โอสถฟ้าบัญชารัก

โอสถฟ้าบัญชารัก

last updateLast Updated : 2025-02-17
Language: Thai
goodnovel16goodnovel
10
0 ratings. 0 reviews
13Chapters
539views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ลิขิตฟ้าหรือบัญชาสวรรค์ อย่าอาจหาญจะกำหนดชีวิตข้า ‘เสิ่นซูเย่ว’         เสิ่นซูเย่ว ศิษย์รองของ หมอประหลาด เกิดมาสูงศักดิ์เหนือสามอาณาจักร ชีวิตกลับผกผันพลัดพรากจากบุพการี ครั้นเติบใหญ่ออกท่องยุทธภพตามคำสั่งของเหล่าอาจารย์            ตั้งใจเพียงหาความสำราญกลับมี ‘ดอกท้อ’ เบ่งบานยามก้าวเดิน            พัวพันความลับดำมืดเบื้องหลังยุทธภพ หนทางข้างหน้ามีเพียงหุบเขากระบี่แม่น้ำเพลิง ใต้หล้าล้วนเป็นปรปักษ์ มีเพียง ‘ท่าน’ กล้าจับมือ ‘ข้า’            หากท่านไม่ผิดต่อข้า สัญญาเสิ่นซูเย่วล้วนไม่แยกจาก…ชั่วนิรันดร์

View More

Chapter 1

บทนำ

‘อู๋จง’ แดนเทพยุทธ์บรรพกาลที่แบ่งเขตปกครองเป็น 3 อาณาจักรบน 5 แดนล่าง มีตำนานปรำปราเล่าขานอันน่าเหลือเชื่อ ไร้บันทึกจารจำไม่มีผู้ใดล่วงรู้ต้นกำเนิดมาจากที่ใด มีอยู่มานานเพียงไหนอยู่เรื่องหนึ่ง

ธารเวลาทุก 700 สารทเวียนบรรจบ ก่อเกิด ‘โอสถสวรรค์’ ผู้มีบุญญาถือครอง ใต้หล้าสนองจำนงค์เป็นหนึ่ง...

ชาวบ้านทั่วไปแม้นได้ฟัง ยังคิดเพียงไม่ใช่เรื่องตน แตกต่างจากราชสำนักของแต่ละอาณาจักร พรรคธรรมะ ลัทธิมารในยุทธภพล้วนเสาะแสวงหา แม้ไร้ซึ่งเบาะแสแต่อำนาจไหนเลยจะไม่จรุงกลิ่นหวานหอม

10 ปีก่อน มีนักเล่านิทานปริศนาผู้หนึ่งเดินทางรอนแรมเล่าตำนานโอสถสวรรค์ในเมืองต่าง ๆ ของ 3 อาณาจักรบน อันได้แก่อาณาจักรต้าเซี่ย อาณาจักรเป่ยเหลียง และอาณาจักรตงซี จนบังเกิดความตื่นตัวแก่ราชสำนักของอาณาจักรทั้งสาม แม้แต่สำนักน้อยใหญ่ในยุทธภพยังเฝ้ามองความเป็นไป

นิทานนี้มีการกล่าวถึงนานนับปี แต่ไม่มีผู้ใดสามารถหาตัวหรือร่องรอยของนักเล่านิทานผู้นั้นได้ จนมีข่าวลือว่าเขาเป็นผู้เยี่ยมยุทธไปมาไร้เงาประดุจภูติผี ต่อมาจึงมิมีผู้ใดกล้าตามหาตัวคน เพียงรับฟังเรื่องเล่าสุดพิศดารที่ว่า

‘โอสถสวรรค์แท้จริงเป็นดรุณีน้อย’ กำเนิดในฤกษ์ดาวเทียนจีทอแสง แรม 7 ค่ำเดือน 7 ตกฟากยามจื่อ ปีหม่า ยามกำเนิดเหลียนฮวาเบ่งบาน เยี่ยนจื่อขับขาน ตานติงเฮ่อโบยบิน [1]

หนึ่งกำเนิดสวรรค์ อีกหนึ่งกำเนิดมาร เฮยเหลียนฮวาโรยรา นภาก้องอสุนี ธรณีครองสีชาด

โลกนี้ไหนเลยมีเพียงด้านเดียว มีแสงย่อมเหลือบเงา เมื่อโอสถสวรรค์กำเนิดย่อมก่อเกิด ‘โอสถมาร’ กำเนิดฤกษ์ยามเดียวกัน แต่กลับคุณอนันต์เป็นโทษมหันต์

5 ปีต่อมา อาณาจักรต้าเซี่ย

ครืนนนนนนนน!!!

อุแว้ อุแว้!

“มีคนร้าย!!! คุ้มกันพระชายา!!!”

“คุ้มกันพระชายา!!!”

ครืนนนนนน เปรี้ยง!

ตำหนักจวิ้นอ๋อง ผู้ดำรงพระยศหมิง องค์ชายลำดับที่สี่ในฮ่องเต้เซี่ยเหวิน พระนามเสิ่นหรง ในคืนที่พระชายาเอกของจวิ้นอ๋องกำลังมีพระประสูติกาลเกิดอาเพทครั้งใหญ่ ท้องฟ้าดำมืดมวลพยัพเมฆทมิฬปกคลุมฟากฟ้าจนไร้เงาจันทร์ เสียงครืนครันประดุจเสียงคำรามของเฮยหลง [2] อสุนียบาตฟาดผ่านวังหลวงจนสะเทือนเลื่อนลั่น

ดอกบัวในสระหน้าตำหนักพระชายาเอกจวิ้นอ๋องเหี่ยวเฉาใบเขียวสดกลับมอดไหม้ราวถูกไฟบรรลัยกัลป์แผดเผา ดอกสือซว่าน [3] สีชาดชูช่อเบ่งบานราวกับอยู่ท่ามกลางหุบเขาหลัวเฟิง [4]

“พระชายาทรงพาเสี้ยนจู่เสด็จหนีไปยังทางลับก่อนเพคะ” ถงมามา นางกำนัลคนสนิทรีบอุ้มเสี้ยนจู่น้อยที่เพิ่งถือกำเนิดวางลงในอ้อมอกของพระชายาที่ยังอ่อนแรง

หมับ!

“ถงมามาไปกับข้าเถิด”

ฝ่ามือชุ่มเหงื่อเรียบตึงคว้าท่อนแขนของมามาร่างอวบที่กำลังหมุนตัวออกไปทางประตูวงเดือน วงพักตร์เรียวรูปไข่ดวงเนตรหงส์ดูอ่อนล้าแต่มั่นคงมองแม่นมของพระสวามีที่อยู่เคียงข้างพระนางมาตั้งแต่อภิเษกสมรส

ถงมามายิ้มอ่อนเพียงส่ายหน้าหนักแน่นคราหนึ่ง เม้มปากเหม่อมองห่อผ้าที่มีร่างจ้อยดิ้นขลุกขลัก ก่อนตัดใจเร่งฝ่าเท้าด้วยวิชาตัวเบาดุจนางแอ่นเหินออกไปยังหน้าตำหนัก

“ค้นให้ทั่ว!!! อย่าให้เหลือรอดแม้ชีวิตเดียว!”

“รักษาองค์ด้วยเพคะพระชายา!!”

“องครักษ์เงาคุ้มกันพระชายาหนีไป! พวกข้าจะต้านพวกนักฆ่าไว้เอง!!! ไช่หง ไช่อี้มากับข้า!!!”

เคร้ง! เคร้ง! เฟี้ยว!

ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าโรมรันฟาดฟันกันดุเดือด นานเข้าทั้งสองฝ่ายก็เริ่มได้รับบาดเจ็บจากคมกระบี่และลูกธนู แม้เลือดโทรมกาย เจ็บร้าวลึกถึงกระดูกแต่ฝ่ายตำหนักอ๋องที่มีคนน้อยกว่าเกือบ 3 เท่า กลับไม่มีผู้ใดคิดถอย

“มามา! ไช่อี้! ไช่หง!” พระชายาร้องเรียกนางกำนัลส่วนพระองค์ทั้ง 2 และมามาข้างกายด้วยเสียงแหบแห้ง

การคลอดบุตรยาวนานกว่า 3 ชั่วยามสูบพลกำลังนางจนแทบประคองสติไว้ไม่ไหว

“พระชายารีบพาเสี้ยนจู่ตามกระหม่อมมาเถิดพะยะค่ะ!” หัวหน้าองครักษ์เงาเร่งนำหน้าไปเปิดประตูลับตรงด้านหลังโต๊ะวางคันฉ่อง

ทางลับนี้มีคนรู้เพียงแค่หยิบมือ

ยังพอถ่วงเวลาให้พระชายาทรงพาเสี้ยนจู่หลบหนีไปได้

นอกตำหนักหมิงเหลียงหยินเย่ว เกิดการนองเลือดธารโลหิตหลั่งรินทั่วผืนดิน ดอกสือซว่านกลับงดงามสะท้อนแสงคบเพลิง ร่างของเหล่าองครักษ์พิทักษ์วังอ๋องร่วงหล่นราวใบไม้ปลิดปลิว

ร่างของมามากระแทกล้มลงเป็นคนสุดท้าย ดวงตาพร่าเลือนก้มมองกระบี่ที่แทงทะลุกลางลำตัว เลือดแดงปนดำทะลักเปียกโชก เผยยิ้มปลดปลงสายหนึ่งหันมองนางกำนัลที่ต่อสู้เคียงข้างทั้งสอง

หนึ่งร่างโชกเลือดไร้ศีรษะอยู่ห่างไปทางขวา อีกร่างไร้แขนขาดวงตาเบิกโพลงอยู่ทางด้านหลัง

‘พระชายาพวกข้าได้แต่ไปรอท่านที่สะพานไน่เหอแล้ว อย่ารีบติดตามบ่าวเฒ่ามาเร็วนักเล่า’

ท่านอ๋องทรงนำทัพทำศึกกับชาวเหมียวใกล้เขตแดนทะเลทรายของอาณาจักรตงซีเมื่อ 5 เดือนก่อน ใครเล่าจะคาดว่าขณะที่ทุ่มเทสละเลือดเนื้อเพื่อความสงบสุขของต้าเซี่ย

กลับเกิดโศกนาฏกรรมในวังอ๋องและพระชายาทรงพระครรภ์ใกล้คลอด!

แรม 7 ค่ำ เดือน 7...ไยต้องเป็นกาลนี้!!!

3 เดือนต่อมา เลี่ยวหลาน เมืองหลวงต้าเซี่ย

“นั่น!!! ปิดประตูเมืองๆๆ กองทัพเฮยเฟิงจือสือ (มัจจุราชลมทมิฬ) มาแล้ว จวิ้นอ๋องก่อกบฏ!!!”

“ม้าเร็ว! ไปแจ้งข่าวยังวังหลวง!!”

“ทูลฝ่าบาท! ทัพกบฏปิดล้อมประตูเมืองทุกด้านแล้วพะยะค่ะ!!! ตอนนี้ทัพหลวงโยกย้ายกองกำลังได้เพียง 5 หมื่นนาย แม่ทัพใหญ่โจวคังคาดว่าจะถึงในอีก 5 วันพะยะค่ะ”

ปัง! เพล้ง!

“บัดซบ!!! เสิ่นหรง!!! ไอ้สุนัขเลี้ยงไม่เชื่องในที่สุดก็แว้งกัดข้า!!!”

“ฝ่าบาททรงโปรดระงับโทสะด้วยพะยะค่ะ”

“ทรงโปรดระงับโทสะด้วยพะยะค่ะ!”

ฮ่องเต้เซี่ยเหวินประทับนั่งบนบัลลังก์มังกร ทรงขว้างจอกน้ำจัณฑ์แตกกระจาย ขุนนางในท้องพระโรงเช้าที่กำลังออกว่าราชการกว่า 100 ชีวิต หมอบกราบด้วยเกรงว่าพระพิโรธจะตกมาถึงตน

“แม่ทัพใหญ่เถียน จงนำกำลังทัพทหารรักษาเมืองเข้าต้านทัพกบฏ ประกาศออกไปถอดพระยศจวิ้นอ๋องให้เป็นสามัญชน! ใครเข้าร่วมก่อกบฏประหารเจ็ดชั่วโคตร!!!”

รับสั่งสุรเสียงเกี้ยวกราดจนไม่มีขุนนางคนใดกล้าเงยหน้า

ขุนนางบุ๋นวัยกลางคนท่วงท่าองอาจลุกขึ้นจากแถวที่หมอบกราบอยู่ตอนหน้า มานั่งคุกเข่าศีรษะกดต่ำประสานมือคำนับต่อองค์เหนือหัว

“เถียนกวนถิงน้อมรับพระบัญชา” ขุนพลกล่าวเพียงนั้นรีบรุดออกจากท้องพระโรงไปยังค่ายทหารรักษาเมือง

ตึง ตึง ตึง ตึง...

กลองศึกถูกลั่นกระหน่ำปลุกใจเหล่าทหาร แม่ทัพใหญ่เป็นผู้นำทัพสร้างขวัญและกำลังใจแก่ทหารกล้าใต้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี

“ปราบกบฏเสิ่นหรง! คืนความสงบสู่ใต้หล้า!”

“พลธนูไฟประจำป้อมรอบกำแพงเมือง!!! เผาน้ำมันดินไว้ รองแม่ทัพนำกำลังเสริมไปประจำประตูเมืองทิศตะวันออก!!!”

แม่ทัพใหญ่เถียนมาถึงกำแพงเมืองชั้นนอกก็เริ่มสั่งการป้องกันเมืองอย่างดุดัน ทั้งยังพยายามปลุกขวัญทหารไม่ให้หวาดกลัวทัพกบฏ แม้จวิ้นอ๋องจะได้ชื่อว่าเป็นเทพสงครามแห่งต้าเซี่ยก็ตาม

เฟี้ยว! ฉึก!

เคร้ง! เคร้ง!

“ระวังลูกธนู!!!”

ฝนธนูจากนอกกำแพงพุ่งแหวกอากาศมาจากระยะ 50 จั้งปักลงบนกำแพงบ้าง โดนทหารรักษาการใช้ดาบปัดป้องออกไปบ้าง แต่ทหารบางคนยังคงโดนลูกธนูปักทะลุเกราะอ่อนจนตกจากกำแพงเมือง

อ๊ากกกกก!

ศึกล้มล้างราชบัลลังก์อาณาจักรต้าเซี่ยได้เริ่มขึ้นแล้ว!

แม่ทัพกบฏในชุดเกราะพยัคฆ์สีดำบนหลังม้าเหงื่อโลหิต ใช้สายตาเฉียบคมจ้องมองแม่ทัพรักษาเมืองบนกำแพงหิน แบมือออกไปทางนายกองด้านข้าง

“นี่พะยะค่ะท่านอ๋อง” ธนูซินเย่ว (เดือนดับ) ถูกวางลงบนมือเรียวยาวราวบัณฑิต แต่ฝ่ามือสากด้านจากการจับศาตราวุธ

จวิ้นอ๋องน้าวคันธนูเหล็กสีดำจนเต็มวงเดือนด้วยท่อนแขนแข็งแกร่งทรงพลัง ใช้กำลังภายในเจ็ดส่วนก่อนจะปล่อยลูกธนูเหล็กหนักครึ่งจินพวยพุ่งฝ่ากระแสลมตรงดิ่งไปทางเป้าหมาย

เฟี้ยว!

ฉึก! กึง! “อึก!!!...”

“ท่านแม่ทัพ!!! แม่ทัพเถียนถูกยิง!!!”

แม่ทัพใหญ่ของทัพรักษาเมืองกระอักเลือดจากแรงปะทะของธนูที่ยิงทะลุบ่าจนหัวธนูปักลงลึกบนกำแพงเมือง ตรึงร่างในชุดแม่ทัพเกราะทองไว้ในท่ายืน

ลูกธนูติงจิ้นฉู่ (ตะปูเหล็ก) มีลักษณะพิเศษที่หัวธนูเป็น 4 แฉกใช้เจาะคว้านเนื้อทำให้ยากจะถอนออก ทั้งยังทำให้บาดแผลสาหัสเลือดไหลออกมาตามก้านธนู

ผู้ต้องฤทธิ์เกาทัณฑ์แล้วรอดชีวิตมิเคยปรากฏ...

“แม่ทัพเถียนสิ้นใจแล้ว!!!”

เฮ! เฮ!

“พังกำแพงเมืองเข้าไป!!”

ข่าวการเสียชีวิตของแม่ทัพเถียนทำให้ทหารรักษาเมืองระส่ำระสาย กองทัพกบฏฮึกเหิมโถมทำลายกำแพงเมืองจนพินาศ บุกเข้าสู่เมืองหลวงด้วยเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม

กองทัพกบฏกระจายกำลังควบคุมกำแพงเมืองทั้ง 3 ทิศ จวิ้นอ๋องและนายกองคนสนิทพร้อมด้วยทัพม้าบุกเข้าวังหลวง เข่นฆ่าทหารองครักษ์รักษาพระองค์จนธารโลหิตท่วมแผ่นอิฐทองคำ ราวกับจำลองสภาพวังอ๋องในคืนวิปโยค

ตึก ตึก ตึก...

“จะ จวิ้นอ๋อง กำลังมาทางนี้แล้ว ฝ่าบาทเสด็จหนีก่อนเถิดพะยะค่ะ”

ขันทีชราวิ่งล้มลุกคลุกคลานไร้ระเบียบเข้ามารายงานท่ามกลางความสงัดเงียบของพระตำหนักเฉียนชิงมีเสียงฝีเท้าก้าวหนัก ๆ เดินไม่ช้าไม่เร็วดังเข้าโสตประสาท

ตึก ตึก ตึก...ครืดดดด ครืด...

เสียงย่ำฝีเท้าด้านนอกตำหนักแต่ละก้าว เหมือนเหยียบขยี้ลงหัวใจที่บีบรัด ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเหยียดริมฝีปาก กลับเปล่งเสียงหัวเราะวิปลาส “ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!”

“เสิ่นหรง!!! ไอ้ลูกสุนัขชั่ว ท่านนักพรตเตือนข้าแล้วว่าแกจะก่อกบฏ!!!”

ฮ่องเต้ชี้นิ้วด่าทอสุรเสียงเกรี้ยวกราดใส่ร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามในชุดเกราะดำ พระพักตร์และสายพระเนตรแดงก่ำดุจหยดเลือด

“ข้าไม่เคยคิดหวังบัลลังก์ของท่าน...เสด็จพ่อ”

“ล้วนเป็นท่านบีบคั้นข้า!!!”

“หึ...คำทำนาย? นักพรต? เหลวไหลสิ้นดี!!! หากท่านไม่แตะต้องลูกเมียข้า บ่าวไพร่ในจวนอ๋องอีก 300 กว่าชีวิต ทั้งขุนนางตงฉินที่ต้องถูกประหารสิ้นตระกูลไม่รู้เท่าไหร่ เพราะเชื่อลมปากลวงจากนักต้มตุ๋นเหล่านั้นท่านคงไม่มีจุดจบเช่นนี้!!!”

เสิ่นหรงเอ่ยความผิดพระบิดาด้วยเสียงดังกัมปนาทราวฟ้าผ่า ฮ่องเต้เซี่ยเหวินในพระชันษา 45 ปี ยังมีพระพลานามัยแข็งแรงกระฉับกระเฉงแต่ทรงเลอะเลือนศรัทธาในสิ่งลี้ลับ เชื่อถือในคำทำนายของนักพรตต้มตุ๋นจากตำหนักเทียนคง

“ข้าแค่กำจัดภัยร้ายให้ใต้หล้า!!!”

“แต่นั่นมันลูกข้า! หลานสาวแท้ ๆ ของพระองค์ที่เพิ่งลืมตาดูโลก!”

ป่วยการจะทุ่มเถียงกับผู้ที่ไม่สำนึกในสิ่งที่ได้กระทำ อดีตจวิ้นอ๋องจึงสั่งให้ทหารคุมตัวอดีตฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ยไปคุมขังตลอดชีวิต

“กวาดล้างตำหนักเทียนคง! จับตัวนักพรตบัดซบนั่นมาให้ข้า!

[1] เหลียนฮวา – ดอกบัว, เยี่ยนจื่อ - นกนางแอ่น, ตานติงเฮ่อ - กระเรียนนางฟ้า หรือกระเรียนมงกุฏแดง

[2] เฮยหลง - มังกรดำ

[3] สือซว่าน – พลับพลึงแดง, พลับพลึงแมงมุม

[4] ภูเขาหลัวเฟิง - อยู่ทางทิศเหนือของปรโลกตามความเชื่อลัทธิเต๋า

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters
No Comments
13 Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status