ลี่เซียนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เจ้าตัวเล็กเพราะอากาศตอนนี้ช่างหนาวนักใช้ผ้าชุดเก่ามาปูรองให้เด็กน้อยนั้นนอนไปก่อนกล่อมเด็กน้อยจนหลับใหล นางนั่งมองใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นอย่างเอ็นดูนัก บิดามารดาของเด็กคนนี้คงหน้าตาดีมาก นางเห็นใบหน้าซีดขาวของสตรีคนนั้นถึงจะมีคราบเลือดและดินสกปรกแต่เค้าหน้านั้นงดงามมาก ใครกันช่างใจร้ายใจดำตามสังหารสตรีอ่อนแอและเด็กตัวแค่นิดเดียวได้ลงคอ
"ไม่เป็นไรนะ ต่อไปมารดาผู้นี้จะปกป้องเจ้าเอง เสี่ยวซี แม่ขอตั้งชื่อให้เจ้าว่าเสี่ยวซีแล้วกัน ต่อแต่นี้ไปเจ้าคือ หลานเสี่ยวซี ของแม่"
กล่าวกับร่างเล็กที่หลับสนิทอย่างรักใคร่ แล้วผละออกมาก่อกองไฟเล็กๆ เพื่อให้ความอบอุ่นและกันอันตรายจากสัตว์ ดีที่นางยังพอมีความสามารถเล็กๆ น้อยๆ กับการก่อไฟในยุคนี้ไม่อย่างนั้นคงจะลำบากไม่น้อย หันไปมองเสี่ยวซีที่ยังคงหลับสนิทนางคงต้องจัดการตัวเองเสียหน่อยหากเข้าไปในเมืองในสภาพเช่นนี้คงจะโดนคิดว่าเป็นขอทานอีกแน่จะทำอะไรก็คงจะไม่สะดวก ตอนนี้นางมีเด็กน้อยพ่วงมาด้วยหากจะมัวแต่อาลัยอาวรณ์ชีวิตเก่าที่จากมาคงจะไม่สามารถดูแลเด็กคนนี้ให้อยู่รอดได้ นางจะต้องทิ้งชีวิตในอดีตไปเสียแล้วเริ่มต้นเป็นหลานลี่เซียนคนใหม่ในชีวิตใหม่นี้และยุคที่แม้จะไม่คุ้นเคยแต่ก็ต้องอยู่ให้ได้ ผ่านมาตั้งสองภพสองชาติคงไม่มีอะไรยากเกินไปกระมัง คิดได้ดังนั้นจึงเดินไปยังลำธารใกล้ๆ ที่มองเห็นเพิงพักอยู่ในระยะสายตา นางไม่อยากทิ้งบุตรสาวไว้ลำพัง จึงเดินมาที่ลำธารใกล้ๆ ถึงแม้น้ำจะตื้นแต่ยังพออาบได้ โดยไม่ลืมหยิบชุดของสตรีนางนั้นติดมือมาด้วย ชุดที่นางสวมอยู่ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วเท่าใดนัก ก่อนหน้านี้เพราะรู้สึกหมดอาลัยในชีวิตจึงไม่ได้ใส่ใจสภาพของตัวเองเท่าใดนัก แต่พอเห็นสารรูปในตอนนี้ อยู่มาตั้งหลายวันทนกับความเหม็นของตัวเองได้อย่างไรกันนะ เมื่อถึงลำธารจึงถอดชุดตัวนอกออก ฉีกชายกระโปรงตัวเก่ามาขยี้ขนสะอาด แล้วนำมาขัดถูเนื้อตัวที่กระดำกระด่าง ขี้ไคลเต็มตัวไปหมดผ่านไปครึ่งชั่วยาม ก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง ดูจากสภาพผิวของร่างนี้หรือว่าได้รับการเอาใจใส่จากเจ้าของเป็นอย่างดี เพราะผิวขาวนั่นดูนวลเนียนเป็นอย่างมากแม้จะผอมแห้งไปเสียหน่อย ถ้าได้บำรุงอีกสักนิด รูปร่างคงจะงดงามสมส่วนไม่หยอก ส่วนหน้าตานั้นไม่รู้ว่าอยู่ในสภาพไหนเพราะมืดเลยมองไม่ค่อยชัดนัก เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยผมยาวสลวยที่ยาวถึงบั้นเอวให้แห้งก่อนจะใช้เศษผ้าตัวเก่ารัดผมยาวเอาไว้ไม่ให้ดูรุ่มร่ามเกินไปนัก เปลี่ยนชุดจนเสร็จเรียบร้อยก็เดินกลับมาที่เพิงพักล้มตัวลงนอนข้างบุตรสาวตัวน้อยที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ช่างเลี้ยงง่ายอะไรเช่นนี้ นอนมองหน้าเจ้าตัวน้อยแล้วได้แต่ครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อไปในวันพรุ่งนี้ นางคงจะใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ไม่ได้คงต้องหาที่อยู่ที่มั่นคงถาวรและลงหลักปักฐานอย่างจริงจังเสียที หาที่อยู่ได้แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะทำอะไรต่อไป ดีที่มารดาของเสี่ยวซีทิ้งเงินทองไว้ให้ไม่อย่างนั้นนางก็คงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปเหมือนกัน คิดไปคิดมาด้วยความที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันจึงหลับไปอ้อมแขนเรียวเล็กก็กระชับกอดร่างอ้วนกลมไว้อย่างหวงแหน
แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาแยงตาทำให้ร่างสตรีบอบบางรู้สึกตัวตื่นก้มลงมองเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนที่ยังหลับตาพริ้ม ยกศีรษะเล็กที่นอนหนุนแขนนางต่างหมอนออกจากแขนแล้วลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา ใบหน้างามที่สะท้อนบนผิวน้ำทำให้นางถึงกับตกตะลึงใช้มือเล็กขาวยกขึ้นรูปใบหน้านั้นอย่างหลงใหล แม้รูปหน้าจะซูบผอมแต่ก็ยังคงงดงามนัก หากได้รับการดูแลและมีเนื้อมีหนังกว่านี้นางคงคว้าตำแหน่งนางงามมาครอบครองอย่างแน่นอน แต่หากเป็นยุคสมัยนี้คงต้องกล่าวว่างามล่มบ้านล่มเมือง ไม่ใช่สิ คงต้องงามล่มแคว้นถึงจะถูกนี่ขนาดยังอยู่ในวัยเพียงสิบสี่หนาวเท่านั้นหากเป็นสาวสะพรั่งคาดว่าคงงดงามเป็นอย่างมากกำลังชื่นชมความงามของร่างนี้ที่ตอนนี้คือตัวเองอย่างปลาบปลื้มก็ได้ยินเสียงร้องไห้จ้าของหนูน้อยจึงรีบวิ่งไปหาบุตรตัวน้อยทันที เห็นหนูน้อยที่ลุกขึ้นนั่ง คงตื่นแล้วไม่พบใครถึงได้ร้องไห้จึงรีบเข้าไปโอบอุ้มร่างน้อยมาแนบอกจนหยุดร้องไห้ จึงบดกล้วยป่าที่เก็บไว้เมื่อวานให้เสี่ยวซีน้อยกินรองท้องไปก่อน เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงได้พากันออกจากป่ามุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง
อ๋องสามมู่เหยียนหรงที่กลับมาจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ รีบสาวเท้าตรงมายังเรือนนอนของตนกับผู้เป็นชายาอย่างเร่งรีบกลายเป็นภาพชินตาของบรรดาบ่าวไพร่ที่จะเห็นภาพเหล่านี้เมื่อวันเวลาสี่วันเวียนมาบรรจบวันนี้พระองค์รีบเร่งสะสางงานเพื่อจะได้รีบกลับมาอยู่กับชายารัก ซึ่งวันนี้เป็นวันของพระองค์หากจะถามว่าเหตุใดจึงกล่าวว่าวันนี้เป็นวันของพระองค์น่ะหรือ เหตุเพราะการแย่งชิงกันที่จะได้นอนกอดมารดาของเจ้าสี่แสบ ทำให้ต้องทำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันนอนกับมารดา และผู้เป็นบิดาเช่นพระองค์ก็มิได้รับข้อยกเว้น จำต้องแบ่งวันอยู่กับชายารักเหมือนกับบุตรทั้งสี่ แม้จะได้นอนร่วมเตียงแต่ก็มีบุตรตัวน้อยที่นอนคั่นกลาง ซึ่งวันนี้ก็เวียนมาบรรจบที่พระองค์จะได้อยู่ตามลำพังกับผู้เป็นชายา หลังจากมิได้นอนกอดชายารักมาหลายค่ำคืนเมื่อสาวเท้าข้ามผ่านประตู เห็นชายารักนั่งหวีผมยาวสลวยอยู่หน้ากระจก มองจากการแต่งกายให้รู้ว่านางอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จนทำให้คิ้วหนาขมวดมุ่น"เหตุใดจึงไม่รออาบพร้อมกัน" ลี่เซียนที่มองสบตาสวามีผ่านกระจก เห็นสายตาร้อนแรงนั้น ให้รู้สึกร้อนวูบวาบนัก"ก็ อากาศมันร้อนอบอ้าวหนิเจ้าคะ" เสียงหวานใสที่เอ่ยขึ้นใบหน้
"ท่านแม่เจ้าขาาา"เสียงเล็กที่ร้องเรียกดังมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างกลมป้อมของเจ้าของเสียงที่สองมือเล็กนั้นถือข้าวของมาเต็มสองมือ ทำให้ลี่เซียนที่กำลังเล่นอยู่กับเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสามต้องเงยหน้าขึ้นมอง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวแสบ ดูท่าช่วงนี้จะมั่งคั่งเหลือเกินนะเราน่ะ ไปรับสินบนจากใครมากัน หืม"เจ้าตัวเล็กเห็นสายตาที่มองมาของมารดาถึงกับสะดุ้ง รีบเอ่ยจนปากเล็กสั่นระรัว "สินบนอันใดกันเจ้าคะ ลูกไม่เห็นจะเข้าใจเลย ข้าวของเหล่านี้ เป็นบิดาเมตตาลูกเองทั้งนั้น ลูกมิได้ร้องขอแม้แต่น้อย"ลูกแค่บอกว่าถุงเงินของลูกช่างเบายิ่งนักท่านพ่อก็กุลีกุจอยัดเยียดกุญแจหีบเงินให้ลูก แน่นอนว่าประโยคนี้มิได้หลุดออกไปจากริมฝีปากเล็กใบหน้าเล็กใสซื่อเอ่ยขึ้นในตาใสแจ๋ว"อืมมม บิดาเจ้าช่างประเสริฐแท้"ลี่เซียนที่เอ่ยขึ้นอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงผู้ที่ทำให้นางรู้สึกจุกหน่วงในท้องอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วหางตาก็เห็นผู้ประเสริฐกำลังเดินยิ้มร่าเข้ามาแล้วช้อนตัวเจ้าตัวแสบขึ้นอุ้ม พร้อมหอมแก้มย้วยนั้นฟอดใหญ่ มองใบหน้างอง้ำของภรรยาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม"เสี่ยวซี ซื้ออันใดมาฝากพ่อบ้าง หืม" " เยอะแยะเลยเจ้าค่ะ มีชาแบบใหม่ด้วยนะเจ้าคะ
ภาพโฉมสะคราญนอนเปลือยแผ่นหลังขาวผ่องอยู่บนตั่งเล็กริมหน้าต่าง ทำให้อ๋องสามยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล ช่างงดงามดังเทพธิดาที่ปรมาจารย์ผู้เป็นเอกด้านรูปวาดจรดปลายพู่กันปั้นแต่งความงามเหมาะเจาะลงตัวปรากฏเป็นภาพโฉมสะคราญที่ทำให้ผู้คนหลงใหล เส้นผมดำยาวดุจดังน้ำหมึกที่หลุดลุ่ยคลอเคลียบนกรอบใบหน้าเล็กขาวนวลเนียน คิ้วเรียวดั่งคันศรดำขลับโดยมิต้องเติมแต่ง ดวงตาที่ปิดสนิทเห็นแพขนตางอนยาวทาบทับเปลือกตา จมูกโด่งเล็กรั้นเชิดตรงส่วนปลาย และริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอน้อยๆ ช่างชวนให้อยากสัมผัสความหวานที่พระองค์รู้ดีว่าละมุนเพียงใด สายตาคมดุจพยัคฆ์ไล่สำรวจมายังลำคอและลาดไหล่ขาวละเอียดเห็นเนินอกขาวผ่องรำไรพาลให้ลมหายใจสะดุด แผ่นหลังขาวนวลตัดกับเส้นผมดำยาวที่คลอเคลียไหล่มนจนมาถึงแผ่นหลัง ดึงให้ฝ่ามือหนายกขึ้นปัดป่ายก่อนจะประทับริมฝีปากร้อนลงบนหัวไหล่ไล่พรมจูบมาตามกระดูกสันหลัง มือหนาที่พยายามดึงรั้งให้อาภรณ์ที่เกาะเกี่ยวสะโพกงามงอนให้พ้นทาง ปากร้อนก็จูบพรมไปทั่วแผ่นหลังบอบบาง จนเจ้าของร่างเย้ายวนรู้สึกตัวตื่น สัมผัสแผ่วเบาที่ขยับยุกยิกทางด้านหลังจนทำให้รู้สึกวาบหวิวจนต้องลืมตาฉ่ำน้ำมองสิ่งที่รบกวนการพัก
"ท่านพ่อมีอะไรหรือเจ้าคะ" เสียงเล็กที่กระซิบแผ่วเบากับร่างสูงที่ย่อตัวลงนั่งชันเข่าขึ้นข้างนึงเพื่อให้คุยกับร่างเล็กได้สะดวก "วันนี้ซีเอ๋อไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนหรือ" เสี่ยวซีที่ทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น"อืมมม ไม่เจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ เพราะท่านแม่นั้นเหนื่อยมาก" "ให้พ่อช่วยดีหรือไม่ ส่วนซีเอ๋อจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก" "ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่กับท่านแม่"ว่าพลางร่างเล็กก็ทำท่าจะหันหลังกลับเข้าไป อ๋องสามที่รีบคว้าไหล่เล็กเอาไว้ จนไม่ทันสังเกตรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่ยกขึ้นของเจ้าตัวเล็ก" เมื่อวันก่อนพ่อได้ยินว่าท่านแม่ของเจ้าบ่นว่าอยากกินถังหูลู่ด้วยนะ ถ้าท่านแม่ได้กินคงจะหายเหนื่อยแน่ๆ เอ.. หรือว่าพ่อจะไปซื้อเองนะ แต่หากเสี่ยวซีเป็นคนไปซื้อท่านแม่คงจะชื่นใจจนหายเหนื่อยเป็นแน่"เสี่ยวซีน้อยที่มองใบหน้าของบิดาที่กำลังมองนางสายตาพราวระยับ"ท่านแม่ ไม่ชอบกินของหวาน"เจ้าตัวเล็กที่ใช้มือเล็กกลมยกขึ้นกอดอก"แต่พ่อได้ยินจริงๆ นะ""ท่านพ่อจะหลอกให้ลูกออกไปข้างนอก เพื่อจะได้อยู่กับท่านแม่ตามลำพังใช่หรือไม่เจ้าคะ"OoO! ".... " อ๋องสามที่โดนจับได้ รีบก้มห
หลังจากวันนั้นที่สองพ่อลูกผู้มากเล่ห์ใช้กลเม็ดต่างๆ ขยันหาเรื่องจนนางอดสงสารทั้งสี่คนไม่ได้ ก็ดูเหมือนเรื่องราวของทั้งสี่จะเริ่มชัดเจนขึ้นโดยมีสองพ่อลูกที่เป็นผู้รับหน้าที่ผูกด้ายแดงเชื่อมโยงหนุ่มสาวให้กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ปล่อยให้มันสายเกินไปจนยากที่จะแก้ไข แต่กว่าทุกอย่างจะลงเอยได้ด้วยดีก็เล่นเอาบอบช้ำกันไปตามๆ กัน เพราะบรรดาพระเชษฐาของสามีนางจะมีใครธรรมดาได้อย่างไร ตอนนี้ท้องของนางใกล้จะคลอดเต็มที ยิ่งใกล้คลอดนางยิ่งรู้สึกกังวล แต่ก็มีสามีที่คอยอยู่ใกล้ๆ ให้กำลังใจและยังมีเจ้าตัวเล็กที่มักจะมานั่งคุยกับน้องๆ ทั้งสามอยู่เสมอ จนเมื่อถึงวันที่นางเจ็บท้องคลอดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจของบุคคลทั้งสองที่นางรัก ทั้งนางและบุตรตัวน้อยทั้งสามล้วนปลอดภัยและแข็งแรงดี อ๋องสามและเสี่ยวซีที่เห่อเจ้าตัวเล็กทั้งสามจนไม่คิดจะออกห่างไปไหนต่างช่วยกันดูแลนางและเจ้าตัวน้อยทั้งสาม บุตรที่คลอดออกมาคนแรกนั้นเป็นอ๋องน้อยเป็นคุณชายใหญ่ของจวนบิดาให้นามว่า มู่หยวนฟง คนที่สองก็ยังเป็นบุตรชายคุณชายรองนามว่า มู่อวิ๋นซาน ส่วนคนที่สามเป็นท่านหญิงน้อยซึ่งดูจะได้รับความโปร
ตอนนี้บรรยากาศในศาลาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดเจี๊ยวจ๊าวของเจ้าตัวเล็กที่ดูจะชอบพี่สาวคนสวยทั้งสองเป็นอย่างมาก จากที่ได้สนทนากันคุณหนูหลิวทั้งสองนั้นน่าคบหามากเลยทีเดียว จนตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานลี่เซียนก็สามารถพูดคุยกับทั้งสองอย่างเป็นกันเองอย่างสนิทใจแต่เหตุใดนางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป พี่หย่งไท่ที่มักจะพูดคุยหยอกล้อกับเสี่ยวซีกลับเงียบจนผิดปกติจะมีหันมาตอบคำถามบ้างเมื่อมีใครถามเท่านั้นและนางยังไม่เห็นพระองค์พูดกับหลันเอ๋อแม้แต่คำเดียว ส่วนองค์รัชทายาทนั้นที่ปกติมักจะเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอดแต่ก็ยังสนทนากันบ้างวันนี้กลับเงียบจนน่าอึดอัด แต่นางกลับเห็นว่าสายตาคู่นั้นมักจะมองมายังสตรีผู้หนึ่งเสมอ มิใช่คู่หมั้นแต่เป็นน้องสาวของคู่หมั้น แต่เชี่ยนเชี่ยนกลับนิ่งเฉยนางรู้สึกได้ว่าเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกถึงสายตาที่มองมาแต่กลับไม่ยอมหันไปสบตายังคงพูดคุยหยอกล้ออยู่กับเสี่ยวซีด้วยรอยยิ้ม บางครั้งรอยยิ้มสดใสนั้นก็มักมีความเศร้าหมองวาบผ่านโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงออกมาฝ่ามืออุ่นที่โอบกระชับรอบเอวทำให้นางหลุดจากภวังค์หันมามองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามีที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาใ