ตอนที่ 13 ลูก
ณ บ้านศศินทร์เดชา
คุณหญิงพลอยสีท่าทางดีอกดีใจที่วันนี้ลูกสาวคนเล็กมาหาพร้อมกับลูกเขย นางรีบเดินเข้าไปทักทายธาม แต่กลับแทบไม่ปรายตาไปยังลูกสาวที่มาด้วยกัน
“ธาม...เป็นอย่างไรบ้างลูก ทำไมหมู่นี้ไม่ค่อยมาหาแม่เลย”
“ผมขออภัยครับ”
ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ อย่างสุภาพ เขาไม่อธิบายเพราะไม่อยากจะโกหก... ปล่อยให้แม่ยายเข้าใจไปเองว่าลูกเขยงานยุ่งมากจนไม่มีเวลามาเที่ยวหา
ไข่มุกปรายตามองอย่างหมั่นไส้แต่ไม่เอ่ยอะไร... เมื่อกลับมาบ้าน บ้านที่มีพ่อกับแม่ของหล่อนอยู่ ดูเหมือนไข่มุกคนเจ้าอารมณ์ก็กลายเป็นผู้เป็นคนเหมือนคนปกติขึ้นมาได้บ้าง
“คุณพ่ออยู่ไหมครับ”
“อยู่สิจ๊ะ เข้ามาเถอะ พ่อเขารอเจอธามอยู่ที่ห้องหนังสือแน่ะ”
“รอเจอแค่ลูกเขยหรือคะ แล้วลูกสาวไม่อยากเจอด้วยหรือไง”
ทั้งที่บอกตัวเองว่าจะไม่พูด แต่ไข่มุกก็พูดออกไปจนได้
คุณหญิงพลอยสีจึงหันมามอง ทั้งสายตาและวิธีที่มองจิกก็ยังเหมือนกันสมกับเป็นแม่เป็นลูก แต่ไม่รู้ทำไมจึงพูดจากันดี ๆ ไม่ค่อยได้
“เธอน่ะฉันจะเจอเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่เหมือนนายธาม... ลูกเขยของฉันเป็นถึงนักธุรกิจใหญ่ นาน ๆ จะปลีกตัวมาหาฉันได้ฉันก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา”
ไข่มุกเบ้ปาก ธามจับมือแม่ยายอย่างนุ่มนวล รีบเอ่ยก่อนสองแม่ลูกจะโต้คารมกันมากกว่านี้
“เราเข้าไปหาคุณพ่อกันเถอะครับ”
“ไปจ้ะไป... แล้วเย็นนี้จะต้องอยู่กินข้าวเย็นตามที่สัญญานะ แม่สั่งแม่ครัวให้เตรียมอาหารไว้ตั้งเยอะแยะแล้ว...”
คุณหญิงพลอยสีบอกพลางเดินจูงมือธามเข้าไปในตัวบ้าน ไม่สนใจลูกสาวแท้ ๆ ที่เดินตามหลังมาด้วยใบหน้างอง้ำ ไข่มุกรู้อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนแต่งงานว่าพลโท(ยศในขณะนั้น)เขมราช กับคุณหญิงพลอยสี ปลาบปลื้มธามมากแค่ไหน ถ้าแลกกันได้แม่ของหล่อนคงอยากได้ธามเป็นลูกชายแท้ ๆ แล้วเปลี่ยนให้หล่อนเป็นแค่ลูกสะใภ้
“มาแล้วรึ” พลเอกเขมราชที่กำลังนั่งอ่านหนังสือรอ เงยหน้าขึ้นชายหนุ่ม แม้อายุใกล้จะ 70 ปีแต่ก็ยังดูหนุ่มแน่น งามสง่า น่าเกรงขาม สมกับตำแหน่งอันทรงเกียรติในคณะรัฐบาลชุดปัจจุบัน ธามยกมือไหว้ผู้อาสุโสด้วยกิริยานุ่มนวล
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
“เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม ไม่ได้เจอกันสักพักใหญ่ ๆ เลยนะ”
พล.อ.เขมราชทักทายเหมือนคนเป็นภรรยา แต่ธามก็ยังยินดีที่จะตอบอีกครั้ง
“สบายดีครับคุณพ่อ คุณพ่อล่ะครับ”
“พ่อก็สบายดี ไม่เจ็บไม่ไข้ คุณหญิงเขาดูแลดีเสมอนั่นแหละ...” คนพูดหันไปมองทางลูกสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง “แล้วแกล่ะเพิร์ล ดูแลนายธามเขาดีหรือเปล่า”
ไข่มุกอยากตอบออกไปว่า... แล้วพ่อไม่เห็นหรือคะว่าเขาเจ็บป่วยตรงไหนหรือเปล่า ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็คงสบายดีนั่นล่ะค่ะ... แต่แน่นอนว่าหล่อนไม่กล้าพูดออกไปอย่างที่ใจคิด ได้แต่ฝืนยิ้มแต่ไม่พูดอะไร คนเป็นพ่อก็ไม่ซักไซ้เพราะพอจะเดาได้ว่าลูกสาวคนเล็กคงไม่ใช่คนที่จะปรนนิบัติพัดวีสามีเหมือนที่คุณหญิงพลอยสีทำแน่ ๆ
แต่ตราบใดที่ชีวิตสมรสของบุตรสาวยังคงปกติสุขดี และยังมีธาม ธนกิจ เป็นลูกเขย ตราบนั้นเขมราชก็จะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับการใช้ชีวิตคู่ของบุตรสาว แค่ไข่มุกยอมแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกไว้ให้นั่นก็ถือว่าเกินความคาดหมายไปมากแล้ว
“คุณพ่อคุณแม่คุยกับธามไปก่อนนะคะ เพิร์ลจะขึ้นไปหาต่างหูบนห้องสักหน่อยค่ะ”
“ฮื่อ ไปเถอะ”
เขมราชเอ่ยอนุญาต ไข่มุกจึงออกจากห้องหนังสือที่ซึ่งบิดาชอบใช้เวลาหลังเกษียณมาขลุกอยู่ในนั้นได้ทั้งวัน แล้วขึ้นไปบนห้องส่วนตัวที่อยู่ชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ แม้ไม่โอ่อ่าหรูหราเท่าคฤหาสน์ของตระกูลธนกิจแต่ก็ถือว่าใหญ่โตเกินกว่าฐานะข้าราชการธรรมดา ๆ ไปมาก... แต่ไข่มุกก็ไม่เคยถามว่าพ่อแม่เอาเงินมาจากไหน ทำไมตระกูลที่รับราชการทหารมาตั้งแต่รุ่นปู่ถึงได้ร่ำรวยเกินหน้าเกินตาอาชีพการงานไปมากเพียงนี้ ก็เธอจะต้องสนใจที่มาของเงินไปทำไมในเมื่อมันก็เนรมิตชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่าให้หล่อนได้เหมือนกัน
เรื่องจะขึ้นมาหาต่างหูเป็นแค่ข้ออ้าง หญิงสาวแค่ขี้เกียจฟังพ่อกับแม่พะเน้าพะนอลูกเขยแล้วก็กระทบกระเทียบหล่อนเป็นระยะ...ห้องส่วนตัวของไข่มุกยังอยู่เหมือนเดิมแม้เจ้าตัวจะแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่บ้านสามีแล้วสี่ปี แม่บ้านยังคงมาทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม ข้าวของจุกจิกที่หล่อนไม่ได้นำติดตัวไปด้วยเคยอยู่อย่างไรก็ยังอยู่อย่างนั้น ต่อให้ใครจะหยิบฉวยไปไข่มุกก็คงไม่สนใจเพราะราคาค่างวดของข้าวของที่บ้านนี้เทียบไม่ได้เลยกับแต่ละชิ้นที่เธอซื้อหาระหว่างใช้ชีวิตเป็นสะใภ้ตระกูลธนกิจ
เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเบา ๆ หนึ่งครั้ง ไข่มุกทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูอย่างไม่กระตือรือร้นนัก แต่เมื่อเห็นว่าข้อความมาจากใคร ใบหน้าง้ำงอก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ทำอะไรอยู่ครับที่รัก –
ไฮโซสาวยิ้มพราว อาการเบื่อหน่ายหายวับไปแล้ว แววตาเต้นระริกอย่างคนที่เจอของเล่นถูกใจ
คิดถึงจัง คืนนี้ว่างไหม –
อีกฝ่ายยังคงพิมพ์คำถามมา ไข่มุกครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
เจอกันร้านเดิม ตอนสามทุ่ม อย่าให้ฉันรอสักนาทีเดียว ไม่งั้นฉันกลับ-
โอเค ไม่ให้คุณรอแน่นอน -
หญิงสาวเห็นข้อความแล้วก็ยิ้มรื่น คู่นอนคนใหม่คนนี้เป็นลูกครึ่งไทย-อิตาเลียน เพิ่งเจอกันตอนที่เธอไปเที่ยวอิตาลีเมื่อเดือนก่อน และยังติดอกติดใจจนกลับเมืองไทยก็ยังนัดเจอกันมาตลอดหนึ่งเดือน
“คุณหนูคะ คุณท่านให้มาตามไปที่ห้องกินข้าวค่ะ ตั้งโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
แม่บ้านที่อยู่มานานตั้งแต่ไข่มุกยังเป็นสาวน้อยขึ้นมาเรียก
“โอเค รู้แล้ว เดี๋ยวฉันลงไป”
แม่บ้านรับคำแล้วกลับลงไปก่อน ไข่มุกนึกอยากท้าทายบิดาด้วยการลงไปร่วมโต๊ะอาหารเย็นให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางทีหล่อนอาจใช้ข้ออ้างว่ายังหาต่างหูคู่โปรดที่จะใช้ออกงานไม่เจอ นึกแล้วก็ลงมือรื้อค้นกล่องต่าง ๆ เพื่อให้รู้สึกสมจริง...
กระทั่งเจอกล่องกระดาษแข็งที่ซุกอยู่ในตู้เสื้อผ้า กล่องที่หล่อนลืมไปแล้วว่าเคยมี
ไข่มุกชะงักค้าง ไม่แน่ใจว่าควรจะเปิดมันออกดูดีหรือไม่...
แต่สุดท้ายมือบางที่เย็นเฉียบก็เปิดมันออก ข้างในนั้นมีซองจดหมาย โปสการ์ดที่เขียนด้วยลายมือหวัด ๆ มีรูปถ่ายหลายใบ... แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของหญิงสาวบีบรัดคือสิ่งที่ซ่อนอยู่ก้นกล่อง มันไม่ได้วางรวมกับรูปถ่ายและซองจดหมายอื่น ๆ แต่มันมีกระดาษแข็งวางทับไว้อีกที ถ้าไม่ใช่เจ้าของกล่องก็จะไม่มีทางรู้ว่ากระดาษก้นกล่องนั้นเปิดออกได้...
เสียงในหัวร้องห้าม แต่ใจกลับเรียกร้องให้ดึงกระดาษแข็งออก เพื่อจะได้สัมผัสสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ด้านใน
มันคือรูปถ่ายจากเครื่องอุลตร้าซาวด์ ภาพกลุ่มก้อนสีดำที่มีแสงสีขาวพาดทับไปมา ถ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็ยากจะดูออกว่ามันคือภาพอะไร... แต่ไข่มุกไม่เคยลืม เธอจดจำได้ทุกช่วงตอน จำเจลเหนียวข้นที่หมอป้ายที่หน้าท้องก่อนจะใช้เครื่องมือสแกนวาดไปบนผิวเนื้อเธออย่างเบามือ
จำเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะเล็ก ๆ แต่ชัดเจน เสียงที่หมอบอกว่า...
‘ได้ยินไหมคะ...เสียงหัวใจของน้องเองค่ะ’
‘หัวใจ...หัวใจลูกฉันเต้นหรือคะ’
‘ใช่แล้วค่ะ’
คุณหมอยิ้มใจดี ไข่มุกในวัยเยาว์ยิ้มตอบ น้ำตารื้นอย่างตื้นตัน
ก่อนน้ำตาจะร่วงออกมาอีกครั้ง ไฮโซสาวรีบเก็บทุกอย่างกลับลงที่เดิม ดันกล่องเข้าไปด้านในสุดของตู้อย่างร้อนรนและรังเกียจ เด็กคนนั้นตายไปแล้ว... ไม่มีทางได้กลับมา หล่อนรู้ดีเพราะหล่อนนี่ล่ะที่เป็นคนฆ่าเด็กคนนั้นด้วยมือของตัวเอง
แต่วีณายังไม่ทันได้ถาม... ก้อยก็รีบวิ่งกลับมาเคาะประตูด้วยท่าทางตื่นเต้น"คุณท่านคะ คุณท่าน!""อะไร! มีอะไร!""คุณธามกลับมาแล้วค่ะ มาถึงก็ถามหาคุณท่านทันทีเลยค่ะ!"* * * * * ตอนแรกธามคิดว่าอาจจะพักสมองอยู่ที่เชียงรายต่ออีกสองสามวันแต่ปีขาลเตือนเขาว่า เรื่องบางเรื่อง ปล่อยไว้นานก็จะยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง 'ถึงยังไงคุณน้าก็เป็นแม่ของมึงนะธาม เลี้ยงดูกันมาขนาดนั้น จะไม่มีเยื่อใยความผูกพันกันเลยก็คงไม่ใช่ มึงกลับไปคุยกับแม่ดี ๆ เถอะ อย่างน้อยก็จะได้ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีอะไรค้างคา'ขนาดคนที่หุนหันพลันแล่นอย่างปีขาลยังบอกแบบนี้ ธามจึงนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ มาทันทีเมื่อเลขาฯ บอกว่าท่านประธานฯ ไม่เข้าบริษัท เขาจึงมาที่บ้าน และก็เจอธัญญาจริง ๆ ในห้องทำงานของธัญญา มีกันเพียงสองคนแม่ลูก ชายหนุ่มใจชื้น อย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้ไล่เขาทันทีที่เห็นหน้า"มาทำไม ต้องการอะไร""ผมอยากรู้ความจริงครับ ว่าผมเป็นลูกของ...คุณทีน่า...จริง ๆ ใช่ไหม""แกยังไม่ได้ไปถามมันอีกเหรอ""ผมยังไม่ได้ไปเจอเธอเลยครับ ผมอยากมาคุยกับแม่ก่อน เพราะสำหรับผม คุณทีน่าก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า แม่ต่างหากที่ยังเป็นแม่ของผม""แต่สำ
หลังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ปีขาลถึงกับนั่งงงอยู่เป็นนานสองนานถ้าไม่ใช่เพราะคนเล่าคือ "ธาม" เพื่อนที่แสนจะสุขุม จริงจัง และไม่เคยล้ออะไรใครเล่น เขาก็คงนึกว่ากำลังฟังละครวิทยุอยู่แน่ ๆ"แล้วป่านนี้แม่มึง...ทั้งสองแม่ ไม่ตามหาตัวมึงให้วุ่นหรือวะ จู่ ๆ หลบมาแบบนี้""ไม่รู้"ธามตอบเนือย ๆ "แม่...หมายถึงแม่ตามกฎหมาย คงไม่อยากเห็นหน้ากูเท่าไหร่ แต่คุณทีน่า บอกตรง ๆ ว่ากูยังช็อก..."ชายหนุ่มนึกถึงหญิงคนนั้น คนที่ดวงตาซึ้งดูเศร้าแต่ก็จับใจเขาไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น"กูถูกชะตาเขามากตั้งแต่วันแรกที่เจอที่โรงแรม รู้สึกอยากเข้าใกล้ อยากรู้จัก... ไม่ใช่เชิงชู้สาว แต่เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...""เขาเองก็คงอึดอัดอยากบอกมึงเหมือนกันว่าเป็นแม่..."ปีขาลคาดเดาจากที่เพื่อนเล่าให้ฟังก่อนหน้า"ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าไม่เพราะคุณน้าธัญญาดันเกลียดแม่ที่ให้กำเนิดมึงน่ะไอ้ธาม..."นี่ปีขาลก็เดาอีก แต่ธามพยักหน้าเห็นด้วย"เท่าที่ได้ยิน แสดงว่าพ่อกับคุณทีน่าลักลอบมีอะไรกัน จนเกิดเป็นกูขึ้นมา กูก็คือลูกชู้ ลูกนอกสมรส ที่แม่เก็บมาเลี้ยง ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะอยากทำร้าย เพื่อที่แม่แท้ ๆ จะได้เ
เวลาสองทุ่ม จังหวัดเชียงรายไร่อรุณเบิกฟ้าเปิดไฟสว่างไสวตั้งแต่ปากทางเข้าไร่มาจนถึงตัวเรือนด้านในเพราะผู้มาเยือนโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าหลายชั่วโมงแล้วว่ากำลังจะมา เมื่อรถเล็กซัส แอลเอ็กซ์-หกร้อย มาถึงจึงมีคนงานคอยเปิดประตูให้ และเจ้าของไร่ตัวสูงใหญ่ยืนเท้าสะเอวรอต้อนรับด้วยสีหน้าดีใจแกมโล่งใจที่เพื่อนมาถึงโดยปลอดภัย"ไงมึง"ปีขาลทักสั้น ๆ พลางเข้าไปโอบเพื่อน ตบหลังเบา ๆ หนึ่งที แล้วหันไปทักทายลุงธงคนขับรถของเพื่อนสนิท"สวัสดีครับลุง ขับมาไม่ได้พักเลยสินะครับ""ก็มีแวะปั๊มบ้างครับ"ลุงธงยิ้มเหนื่อย ๆ ไม่รู้กี่สิบปีแล้วที่ไม่ได้ขับรถออกต่างจังหวัด เพราะปกติที่ขับรถให้นาย ไกลสุดก็แค่อยุธยา"ที่จริงคุณธามแกจะขับเองครับ บอกให้ผมกลับบ้านได้เลย แต่ผมขอมาด้วย อย่างน้อยจะได้เปลี่ยนมือกัน...นี่ก็ออกมาเลย เสื้อพงเสื้อผ้าอะไรไม่มีสักตัวเลยครับ"ลุงธงบอกอย่างเป็นห่วงมากกว่าจะฟ้อง"ผมให้แม่บ้านเตรียมห้องกับพวกกับข้าวกับปลาไว้ให้ลุงแล้ว ไปกินข้าวก่อนก็แล้วกันนะลุง เดี๋ยวเสื้อผ้าสะอาด ๆ ให้แม่บ้านหาให้แป๊บเดียว...แม่ต้อย ฝากดูแลลุงเปิ้นกำเน่อ""เจ้า"แม่บ้านวัยกลางคนรับคำแล้วพาลุงธงเดินหายเข้าไปด้านหลั
ธามยังจับต้นชนปลายไม่ถูก...เขาอยากจะคิดว่านี่เป็นเรื่องตลก เขากำลังถูกแกล้ง แต่สีหน้าของผู้หญิงสูงวัยสองคนที่กำลังมองมาที่เขาก็จริงจังเกินกว่าจะคิดเช่นนั้น"ทำไมแม่พูดอย่างนั้นล่ะครับ ก็แม่เป็นแม่ผม...""ใช่ แม่ควรจะเป็นแม่ของแก แม่ก็เคยเชื่อแบบนั้น"ธัญญาหันกลับไปมองทิพย์ลาวัณย์อย่างเจ็บแค้น"ฉันให้แกมาอุ้มบุญลูกของฉัน แต่แกกับทิมกลับสวมเขาให้ แอบไปมีอะไรกันตอนไหนฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยคิดจะระแวงเลยสักครั้ง แต่ตอนแกเกิด สายตาของแกกับทิมทำให้ฉันสงสัยและตัดสินใจแอบตรวจดีเอ็นเอ จึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย... แกหลอกฉันตลอดแปดเก้าเดือนที่ท้อง แกกับทิม เลวทั้งคู่""แม่...นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้วนะครับ""จนป่านนี้แล้วยังไม่ชัดอีกหรือไง"ธัญญาหันมาตอบเสียงดังจนแทบเป็นตะโกน"ฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของแก ฉันแค่เลี้ยงแกมา เพราะว่าแม่แท้ ๆ ของแกมันเป็นชู้ มันแค่อุ้มท้องแล้วก็คลอด แล้วก็ต้องหนีไปอยู่เมืองนอกเพราะทนขายขี้หน้าไม่ได้ที่แอบนอนกับผัวของพี่สาว..."ธามหน้าซีดเผือด ไม่กล้ามองทิพย์ลาวัณย์ให้ชัด ๆ ด้วยซ้ำ ธัญ
ธัญญาก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องรอให้เชิญ ทิพย์ลาวัณย์เบี่ยงตัวหลบให้โดยอัตโนมัติทั้งที่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมที่ต้องฟังคำสั่งของญาติผู้พี่อยู่เสมอ...แต่เธอก็อนุญาตให้ธัญญาเข้ามาแค่คนเดียว บรรดาผู้ช่วยผู้ติดตามของเขา เธอให้รออยู่ด้านนอกธัญญามองไปรอบ ๆ ห้องพักที่มีห้องนอนย่อยสองห้อง มีชุดครัว มุมนั่งเล่นดูโทรทัศน์ และมุมอ่านหนังสือ ทุกอย่างดูสะดวกสบายครบครันสมเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม"ฉันไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว ธามเขายังดูแลได้ดีทีเดียว ดูดีกว่าตอนทิมยังอยู่เสียอีก""พี่ธัญมาทำไมคะ"ทิพย์ลาวัณย์ถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม ญาติผู้พี่ของเธอคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อแค่ทักทายอย่างแน่นอนธัญญาหันกลับมาทันที "แกต่างหากกลับมาทำไม 'กล้า' กลับมาทำไม หรือมันนานเกินไปจนแกลืมไปแล้วว่าแกสัญญาอะไรกับฉัน""ใช่ค่ะพี่ธัญ มันนานเกินไปแล้ว"ทิพย์ลาวัณย์ยอมรับ แววตาและน้ำเสียงอ่อนลงอย่างอ้อนวอน"มันสามสิบกว่าปีแล้วนะคะ พี่จะไม่ให้ฉันกลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเลยหรือไง ฉันแค่อยากพาลูกชายฉันกลับมาเที่ยว... ไม่ได้มาเพราะต้องการจะรบกวนอะไรพี่... ขนาดงานศพพี่ทิม ฉันยังไม่มาเลย เท่านั้นยังไม่มา
เย็นนั้นลูกชายบอกว่าจะขอออกไปดินเนอร์กับเพื่อนใหม่ 'ที่อื่น'"มีบาร์ชั้นดาดฟ้าที่มองลงไปเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาครับ แวนอยากลองไปที่นั่น""ไปกับสาวก่อน แล้วค่อยพาแม่ไปวันหน้าใช่ไหม"ทิพย์ลาวัณย์แกล้งถาม แต่อีแวนยิ้มและพยักหน้าจริงจัง"แน่นอนครับ ถ้าร้านโอเคแวนจะพาแม่ไปอีกแน่นอน...""แล้วจะกลับดึกไหมลูก"อีแวนลังเลเล็กน้อย"น่าจะดึก หรืออาจจะค้างที่อื่นครับ"ทิพย์ลาวัณย์ตกใจนิด ๆ อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ตามประสาคนเป็นแม่"ระมัดระวังตัวให้ดีนะแวน ที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่อเมริกา""ครับ ไว้ใจได้ครับ"ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ่ยก่อนก้มลงจูบแก้มสองข้างของมารดา แล้วขอตัวออกจากห้องไปเพื่อไปตามนัดกับเพื่อนใหม่ที่เขาว่า ทิพย์ลาวัณย์ไม่เซ้าซี้ถามว่าใคร แม้จะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นสาวสวยคนที่ส่งยิ้มให้ลูกชายเธอเมื่อเช้าเมื่อลูกชายไม่อยู่ ทิพย์ลาวัณย์เลยคิดว่าอาจจะโทรสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมาก่อนบนห้อง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สุภาพสมวัยแล้วหยิบผ้าคลุมไหล่สีเลือดหมูลงไปที่ห้องอาหาร..."วันนี้มีดนตรีสดด้วยหรือคะ"เธอเอ่ยกับพนักงานอย่างแปลกใจตอนที่พนักงานมารับออเดอร์"ใช่ค่ะ ทุกวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ กับวันหยุดย