ลี่เซียนที่อุ้มเสี่ยวซีน้อยเดินมาจนเจอถนนเส้นหนึ่งที่มีร่องรอยของรถม้าวิ่งผ่านจึงเดินเรียบไปตามทางเรื่อยๆ หากเจอชาวบ้านที่ผ่านมาจะได้ไถ่ถาม เดินไปเพียงไม่นานก็มีคนผ่านมาจริงๆ เป็นชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งที่ใช้วัวเทียมเกวียนบรรทุกผักและของป่าผ่านมา นางจึงได้เรียกเอาไว้ เมื่อเห็นทั้งสองหยุดเกวียนจึงกล่าวขึ้น
"ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านลุงท่านป้า"
สองสามีภรรยาเมื่อเห็นว่ามีสตรีที่อุ้มเด็กน้อยมายืนเรียกอยู่ข้างทางจึงหยุดเกวียนพร้อมไถ่ถาม
"มีอะไรหรือนังหนู แล้วนี่มาจากไหนกันรึ"
หญิงผู้เป็นภรรยาเอ่ยถามขึ้น
ลี่เซียนที่เห็นว่าข้างหลังยังพอมีที่ว่างพอให้นางและบุตรอาศัยไปได้จึงเอ่ยบอกด้วยใบหน้าเศร้าหมองน้ำตานองหน้า หากจะให้เดินต่อไปเห็นทีว่าจะไม่ไหวนี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว หิวก็หิวร้อนก็ร้อน คงต้องสวมวิญญาณสตรีอ่อนแอบอบบางเสียแล้ว
"ข้าและบุตรเดินทางมาจากต่างเมืองเจ้าค่ะ ด้วยสามีข้านั้นมีอาชีพค้าขายแต่ถูกโจรปล้นและโดนฆ่าตาย ตัวข้าและบุตรีไม่เป็นที่ต้องการของบ้านสามีจึงโดนขับไล่ออกจากจวน เพราะไม่มีหลายชายไว้สืบสกุลจึงร่อนเร่มาจนถึงที่นี่เผื่อจะมีหนทางทำกินเจ้าค่ะ อยากจะถามท่านลุงท่านป้าว่าที่นี่คือที่ใดหรือเจ้าคะ"
สองสามีภรรยาได้ยินก็นึกสงสาร จึงได้ถามไถ่อีกเล็กน้อยแล้วให้นางและบุตรติดเกวียนเพื่อไปลงในตัวเมืองเพราะทั้งสองก็กำลังจะเอาผักและของป่าไปส่งพอดี ได้ความว่าที่นี่คือเมืองฉางอัน เป็นเมืองหน้าด่านของแคว้นเป่ย ซึ่งนางก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับแคว้นแห่งนี้เลย ได้แต่พยักหน้าเออออไปก่อน พอเข้าไปในตัวเมืองค่อยคิดอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้คงต้องหาอะไรรองท้องก่อน บุตรตัวน้อยของนางก็ชั่งรู้ความนักไม่ร้องไห้งอแงแม้แต่นิดเดียว
"ทนอีกนิดนะจ๊ะ เด็กดี เดี๋ยวเข้าไปในเมืองแล้วแม่จะหาของอร่อยให้กินนะจ๊ะ"
"แม่ หม่ำ หม่ำ"
เสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้นทำให้นางสงสารนัก ท่านป้าที่ได้ยินจึงส่งหมั่นโถวและกระบอกน้ำมาให้
"เอาให้ลูกกินรองท้องก่อนสินางหนู คงจะหิวแล้ว"
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ท่านป้า"
มือผอมบางยกขึ้นรับหมั่นโถวและน้ำนำมาป้อนให้เด็กน้อยที่อ้าปากรับอย่างเอร็ดอร่อยจนนางถึงกับยิ้มกับความน่าเอ็นดูนั้น พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนทันที ช่างเลี้ยงง่ายนัก
ผ่านมาประมาณครึ่งชั่วยามตอนนี้สองข้างทางเริ่มจะมีบ้านเรือนบ้างแล้ว หากไม่เจอท่านลุงท่านป้าคาดว่านางคงต้องอาศัยนอนในป่าอีกคืนเป็นแน่ ได้ยินท่านลุงบอกว่าจะมีหมู่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่งที่ติดกับเมืองฉางอันที่สุดต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณครึ่งชั่วยามก็จะถึงและเดินทางต่อไปอีกไม่ถึงลี้ก็จะเข้าเขตเมืองฉางอัน ลี่เซียนที่นั่งมองทิวทัศน์สองข้างทางไปเรื่อยๆ กำลังคิดว่านางจะหาที่ดินของหมู่บ้านนั่นแหละตั้งรกรากเพราะอยู่ใกล้เมืองดี จะได้เดินทางสะดวก เมื่อมาถึงหมู่บ้านที่ว่านางรู้สึกชอบที่นี่มากเพราะถึงจะอยู่ใกล้ๆ เมือง แต่ก็เงียบสงบนัก แถมบรรยากาศก็ดีมากด้วย ค่อยกลับมาดูอีกทีก็แล้วกัน ตอนนี้นางต้องเข้าไปในตัวเมืองก่อน
"ท่านลุงท่านป้าเจ้าคะ ถ้าหากข้าจะซื้อที่ดินที่นี่จะต้องติดต่อที่ใดหรือเจ้าคะ"
เอ่ยถามขึ้นเพราะนางไม่รู้อะไรเลย
"จะต้องติดต่อผู้นำหมู่บ้านของที่นี่แหละนางหนู อยากจะอยู่ที่นี่หรือ ป้าว่าก็ดีนะ ไม่ไกลจากตัวเมืองด้วยเดินทางไม่กี่เค่อก็ถึง"
เสียงท่านป้าที่เอ่ยขึ้น ทำให้นางรีบสอบถามต่ออย่างสนใจใคร่รู้ ได้ความว่าที่นี่คือหมู่บ้าน ผิงอาน (สงบสุข) ชื่อช่างเหมาะกับบรรยากาศนักชาวบ้านที่นี่ส่วนมากจะเพาะปลูกและหาของป่าขาย จะมีบ้างที่ไปรับจ้างในตัวเมือง นางชอบที่นี่เป็นอย่างมาก พรุ่งนี้ค่อยกลับมาติดต่อแล้วกัน คืนนี้คงต้องพักในเมือง เดินทางเพียงไม่นานก็เข้ามายังตัวเมืองฉางอัน ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ร้านรวงเต็มไปหมด เมื่อเกวียนหยุดลงนางจึงเอ่ยลาท่านลุงท่านป้า เมื่อแยกออกมาจึงคิดว่าต้องหาที่พักก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงเดินมายังโรงเตี๊ยมขนาดกลางที่ดูสะอาดสะอ้านเพื่อเข้าพัก คงต้องหลับเอาแรงก่อน ร่างกายนางตอนนี้ล้าไปหมด จนไม่มีแรงที่จะคิดอะไรทั้งนั้น พอเปิดห้องเรียบร้อยก็หลับไปพร้อมเด็กน้อยในอ้อมแขน
อ๋องสามมู่เหยียนหรงที่กลับมาจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ รีบสาวเท้าตรงมายังเรือนนอนของตนกับผู้เป็นชายาอย่างเร่งรีบกลายเป็นภาพชินตาของบรรดาบ่าวไพร่ที่จะเห็นภาพเหล่านี้เมื่อวันเวลาสี่วันเวียนมาบรรจบวันนี้พระองค์รีบเร่งสะสางงานเพื่อจะได้รีบกลับมาอยู่กับชายารัก ซึ่งวันนี้เป็นวันของพระองค์หากจะถามว่าเหตุใดจึงกล่าวว่าวันนี้เป็นวันของพระองค์น่ะหรือ เหตุเพราะการแย่งชิงกันที่จะได้นอนกอดมารดาของเจ้าสี่แสบ ทำให้ต้องทำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันนอนกับมารดา และผู้เป็นบิดาเช่นพระองค์ก็มิได้รับข้อยกเว้น จำต้องแบ่งวันอยู่กับชายารักเหมือนกับบุตรทั้งสี่ แม้จะได้นอนร่วมเตียงแต่ก็มีบุตรตัวน้อยที่นอนคั่นกลาง ซึ่งวันนี้ก็เวียนมาบรรจบที่พระองค์จะได้อยู่ตามลำพังกับผู้เป็นชายา หลังจากมิได้นอนกอดชายารักมาหลายค่ำคืนเมื่อสาวเท้าข้ามผ่านประตู เห็นชายารักนั่งหวีผมยาวสลวยอยู่หน้ากระจก มองจากการแต่งกายให้รู้ว่านางอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จนทำให้คิ้วหนาขมวดมุ่น"เหตุใดจึงไม่รออาบพร้อมกัน" ลี่เซียนที่มองสบตาสวามีผ่านกระจก เห็นสายตาร้อนแรงนั้น ให้รู้สึกร้อนวูบวาบนัก"ก็ อากาศมันร้อนอบอ้าวหนิเจ้าคะ" เสียงหวานใสที่เอ่ยขึ้นใบหน้
"ท่านแม่เจ้าขาาา"เสียงเล็กที่ร้องเรียกดังมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างกลมป้อมของเจ้าของเสียงที่สองมือเล็กนั้นถือข้าวของมาเต็มสองมือ ทำให้ลี่เซียนที่กำลังเล่นอยู่กับเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสามต้องเงยหน้าขึ้นมอง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวแสบ ดูท่าช่วงนี้จะมั่งคั่งเหลือเกินนะเราน่ะ ไปรับสินบนจากใครมากัน หืม"เจ้าตัวเล็กเห็นสายตาที่มองมาของมารดาถึงกับสะดุ้ง รีบเอ่ยจนปากเล็กสั่นระรัว "สินบนอันใดกันเจ้าคะ ลูกไม่เห็นจะเข้าใจเลย ข้าวของเหล่านี้ เป็นบิดาเมตตาลูกเองทั้งนั้น ลูกมิได้ร้องขอแม้แต่น้อย"ลูกแค่บอกว่าถุงเงินของลูกช่างเบายิ่งนักท่านพ่อก็กุลีกุจอยัดเยียดกุญแจหีบเงินให้ลูก แน่นอนว่าประโยคนี้มิได้หลุดออกไปจากริมฝีปากเล็กใบหน้าเล็กใสซื่อเอ่ยขึ้นในตาใสแจ๋ว"อืมมม บิดาเจ้าช่างประเสริฐแท้"ลี่เซียนที่เอ่ยขึ้นอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงผู้ที่ทำให้นางรู้สึกจุกหน่วงในท้องอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วหางตาก็เห็นผู้ประเสริฐกำลังเดินยิ้มร่าเข้ามาแล้วช้อนตัวเจ้าตัวแสบขึ้นอุ้ม พร้อมหอมแก้มย้วยนั้นฟอดใหญ่ มองใบหน้างอง้ำของภรรยาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม"เสี่ยวซี ซื้ออันใดมาฝากพ่อบ้าง หืม" " เยอะแยะเลยเจ้าค่ะ มีชาแบบใหม่ด้วยนะเจ้าคะ
ภาพโฉมสะคราญนอนเปลือยแผ่นหลังขาวผ่องอยู่บนตั่งเล็กริมหน้าต่าง ทำให้อ๋องสามยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล ช่างงดงามดังเทพธิดาที่ปรมาจารย์ผู้เป็นเอกด้านรูปวาดจรดปลายพู่กันปั้นแต่งความงามเหมาะเจาะลงตัวปรากฏเป็นภาพโฉมสะคราญที่ทำให้ผู้คนหลงใหล เส้นผมดำยาวดุจดังน้ำหมึกที่หลุดลุ่ยคลอเคลียบนกรอบใบหน้าเล็กขาวนวลเนียน คิ้วเรียวดั่งคันศรดำขลับโดยมิต้องเติมแต่ง ดวงตาที่ปิดสนิทเห็นแพขนตางอนยาวทาบทับเปลือกตา จมูกโด่งเล็กรั้นเชิดตรงส่วนปลาย และริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอน้อยๆ ช่างชวนให้อยากสัมผัสความหวานที่พระองค์รู้ดีว่าละมุนเพียงใด สายตาคมดุจพยัคฆ์ไล่สำรวจมายังลำคอและลาดไหล่ขาวละเอียดเห็นเนินอกขาวผ่องรำไรพาลให้ลมหายใจสะดุด แผ่นหลังขาวนวลตัดกับเส้นผมดำยาวที่คลอเคลียไหล่มนจนมาถึงแผ่นหลัง ดึงให้ฝ่ามือหนายกขึ้นปัดป่ายก่อนจะประทับริมฝีปากร้อนลงบนหัวไหล่ไล่พรมจูบมาตามกระดูกสันหลัง มือหนาที่พยายามดึงรั้งให้อาภรณ์ที่เกาะเกี่ยวสะโพกงามงอนให้พ้นทาง ปากร้อนก็จูบพรมไปทั่วแผ่นหลังบอบบาง จนเจ้าของร่างเย้ายวนรู้สึกตัวตื่น สัมผัสแผ่วเบาที่ขยับยุกยิกทางด้านหลังจนทำให้รู้สึกวาบหวิวจนต้องลืมตาฉ่ำน้ำมองสิ่งที่รบกวนการพัก
"ท่านพ่อมีอะไรหรือเจ้าคะ" เสียงเล็กที่กระซิบแผ่วเบากับร่างสูงที่ย่อตัวลงนั่งชันเข่าขึ้นข้างนึงเพื่อให้คุยกับร่างเล็กได้สะดวก "วันนี้ซีเอ๋อไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนหรือ" เสี่ยวซีที่ทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น"อืมมม ไม่เจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ เพราะท่านแม่นั้นเหนื่อยมาก" "ให้พ่อช่วยดีหรือไม่ ส่วนซีเอ๋อจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก" "ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่กับท่านแม่"ว่าพลางร่างเล็กก็ทำท่าจะหันหลังกลับเข้าไป อ๋องสามที่รีบคว้าไหล่เล็กเอาไว้ จนไม่ทันสังเกตรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่ยกขึ้นของเจ้าตัวเล็ก" เมื่อวันก่อนพ่อได้ยินว่าท่านแม่ของเจ้าบ่นว่าอยากกินถังหูลู่ด้วยนะ ถ้าท่านแม่ได้กินคงจะหายเหนื่อยแน่ๆ เอ.. หรือว่าพ่อจะไปซื้อเองนะ แต่หากเสี่ยวซีเป็นคนไปซื้อท่านแม่คงจะชื่นใจจนหายเหนื่อยเป็นแน่"เสี่ยวซีน้อยที่มองใบหน้าของบิดาที่กำลังมองนางสายตาพราวระยับ"ท่านแม่ ไม่ชอบกินของหวาน"เจ้าตัวเล็กที่ใช้มือเล็กกลมยกขึ้นกอดอก"แต่พ่อได้ยินจริงๆ นะ""ท่านพ่อจะหลอกให้ลูกออกไปข้างนอก เพื่อจะได้อยู่กับท่านแม่ตามลำพังใช่หรือไม่เจ้าคะ"OoO! ".... " อ๋องสามที่โดนจับได้ รีบก้มห
หลังจากวันนั้นที่สองพ่อลูกผู้มากเล่ห์ใช้กลเม็ดต่างๆ ขยันหาเรื่องจนนางอดสงสารทั้งสี่คนไม่ได้ ก็ดูเหมือนเรื่องราวของทั้งสี่จะเริ่มชัดเจนขึ้นโดยมีสองพ่อลูกที่เป็นผู้รับหน้าที่ผูกด้ายแดงเชื่อมโยงหนุ่มสาวให้กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ปล่อยให้มันสายเกินไปจนยากที่จะแก้ไข แต่กว่าทุกอย่างจะลงเอยได้ด้วยดีก็เล่นเอาบอบช้ำกันไปตามๆ กัน เพราะบรรดาพระเชษฐาของสามีนางจะมีใครธรรมดาได้อย่างไร ตอนนี้ท้องของนางใกล้จะคลอดเต็มที ยิ่งใกล้คลอดนางยิ่งรู้สึกกังวล แต่ก็มีสามีที่คอยอยู่ใกล้ๆ ให้กำลังใจและยังมีเจ้าตัวเล็กที่มักจะมานั่งคุยกับน้องๆ ทั้งสามอยู่เสมอ จนเมื่อถึงวันที่นางเจ็บท้องคลอดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจของบุคคลทั้งสองที่นางรัก ทั้งนางและบุตรตัวน้อยทั้งสามล้วนปลอดภัยและแข็งแรงดี อ๋องสามและเสี่ยวซีที่เห่อเจ้าตัวเล็กทั้งสามจนไม่คิดจะออกห่างไปไหนต่างช่วยกันดูแลนางและเจ้าตัวน้อยทั้งสาม บุตรที่คลอดออกมาคนแรกนั้นเป็นอ๋องน้อยเป็นคุณชายใหญ่ของจวนบิดาให้นามว่า มู่หยวนฟง คนที่สองก็ยังเป็นบุตรชายคุณชายรองนามว่า มู่อวิ๋นซาน ส่วนคนที่สามเป็นท่านหญิงน้อยซึ่งดูจะได้รับความโปร
ตอนนี้บรรยากาศในศาลาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดเจี๊ยวจ๊าวของเจ้าตัวเล็กที่ดูจะชอบพี่สาวคนสวยทั้งสองเป็นอย่างมาก จากที่ได้สนทนากันคุณหนูหลิวทั้งสองนั้นน่าคบหามากเลยทีเดียว จนตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานลี่เซียนก็สามารถพูดคุยกับทั้งสองอย่างเป็นกันเองอย่างสนิทใจแต่เหตุใดนางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป พี่หย่งไท่ที่มักจะพูดคุยหยอกล้อกับเสี่ยวซีกลับเงียบจนผิดปกติจะมีหันมาตอบคำถามบ้างเมื่อมีใครถามเท่านั้นและนางยังไม่เห็นพระองค์พูดกับหลันเอ๋อแม้แต่คำเดียว ส่วนองค์รัชทายาทนั้นที่ปกติมักจะเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอดแต่ก็ยังสนทนากันบ้างวันนี้กลับเงียบจนน่าอึดอัด แต่นางกลับเห็นว่าสายตาคู่นั้นมักจะมองมายังสตรีผู้หนึ่งเสมอ มิใช่คู่หมั้นแต่เป็นน้องสาวของคู่หมั้น แต่เชี่ยนเชี่ยนกลับนิ่งเฉยนางรู้สึกได้ว่าเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกถึงสายตาที่มองมาแต่กลับไม่ยอมหันไปสบตายังคงพูดคุยหยอกล้ออยู่กับเสี่ยวซีด้วยรอยยิ้ม บางครั้งรอยยิ้มสดใสนั้นก็มักมีความเศร้าหมองวาบผ่านโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงออกมาฝ่ามืออุ่นที่โอบกระชับรอบเอวทำให้นางหลุดจากภวังค์หันมามองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามีที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาใ