จีนแผ่นดินใหญ่ ประเทศที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ซึ่งอุบัติขึ้นในโลกยุคโบราณ มีระยะเวลาใกล้เคียงกับดินแดนไอย์คุปต์ในอดีตกาลเมื่อ 6,000 ปีก่อนคริสตกาล อารยธรรมที่แสนยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยความพิศวงและน่าตื่นตะลึงในคราวเดียวกันปรากฏร่องรอยแห่งความเจริญรุ่งเรืองในอดีต จนถึงยุคปัจจุบันในศตวรรษที่ 21 เหลือไว้เพียงซากปรักหักพังเท่านั้น เรื่องราวในยุคอดีตที่เคยเกิดขึ้นเหลือไว้แต่เพียงความทรงจำและกลายเป็นนิทานจนกลายเป็นตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน
เจ้าผู้ครองแคว้น ผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ในสมัยที่จีนแผ่นดินใหญ่ยังไม่รวมแผ่นดินเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เชื่อกันว่าเจ้าผู้ครองแคว้นในสมัยโบราณมีมากมายจากจำนวนแคว้นที่ตั้งตนขึ้นปกครองตนเอง หากแต่ไม่มีหลักฐานสนับสนุนเพียงพอเกี่ยวกับข้อมูลเหล่านั้นว่าตำนานและเรื่องเล่ามีข้อเท็จจริงมากน้อยประการใด และนักวิชาการตลอดจนถึงนักโบราณคดีของจีนอีกมากมายก็มีความคิดเห็นแตกต่างกันออกไปอีก ซึ่งแคว้นมากมายเหล่านั้นกระจายไปทั่วผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ของประเทศจีนในสมัยโบราณ ย้อนกลับไปตั้งแต่ในยุคของสามราชาห้าจักรพรรดิ เป็นยุคสมัยที่เต็มไปด้วยตำนานและความลี้ลับ และเป็นยุคแรกเริ่มของอารยธรรมจีนโบราณเมื่อห้าพันปีก่อน คริสต์ศักราช 2019 เซี่ยงไฮ้ ท่าอากาศยานนานาชาติซ่างไห่ผู่ตงร่างระหงของหญิงสาววัยแรกรุ่นในวัย 19 ปี ในชุดลำลองสบายๆ เสื้อเชิ้ตแขนยาวเข้ารูปสีขาวความยาวเพียงแค่ข้อศอกสวมทับกางเกงยีนสีเข้มรับกับรองเท้าบูทมีความยาวไปจนถึงหัวเข่า ผมสั้นสีดำขลับยาวเพียงแค่ต้นคอถูกออกแบบมาอย่างทันสมัยรับกับใบหน้าสวยเฉี่ยวและดวงตากลมโตที่ถูกกรีดด้วยไอไลเนอร์สีดำสนิท จนทำให้ยิ่งเพ่งพิศคมบาดลึกราวกับนางมารร้ายเดินออกมาจากนิยายไม่มีผิด
หยางเฟยอี้หรือถิงถิง นักร้องสาวชื่อดังจากเกาะฮ่องกงซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เธอกำลังได้รับความนิยมและเนื้อหอมไปทั่วทั้งวงการเพลงด้วยเสียงร้องอันทรงพลัง และสามารถร้องเพลงได้หลากหลายสไตล์ เธอถูกจัดให้เป็นนักร้องสาวสุดเซ็กซี่ของวงการเพลงฮ่องกงเป็นขวัญใจของบรรดาหนุ่มๆ ที่หลงใหลในเสียงเพลงของเธอและใบหน้าสวยเฉี่ยว ถ้าเทียบเป็นมีดคมกรีดลึกเขย่าหัวใจบุรุษเพศทั่วทั้งเกาะฮ่องกงจนไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่หยางเฟยอี้เดินทางมาที่จีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อมาร่วมงาน Flying Apsaras Awards รางวัลเฟยเทียนนี้เป็นงานประกาศผลรางวัลใหญ่สุดในจีน จัดโดยรัฐบาลจีนซึ่งเน้นฝีมือและเน้นคุณภาพ ซึ่งในงานดังกล่าวเพลงประกอบในซีรีส์ เป็นเสียงร้องของเธอทั้งสิ้น และเพียงแค่ห้าตอนแรกที่ละครออกอากาศ เพลงประกอบซีรีสที่หญิงสาวร้องนำดังเป็นพลุแตกได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นจนแฟนเพลงจากจีนแผนดินใหญ่ สามารถร้องตามกันอย่างแพร่หลาย และมีชื่อเข้าชิงรางวัลเพลงประกอบละครยอดเยี่ยมแห่งปี
ด้วยเหตุนี้หญิงสาวซึ่งเป็นชาวฮ่องกงโดยกำเนิดจึงเดินทางมาที่จีนแผ่นดินใหญ่ และนับเป็นครั้งแรกที่เธอมาเยือนผืนแผ่นดินแห่งนี้นับตั้งแต่จำความได้ “คุณถิงถิง!!!!” เสียงร้องตะโกนพร้อมยกมือโบกไปมาดังออกมาจากจุดรอรับผู้โดยสารขาออก ดวงตาคมเฉี่ยวภายใต้แว่นกันแดดจากแบรนด์ดังหันกลับมามองตามเสียงเรียกดังกล่าว ก่อนจะเข็นกระเป๋าเดินทางของเธอตรงเข้าไปหา “คุณถิงถิงเดินทางมาคนเดียวเหรอครับ” เสียงของอีกฝ่ายถามกลับไปด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นนักร้องดังเดินทางมาเพียงลำพังเท่านั้น อือหึ! หญิงสาวส่งเสียงตอบรับอยู่ในลำคอ “มีอะไรเหรอคะ ฉันเดินทางมาคนเดียวมันน่าแปลกนักเหรอ” ถิงถิงถามกลับไปพลางมองหนึ่งในทีมงานโปรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานกัน “ผมแค่แปลกใจที่เห็นคุณถิงถิงเดินทางคนเดียว เพราะตอนโทรคุยงานกับคุณหลี่ยู่ ผู้จัดการส่วนตัวของคุณเห็นบอกว่าจะเดินทางมาด้วย ทางเราจึงจัดเตรียมที่พักเผื่อเอาไว้ให้ครับ” “อ่อ...พอดีคุณหลี่ยู่ติดธุระด่วนค่ะจะเดินทางตามมาในวันมะรืน ถิงถิงก็เลยล่วงหน้ามาก่อน อีกอย่างคิวงานที่รับเอาไว้ล่วงหน้าจะเริ่มวันในอีกสองวันข้างหน้า-ไม่ใช่เหรอคะ งานรางวัลเฟยเทียนกว่าจะเริ่มก็ตั้งอาทิตย์หน้า ทำให้มีเวลาเป็นอิสระตั้งสองวันถิงถิงก็เลยรีบบินมาก่อนจะได้มีเวลาพักผ่อน” หญิงสาวตอบกลับไปพลางถอนหายใจ ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ที่หยางเฟยอี้มีขื่อเสียงโด่งดังจากพลังเสียงของเธอไปทั่วเกาะฮ่องกงและดังมากขึ้นๆ เรื่อยๆ จนไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อเสียงที่โด่งดังเป็นพลุแตกทำให้เธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานเพราะไม่มีเวลาพักผ่อน และไม่มีเวลาส่วนตัวที่จะไปเที่ยวหรือพักผ่อนที่ไหน “คุณถิงถิงคงจะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาก ท่าทางอิดโรยเห็นได้ชัดเลย เดี๋ยวผมพาเข้าที่พักซึ่งจัดเตรียมเอาไว้ให้คุณจะได้มีเวลาส่วนตัวไปทำอะไรก็ได้” ทีมงานคนดังกล่าวพูดพร้อมคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือนักร้องดัง “ทางนี้ครับคุณถิงถิง ผมเคลียร์ทางไว้ให้หมดแล้วครับ” พูดพลางชี้ตรงไปทางเดินที่ทอดยาว ในขณะที่หยางเฟยอี้ทำหน้าแปลกใจเมื่อมองตามมือของทีมงาน “ทำไมตรงเคลียร์ทางไว้ด้วยคะ มีอะไรหรือเปล่า” หญิงสาวถามกลับไป ทีมงานคนดังกล่าวหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะหลงลืมขั้นตอนไม่ได้อธิบายให้นักร้องดังล่วงรู้ “ผมขอโทษที่บอกรายละเอียดไม่ชัดเจน คุณถิงถิงคงไม่รู้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดังมากแค่ไหนในแผ่นดินจีน ด้านนอกมีแต่แฟนเพลงของคุณมายืนรอรับจนแน่นไปหมดเลย พวกเขาชื่นชมคุณมากเลยนะครับแต่เพื่อความปลอดภัย ทางการจีนมีมาตราการคุ้มครองศิลปินอย่างเข้มงวดไม่ให้ได้รับอันตราย พวกเราทำงานภายใต้มาตรฐานที่ได้การรองรับเอาไว้หมดแล้วครับ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องให้คุณถิงถิงมาที่ประตูทางออกที่จัดเตรียมเอาไว้ บรรดาแฟนเพลงยืนรอคุณอยู่นานแล้ว” ใบหน้าสวยพยักขึ้นลงอย่างช้าๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น “ไม่คิดว่าจะมีแฟนเพลงที่ชื่นชอบผลงานของถิงถิงมากขนาดนี้ แล้วจะรออะไรอยู่ไปกันเลยคะ” หญิงสาวพูดพลางก้าวเดินไปพร้อมกับทีมงานคนดังกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันสดใส บริเวณประตูทางออก กรี๊ดดดด!!!เสียงกรีดร้องของบรรดาแฟนเพลงที่ล่วงรู้ข่าวการเดินทางมาเยือนที่ประเทศจีนของหยางเฟยอี้ดังไปทั่วบริเวณลานด้านหน้าประตูทางออกทันทีที่เธอปรากฏตัว “ถิงถิง! ถิงถิง!” “ขอถ่ายรูปหน่อยคะ หันหน้ามาหาพวกเราด้วย” “ดอกไม้คะคุณถิงถิง! รับของขวัญจากพวกเราด้วย” “ขอหนูถ่ายรูปพี่สาวหน่อยคะ” “ถิงถิงสวยจังเลย” เสียงชื่นชมสลับเสียงร้องเรียกชื่อของนักร้องสาวดังก้องไม่มีทีท่าวาจะหยุด ภายใต้มาตรการความปลอดภัยของทีมงาน บรรดาบอดี้การ์ดยืนรายล้อมอยู่ด้านหน้า และบางส่วนเดินตามหลังและเดินเคียงคู่มาพร้อมกับนักร้องดังเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับหยางเฟยอี้ หญิงสาวยืนโบกมือไปมาให้กับบรรดาแฟนเพลง พร้อมยื่นมือรับของขวัญรวมไปถึงช่อดอกไม้ที่มีมากมายจนสองแขนหอบเอาไว้ไม่หมด ต้องส่งมอบให้กับบอดี้การ์ดช่วยรับช่วงต่อก่อนจะหันกลับไปเซ็นชื่อบนภาพถ่ายของเธอที่แฟนเพลงเรียกร้องและขอถ่ายรูปกับหญิงสาว จนแสงแฟลชวูบวาบไปทั่วทั้งลาน “ของกำนัลจากจวนสกุลอินได้โปรดรับเอาไว้ด้วย!” เสียงนั้นดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางแฟนเพลงที่เบียดเสียดเยียดยัด มือใหญ่ของผู้ชายสวมชุดฮั่นฝูโบราณสีขาว ยื่นของขวัญส่งมาให้กับนักร้องดังให้เธอรับเอาไว้มีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กซึ่งจีนแผ่นดินใหญ่ในปัจจุบันนิยมสวมใส่ชุดฮั่นฝูโบราณเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมของชาติในอดีต และในกลุ่มแฟนเพลงของหยางเฟยอี้ก็มีจำนวนไม่น้อยที่สวมชุดฮั่นฝูมารอรับเธอตามตัวละครเอกในซีรีสเรื่องที่หญิงสาวร้องเพลงประกอบ ของขวัญดังกล่าวอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสทรงยาวคล้ายกล่องใส่เทียนหรือใส่ของที่มีขนาดความยาวไม่ใหญ่และไม่เล็กมากนักและหยางเฟยอี้ก็รับเอาไว้แนบอกของเธอ “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณผู้ชายสวมอาภรณ์ขาวในชัดฮั่นฝูโบราณนั้นพลางเงยหน้ามองคนที่มอบของขวัญให้กับเธอ พรึบ!!!ร่างของผู้ชายคนดังกล่าวเลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของนักร้องดัง ท่ามกลางแฟนเพลงที่กำลังยื้อแย่งเพื่อให้ได้เข้าใกล้ตัวเธอ ในขณะที่หยางเฟยอี้ตกอยู่ในอาการตื่นตกใจเมื่อเห็นแฟนเพลงในชุดโบราณเลือนหายลับไปกับตา “หะ...หาย...หาย!!!!” หยางเฟยอี้กล่าวเพียงแค่นั้น ร่างเล็กๆ ของนักร้องสาวทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างรวดเร็วหมดสติไปโดยไม่รู้ตัว ท่ามกลางแฟนเพลงที่เห็นเหตุการณ์กันอย่างถ้วนหน้า “ว้าย! ถิงถิงเป็นลมไปแล้ว” “ถิงถิงเป็นลม” “รีบออกมาเร็วเข้า! ถิงถิงเป็นลมล้มลงไปแล้ว” แฟนเพลงต่างร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นตกใจจนเซ็งแซ่ไปหมด ในขณะที่บอดี้การ์ดต่างพากันกรูเข้าหาร่างของนักร้องดังเพื่อช่วยเธอออกไปจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็ว “เรียกรถพยาบาลเร็วเข้า!” เสียงบอดี้การ์ดที่คอยดูแลนักร้องสาวตะโกนบอกทีมงาน “รีบกันแฟนเพลงออกไปให้หมด!” บอดี้การ์ดตะโกนก้องพร้อมตรงเข้าอุ้มร่างของนักร้องดัง รีบวิ่งออกจากจากบริเวณนั้นไปอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะเดียวกับที่รถพยาบาลแล่นมาถึงพอดี “คุณเฟยอี้เป็นลมหมดสติรีบตรวจอาการเร็ว!” บอดี้การ์ดร่างใหญ่บอกอาการให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉินได้ล่วงรู้ ในขณะที่บอดี้การ์ดคนอื่นๆ รีบตรงเข้ามายืนขวางทางพร้อมใช้ราวเหล็กกั้นเป็นทางยาวไม่ให้แฟนเพลงวิ่งเข้ามาภายในบริเวณรถพยาบาล ก่อนจะเห็นรถสีขาวเปิดไซเรนเสียงดังสนั่นแล่นออกจากลานประตูทางออกผู้โดยสารไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของเหล่าแฟนเพลงมากมายต่างยืนชะเง้อพากันมองตามด้วยความเป็นห่วงของนักร้องสาว พร้อมเสียงเรียกดังตามไล่หลัง “มาหาข้า! ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว!!!” เสียงปริศนาล่องลอยติดตามรถพยาบาลคันดังกล่าว10 เดือนผ่านไป เทือกเขาหลงเมิ่งเทือกเขาสูงเสียดฟ้ายังคงยืนหยัดผ่านกาลเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละวัน จากวันเป็นเดือนจนเวลาผ่านไปแล้วสิบเดือนที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นที่จวนอุปราชแห่งหยวนเป่ย จนทำให้อินอวิ๋นฉวี่ฮ่องเต้สวรรคตพร้อมกับอินอวิ๋นหยางอุปราชผู้ลือนามซึ่งหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยเพราะค้นหาพระศพไม่พบ มีเพียงพระศพของอินอวิ๋นฉวี่เท่านั้นที่ถูกค้นพบ ในสภาพพระศพต่างเป็นที่สยดสยองแก่ผู้มาพบเป็นยิ่งนัก ด้วยถูกต้นไม้ยืนต้นตายที่ก้นเหวซึ่งหักสะบั้นลงจนเกิดปลายแหลมคม โชคร้ายของฮ่องเต้น้อยที่ร่วงหล่นจากยอดเขา ร่างตกลงมาเสียบคาอยู่กับตอไม้ที่เหลือเพียงปลายแหลมคมดังกล่าวจนเครื่องในไหลทะลักออกมากองนอกลำตัวเป็นภาพที่ผู้ใดมาพานพบต่างก็ไม่คาดคิดว่า จุดจบของฮ่องเต้หยวนเป่ยจะมีเป็นสภาพเช่นนี้ ในขณะที่อุปราชหยวนเป่ยที่ตกจากยอดเขามาพร้อมกันกับไม่เห็นพระศพแต่อย่างใด มีเพียงรอยลากเป็นทางยาวตรงก้นเหวซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าถูกสัตว์ป่าลากพระศพของพระองค์ไปเป็นอาหารของมันก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน เพราะพระศพของฮ่องเต้หยวนเป่ยก็ถูกสัตว์ป่ากัดแทะจนชิ้นส่วนแขนและขาหายไปทั้งสองข้าง เ
ดวงตาคู่โศกสั่นไหวระริกเมื่อเห็นคนงามอุ้มครรภ์ขนาดใหญ่และใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง พร้อมหยาดน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันทีเมื่อเสียงขลุ่ยนั้นช่างบีบเค้นหัวใจคนฟังเสียนี่กระไร บ่งบอกให้ล่วงรู้ว่านางรักและอาลัยต่อคนที่จากไปมากมายยิ่งนัก ไม่ว่าคนรักจะอยู่แห่งหนใด ขอฝากเสียงขลุ่ยนี้เป็นตัวแทนความรักและความคิดถึงของนางที่มีให้นี้จากหัวใจทั้งหมด “ผีเสื้อน้อยแสนสวยของข้า!” เสียงรำพึงร้อยเรียกหาสตรีในหัวใจของอินอวิ๋นหยาง อุปราชรูปงามบัดนี้มาปรากฏตัวอยู่ทางด้านหลังแม่ผีเสื้อแสนสวยของพระองค์ ช่วงระยะเวลาสิบเดือนที่ผ่านมาอินอวิ๋นหยางเก็บตัวอย่างเงียบเชียบรักษาพระอาการที่ถูกพระชายาของตัวเองวางยาพิษหมายสังหารให้ชีพดับสูญ แต่แล้วนางกลับให้โอกาสได้อยู่รอดต่อไปเพราะล่วงรู้แล้วว่า เมื่อทำลงไปแล้วนางกลับไม่มีความยินดีแม้แต่น้อยตรงกันข้ามเจ็บปวดหัวใจเป็นยิ่งนัก แต่เป็นเพราะอาการบาดเจ็บเพราะถูกอินอวิ๋นฉวี่จ้วงแทงในระยะกระชั้นชิดและยังถูกพิษร้ายแรงของพระชายาทำให้พระองค์บาดเจ็บสาหัสแทบเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่ตกจากยอดเขาลงมาและอุปราชหนุ่มคว้าเถาวัลย์เอาไว้ได้ทันจึงไม่ร่วงหล่นลงสู่ก้นเหว จึงมีเพีย
จวนอุปราชกลุ่มควันขาวลอยสูงขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน ปกคลุมไปทั่วจวนอุปราชแลดูคล้ายเมฆหมอกเมฆา แต่ความเป็นจริงแล้วคือควันไฟที่ผสมยาแก้พิษของอินอวิ๋นฉวี่ ที่แอบลอบวางพิษยาสั่ง ซึ่งฮ่องเต้หยวนเป่ยได้ยาดังกล่าวมาจากเสี่ยวฉิงจื่อ ขันทีไส้ศึกจากสองแคว้นซึ่งเป็นทั้งยาสั่งและเป็นยาพิษในตัวด้วยกัน อันเกิดจากการคิดค้นปรุงยาของอดีตเจ้าสำนักหมื่นพิษโหรวหนิง อาจารย์ของหวู่ซานซานและอาจารย์ปู่ของหยางเฟยอี้ แต่เหนือฟ้าย่อมมีฟ้าเมื่อหยางเฟยอี้ นอกจากอัจฉริยะทางด้านดนตรีด้วยแล้ว นางยังมีปัญญาอันชาญฉลาดและไหวพริบดีเลิศมาจากภพชาติปัจจุบันของนาง จึงทำให้การปรุงยาพิษที่สามารถแก้พิษได้ทุกชนิดบรรลุผลสำเร็จ หากไม่เกิดเหตุการณ์ที่มาเกี่ยวพันกับชีวิตของหวู่ซานซาน แม่ผีเสื้อตัวน้อยก็จะยังไม่สามารถคิดค้นยาแก้พิษได้ทุกชนิดนี้ขึ้นมาได้แต่อย่างใด ยาแก้พิษดังกล่าวถูกนำมาเทใส่กองไฟจนเกิดเป็นควันขาวลอยคละคลุ้งปกคลุมไปทั่วจวนอุปราช ยอดเขาหลงเมิ่งในเวลานี้เต็มไปด้วยควันขาวมองแทบไม่เห็นตัวคน ในขณะที่กองทหารอารักขาซึ่งได้รับยาแก้พิษนั้นแล้วไม่ได้อยู่ในการควบคุมของฮ่องเต้หยวนเป่ยอีกต่อไป ต่างพากันกระจายกำล
ควับ! ฮ่องเต้หยวนเป่ยหันพระวรกายกลับมาทอดพระเนตรทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว และต้องเบิกพระเนตรกว้างด้วยความตระหนกพระทัยเมื่อทอดพระเนตรอุปราชผู้เป็นอา ยืนสูงทะมึนค้ำพระองค์อยู่ในขณะนั้นใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำลงท่ามกลางเส้นผมสีดำสนิทตกลงปรกหน้า ดวงตาจับจ้องเขม็งมาที่ฮ่องเต้หยวนเป่ยเต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งความตายจนสัมผัสได้ “เจ้าเสียดายชีวิตข้าหรือเสียดายเพราะไม่ได้ลงมือฆ่าด้วยตัวเอง!” อินอวิ๋นหยางถามกลับไปพร้อมแสยะยิ้มหยามเหยียด ฮ่องเต้หยวนเป่ยครั้นหายจากอาการตกตะลึงที่ได้เห็นผู้เป็นอาสามารถหวนคืนกลับมาจากความตายได้นั้น รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “ตายยากเหมือนกันนะเสด็จอา! แต่ก็ดี!...ในเมื่อเหตุการณ์พลิกผัน วันนี้ข้าหรือท่านเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดกลับไป” รับสั่งพร้อมใช้สายพระเนตรจับจ้องผู้เป็นอาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างเกือบเปลือยเปล่า มีเพียงอาภรณ์ขาวผืนบางเบาพันไว้รอบกายมัดรวบเอาไว้ใต้เอวเพียงเท่านั้น เนื้อตัวเต็มไปด้วยโลหิตและรอยแผลเป็นจากการทำสงคราม ปรากฏตามลำตัวตลอดจนทั่วทั้งแผ่นหลังและท่อนแขนกำยำปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน “ดูท่าสภาพของท่าน
ในขณะเดียวกัน กระท่อมหลังเขาพระวรกายสูงของฮ่องเต้หยวนเป่ย บัดนี้ได้มาปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าประตูห้องของหวู่ซานซาน พระองค์กำลังยืนพิงประตูกอดอกทอดพระเนตรคนงามอยู่ในขณะนั้น ด้วยหยางเฟยอี้ในยามนี้ร่างกายของนางมีสภาพเปียกปอน จนอาภรณ์ขาวที่สวมอยู่ติดกายแนบลู่ไปกับกายงามจนเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งอันสมบูรณ์ของสตรีเพศแสนเย้ายวนใจเผยให้ฮ่องเต้หนุ่มได้ทอดพระเนตร อกเป็นอก เอวคอดเท่ามดตะนอย สะโพกผายได้รูปสวย บั้นท้ายงอนงามตึงแน่นเล่นเอาอวิ๋นฉวี่ตะลึงลานไม่เป็นอันทำอะไร ทันทีที่หยางเฟยอี้หันกลับมาเผชิญหน้ากับพระองค์จนนางต้องเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบงัน “ฝ่าบาทจะทรงยืนจ้องหม่อมฉันแบบนี้อีกนานไหมเพคะ” คนงามถามสวนกลับไป และนั่นทำให้อวิ๋ฉวี่ฮ่องเต้รู้สึกตัวขึ้นมาทันที “ก็เจ้าชวนน่ามองเช่นนี้! จะห้ามสายตาของข้าไปได้อย่างไร แผนลอบสังหารอุปราชคงจะล้มเหลวไม่เป็นท่าเสียกระมัง เจ้าจึงมีสภาพกลับมาให้ข้าได้เห็นเช่นนี้ ดูท่าข้าจะประเมินเจ้าสูงเกินไปไม่เป็นไปตามที่คิด” รับสั่งออกมาตามการคาดเดาของตัวเอง “อย่างนั้นเหรอเพคะ! ถ้าเช่นนั้นก็คอยทอดพระเนตรต่อไปก็แล้วกัน” คนงามตอบกลับไ
ในขณะเดียวกัน ตำหนักอุปราชริมฝีปากหยักได้รูปสวยเริ่มขยับขึ้นมาทีละน้อย ภายหลังจากกลืนยาเม็ดสีดำสนิทลงไปนานกว่าหนึ่งชั่วยาม ทั่วกายเริ่มหายจากอาการชาไปทั่วร่าง และสามารถเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเอง พรืดดดด!!!! อินอวิ๋นหยางกระอักโลหิตแดงฉานพุ่งพรวดออกจากปากจนกระจายเต็มที่นอน พร้อมร่างใหญ่ทรุดฮวบลงกับฟูกตรงหน้าทันที แค่กก! แค่กก! แค่กกก! เสียงไอโครกครากดังออกมาทันใดพร้อมกระอักโลหิตออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสียงพึมพำดังเล็ดรอดออกมาอย่างแผ่วเบาอยู่ในขณะนั้น “ยะ...เยี่ยนลี่! ย..เยี่ยนลี่...ถ..ถิง...ถิง..ถิงถิง...ของ...ข้า!” เสียงเรียกชื่ออดีตพระชายาและคนปัจจุบันซึ่งเป็นคนเดียวกันดังออกมาจากปากของอุปราชแห่งหยวนเป่ย ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ยันกายขึ้นมาจากฟูกนอน เส้นผมสีดำสนิทยาวสยายปรกลงใบหน้าก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวพระวรกายค่อยๆ คลานออกมาจากแท่นบรรทมจุดหมายคือผ้าแพรสีเหลืองที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ไกลจากแท่นบรรทมเท่าใดนัก ตุบ! ตุบ! ตุบ! พระวรกายใหญ่ตกจากแท่นบรรทมก่อนจะกลิ้งตกลงไปที่พื้นห้อง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ละความพยายามแต่อย่างใด ท่อนแขนแข็งแกร