสำนักหอดูดาวหลวง เขาก็มิกล้าที่จะนิ่งนอนใจ

ท้ายที่สุดแล้ว ความสามารถของเขาในการขึ้นสู่บัลลังก์นั้นขึ้นอยู่กับวิธีการทำนายที่ลึกลับยากจะคาดเดาของเหลยเจิ้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คำทำนายทั้งหมดของเหลยเจิ้นนั้นเป็นจริง

ดังนั้น เขาจึงให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของเหลยเจิ้นมาโดยตลอด

ดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า “แม้ว่าการกระทำขององค์รัชทายาทในวันนี้จะดูมิคาดคิดเล็กน้อย ทว่าภูมิแคว้นนั้นยังเปลี่ยนแปลงได้ แต่ธรรมชาติของมนุษย์นั้นยากแท้ที่จะเปลี่ยน หากเขาทำอะไรมากเกินไป เกรงว่าเขาจะอยู่มิถึงวันชุนเฟินปีหน้า"

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ข้าน้อยมีความคิดพ่ะย่ะค่ะ”

“หืม? บอกข้ามาสิ!”

“องค์รัชทายาททรงเสน่ห์และเจ้าเล่ห์ มิยับยั้งชั่งใจ หลังจากที่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ทั้งในและนอกพระราชวังนอกจากฝ่าบาทแล้วหาได้มีผู้ใดควบคุมองค์รัชทายาทได้ไม่ โชคดีที่ชายแดนทางใต้สงบมาหลายวันแล้ว เหตุใดมิเรียกแม่ทัพฉงให้กลับมาหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของฉินอู๋ต้าวก็สว่างขึ้นเล็กน้อย!

“ให้นางอยู่ตำหนักบูรพาดีหรือไม่? ดีเหมือนกัน อารมณ์รุนแรงของนางอาจช่วยให้องค์รัชทายาทควบคุมตัวเองได้”

“ฝ่าบาท หากพระองค์ทรงต้องการให้แม่ทัพฉงควบคุมองค์รัชทายาทได้ เกรงว่าจะต้องให้สิทธิพิเศษบางอย่างแก่นางพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่ามิใช่ปัญหา เช่นนั้น เจ้าไปทำเรื่องของเจ้าเถอะ”

เหลยเจิ้นโค้งคำนับและถอยกลับ

ฉินอู๋ต้าวหันไปสั่งขันทีอาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “เฉาฉุน รีบร่างคำสั่งแล้วส่งไปยังชายแดนใต้แปดร้อยลี้โดยด่วน!”

……

ในเวลาเดียวกัน

รถม้าหรูหราคันหนึ่งมาจอดอยู่หน้าตำหนักอ๋องฉี

นี่ต้องเป็นรถม้าของอ๋องฉี ฉินหง มิผิดแน่

ผู้ที่มากับเขาคือหลินซีเสนาบดีกรมพระคลัง

ทันทีที่ฉินหงลงจากรถม้า เขาก็รีบถามคนรับใช้ “ชิงเหยาเล่า?”

“ทูลท่านอ๋อง วันนี้คุณหนูหลินมิได้มาเพคะ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของฉินหงก็จมลง สีหน้าเคร่งขรึมในทันใด และหมัดของเขาก็กำแน่นโดยมิรู้ตัว

หลินซีรีบปลอบ “ท่านอ๋องฉี ชิงเหยาคงมิคิดว่าเราจะกลับจากพระราชวังเร็วเพียงนี้ นางจึงมิได้มา กระหม่อมจะส่งคนไปเรียกนางพ่ะย่ะค่ะ. ”

“มิจำเป็น ตัวข้าจะไปจวนเจ้าเอง”

หลังจากที่ฉินหงพูดจบก็หันกลับไปขึ้นรถม้า

หลินซีรีบกลับไปที่รถม้าและมุ่งหน้าไปยังจวนของตน

ครึ่งชั่วยามต่อมา

พวกเขามาที่จวนตระกูลหลิน

ทันทีที่ฉินหงเข้าผ่านประตูไป คนรับใช้ของจวนตระกูลหลินก็รีบคุกเข่าลงและทำความเคารพ

หลินซีตะโกนใส่พวกเขา “จะยังอยู่ตรงนั้นหาปะไร? รีบไปเรียกคุณหนูมาต้อนรับท่านอ๋องฉีเร็วเข้าสิ!"

“ขอรับ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”

บ่าวรับใช้ลุกขึ้นยืนอย่างประหม่าและรีบวิ่งเข้าไปในเรือน

ในเวลานี้ หลินชิงเหยาอยู่ในศาลาหลังบ้าน มองดูดอกบัวบานในสระน้ำอย่างเหม่อลอย

สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ถามอย่างกังวลใจว่า “คุณหนู เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ? ไฉนไปข้างนอกกลับมาแล้วจึงดูแย่เช่นนี้เล่าเจ้าคะ?”

หลินชิงเหยาส่ายหัวเล็กน้อยและมิพูดอะไร

“คุณหนู ท่านอ๋องฉีเสด็จมาขอรับ นายท่านเรียกให้คุณหนูไปต้อนรับขอรับ”

เมื่อได้ยินคำพูดของบ่าวรับใช้ ใบหน้าอันงามของหลินชิงเหยาก็ฉายการแสดงออกที่ซับซ้อน

นางเหลือบมองสาวใช้แล้วเตือน “เสี่ยวหลี เรื่องวันนี้ห้ามบอกใคร รวมถึงท่านพ่อข้าด้วย”

หลังจากพูดแล้วนางก็หันหลังเดินออกจากสวนหลังบ้านไป

สาวใช้เสี่ยวหลีดูสับสนและพึมพำกับตัวเอง "วันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เจ้าคะ คุณหนู เกิดอะไรขึ้นกันแน่หรือเจ้าคะ?"

หลินชิงเหยามาที่ลานด้านหน้า เมื่อเห็นฉินหงนางก็ระงับความกังวลในใจอย่างรวดเร็วและแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าอันงดงามของนาง

“ถวายบังคมเพคะ ท่านอ๋องฉี”

นางพยักหน้าเล็กน้อยและโค้งคำนับอย่างสง่างาม

ฉินหงถามอย่างเคร่งขรึม "วันนี้เจ้าได้พบฉินซูหรือไม่?"

หลินชิงเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “มิได้พบเพคะ มิใช่ว่าท่านส่งคนมาบอกหม่อมฉันหรือเพคะว่าแผนถูกยกเลิกแล้ว? หม่อมฉันจึงออกมาได้ทันเวลา”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินหงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดีแล้ว ข้าคิดว่าไอ้สารเลวฉินซูนั่น…”

เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ เขาก็รีบกลืนคำพูดที่เกือบจะหลุดออกมาจากปาก

หลินชิงเหยาขมวดคิ้วและถามว่า “ท่านอ๋อง มีอะไรหรือเพคะ?”

“ไม่ ไม่มีอะไรหรอก ชิงเหยา เจ้าจำไว้ว่า เจ้าเป็นสตรีของตัวข้าผู้เป็นอ๋อง ข้าจะเข้าไปที่พระราชวังและหาโอกาสบอกเสด็จพ่อให้ข้ากับเจ้าแต่งงานกัน”

หลินชิงเหยายืนนิ่งเงียบ ไม่มีความคิดเห็นใด

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉินหงก็ขมวดคิ้วและถามว่า “ชิงเหยา เจ้ามิอยากแต่งงานกับข้าหรือ?”

ปากของหลินชิงเหยาขยับแต่มิรู้ว่าจะตอบอย่างไรไปสักครู่

หลินซีรีบอธิบาย “ท่านอ๋องทรงคิดมากแล้ว ชิงเหยามีความสุขมากจนมิรู้จะพูดสิ่งใดน่ะสิพ่ะย่ะค่ะ"

เขาหันไปหาหลินชิงเหยาและตักเตือนอย่างเข้มงวด "ชิงเหยา ท่านอ๋องฉีทรงโปรดปรานเจ้ามาก ยังมิรีบขอบพระทัยท่านอ๋องอีกเล่า"

ฉินหงโบกมือแล้วพูดว่า “ที่นี่ไม่มีคนนอก มิจำเป็นต้องเป็นทางการนัก ว่าแต่ใต้เท้าหลิน ในพระราชวังก่อนหน้านี้ เจ้าบอกข้าว่าจะเติมเชื้อไฟใส่ฉินซู รีบบอกแผนของเจ้าให้ข้ารู้เร็วเข้าสิ”

หลินซีหรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดอย่างมีความหมาย "วิธีที่ง่ายที่สุดและตรงที่สุดในการจัดการกับคนขี้สุราเคล้านารีอย่างฉินซู แน่นอนว่าต้องเป็นกลยุทธ์สาวงาม!"

“เจ้าคงมิอยากให้ชิงเหยาไปใช่หรือไม่?”

ฉินหงรู้สึกมิสบายใจอย่างอธิบายมิถูก เขามิอยากเสี่ยงให้คนรักของเขาเกี่ยวข้องกับแผนการเช่นนี้จริง ๆ

การแสดงออกของหลินชิงเหยาเปลี่ยนไป นางรู้สึกคาดหวังเล็กน้อยในใจ

โดยมิคาดคิดหลินซีส่ายหัวและพูดว่า “ไม่พ่ะย่ะค่ะ ชิงเหยาเป็นลูกสาวของกระหม่อม และยังเป็นคนโปรดของท่านอ๋อง กระหม่อมจะทำให้นางตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?"

“แล้วกลยุทธ์สาวงามที่เจ้าเพิ่งพูดถึงคือ...”

“ท่านอ๋อง บุตรีของชิ่งกั๋วกง(1)นั้นงดงามยิ่ง มีทั้งทักษะร่ายรำขับร้องที่ดี หากเราตัดสินใจใช้กลยุทธ์สาวงามนางก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”

“คนที่มีนามว่าเซี่ยหลานใช่หรือไม่?”

“มิผิด เป็นนางพ่ะย่ะค่ะ ชิ่งกั๋วกงก็เห็นด้วยแล้ว ตราบใดที่ท่านอ๋องตกลง แผนนี้ก็สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น!”

ฉินหงพยักหน้าโดยมิลังเล “แน่นอนว่าข้าเห็นด้วย ตราบใดที่ฉินซูกล้าทำสิ่งที่มิเหมาะสมกับเซี่ยหลาน ชิ่งกั๋วกงจะรายงานต่อหน้าเสด็จพ่อ ก่อนวันชุนเฟิน ฉินซูได้ถูกปลดก่อนเป็นแน่

“เรื่องนั้นมิควรล่าช้า กระหม่อมจะไปที่จวนของชิ่งกั๋วกงเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากที่หลินซีพูดจบ เขาก็รีบเดินออกไป

ฉินหงหมกมุ่นอยู่กับจินตนาการของตน ดูเหมือนเขาจะนึกภาพฉากที่ฉินซูถูกปลด

เขามิได้สังเกตเลยว่าหลินชิงเหยามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกและความรังเกียจ

หลินชิงเหยาอดมิได้ที่จะถาม “ท่านอ๋องเพคะ หากพวกท่านทำเช่นนี้ มิกลัวหรือว่าเซี่ยหลานจะถูกองค์รัชทายาทใช้กำลัง?

ฉินหงยิ้มอย่างมิใส่ใจและเอ่ยว่า “กลัวอะไรเล่า? ตัวข้าหวังว่าฉินซูจะทำจริง ๆ หากเขาทำ เขาจะได้ประสบปัญหาเป็นแน่"

“เมื่อเช้านี้ที่ท่านขอให้หม่อมฉันไปที่ตำหนักบูรพา นั่นคือสิ่งที่ท่านคิดใช่หรือไม่? แม้ว่าหม่อมฉันจะถูกองค์รัชทายาทกระทำก็มิได้สำคัญ ใช่หรือไม่?”

หลินชิงเหยารู้สึกหนาวสั่นอย่างท่วมท้นในใจ

กั๋วกง เทียบได้กับตำแหน่งเจ้าพระยา เป็นตำแหน่งสูงสุดที่ขุนนางได้จักรพรรดิ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 848

    ไช่ซือได้สติ ก็แผดเสียงคำราม “พลโล่รีบจัดทัพ ล้อมมันไว้ อย่าให้มันหนีไปได้!”“เฮ!”ท่ามกลางเสียงคำรามกึกก้องนั้น พลโล่กรูเข้ามาตั้งวงล้อมรอบส่วนทหารที่เหลือก็รีบหลบไปอยู่ด้านหลังพลโล่ภายในวงล้อมนั้น ในมิช้าก็เหลือเพียงฉินซู เกาตงและไช่ซือซึ่งเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงส่งกว่าใคร“เจ้าเป็นใคร จงเอ่ยนามมา!”เกาตงจ้องฉินซูอย่างดุดันแล้วตะโกนถามฉินซูยิ้มอย่างสุขุม มิได้ตอบคำถามของเขา แต่กลับหัวเราะเยาะ “แค่เศษเหล็กพวกนี้ คิดว่าจะขังข้าได้รึ? ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!”สิ้นคำเขาก็กระโจนร่างขึ้นสูง!“แย่แล้ว เขากำลังจะหนี! รีบหยุดมันไว้!”เกาตงสั่งการ พลหอกที่อยู่ด้านหลังพลโล่ก็รีบยกหอกขึ้นสูงแทงใส่ฉินซูที่อยู่กลางอากาศกระบี่ยาวในมือของฉินซูสะบัดหนึ่งครั้ง หอกเหล่านั้นก็หักกลางลำทันที!หลังจากนั้น ฉินซูมิเพียงแต่มิหนีไปไหน แต่กลับร่อนลงด้านหลังพลโล่ และสะบัดกระบี่ยาวในมืออีกคราเริ่มการสังหารอย่างบ้าคลั่งครั้นเห็นการกระทำของเขา เกาตงแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยโทสะจนต้องคำรามลั่น “กระจายกำลัง! รีบกระจายกำลังออกไป!”ขณะกล่าว เขาก็สั่งให้ไช่ซือและคนอื่น ๆ ไล่ตามฉินซูไปติด ๆแต่ฉินซูก็หาไ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 847

    แต่ทันใดนั้นเอง!จู่ ๆ ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากที่ไกลออกไป!ตามด้วยเสียงคำรามโทสะ “ข้าศึกบุก! ข้าศึกบุก! รีบตั้งรับเร็วเข้า!!”เมื่อได้ยินดังนั้น เกาตงและไช่ซือก็ต่างหัวใจสั่นสะท้าน!เมื่อได้สติ เกาตงก็ยิ้มเหี้ยมเกรียม “โคตรแม่งมันสิ กล้าลอบเข้ามาโจมตีกลางวันแสก ๆ เตรียมอาวุธ อย่าให้พวกมันรอดกลับไปได้!”“ขอรับ! เร็วเข้า! รีบเตรียมอาวุธรับมือ!”ไช่ซือสั่งการ เหล่าทหารที่ยังหลับใหลอยู่ต่างกระโดดออกมาจากกระโจมอย่างรวดเร็ว เข้าสู่สภาวะพร้อมรบทันใดพวกเขาติดตามเกาตงและไช่ซือวิ่งไปยังทิศทางของเสียงที่ดังขึ้น ทว่าทุกคนกลับต้องตะลึงงัน!เห็นเพียงร่างหนึ่งอยู่มิไกลข้างหน้า กำลังพุ่งเข้าสังหารฝูงชน!นอกจากนี้ ยังไม่มีเงาร่างของศัตรูคนอื่นใดอีก!ไช่ซือมีสีหน้าตกตะลึง “เจ้าคนบ้าบิ่นคนเดียว กล้าบุกเข้าค่ายเราเชียวรึ?”“เจ้าคนสามานย์ คิดว่าค่ายทหารม้าหุ้มเกราะของเราจะยอมง่าย ๆ รึ นำดาบข้ามา ข้าจะลงมือสับมันเอง!”เกาตงรับดาบรบมาแล้วเตรียมจะลงมือด้วยตนเองไช่ซือรั้งตัวเขาไว้แล้วเอ่ยเตือน “ท่านแม่ทัพเกา อย่าใจร้อนนักเลยขอรับ ดูท่าทีไปก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด”เกาตงขมวดคิ้วพลางมองไปยังก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 846

    เกาตงเช็ดคราบเลือดที่มุมปากแล้วกัดฟันกรอด “วางใจเถิด ข้าตายมิได้ หนี้เลือดในวันนี้ วันพรุ่งข้าจะให้พวกมันชดใช้คืนร้อยเท่าพันทวี!”สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ใบหน้ามืดครึ้มจนน่ากลัวหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็สั่งการ “ไช่ซือ เจ้าเกณฑ์คนไปซุ่มโจมตีรอบ ๆ ป้องกันมิให้พวกมันมาลอบโจมตีอีก! ส่วนคนอื่น ๆ ก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ ฟื้นฟูพละกำลังให้เต็มที่ แล้ววันพรุ่งค่อยบุกขึ้นเขาไปล้างแค้นความอัปยศในวันนี้!”“น้อมรับบัญชา! ท่านแม่ทัพเกาวางใจได้ หากพวกมันกล้ามาอีก ข้าจะทำให้พวกมันมิได้กลับไปอีก!”ไช่ซือโบกมือแล้วนำทหารฝีมือดีหลายพันนายไปซุ่มโจมตี......เหนือหุบเขาเจี่ยเซิ่งมาหาฉินซูแล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้น “บุตรแห่งนักปราชญ์ ตอนนี้ดึกมากแล้ว พวกเราควรนำคนลงจากเขาไปลอบโจมตีพวกมันดีหรือไม่ขอรับ?”เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ดวงตาของทุกคนรอบข้างก็พลันสว่างไสวขึ้นมาทันที ต่างเตรียมพร้อมที่จะลงมือฉินซูถอนหายใจเหลือบตามองพวกเขา แล้วกล่าว “พวกมันเพิ่งจะประสบความสูญเสียใหญ่หลวงไปเมื่อครู่ ตอนนี้คงวางแผนซุ่มโจมตีรอเราตกหลุมพรางอยู่เป็นแน่!”เจี่ยเซิ่งคิดดูแล้วก็เห็นด้วย จึงจำใจยอมแพ้ฉินซ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 845

    “รองแม่ทัพของอ๋องเซียงหยางทุกคนล้วนเป็นผู้ที่สามารถนำทัพทำศึกได้ดีเยี่ยม เพียงแต่อ๋องเซียงหยางตั้งมั่นแน่วแน่ที่จะแก้แค้นให้บุตรชายของตน ดังนั้นเมื่อใดที่อาการบาดเจ็บของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เขาย่อมต้องพักรบ ซึ่งจะทำให้พวกท่านเป่ยเยี่ยนมีเวลาเสริมสร้างปราการป้องกันเมือง!”“พูดง่ายนี่ ต่อให้อ๋องเซียงหยางมาถึงแนวหน้า เขาย่อมต้องปักหลักตั้งค่ายใหญ่โต คิดว่าลอบโจมตีเขาง่ายนักหรือ?”ชิวเจ๋อเอ่ยปาก “ข้าน้อยยินดีช่วยเหลือพวกท่าน ขอเพียงพวกท่านปล่อยข้ากลับไป ข้าจะลอบเข้าหาอ๋องเซียงหยาง แล้วลงมือโจมตีเขาให้บาดเจ็บ เช่นนี้เขาก็จำต้อง...”ยังมิทันกล่าวจบ เจี่ยเซิ่งก็แค่นยิ้มเย็นเอ่ย “ปล่อยเจ้ากลับไปรึ? เจ้าเห็นพวกข้าโง่เง่าเต่าตุ่นหรือไร? อีกอย่างวรยุทธ์ของเขาทั้งทรงพลังลึกล้ำจนมิอาจหยั่งถึง อย่างเจ้าน่ะหรือจะทำกระไรเขาได้?”ชิวเจ๋อหน้าซีดด้วยความอับอาย มิรู้จะพูดอย่างไรเจี่ยเซิ่งมิสนใจเขา หันไปทางฉินซูแล้วกล่าว “บุตรแห่งนักปราชญ์ อ๋องเซียงหยางมีวรยุทธ์แกร่งกล้า กวาดสายตาไปทั่วเป่ยเยี่ยน ผู้ที่สามารถทำร้ายเขาได้เห็นจะมีเพียงท่านเจ้าสำนักเท่านั้น ดังนั้นเก็บเจ้านี่ไว้ก็เปล่าประโยชน์ เชือดม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 844

    แสงไฟลุกโชนขึ้นจากเชิงเขาที่อยู่ไกลออกไป ปนเปไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน“ท่านแม่ทัพเกา แย่แล้วขอรับ ค่ายของเราโดนไฟไหม้!”ทหารนายหนึ่งได้สติแล้วรีบตะโกนเตือนเกาตงแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ เขาตะโกนลั่น “ถอย! รีบถอยลงไปช่วยค่าย!”ดังนั้น พวกเขาจึงรีบหันหลังถอยลงจากเขาไปอย่างรวดเร็วระหว่างการถอยทัพ ด้านหลังของพวกเขาเปิดกว้าง พลธนูบนภูเขาจึงมิพลาดโอกาสที่ฟ้าประทานนี้เสียงสายธนูดังผึงสลับกัน ลูกธนูพุ่งทะลุห้วงอากาศว่างเปล่าราวกับลำแสงสีดำในแสงจันทร์เลือนรางพร้อมกันนั้น ก็มีก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมากกลิ้งลงมาท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน การลอบโจมตีของเกาตงในครั้งนี้จึงประกาศความล้มเหลว มิหนำซ้ำยังสูญเสียทหารไปอีกสองสามร้อยนายเมื่อมาถึงตีนเขา เขากับไช่ซือก็รวมกำลังกันแล้วรีบไปช่วยค่ายที่กำลังไฟไหม้ในตอนนั้นเอง เสียงแหวกอากาศดังลั่นมาจากสองข้างถนนอีกครั้ง“อ๊าก!!”“แย่แล้ว รีบแยกย้ายกันเร็วเข้า!”เสียงกรีดร้องและเสียงอุทานปะปนระงมทั่วเกาตงและคนอื่น ๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธขึ้งพวกเขาต้องการตอบโต้ ทว่าภายใต้แสงจันทร์อันมืดสลัว พวกเขามิรู้ด้วยซ้ำว่าลูกธนูยิงมาจาก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 843

    “เช่นนี้… เช่นนี้...”เกาตงเล่าแผนของเขาให้ฟังไช่ซือและรองแม่ทัพคนอื่น ๆ ที่ได้ยินดังนั้น ต่างคนต่างพยักหน้าถี่ ๆ“แผนของท่านแม่ทัพเกายอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้าน้อยเลื่อมใส!”“หึหึ รอให้บุกขึ้นไปได้แล้วข้าจะสับแขนขาพวกทหารเป่ยเยี่ยนเหล่านั้นให้ละเอียด ให้พวกเขาทรมานเจียนตาย!”ทุกคนพูดคุยกันด้วยใบหน้าที่ยิ่งเหี้ยมเกรียมขึ้นเรื่อย ๆหนึ่งชั่วยามต่อมา ดวงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าเจี่ยเซิ่งถามด้วยความกังวลเล็กน้อย “บุตรแห่งนักปราชญ์ ฟ้าใกล้จะมืดแล้วขอรับ หากพวกเขาอาศัยความมืดลอบบุกขึ้นมา พวกเราจะทำอย่างไรกันดีขอรับ?”ฉินซูครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วสั่งการ “ให้พลธนูประจำการอยู่ตามหุบเขาทั้งสองด้านฝั่งละห้าร้อยนาย แสร้งทำให้ดูน่ากลัวเข้าไว้ หากข้างล่างมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็ให้ยิงธนูทันที จากนั้นท่านและข้าจะนำทหารคนละสองพันนายเลี่ยงเส้นทางลงจากเขาแล้วอ้อมไปซุ่มโจมตีด้านหลังค่ายของพวกเขา!”“หา? ลงจากเขาหรือ? แล้วถ้าบังเอิญเจอระหว่างทางเล่าขอรับ?”“พวกเขาจะต้องอาศัยความมืดลอบขึ้นมาเช่นกัน พวกเราเลี่ยงเส้นทางลงจากเขา จึงเป็นไปมิได้ที่จะชนกับพวกเขา และต่อให้ปะทะกันก็มิได้มีกระไร การตีจากสูงลงต่ำ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status