Home / รักโบราณ / อัปลักษณ์จวนเดียวดาย / ตอนที่ 5 ของขวัญปริศนา 1.5

Share

ตอนที่ 5 ของขวัญปริศนา 1.5

last update Last Updated: 2025-06-05 09:06:17

วันรุ่งขึ้น

รถยนต์คันหรูของโรงแรมชื่อดังที่สองพี่น้องเลือกเข้าพักในเมืองลั่วหยาง วิ่งตรงเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าประตูซึ่งในอดีตผู้คนในสมัยโบราณจะเรียกที่พักอาศัยของเหล่าเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ ขุนนางและคหบดีผู้มั่งคั่งว่าจวน

ครั้นเมื่อกาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปจากการเรียกขานเช่นนั้น แปรเปลี่ยนเป็นคฤหาสน์เข้ามาแทนที่ในยุคสมัยปัจจุบันและมีการสร้างบ้านเลียนแบบในยุคโบราณพบเห็นมากมายในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีฐานะทางสังคมที่ดีไม่ต่างอะไรไปจากยุคอดีตแม้แต่น้อย

“โอโห่! นี่นะเหรอจวนโบราณทำไมมันถึงได้ใหญ่โตอลังการขนาดนี้ บรรยากาศก็ดูขลังเป็นบ้าเลย” นักร้องสาวพูดพึมพำอยู่คนเดียวสายตามองประตูทางเข้าจวนขนาดมหึมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

“มองผ่านแว่นกันแดดแบบนั้นจะเห็นอะไรชัดไหมนะ” หลี่ยู่บอกน้องสาวของเธอทั้งๆ ที่ยังวุ่นวายหาของในกระเป๋าของน้องสาวอยู่ในขณะนี้

หยางเฟยอี้กระดกแว่นกันแดดให้ขยับลงต่ำพลางมองพี่สาวของเธอกำลังรื้อค้นกระเป๋าของเธอช่างดูวุ่นวายเสียจริง

“พี่ใหญ่หาอะไรนะ! อะไรหายเหรอ” หญิงสาวถามกลับไปอย่างสงสัย

“ก็เพราะหาไม่เจอนี่สิกำลังคิดอยู่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำหาย ในเมื่อคืนก่อนพี่เป็นคนเอาม้วนภาพวาดนั้นใส่เข้าไปในกระเป๋าใบนี้ด้วยตัวเอง แต่ทำไมตอนนี้ถึงหาไม่เจอแล้ว” หลี่ยู่บ่นพึมพำเป็นการใหญ่พลางยกมือเกาศีรษะตัวเองไปมา

และนั่นทำให้หยางเฟยอี้ขมวดคิ้วสวยเข้าหากันด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินพี่สาวกล่าวออกมาเช่นนั้น

“ภาพวาดอะไรเหรอพี่ใหญ่แล้วไปเอามาจากไหน หนูเพิ่งรู้นะว่าพี่ใหญ่มีเวลาไปเดินซื้อของด้วย” หญิงสาวถามกลับไป

“ใครบอกเล่าว่าฉันมีเวลาไปเดินซื้อ แกก็เห็นว่าพี่ใหญ่อยู่ติดตัวแกตลอดไม่ได้ไปไหน ภาพวาดนั้นแฟนเพลงเขาให้เป็นของขวัญในวันแรกที่แกมาถึงสนามบิน พี่ใหญ่เพิ่งแกะออกดูเมื่อคืนก่อนก็เลยรู้ว่าเป็นภาพวาด และที่ค้นหาเพราะว่าเป็นภาพของจวนที่นี่แหละ มีเส้นทางบอกอย่างละเอียดว่าจะต้องไปจุดไหนของจวนคล้ายแผนที่เลย แตกต่างตรงที่เจ้าภาพนั้นเหมือนมีชีวิตเลยนะขนาดปลายังรู้สึกว่ามันกำลังว่ายน้ำเลย”

หยางเฟยอี้ยืนฟังอ้าปากหวอเมื่อได้ยินพี่สาวอธิบายสรรพคุณของภาพวาดปริศนาให้เธอล่วงรู้

“แหม! เวอร์อะไรปานนี้พี่ใหญ่ พูดราวกับว่าภาพวาดนั้นมีชีวิตเป็นไปไม่ได้หรอก จริงอยู่ที่จิตรกรสมัยนี้เขามีพรสวรรค์และมีฝีมือมากแต่จะวาดอะไรก็ตามให้มันมีชีวิตขึ้นมาเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน อย่าไปสนใจเลยเลิกหาเถอะคงหลงลืมที่เก็บกระมังถ้าใส่เอาไว้ในกระเป๋าจริงๆ ป่านนี้ก็ต้องหาเจอแล้วสิกระเป๋าก็ใบแค่นั้นเอง ทางที่ดีไปติดต่อคนนำทางพาเราเที่ยวชมจวนโบราณดีกว่าจะมาเสียเวลาค้นหาแบบนี้” หญิงสาวพูดพร้อมชี้มือไปทางหน้าประตูทางเข้าของจวน ซึ่งมีโต๊ะวางอยู่ด้านหน้าคอยให้บริการ

หลี่ยู่หยุดค้นหาทันทีเมื่อได้ยินน้องสาวบอกกลับมาเช่นนั้น

“เออใช่! ก็จริงอย่างที่พูดนะมัวมาเสียเวลาค้นหาอยู่ทำไม ใช่ว่าหาเจอจะเดินเที่ยวจวนได้ถูกเสียที่ไหน อย่างไงก็ต้องติดต่อคนนำเที่ยวพาเราเดินชมจวนอยู่ดี ลี่ลี่เอ๊ยลี่ลี่เธอนี่นะคงจะแก่แล้วจริงๆ”

พี่สาวจอมเฮี้ยบบ่นให้กับตัวเองพลางรูดซิปปิดกระเป๋าเอาไว้ตามเดิมก่อนจะเดินนำหน้าไปบริเวนหน้าประตูเพื่อติดต่อเข้าเยี่ยมชมจวนโบราณ

เพียงไม่นานหลังจากเสียค่าธรรมเนียมเข้าเยี่ยมชมสถานที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมจ่ายค่าบริการจ้างเจ้าหน้าที่ซึ่งประจำอยู่ที่จวนโบราณดังกล่าวนำทางสองคนพี่น้องเข้าเยี่ยมชมสถานที่ซึ่งถูกสร้างเลียนแบบมาจากจวนของเชื้อพระวงศ์ในยุคชุนชิว แต่ละจุดที่เข้าเยี่ยมชมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่สองพี่น้องชาวฮ่องกงเป็นอันมาก

สองพี่น้องเดินเที่ยวชมจวนโบราณอย่างเพลิดเพลินจนผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องพร้อมเสียงของนักร้องสาวดังแทรกขึ้น

“พี่ใหญ่ถิงถิงหิวน้ำจังเลย!” หญิงสาวบอกพี่สาวพลางกวาดสายตามองหาคนเดินขายน้ำดื่มที่จะเห็นเป็นระยะๆ เพื่อคอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยว

หลี่ยู่พยักหน้าขึ้นลงเมื่อได้ยินน้องสาวบอกกลับมา พร้อมหันไปถามเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้นำทางพาเธอและน้องสาวเดินชมจวนมาหลายชั่วโมงแล้ว

“ทานน้ำอะไรดีค่ะ เดี๋ยวจะได้ซื้อมาให้ด้วยเพราะคุณใช้เสียงอธิบายติดต่อกันหลายชั่วโมงแล้ว เสียงได้แหบกันพอดี” หลี่ยู่ถามเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวกลับไป

“ไม่ต้องลำบากหรอกครับพอดีว่าผมดื่มชามากาหนึ่งแล้ว สามารถอธิบายให้พวกคุณฟังได้อีกนานไม่ต้องห่วงครับ” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวตอบกลับมา

หลี่ยู่ส่งยิ้มกลับไปเมื่อได้รับคำตอบกลับมาเช่นนั้นพร้อมหันกลับไปมองน้องสาว

“เดี๋ยวพี่ใหญ่กลับมา ยืนรอตรงนี้นะพอดีเห็นคนเดินขายน้ำอยู่ตรงประตูถัดไปแล้ว” หลี่ยู่บอกน้องสาวพร้อมหันไปบอกกับเจ้าหน้าที่จากทางรัฐบาลที่ถูกส่งมาให้คอยดูและบริการนักท่องเที่ยว

“ช่วยดูแลน้องสาวสักสิบนาทีนะคะ ไปแปบเดียวเดี๋ยวมาค่ะ” หลี่ยู่เอ่ยฝากฝังคนตรงหน้า

“ไม่ต้องห่วงครับที่นี่ปลอดภัย มีกล้องวงจรปิดติดทุกมุมสบายใจได้เลย” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยืนยันกลับไป

ก่อนจะเห็นรอยยิ้มของหลี่ยู่ส่งกลับมาให้พร้อมเสียงของนักร้องดังชาวฮ่องกงเอ่ยขึ้นเมื่อเธอพบกับความแปลกใจ

เมื่อหยางเฟยอี้รูดซิปดเปิดกระเป๋าที่พลัดกันสะพายกับพี่สาวอยู่เป็นระยะ ซึ่งตอนนี้กระเป๋าใบดังกล่าวอยู่ที่เธอ

หญิงสาวล้วงมือเข้าไปภายในเพื่อควานหาเพาเวอร์แบงค์มาเสียบชาร์จเข้ากับมือถือของเธอ หลังจากใช้ถ่ายภาพของตัวเองและพี่สาวในขณะที่เดินชมจวนนับได้เป็นร้อยๆ ภาพเลยทีเดียว

“อะไรกันนี่!” หญิงสาวพูดพลางหยิบกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดยาวซึ่งบรรจุม้วนภาพวาดอยู่ภายในนั้น ก่อนจะดึงออกมาจากกระเป๋าพลางพลิกไปมาด้วยความแปลกใจ

“นี่กระมังคงจะภาพวาดที่พี่ใหญ่หาอยู่เมื่อสามชั่วโมงก่อน ก็ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อยยังอยู่เหมือนเดิมทำไมพี่ใหญ่หาไม่เห็นนะแปลกจังเลยสงสัยจะแก่ตัวแล้วจริงๆ” หญิงสาวพูดพลางเปิดฝากล่องด้านบนก่อนจะเทม้วนภาพออกมาพร้อมยื่นส่งให้เจ้าหน้าที่ตรงหน้าเธอ

“พี่คะรบกวนช่วยหนูคลี่ภาพวาดนี่หน่อยค่ะ เห็นพี่สาวบอกว่าเป็นภาพวาดของจวนโบราณแห่งนี้ รู้สึกว่าเหมือนจะเป็นภาพสามมิติด้วยนะเพราะวาดแม้กระทั่งปลายังเหมือนมีชีวิตเลยละคะ”

หยางเฟยอี้บอกอีกฝ่ายกลับไปพร้อมยืนม้วนภาพวาดให้เขาช่วยจับเพื่อคลี่ออกมาดูว่าจะเป็นจริงตามที่หลี่ยู่บอกหรือไม่

“ภาพวาดของจวนนี้เหรอครับ” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเอ่ยออกมาด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“แต่จวนนี้ไม่เคยอนุญาตให้ใครวาดภาพเลยนะครับ”

และประโยคดังกล่าวทำให้หยางเฟยอี้หยุดชะงักขึ้นมาทันทีพร้อมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าหน้าที่ประจำจวนโบราณ ก่อนจะก้มมองม้วนภาพวาดที่อยู่ในมือของเธอด้วยความแปลกใจ

“แต่ว่าพี่สาวของถิงถิงบอกมาแบบนั้นจริงๆ นะคะ ยังบอกเลยว่าจวนนี้เป็นจวนอุปราช แต่ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมตรงหน้าประตูจวนติดป้ายชื่อเป็นจวนสกุลอิน” หญิงสาวบอกอีกฝ่ายกลับไป

ใบหน้าพยักขึ้นลงติดต่อกันเมื่อได้ยินนักร้องสาวชื่อดังบอกกลับมาเช่นนั้น

“ออ! จวนนี้มีความเป็นมาค่อนข้างซับซ้อนซ่อนเงื่อนพอสมควร ข้อมูลบางอย่างก็เหมือนตำนาน บางอย่างก็มีบันทึกหลักฐานว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ถ้าจะพูดกันตามตรงจวนนี้สร้างลอกเลียนแบบมาจากจวนของชนชั้นเชื้อพระวงศ์ในยุคชุนชิว”

“ยุคชุนชิวเหรอคะ!” หยางเฟยอี้สวนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินต้นตอย้อนไปไกลถึงยุคชุนชิวเลยทีเดียว พร้อมเสียงของเจ้าหน้าที่คนเดิมอธิบายกลับมา

“ถูกต้องแล้วครับสร้างลอกเลียนแบบมาจากยุคชุนชิวก็น่าจะสองพันกว่าปีแล้ว ซึ่งว่ากันว่าเป็นจวนขององค์ชายอุปราชจากแคว้นหยวนเป่ยในสมัยนั้น แต่ก็มีข้อมูลบอกมาว่าจวนอุปราชสร้างเลียนแบบมาจากจวนใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในเทือกเขาสูง แต่ก็เป็นเรื่องเล่าต่อๆ กันมาครับ แต่ที่แน่ๆ จวนนี้ถูกสร้างขึ้นโดยคหบดีใหญ่ของเมืองลั่วหยาง ซึ่งสกุลอินได้ลอกเลียนแบบนำมาสร้างในยุคราชวงศ์หมิง ซึ่งในสมัยนั้นกล่าวขานกันอย่างกว้างขวางว่าจวนนี้งดงามเสียยิ่งกว่าจวนอ๋องของเชื้อพระวงศ์ในยุคหมิงเสียอีก”

นักร้องคนดังยืนฟังพลางพยักหน้าขึ้นลง มือของเธอก็พยายามคลี่ภาพวาดดังกล่าวออกมาอย่างช้าๆ จนกระทั่งเห็นภาพวาดของจวนซึ่งทุกอย่าลงรายละเอียดราวกับว่าถ่ายภาพเอาไว้ไม่มีมีผิด พร้อมเสียงของเจ้าหน้าที่อธิบายอย่างต่อเนื่อง

“แล้วคุณถิงถิงรู้ไหมครับว่าจวนนี้ยังมีชื่อเรียกที่คนทั่วไปพอได้ยินแล้วต่างพากันสงสัยไปตามๆ กันเลย ว่ากันว่าชื่อดังกล่าวเป็นชื่อของจวนที่เป็นต้นแบบซึ่งสร้างขึ้นกลางเทือกเขาสูง เห็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาบอกว่าจวนนั้นใช้เป็นสถานที่กักขังพระชายาหน้าผีขององค์ชายอุปราช”

คำกล่าวของเจ้าหน้าที่ทำให้หยางเฟยอี้เงยหน้าขึ้นมาจากภาพวาดตรงหน้าทันที เมื่อได้ยินคำว่าพระชายาหน้าผีขององค์ชายอุปราชตามเรื่องเล่า

“พระชายาหน้าผีเหรอคะ เขาขี้เหร่มากเลยเหรอจนถึงกับต้องเรียกกันแบบนั้น” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความสงสัย

“จะหน้าผีหรือขี้เหร่มากแค่ไหน เรื่องนี้ก็คือตำนานและเรื่องเล่าที่เขาพูดต่อๆ กันมาครับคุณถิงถิง แต่ก็คงจะเป็นความจริงอยู่บ้างเพราะมีบันทึกเอาไว้ว่า พระชายาหน้าผีขององค์ชายอุปราชจากแคว้นหยวนเป่ยสร้างความหวาดกลัวต่อผู้คนที่ได้พบเห็นจนขวัญหนีดีฟ่อไปหมด บางคนพอได้เห็นหน้าหัวใจวายตายไปเลยก็มากครับ”

“อะไรนะ! ถึงกับหัวใจวายตายเลยเหรอคะไม่จริงมั้งอะไรจะขนาดนั้น” หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“แต่เรื่องนี้ถูกบันทึกไว้ในตำราไม้ไผ่ของยุคนั้นเลยนะครับ มีหลักฐานยืนยันแบบนี้เรื่องที่เล่าขานกันมามีเค้าโครงว่าเป็นความจริง และก็เพราะเหตุนี้แหละครับทำให้ไม่มีใครอยู่ดูแลถวายการรับใช้พระชายาขององค์ชายอุปราชเลย จวนใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวางเป็นพันไร่แต่ไม่มีใครกล้าอาศัยอยู่ จนผู้คนในยุคสมัยนั้นต่างพากันเรียกขานว่าจวนเดียวดาย! ซึ่งก็คือจวนนี้ที่ลอกเลียนแบบมาครับเพราะต้นสกุลอินคือองค์ชายอุปราช บางคนก็เลยเรียกจวนสกุลอินแห่งนี้ว่า จวนเดียวดาย” สิ้นเสียงคำอธิบายของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว

“หา! จวนเดียวดายมีจริงๆ เหรอ!” หญิงสาวเอ่ยด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อล่วงรู้ว่า จวนเดียวดายที่เธอเคยได้ยินอยู่ในความฝันกลับมีจริงอย่างไม่คาดคิด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 62 อวสาน 1.1

    10 เดือนผ่านไป เทือกเขาหลงเมิ่งเทือกเขาสูงเสียดฟ้ายังคงยืนหยัดผ่านกาลเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละวัน จากวันเป็นเดือนจนเวลาผ่านไปแล้วสิบเดือนที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นที่จวนอุปราชแห่งหยวนเป่ย จนทำให้อินอวิ๋นฉวี่ฮ่องเต้สวรรคตพร้อมกับอินอวิ๋นหยางอุปราชผู้ลือนามซึ่งหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยเพราะค้นหาพระศพไม่พบ มีเพียงพระศพของอินอวิ๋นฉวี่เท่านั้นที่ถูกค้นพบ ในสภาพพระศพต่างเป็นที่สยดสยองแก่ผู้มาพบเป็นยิ่งนัก ด้วยถูกต้นไม้ยืนต้นตายที่ก้นเหวซึ่งหักสะบั้นลงจนเกิดปลายแหลมคม โชคร้ายของฮ่องเต้น้อยที่ร่วงหล่นจากยอดเขา ร่างตกลงมาเสียบคาอยู่กับตอไม้ที่เหลือเพียงปลายแหลมคมดังกล่าวจนเครื่องในไหลทะลักออกมากองนอกลำตัวเป็นภาพที่ผู้ใดมาพานพบต่างก็ไม่คาดคิดว่า จุดจบของฮ่องเต้หยวนเป่ยจะมีเป็นสภาพเช่นนี้ ในขณะที่อุปราชหยวนเป่ยที่ตกจากยอดเขามาพร้อมกันกับไม่เห็นพระศพแต่อย่างใด มีเพียงรอยลากเป็นทางยาวตรงก้นเหวซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าถูกสัตว์ป่าลากพระศพของพระองค์ไปเป็นอาหารของมันก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน เพราะพระศพของฮ่องเต้หยวนเป่ยก็ถูกสัตว์ป่ากัดแทะจนชิ้นส่วนแขนและขาหายไปทั้งสองข้าง เ

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 63 อวสาน 1.2

    ดวงตาคู่โศกสั่นไหวระริกเมื่อเห็นคนงามอุ้มครรภ์ขนาดใหญ่และใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง พร้อมหยาดน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันทีเมื่อเสียงขลุ่ยนั้นช่างบีบเค้นหัวใจคนฟังเสียนี่กระไร บ่งบอกให้ล่วงรู้ว่านางรักและอาลัยต่อคนที่จากไปมากมายยิ่งนัก ไม่ว่าคนรักจะอยู่แห่งหนใด ขอฝากเสียงขลุ่ยนี้เป็นตัวแทนความรักและความคิดถึงของนางที่มีให้นี้จากหัวใจทั้งหมด “ผีเสื้อน้อยแสนสวยของข้า!” เสียงรำพึงร้อยเรียกหาสตรีในหัวใจของอินอวิ๋นหยาง อุปราชรูปงามบัดนี้มาปรากฏตัวอยู่ทางด้านหลังแม่ผีเสื้อแสนสวยของพระองค์ ช่วงระยะเวลาสิบเดือนที่ผ่านมาอินอวิ๋นหยางเก็บตัวอย่างเงียบเชียบรักษาพระอาการที่ถูกพระชายาของตัวเองวางยาพิษหมายสังหารให้ชีพดับสูญ แต่แล้วนางกลับให้โอกาสได้อยู่รอดต่อไปเพราะล่วงรู้แล้วว่า เมื่อทำลงไปแล้วนางกลับไม่มีความยินดีแม้แต่น้อยตรงกันข้ามเจ็บปวดหัวใจเป็นยิ่งนัก แต่เป็นเพราะอาการบาดเจ็บเพราะถูกอินอวิ๋นฉวี่จ้วงแทงในระยะกระชั้นชิดและยังถูกพิษร้ายแรงของพระชายาทำให้พระองค์บาดเจ็บสาหัสแทบเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่ตกจากยอดเขาลงมาและอุปราชหนุ่มคว้าเถาวัลย์เอาไว้ได้ทันจึงไม่ร่วงหล่นลงสู่ก้นเหว จึงมีเพีย

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 60 วันวิปโยค 1.7

    จวนอุปราชกลุ่มควันขาวลอยสูงขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน ปกคลุมไปทั่วจวนอุปราชแลดูคล้ายเมฆหมอกเมฆา แต่ความเป็นจริงแล้วคือควันไฟที่ผสมยาแก้พิษของอินอวิ๋นฉวี่ ที่แอบลอบวางพิษยาสั่ง ซึ่งฮ่องเต้หยวนเป่ยได้ยาดังกล่าวมาจากเสี่ยวฉิงจื่อ ขันทีไส้ศึกจากสองแคว้นซึ่งเป็นทั้งยาสั่งและเป็นยาพิษในตัวด้วยกัน อันเกิดจากการคิดค้นปรุงยาของอดีตเจ้าสำนักหมื่นพิษโหรวหนิง อาจารย์ของหวู่ซานซานและอาจารย์ปู่ของหยางเฟยอี้ แต่เหนือฟ้าย่อมมีฟ้าเมื่อหยางเฟยอี้ นอกจากอัจฉริยะทางด้านดนตรีด้วยแล้ว นางยังมีปัญญาอันชาญฉลาดและไหวพริบดีเลิศมาจากภพชาติปัจจุบันของนาง จึงทำให้การปรุงยาพิษที่สามารถแก้พิษได้ทุกชนิดบรรลุผลสำเร็จ หากไม่เกิดเหตุการณ์ที่มาเกี่ยวพันกับชีวิตของหวู่ซานซาน แม่ผีเสื้อตัวน้อยก็จะยังไม่สามารถคิดค้นยาแก้พิษได้ทุกชนิดนี้ขึ้นมาได้แต่อย่างใด ยาแก้พิษดังกล่าวถูกนำมาเทใส่กองไฟจนเกิดเป็นควันขาวลอยคละคลุ้งปกคลุมไปทั่วจวนอุปราช ยอดเขาหลงเมิ่งในเวลานี้เต็มไปด้วยควันขาวมองแทบไม่เห็นตัวคน ในขณะที่กองทหารอารักขาซึ่งได้รับยาแก้พิษนั้นแล้วไม่ได้อยู่ในการควบคุมของฮ่องเต้หยวนเป่ยอีกต่อไป ต่างพากันกระจายกำล

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 61 วันวิปโยค 1.8

    ควับ! ฮ่องเต้หยวนเป่ยหันพระวรกายกลับมาทอดพระเนตรทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว และต้องเบิกพระเนตรกว้างด้วยความตระหนกพระทัยเมื่อทอดพระเนตรอุปราชผู้เป็นอา ยืนสูงทะมึนค้ำพระองค์อยู่ในขณะนั้นใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำลงท่ามกลางเส้นผมสีดำสนิทตกลงปรกหน้า ดวงตาจับจ้องเขม็งมาที่ฮ่องเต้หยวนเป่ยเต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งความตายจนสัมผัสได้ “เจ้าเสียดายชีวิตข้าหรือเสียดายเพราะไม่ได้ลงมือฆ่าด้วยตัวเอง!” อินอวิ๋นหยางถามกลับไปพร้อมแสยะยิ้มหยามเหยียด ฮ่องเต้หยวนเป่ยครั้นหายจากอาการตกตะลึงที่ได้เห็นผู้เป็นอาสามารถหวนคืนกลับมาจากความตายได้นั้น รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “ตายยากเหมือนกันนะเสด็จอา! แต่ก็ดี!...ในเมื่อเหตุการณ์พลิกผัน วันนี้ข้าหรือท่านเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดกลับไป” รับสั่งพร้อมใช้สายพระเนตรจับจ้องผู้เป็นอาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างเกือบเปลือยเปล่า มีเพียงอาภรณ์ขาวผืนบางเบาพันไว้รอบกายมัดรวบเอาไว้ใต้เอวเพียงเท่านั้น เนื้อตัวเต็มไปด้วยโลหิตและรอยแผลเป็นจากการทำสงคราม ปรากฏตามลำตัวตลอดจนทั่วทั้งแผ่นหลังและท่อนแขนกำยำปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน “ดูท่าสภาพของท่าน

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 59 วันวิปโยค 1.6

    ในขณะเดียวกัน กระท่อมหลังเขาพระวรกายสูงของฮ่องเต้หยวนเป่ย บัดนี้ได้มาปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าประตูห้องของหวู่ซานซาน พระองค์กำลังยืนพิงประตูกอดอกทอดพระเนตรคนงามอยู่ในขณะนั้น ด้วยหยางเฟยอี้ในยามนี้ร่างกายของนางมีสภาพเปียกปอน จนอาภรณ์ขาวที่สวมอยู่ติดกายแนบลู่ไปกับกายงามจนเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งอันสมบูรณ์ของสตรีเพศแสนเย้ายวนใจเผยให้ฮ่องเต้หนุ่มได้ทอดพระเนตร อกเป็นอก เอวคอดเท่ามดตะนอย สะโพกผายได้รูปสวย บั้นท้ายงอนงามตึงแน่นเล่นเอาอวิ๋นฉวี่ตะลึงลานไม่เป็นอันทำอะไร ทันทีที่หยางเฟยอี้หันกลับมาเผชิญหน้ากับพระองค์จนนางต้องเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบงัน “ฝ่าบาทจะทรงยืนจ้องหม่อมฉันแบบนี้อีกนานไหมเพคะ” คนงามถามสวนกลับไป และนั่นทำให้อวิ๋ฉวี่ฮ่องเต้รู้สึกตัวขึ้นมาทันที “ก็เจ้าชวนน่ามองเช่นนี้! จะห้ามสายตาของข้าไปได้อย่างไร แผนลอบสังหารอุปราชคงจะล้มเหลวไม่เป็นท่าเสียกระมัง เจ้าจึงมีสภาพกลับมาให้ข้าได้เห็นเช่นนี้ ดูท่าข้าจะประเมินเจ้าสูงเกินไปไม่เป็นไปตามที่คิด” รับสั่งออกมาตามการคาดเดาของตัวเอง “อย่างนั้นเหรอเพคะ! ถ้าเช่นนั้นก็คอยทอดพระเนตรต่อไปก็แล้วกัน” คนงามตอบกลับไ

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 58 วันวิปโยค 1.5

    ในขณะเดียวกัน ตำหนักอุปราชริมฝีปากหยักได้รูปสวยเริ่มขยับขึ้นมาทีละน้อย ภายหลังจากกลืนยาเม็ดสีดำสนิทลงไปนานกว่าหนึ่งชั่วยาม ทั่วกายเริ่มหายจากอาการชาไปทั่วร่าง และสามารถเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเอง พรืดดดด!!!! อินอวิ๋นหยางกระอักโลหิตแดงฉานพุ่งพรวดออกจากปากจนกระจายเต็มที่นอน พร้อมร่างใหญ่ทรุดฮวบลงกับฟูกตรงหน้าทันที แค่กก! แค่กก! แค่กกก! เสียงไอโครกครากดังออกมาทันใดพร้อมกระอักโลหิตออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสียงพึมพำดังเล็ดรอดออกมาอย่างแผ่วเบาอยู่ในขณะนั้น “ยะ...เยี่ยนลี่! ย..เยี่ยนลี่...ถ..ถิง...ถิง..ถิงถิง...ของ...ข้า!” เสียงเรียกชื่ออดีตพระชายาและคนปัจจุบันซึ่งเป็นคนเดียวกันดังออกมาจากปากของอุปราชแห่งหยวนเป่ย ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ยันกายขึ้นมาจากฟูกนอน เส้นผมสีดำสนิทยาวสยายปรกลงใบหน้าก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวพระวรกายค่อยๆ คลานออกมาจากแท่นบรรทมจุดหมายคือผ้าแพรสีเหลืองที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ไกลจากแท่นบรรทมเท่าใดนัก ตุบ! ตุบ! ตุบ! พระวรกายใหญ่ตกจากแท่นบรรทมก่อนจะกลิ้งตกลงไปที่พื้นห้อง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ละความพยายามแต่อย่างใด ท่อนแขนแข็งแกร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status