ไม่คิดมาก่อนเลยว่า สตรีตรงหน้าจะทำให้เขากระหายขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยต้องการเรื่องเหล่านี้ แม้ว่าจะห่างหายเรื่องบนเตียงมานานแล้วก็ตาม
“เจ้าแน่ใจหรือ ว่าอยากทำ องค์หญิงอย่าทำเช่นนั้นนะ!”
นางเริ่มปลดสายคาดเอวออก เพราะเริ่มรู้สึกร้อน แต่อวี้หยางกลับพยายามดันนางออก อาการของนางคล้ายกับคนเมายาปลุกกำหนัด แต่เขาคิดว่า นางคงจะแค่ร้อนเพราะดื่มสุราเข้าไปมากเท่านั้นเอง
“องค์หญิง! แย่แล้ว ๆ เมาทีไรเป็นเช่นนี้ทุกทีเลย”
ซานกงกงพยายามดึงตัวนาง ออกมาจากอวี้หยาง แต่องค์หญิงเกาะแน่นและไม่ยอมปล่อย เขาจึงหันมาบอก
“ไม่เป็นไร พวกท่านทิ้งเอาไว้เถอะ ข้าจัดการเอง”
“แต่ว่าองค์หญิง ไม่เคยให้ผู้ชายเช็ดตัวให้ ข้าเองดีกว่าเจ้าค่ะ คุณชายแค่พยายามดึงองค์หญิงออกมาก็พอ”
“อะไรนะ เอ่อ... หากเจ้าว่าเช่นนั้นก็ได้”
เขาพยายามดึงตัวนางออก เมื่อองค์หญิงยอมปล่อยจึงค่อย ๆ จัดท่าให้นางใหม่ และลุกขึ้นมาทันที เขาสังเกตว่าทั้งสองคนไม่กล้ามองหน้าเขา และหลบสายตาทันที ซึ่งเขาเองก็แปลกใจ
“เอ่อ เช่นนั้นที่เหลือพวกท่านก็จัดการเถอะ”
“เชิญคุณชายกลับไปพักก่อนเถอะขอรับ”
“เช่นนั้นหากมีอะไรก็เรียกก็แล้วกัน”
กงกงเพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น ส่วนสาวใช้อีกคนซึ่งเขาคิดว่านางน่าจะชื่อเจาอิน ได้แค่หันไปจัดการเช็ดตัวให้องค์หญิง
“ไป๋มู่... ไปไหนเล่าเจ้าหมาน้อย มานี่ก่อนมาให้ข้าจูบหน่อย ไป๋มู่”
“ปัดโธ่เอ๊ย หมดกันองค์หญิง เร็ว ๆ เข้ารีบเช็ดตัวให้องค์หญิงก่อน”
อวี้หยางปิดประตูแล้ว และเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเองทันที เมื่อเดินเข้ามาในห้องก็ต้องรีบปิดประตู เพราะองครักษ์ของเขา มารออยู่ข้างใน
“จิ่นหลง เจ้ามาตั้งแต่เมื่อใด”
“จิ่นหลง” องครักษ์ข้างกายของหรงอวี้หยาง ลอบเข้ามาในตำหนัก เขาเป็นหนึ่งในองครักษ์เงา ที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดในชิงโจว การลอบเข้าตำหนักเต๋อหยวนที่ไม่ค่อยรัดกุม จึงมิใช่เรื่องยากสำหรับเขา
“ท่านอ๋อง มีรายงานด่วนพ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องอะไร เหตุใดจึงทำให้เจ้าเร่งรีบเช่นนี้”
“ฝ่าบาทพึ่งเรียกองค์หญิงเข้าเฝ้า”
“ข้ารู้แล้ว ดูเหมือนว่าน่าจะมีปากเสียงกัน ข้าเห็นที่แก้มของนางมีรอยคล้ายฝ่ามือ”
“พ่ะย่ะค่ะพระองค์คิดถูกแล้ว ฝ่าบาทตบองค์หญิง ต่อหน้าพระสนมอิ่นจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าอย่างไรนะ เกิดอะไรขึ้น”
“เห็นว่าเพราะพระสนมทราบว่า องค์หญิงใช้เงินซื้อตัวท่านมาจากหอหรูเยว่ ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังให้คนในวัง ตามสืบเรื่องของพระองค์ กระหม่อมกังวลเลยรีบมาแจ้งก่อน เกรงว่าอีกไม่นานคงจะถูกเรียกเข้าเฝ้า”
“เป็นเช่นนี้เอง เช่นนั้นก็ง่ายเลย”
“ท่านอ๋อง จะทรงประมาทมิได้นะพ่ะย่ะค่ะ เรายังมิทราบเลยว่าฮ่องเต้แคว้นอวิ๋น คิดเช่นไรกับชิงโจว”
“แต่ถึงอย่างไร แคว้นเล็กอย่างแคว้นอวิ๋น ก็มิกล้าทำศึกกับแคว้นฉินของเราหรอก ไท่จื่อของพวกเขา “จ้าวหานเซียว” เป็นสหายของข้า อีกอย่างพวกเขาไม่เคยก่อสงคราม หากไม่มีใครรุกรานดินแดนก่อน ข้าไม่ห่วงเรื่องนั้น”
“เช่นนั้น พระองค์จะเปิดเผยตัวตนหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ ข้าแค่จะรอดูว่าฝ่าบาทจะทำเช่นไร วันนี้พระองค์ลงมือตบตีองค์หญิง ที่ได้ชื่อว่ารักมากที่สุด คิดว่าระหว่างทั้งสอง คงมีสนมอิ่นเป็นตัวแปร”
“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อม จะส่งคนของเราไปที่ตำหนักพระสนม จับตาดูนางเอาไว้”
“อืม เช่นนั้นก็ดี”
“เอ่อ…”
“ยังมีสิ่งใดอีก”
“มะ ไม่มีแล้วพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ว่า… กะ แก้มของท่านอ๋อง”
“ทำไม”
เขาเดินไปส่องคันฉ่องที่ด้านข้าง และจึงรู้ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ ทั้งสาวใช้และซานกงกง ถึงได้ตกใจและไม่กล้ามองหน้าเขา ที่แท้เป็นเพราะสีชาดที่แดงจัดขององค์หญิง ติดอยู่ที่ปากและแก้มของเขานั่นเอง
“หึ น่าเกลียดยิ่งนัก”
“ท่านอ๋อง นี่พระองค์…”
“ข้าก็แค่ไหลไปตามเหตุการณ์ หากไม่ทำเช่นนี้จะเป็นที่โปรดปรานของนางได้เช่นไรกัน”
แต่จิ่นหลงยังคงตกตะลึงอยู่ ผู้เป็นนายมิเคยแตะต้อง หรือสัมผัสริมฝีปากของสตรีคนใดมาก่อน แม้แต่สตรีสูงศักดิ์ของชิงโจว ซึ่งหมายปองพระองค์ ก็ไม่เคยมีผู้ใด ได้จุมพิตจากท่านอ๋องมาก่อน แต่ภาพที่เขาเห็นตรงหน้านี้ ราวกับว่าท่านอ๋อง ไปข่มขืนสตรีมาเช่นนั้นเลย
“จิ่นหลง!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเหม่อลอยอะไร รีบไปได้แล้ว อย่าลืมเรื่องที่หอหรูเยว่ด้วย จัดการให้เรียบร้อย อย่าทิ้งร่องรอย หากว่ามีคนไปสืบก็สั่งให้จิ้งเจาจัดการ นางรู้ว่าควรจะพูดอย่างไร”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา”
จิ่นหลงกลับไปแล้ว ท่านอ๋องจึงรีบเดินมาหยิบผ้าไปเช็ดรอยชาดสีแดงออกอย่างใจลอย
‘สีชาดนี้อยู่ที่ริมฝีปากนาง หากนางเป็นสตรีบ้าตัณหา ดังที่รู้มาก่อนหน้านั้น เหตุใดจึงไม่ทำเรื่องเช่นนี้ กับชายในศาลาริมสวน อีกอย่างเหตุใดเมื่อกงกง และสาวใช้ของนางเห็นข้าจูบกับองค์หญิง ถึงได้หน้าแดง’
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ องค์หญิงของพวกเจ้า ก็มิใช่สตรีพรหมจรรย์เสียหน่อย… มิใช่หรือ เรื่องนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่นะ”
วันถัดมา
องค์หญิงเดินออกมาจากห้อง ซึ่งจังหวะเดียวกันอวี้หยางก็เดินกลับมาที่ห้อง เพื่อจะมาปลุกนาง
“องค์หญิงท่านตื่นแล้วหรือ"
“เจ้าเองก็เช่นกัน”
“ข้าน้อยกำลังจะมาเรียกท่าน ไปเสวยอาหารเช้า”
“อ้อ เช่นนั้นก็ไปสิ”
ดูเหมือนว่าท่าทางขององค์หญิง จะมิได้แตกต่างไปจากเดิม เหมือนกับว่านางจำอะไรไม่ได้เลย เกี่ยวกับเรื่องที่จูบเขาเมื่อวาน นางยอมให้เขาจับมือ และพาไปนั่งที่โต๊ะเสวย
“มองอะไร ยังไม่เป่าข้าวต้มแล้วมาป้อนข้าอีก”
“ป้อนหรือ”
“คุณชายอวี้ ปกติแล้วทุกคนก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน ท่านมิได้ฟังที่จิ้งมาม่า บอกมาก่อนหน้านี้หรอกหรือ”
สีหน้าของเขาทำเอาอันหลินแปลกใจ แต่ก็ไม่อยากจะบังคับ นางจึงหันไปสั่งสาวใช้ของตัวเองแทน
“เจาอินเจ้าออกไปเถอะ ไปบอกซานหูว่า อีกเดี๋ยวข้าจะไปฟังฉินในสวน ยกฉินไปให้คุณชายอวี้ด้วย”
“เพคะองค์หญิง”
เมื่อเจาอินเดินออกไปแล้ว นางจึงยกชามข้าวมาตรงหน้า และเริ่มตักกินเอง
“เอ่อ ไม่ให้ข้าป้อนแล้วหรือ”
“ไม่ต้องหรอก วันนี้ข้าอยากกินเอง อีกอย่างบางเรื่อง ถ้าเจ้าไม่อยากทำ ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนใจหรอก แค่บอกข้ามาก็พอ มือของเจ้ามีไว้ใช้บรรเลงฉิน ไม่ควรทำอย่างอื่นที่เสี่ยงจะบาดเจ็บ”
“เช่นนั้นข้าไป…”
หมับ!
นางหันไปคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ และหันมามอง
“นั่งลง เดี๋ยวเจ้าเดินออกไปกับข้า ระหว่างช่วงเวลานี้ ต้องตัวติดข้าตลอด ห้ามห่างกายข้า อีกอย่างหากข้าสั่งให้เจ้าทำสิ่งใด จงรีบทำทันทีโดยมิต้องถาม ห้ามแม้แต่จะขัดคำสั่ง และต่อให้ข้าทำสิ่งใดกับเจ้า ก็ห้ามขัดขืนเป็นอันขาด จงจำเอาไว้ให้ดี หากว่าเจ้าทำไม่ดี ข้าจะส่งเจ้ากลับไปหอหรูเยว่ทันที”
อวี้หยางได้แต่นึกแปลกใจ แต่พยายามจะไม่ถามนางออกมาตรง ๆ เขาแค่พยักหน้าเพื่อรับคำสั่ง และหยิบผ้าสะอาด ไปเช็ดปากให้นางอย่างเบามือ อันหลินหันมามองเขานิ่ง เมื่อเขาทำเช่นนี้
“ปากท่านเลอะหมดแล้ว ข้าบอกแล้วว่า ควรป้อนท่านจะดีกว่า ดูเหมือนว่าท่านไม่ค่อยมีสมาธิเท่าใดเลย”
“ข้า…”
เขาดึงชามข้าวมาตรงหน้า และตักข้าวมาเป่าให้นาง พร้อมกับป้อนถึงปากอย่างเอาใจ อันหลินหันไปมองเขา และต้องตกอยู่ในภวังค์ เพราะความหล่อเหลาและช่างเอาใจตรงหน้า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เขาทำให้นางหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ
“ข้าอิ่มแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดื่มน้ำสักหน่อย แล้วค่อยไปฟังข้าบรรเลงฉิน”
นางดื่มน้ำและสำลักออกมาเล็กน้อย เขาจึงจับปลายคางนางเข้ามาและเช็ดปากให้อีกครั้ง สตรีตากลมหน้าขาวเนียน ผุดผ่องราวกับหิมะแรกในฤดูหนาว สั่นและหน้าแดงนิด ๆ เมื่อเขาเข้าใกล้เช่นนี้ เสียงหัวใจของนางเต้นแรงจนเขาได้ยินชัดเจน
“ดูเหมือนว่าท่านจะเหม่อลอยมากเกินไปแล้ว เพียงแค่ดื่มน้ำก็กัดปากตัวเองจนเป็นรอยได้ มานี่เถิดข้าจะเช็ดให้”
ศพของเซินลี่หง ถูกส่งกลับไปที่สกุลเซิน พร้อมกับหนังสือแจ้งเรื่องความผิดวินัยกองทัพ ซึ่งทางสกุลเซินเองก็มิได้มีข้อโต้แย้งอันใด พวกเขาเหมือนจะทราบชะตากรรมของนาง ก่อนที่จะกลับมาถึงชิงโจวเสียด้วยซ้ำไป เพราะท่านอ๋องไม่เคยปล่อยให้ผู้ใด ละเมิดกฎกองทัพทลายเมฆามาก่อน“ท่านอ๋อง ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นก็ดี สั่งให้ออกเดินทางในอีกสองวัน ข้าจะต้องไปถึงเสิ่นตูภายในเจ็ดวัดนี้”“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”จิ่นหลงเดินออกไปแล้ว หลังจากรายงานทุกอย่างให้ท่านอ๋องทราบ ก่อนหน้านี้เขานึกรำคาญเซินลี่หงนักหนา เพราะระหว่างเดินทาง นางทำเหมือนกับว่า ตัวเองเป็นชายาท่านอ๋องเสียเองคอยสั่งการผู้อื่นจนทุกคนเอือมระอา แต่เมื่อเห็นนางตายต่อหน้า เขาก็นึกเสียดายฝีมือของนาง แต่ก็คิดว่าท่านอ๋องมิได้ทำเกินกว่าเหตุ เป็นนางเองที่ทำให้ตัวเอง เดินมาถึงจุดนี้“พวกเจ้ารีบเตรียมของ ท่านอ๋องสั่งให้ออกเดินทาง ในอีกสองวันข้างหน้า”""ขอรับ""หรงอวี้หยางนั่งอยู่ในห้องหนังสือ เขาลูบไปที่หน้าท้องซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกอาวุธลับ ของพวกกบฏชั่ว จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะอาวุธนั้นมีพิษ ตอนนี้แม้ว่าแผลจะหายสนิทแล้ว แต่เขาก็มักจะเผลอไปจ
“เอาเถอะเสี่ยวจิ่น ตอนนี้อาการท่านอ๋องก็มิได้หนักหนามาก รองแม่ทัพเซินมีใจให้ท่านอ๋องมานาน แต่ข้าก็คิดไม่ถึงว่า นางจะกล้าขัดคำสั่งกองทัพ ลอบมาหาท่านอ๋องถึงที่นี่ ทำให้ศัตรูไหวตัวทัน จนทำร้ายท่านอ๋องเข้า”“โชคดีที่มีกองทัพขององค์ไท่จื่อของเสิ่นตูช่วยเอาไว้ จึงจับคนที่เหลือของอ้ายต้านเฟิงได้”“ท่านอ๋องบาดเจ็บคราวนี้ หากอาการดีขึ้น คงต้องรีบส่งกลับชิงโจว เพื่อรักษา อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว”“ว่าอย่างไรนะ แต่ว่าท่านอ๋องกับองค์หญิง”“เรื่องชีวิตของท่านอ๋องสำคัญกว่า แม้ว่าข้าจะรักษาแผลให้ท่านอ๋องได้ แต่ก็ต้องหมั่นดูอาการ ที่นี่ไม่สะดวกเจ้าก็เห็น หากเกิดเหตุการณ์เช่นเมื่อครู่อีก ครั้งนี้ข้าคงช่วยไม่ได้แล้ว อีกอย่างในอาวุธนั่นมีพิษ ยาที่รักษาพิษได้อยู่ที่เมืองชิงโจว อย่างไรก็ต้องกลับไปรักษาที่นั่น" “เช่นนั้นข้าจะรีบส่งรายงาน ไปที่กองทัพขององค์ไท่จื่อของเสิ่นตู จะให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้ว่า ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัส”“เจ้ารีบไปจัดการเถอะ”“ท่านหมอ แล้วจะต้องพาท่านอ๋องกลับไปเมื่อใด” บัดนี้กบฏถูกท่านอ๋องสังหารแล้ว เรื่องชายแดนก็นับว่าพระองค์จัดการได้อย่างยอดเยี่ยม ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ ส่งจดหมายเพื่อขอบคุ
“องค์หญิง ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าจะไม่ดื่มนี่เพคะ”“ตอนนี้ข้าอยากจะดื่มแล้ว ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ยานี้ไม่ได้มีผลอะไรกับการตั้งครรภ์ในวันข้างหน้าหรอก เจ้าไม่มั่นใจวิชาแพทย์ของข้าหรอกหรือ”“มิใช่เช่นนั้นนะเพคะ เพียงแต่ข้าคิดว่าองค์หญิง กับคุณชายอวี้”“ข้ากับเขาทำไมหรือ นี่เจ้าคงจะไม่คิดว่า ข้าจะเลือกเขาเป็นราชบุตรเขย ให้กับเสด็จพ่อหรอกนะ แม้ว่าเขาจะหน้าตาดี มีความรู้มาก อีกอย่างก็เป็นบุรุษที่ข้าพาเข้าวังมา และทำให้ทะเลาะกับเสด็จพ่อไปครั้งหนึ่ง แต่ก็น่าแปลกที่หลังจากนั้น เสด็จพ่อก็ไม่ต่อว่าข้าอีกเลย คงเป็นเพราะรู้สึกผิดที่ตบข้ากระมัง”“องค์หญิง”“เอาล่ะข้าจะเข้านอนแล้ว เจ้าก็ดับไฟเสียเถอะ”“เพคะ”สองวันถัดมา / หอหรูเยว่ “องค์หญิงเพคะ คนของหอหรูเยว่มาแล้วเพคะ”“ให้เข้ามาเถอะ”“เพคะ”ซานหูนำคนของหอหรูเยว่เข้ามาเข้าเฝ้า จิ้งมาม่าและผู้ติดตามอีกคนเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวในหอหรูเยว่ ด้วยสีหน้ามิใคร่สู้ดีเท่าใดนัก“ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ”“จิ้งมาม่า ท่านรู้หรือไม่ว่า ข้ามาที่นี่เพราะเหตุใด”“เอ่อ คือว่าหม่อมฉันก็พอทราบเพคะ เพียงแต่ว่า”“เจ้าทราบงั้นหรือ ไหนลองว่ามาสิ ว่าที่เจ้าทราบนั่นคือสิ่งใด”จิ
“โอ๊ย! ท่านออกไม่ได้นะ”“ปล่อยข้านะ!”เขาสะบัดแขนนางออก และรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที พร้อมกับกุมหน้าท้อง ที่เริ่มมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด“หยุดเขาไว้เร็วเข้า รีบเรียกหมอมา”“ขอรับ”อวี้หยางรีบวิ่งไป แต่ผู้คนมากมายในคืนนี้ล้วนสวมหน้ากาก ซึ่งเป็นประเพณีของงานเทศกาลที่นี่ เขามองหานางท่ามกลางผู้คน แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา ตอนนี้จมูกเขาเริ่มไม่ได้กลิ่น สายตาก็เริ่มพร่ามัวแต่เมื่อวิ่งลงไปด้านล่าง ตรงโต๊ะก่อนถึงทางออก เขาก็เห็นหน้ากากที่ถูกถอดเอาไว้ ในนั้นเปียกไปด้วยน้ำตา เมื่อเขาหยิบขึ้นมาก็พบว่ามันเป็นของนางอย่างแน่นอน น้ำตาที่ไหลเอ่อออกมา คงจะเจ็บปวดมาก เมื่อเห็นว่าเขาอยู่กับสตรีอื่น“อันหลิน…”“อวี้หยาง! เร็วเข้ารีบพยุงเขาขึ้นไป!”“ขอรับ”อวี้หยางยังกอดหน้ากากของนางเอาไว้แน่น ก่อนที่สติทั้งหมดของเขาจะดับวูบลงไป พร้อมกับบาดแผลที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้อะไรอีกเลย….“องค์หญิง! ท่านอยู่ที่นี่จริงด้วย ท่านร้องไห้หรือเพคะ”“เปล่า ข้าก็แค่หลงทาง พอดีเจอหอหรูเยว่ก็เลยจำทางได้ เจอพวกเจ้าก็ดีแล้ว กลับกันเถอะข้าเหนื่อยแล้ว”“เอ่อ เช่นนั้นกระหม่อม จะเรียกรถม้ามารับที่นี่”“ไม่ต้อง ไ
“ก็ได้ ข้ารับปากท่าน”อวี้หยางกอดนางแนบแน่น ยากเหลือเกินที่จะทำใจคลายอ้อมกอดนี้ออกไป แต่ภารกิจที่เหลือ ยังต้องการเขาไปดำเนินการให้จบ ในเมื่อตอนนี้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่ขั้นสุดท้ายเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็จะรีบจัดการเรื่องของแคว้นและ…จ้าวอันหลิน“ข้าไปนะ”“เดี๋ยวก่อน”อันหลินเดินไปที่โต๊ะ และหยิบบางอย่างออกมา มันเป็นถุงหอมที่นางแอบทำเอาไว้นานแล้ว เดิมทีก็คิดว่าจะเก็บเอาไว้เอง แต่นับตั้งแต่อวี้หยางเข้ามาในตำหนัก นางก็เริ่มหัดเย็บปักสิ่งนี้ขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยชอบงานเหล่านี้เลย“นี่เป็นถุงหอมที่ข้าเย็บเอง ท่านเอาไปสิ”อวี้หยางมองถุงหอมที่ผูกพู่สีแดงอยู่ ในนั้นมีกลิ่นที่คุ้นจมูกของเขา ซึ่งเป็นกลิ่นที่นางมักจะใช้อยู่เป็นประจำ เขารับและดึงมาสูดกลิ่นทันที“สิ่งนี้จะเป็นตัวแทนเจ้า จะได้เหมือนมีเจ้าอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลา ขอบใจมากนะอันหลิน”“ท่านชอบก็ดีแล้ว ข้าไม่ถนัดงานปักเย็บ ก็เลยทำได้เพียงแค่นี้ มิได้ปักอะไรเอาไว้”“ขอเพียงเป็นสิ่งที่เจ้าให้ อย่างไรก็มีค่าสำหรับข้าเสมอ”นางกอดเขาอีกครั้ง ไม่คิดมาก่อนเลยว่า เพียงแค่เขาบอกว่าจะกลับหอหรูเยว่เพียงไม่กี่วัน กลับทำให้นางรู้สึ
“เดี๋ยวก่อนสิ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน ท่านไปที่ไหนมากันแน่ แล้วจู่ ๆ ทำไมจึงมีเรื่องด่วนเข้ามาเล่า”“ข้าก็อยากจะบอกนะ แต่ว่าตอนนี้อย่าพึ่งพูดจะได้ไหม ซานหูกับเจาอินออกไปข้างนอก เรามีเวลาไม่นานเท่าใด หากอยากรู้ข้าจะบอก แต่คงต้องหลังจากนี้ก่อน”“อ๊ะ อวี้หยางคนผีทะเล…อื้อ เบาหน่อยสิมันยังช้ำอยู่เลย”“ข้าจะอ่อนโยน”“อื้อ…อ๊าา”เมื่อปลดชุดนางออกได้ เขาก็ไม่รอที่จะให้นางขัดขืน และเริ่มดึงชุดของตัวเองออกด้วยเช่นกัน เมื่อตอนเข้ามาเขาลงกลอนแน่นหนา แต่คิดว่าช่วงเวลานี้ คงไม่มีใครกล้ามายุ่งกับทั้งสองเป็นแน่“อ๊าา เบาหน่อยสิ ดูดเสียงดังไปแล้ว ท่านอดอยากมาจากไหน อ๊าา”นางต่อว่าเขา แต่ก็กอดศีรษะของเขาแน่น เมื่ออวี้หยางดูดดึงหน้าอกของนาง พร้อมกับใช้นิ้วสอดเข้ามากลางร่องศึก ที่พึ่งพักไปได้ไม่กี่ชั่วยาม“อ๊าา อวี้หยาง ช่วยด้วย!”เขารู้ว่านางอ่อนไหวมากขนาดไหน เพียงแค่ถูกเล้าโลมนิดหน่อยนางก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว แน่นอนว่าเขาเองก็เช่นกัน ช่วงเวลากลางวันที่เห็นเรือนร่างนางชัดเจนเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาแทบคลั่งตาย“ฮึก! อึ๊ยย!!”"เจ็บอยู่หรือไม่"นางส่ายศีรษะเป็นคำตอบ เมื่อเช้านางแช่น้ำอุ่นเพื่อคลายกล้ามเนื้อไปแล้ว