“อื้อ...” หญิงสาวตาเหลือก มือทุบไหล่กว้างรัวๆ เพราะเธอกำลังขาดอากาศหายใจอยู่รอมร่อ จนสุดท้ายเขาจึงยอมถอนริมฝีปากออกเพื่อให้เธอตะครุบเอาออกซิเจนเข้าปอดเฮือกใหญ่
ไม่ได้การแล้ว ขืนไม่ทำอะไรซักอย่าง เธอคงโดนปล้ำในแท็กซี่นี้แน่ มองออกไปนอกหน้าต่างรถก็เห็นว่าใกล้ถึงที่หมายเต็มที
“พี่คะ เหยียบให้ไวสุดๆ เลยได้ไหม หนูไหว้ล่ะ”
หญิงสาววิงวอนปากคอสั่น แต่มือต้องคอยปัดป้องริมฝีปากร้ายๆ ที่กำลังจะโน้มลงมาหาอีกรอบ แต่ไม่ได้ช่วยอะไรมาก สภาพเธอตอนนี้ใช่ว่าสติจะเต็มร้อย ก็จัดหนักมาไม่น้อยเหมือนกัน ถ้ารู้แบบนี้จะไม่ดื่มก่อนมา แต่คิดตอนนี้มีประโยชน์ที่ไหน ในเมื่ออีกฝ่ายรุกหนักจนเธอเริ่มจะหมดแรงต้าน จูบเมื่อกี้ก็ทำเอาใจเหลวไปหมดแล้วเนี่ย
กว่ารถแท็กซี่จะมาจอดเทียบหน้าที่พักสุดหรูของบอสหนุ่ม นพรดาก็เกือบจะเสียผีให้เขาในรถโชว์หนังสดอวดคนขับเสียแล้ว ทั้งกอด ทั้งหอมแก้ม ทั้งจูบ ทั้งไซ้ จะโดดลงรถหนีก็กลัวเสียโฉมอีก
“บอสคะ ถึงแล้วรีบลงไปสิคะ” กะว่าจะดีดเขาให้พ้นตัวแล้วชิ่งหนี แต่ฝ่ายนั้นก็ดันรู้ทันกระชากตัวเธอลงจากรถมาด้วยกันเสียนี่
“เดี๋ยวค่ะบอส ค่าแท็กซี่ยังไม่ได้จ่าย”
หญิงสาวละล่ำละลักบอก พลางหยิบโทรศัพท์มาแสกนจ่ายอย่างไม่มีทางเลือก ไม่รู้ว่าจะเบิกจ่ายได้ไหม ช่างหัวมันก่อนตอนนี้เอาเขาไปเก็บเข้ากรุก่อนดีกว่า
ภาวนาอย่าให้ใครที่บริษัทมาเห็นภาพนี้เลยเชียว ไม่งั้นภาพลักษณ์ทุกอย่างของอีกฝ่ายคงป่นปี้หมดก็คราวนี้
นพรดากัดฟันประคองตัวภาระลากลู่ถูกังกันเข้าไปในตึกเพนท์เฮ้าส์ท่ามกลางสายตาของพนักงานที่รีบมาปิดประตูอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าระดับวีวีไอพี
แม้จะเคยมาเยือนเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของเขานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทุลักทุเลเท่าคราวนี้ เลขาสาวต้องทุ่มแรงทั้งหมดลากคนตัวโตเข้าลิฟท์ก่อนกดไปที่ชั้นบนสุด อีกมือก็ต้องแบกคนตัวโตที่มือไม้เกเรอยู่ไม่สุข
“นั่นบอสจะทำอะไรน่ะ” หญิงสาวแหวลั่นลิฟท์ เมื่อเห็นเขาเริ่มถอดสูทปาลงพื้น พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก ไม่ทันใจก็กระชากจนกระดุมหลุดกระจาย
“ผมร้อน...” ริมฝีปากหยักได้รูปสวยเกินชายตอบเสียงพร่า พลางเลียริมฝีปากตัวเอง เป็นคนอื่นคงดูทุเรศทุรังไม่น่ามอง แต่พอเป็นเขาคนนี้ ทำไมนะ มันช่างดูเซ็กซี่เหลือล้นดาเมจทำลายล้างสูงขนาดนี้ มิน่า สาวๆ ถึงติดกรอถึงขั้นตบกันแย่งอีตานี่ เซ็กแอปพีลสูงปรี๊ดขนาดนี้
“ร้อนก็ทนหน่อย จะถึงห้องคุณแล้วเนี่ย” คนพูดก้มลงเก็บเศษซากที่เขาโยนทิ้งทีละชิ้นๆ พลางเหลือบตามองตัวเลขที่บอกชั้นอย่างร้อนใจ ทำไมต้องขึ้นไปอยู่ชั้นเสียสูงขนาดนี้เนี่ย แล้วเมื่อไหร่ลิฟท์จะถึงเสียทีวะ
“ผมหิวน้ำ...” เขาว่าพลางสะบัดศีรษะแรงๆ ตาจ้องมาที่เธอพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างกระหาย
เดี๋ยวนะ เธอไม่ใช่น้ำสักหน่อย จะว่าไปตอนนี้เธอเองก็ชักคอแห้งเหมือนกัน ยิ่งมองริมฝีปากของเขา ลูกกระเดือกที่เคลื่อนขึ้นลงอย่างเซ็กซี่นั่น หัวใจก็พลันเต้นรัวแรงราวกับกลอง ยิ่งนึกถึงจูบบนรถแท็กซี่ขึ้นมาในหัว นึกแล้วก็อยากลองจูบอีกซักครั้ง
“บ้าเอ๊ย! คิดบ้าอะไรเนี่ย” เลขาสาวยีหัวตัวเองรัวๆ ไม่ไหวแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ คืนนี้เธอต้องได้เจ้านายเป็นผัวแน่ เอ๊ะ! หรือต้องบอกว่าได้เป็นเมียเจ้านายวะ
ตึง!
เลขาสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ คนที่ทำให้ใจเต้นก็ขยับเข้ามาใกล้พล้อมกับดันเธอจนหลังติดผนังลิฟท์
กร้าวใจมากแม่! เอ๊ย! ไม่ใช่ๆ ตกใจสินาทีนี้ ดูใบหน้าที่แดงก่ำไปจนถึงหูนั่น ไหนจะสายตาคมดุพร่าพราวที่จ้องมองมาเหมือนเสือจะตะครุบเหยื่อคู่นั้น
/////////////////////
“บะ...บอสคะ ลิฟท์นี่มีกล้อง” เตือนไปเผื่อดึงสติเขาได้ แต่ดูเหมือนไม่ค่อยได้ผล
“ไหนคุณว่าไม่ชอบกินไก่วัดไงคะ อย่าลืมอุดมการณ์สิคะบอส เก้าเป็นเลขาคุณนะ...เย้ย!” คนพูดถึงกับอ้าปากค้างเมื่อจู่ๆ คุณเจ้านายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จะหนีก็ไม่ได้เมื่อเขาขังเธอไว้ด้วยกรงแขนล่ำๆ น่ากัดทั้งสอง
“บอส เก้าไม่...เฮือก!” ยังไม่ทันได้พูดปากเธอก็โดนมัดด้วยริมฝีปากผ่าวร้อนนั่นเสียแล้ว จูบครั้งที่สองร้อนแรงยิ่งกว่าครั้งแรก เขากดท้ายทอยเธอไม่ให้หนีไปไหนได้ ยิ่งดิ้นยิ่งเข้าทาง พออ้าปากจะร้องปลายลิ้นร้ายก็พุ่งจู่โจมเข้ามาภายในโพรงปากเธอทันที
“อื้อๆ”
นพรดาตาเหลือกถลน ลนลาน ทั้งทุบทั้งหยิกคนตัวโตพัลวัน แต่ไม่เป็นผล ยิ่งขัดขืนเขาก็ยิ่งรุกหนักไม่พักไม่แผ่ว จูบแสนเร่าร้อนทำเธอปั่นป่วนไปทั้งร่าง แอลกอฮอล์ที่อัดมาแต่หัวค่ำก็เริ่มจะออกฤทธิ์ทำให้ร่างกายปั่นป่วน ร้อนวูบวาบไปหมด จากที่ต่อต้านก็ชักจะแผ่ว สมองไม่สั่งการขึ้นมาเสียดื้อๆ สุดท้ายจึงปล่อยเลยตามเลยยอมให้อีกฝ่ายได้ทำตามใจปรารถนา
ภาสกฤตถึงกับครางกระหึ่มในลำคอเมื่อรับรู้ว่าหญิงสาวในอ้อมแขนเริ่มไม่ต่อต้านและเคลิบเคลิ้มตามถึงขั้นจูบเขากลับมา ความร้อนระอุในกายก็ยิ่งเพิ่มดีกรีสูงขึ้น ชายหนุ่มช้อนสะโพกอวบอัดของเธอขึ้นมาอุ้ม ทำให้อีกฝ่ายตกใจรีบเกี่ยวขารอบเอวสอบกลัวตก หากนั้นกลับทำให้ร่างกายบางส่วนแนบชิดกันมากกว่าเดิม เพราะชุดเดรสสีเงินเมทัลลิคของอีกฝ่ายมันร่นขึ้นมาบนหน้าขาจนแทบเห็นปราการชั้นในที่สวมใส่มา
ติ๊ง!
“แล้วทำไมเพิ่งมาพูดเอาตอนนี้”“เพราะผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักหัวใจตัวเองไง แต่พอเกิดจะรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที หัวใจผมก็หายไปแล้ว... ตอนนี้ผมไม่ใช่เจ้านาย และคุณเองก็ไม่ใช่เลขาของผมอีกต่อไป ฉะนั้นผมเลยไม่มีอำนาจอะไรจะไปบังคับคุณได้ ตอนนี้ผมมันก็เป็นได้แค่เพียงผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงที่รักคุณอย่างหมดหัวใจ...ผมมาที่นี่เพราะผมรู้แล้วว่า คุณเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต และผมไม่ต้องการสูญเสียคุณไปอีกแล้ว แต่งงานกับผมนะครับขวัญฟ้า”นานทีเดียวกว่าหล่อนจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด หญิงสาวแกล้งอมยิ้มถามตาเจ้าเล่ห์“ไปเอามาจากไหนคะ” “ครับ?”“ก็คำพูดน้ำเน่าๆ เมื่อกี้น่ะสิ ท่องมากี่วัน”“แล้วคุณซึ้งบ้างไหมล่ะ”“ก็พอใช้ได้นะคะ” ระพีวิชญ์ยิ้มแก้มปริ ก่อนหุบฉับ “แต่คงต้องฝึกอีกเยอะ”“แปลว่าตกลง” หล่อนไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม“แล้วคุณไม่กลัวพ่อฉันตีหัวแตกอีกหรือไง พ่อฉันน่ะไม่ใช่แค่มือหนักนะ ยิงปืนก็แม่นด้วย”คำถามนั้นทำเอาระพีวิชญ์อดหัวเราะไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ฤทธิ์เดชว่าที่พ่อตาจอมดุ เขาเองก็เกือบตายเพราะถูกพ่อเลี้ยงดามพ์แพ่นกบาลแยกมาแล้ว “กลัวสิ” เขาแกล้งทำหน้าขรึม “ แต่...ทำไงได้ล่ะ ผมรักลูกสาวท่านนี่ ก็คงต
หล่อนหัวเราะเสียงใส เมื่อได้ยินคำบ่นของอีกฝ่ายกลับมา ระยะหลังๆมานี่ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับแม่เลี้ยงสาวดูเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก แม้สรรพนามที่ใช้เรียกขานก็เปลี่ยนจาก “คุณอร” เป็น “น้าอร” ไปด้วย ทว่าให้สนิทสนมกันมากขึ้นเท่าใด หล่อนก็ยังไม่กล้าพอที่จะเรียกอีกฝ่ายว่า “ แม่” และดูเหมือนคุณอรไพลินเองก็พอใจกับฐานะของตัวเอง และไม่เคยเรียกร้องอะไรเช่นกัน“ป๋ามีอะไรคะ ...จะให้ขวัญไปต้อนรับแขกพิเศษ? ได้ซิคะ ว่าแต่แขกพิเศษที่ว่านี่ใครเหรอคะชื่ออะไร และจะมาเมื่อไหร่ล่ะคะ หา...ว่าไงนะ?!! …มาถึงที่โรงแรมแล้วเหรอ ป๋าทำงี้ได้ไง...”ขวัญฟ้าแทบกรี๊ดสลบ ทว่าอีกฝ่ายรู้ทันชิงวางสายไปก่อน ทำให้หล่อนหมดโอกาสปฏิเสธไปโดยปริยาย“แขกพิเศษ ใครกันนะ?” หญิงสาวทำหน้ายุ่ง ชักเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ‘ห้องรับแขกพิเศษ’ ที่ใช้รับรองเฉพาะแขกวีไอพีสำคัญๆของโรงแรมที่ส่วนมากจะเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศ หรือไม่ก็อาจเป็นแขกของท่านเจ้าของโรงแรมเอง ภายในตกแต่งตามสไตล์ล้านนางดงาม เพดานสูงสลักเสลาด้วยไม้แกะสลักสวยแปลกตาเข้ากับบรรยากาศรอบๆ และเมื่อมองผ่านมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มีกรอบโค้งยาวจรดพื้นจะเห็นบริเ
“ตัวก็สูงนะคะ หุ่นคล้ายๆนางแบบ แต่ดูสวยสง่ากว่าเยอะเลยค่ะ อ้อ...แล้วเวลายิ้มมีรอยลักยิ้มน่ารักๆด้วยล่ะค่ะ”“คุณขวัญฟ้า!” อธิปัตย์งึมงำ ทำให้ทุกคนหันไปมองอย่างสนใจ ฝ่ายระพีวิชญ์ถึงกับนิ่งอึ้งไป จนกระทั่งพยาบาลคนนั้นออกไปจากห้อง คนเป็นเพื่อนจึงอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้“เอาไงดีล่ะไอ้พี” คนถูกถามนิ่งคิดไปพักเดียวก็ยิ้มออกมา ในขณะที่คนอื่นๆล้วนรอฟังคำตอบ“ก็แกบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่า ฉันกำลังจะกลายเป็นผู้บริหารที่เนื้อหอมที่สุดในประเทศ แล้วฉันจะทำงานเยอะๆ ได้ไงล่ะ ถ้าไม่มี...ผู้ช่วย...จริงไหม...”ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ดวงตาเป็นประกาย คำตอบนั้นแม้ไม่ให้ความกระจ่างอะไรซักนิดหากคำว่า ‘ผู้ช่วย’ ของเขานั้น ทำให้รัชนีพัชราถึงกับหน้าม่อยลงอย่างผิดหวังอย่างแรง หลังจากการแถลงข่าวเรื่องโครงการก่อสร้างรีสอร์ตสุดหรูในเครือ ทวิชา โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ตเสร็จสิ้นลงไปไม่นานนัก ข่าวต่างๆก็เริ่มตามมาเป็นระลอก โดยเฉพาะกระแสข่าวเล็กๆน้อยๆของนักบริหารหนุ่มรูปหล่อคนใหม่ของเมืองไทยเท่านั้นที่ยัง เป็นข่าวรายวันอยู่ทุกคนล้วนจับตามองว่า สาวคนไหนกันแน่ ที่จะสามารถคว้าหัวใจ ชายหนุ่มที่แสนเพอร์เฟกค
กุหลาบแรกแย้มสีขาวสวย ตัวแทนของความรักบริสุทธิ์ที่ครั้งหนึ่งหล่อนเคยได้รับจากใครคนหนึ่ง หากมายามนี้มันกลับเปื้อนทั้งหยดเลือดและหยาดน้ำตา ขวัญฟ้าเงยหน้ามองเพดาน หลับตานิ่ง เพื่อสะกดกลั้นไม่ให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมา ดอกกุหลาบงามหลุดมือร่วงลงสู่พื้นช้าๆ พร้อมกับหัวใจรักอันชอกช้ำ... จบสิ้นกันเสียที“ขอให้คุณสมหวังกับคนที่คุณรักอย่างแท้จริงนะคะ ลาก่อน... ”“ไง เพื่อนยาก” อธิปัตย์โผล่หน้าเข้ามายิ้มทะเล้น“ไปไหนมาคะพี่ปัตย์ เพื่อนเจ็บทั้งทีจะดูแลบ้างก็ไม่มี” คนเป็นน้องแกล้งตวาดแวด ทว่าคนถูกตวาดใส่กลับลอยหน้าลอยตาทำไม่รู้ไม่ชี้“เรื่องอะไรพี่ต้องดูด้วย ถึงไม่มีพี่ ไอ้พีมันก็มีคนที่อยากดูแลอยู่แล้วนี่ จริงไหมครับ...”คนถูกกระแนะกระแหนหันไปพยักเพยิดกับคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ระพีวิชญ์ขมวดคิ้ว แต่พอประตูเปิดกว้าง รอยสงสัยจึงกลับกลายเป็นความดีใจแทน “พี่วินทร์!” คนเจ็บทำท่าจะลุก ทำให้หญิงสาวที่อยู่ใกล้ๆต้องรีบเข้ามาประคองไว้ อธิปัตย์เปิดทางให้ไรวินทร์เดินนำเข้ามาก่อน แต่พอตัวเขาจะก้าวตามเข้ามาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นดอกกุหลาบตกที่พื้นเสียก่อนชายหนุ่มเอียงคอมองอย่างสงสัย ก่อนก้มเก็บ
เสียงเด็กน้อยยังคงพร่ำเรียกร้องความสนใจอย่างไม่ย่อท้อนั้นทำให้หล่อนได้คิด หล่อนจึงตัดสินใจร้องบอกคนขับ“เอ่อ...คุณช่วยเปิดกระจกแป๊บนึงได้ไหมคะ ฉันอยากได้ดอกไม้”แม้ขัดใจหากคนฟังก็จำต้องเปิดกระจกให้อย่างเสียไม่ได้ ดอกกุหลาบหลากสีหลายดอกชูช่อสวยน่ารัก ทว่าหญิงสาวกลับเลือกหยิบเพียงดอกกุหลาบแรกแย้มสีขาวสะอาดขึ้นมาเพียงดอกเดียว ทำให้คนขายตัวน้อยถึงกับหน้าเสีย “ไม่รับเพิ่มอีกซักดอกหรือจ๊ะพี่สาว สวยๆทั้งนั้นเลย ซื้อหลายดอกหนูลดให้ก็ได้นะ”“ไม่ล่ะจ้ะ พี่ขอกุหลาบสีขาวนี่ดอกเดียวพอแล้ว เอ้า...นี่เงินค่ากุหลาบจ้ะ”หล่อนส่งเงินให้ แต่พอหนูน้อยเห็นก็อุทาน“แบ๊งค์พัน! โอ้ย!...พี่ไม่มีแบ๊งค์ย่อยเหรอจ้ะ เช้านี้หนูเพิ่งขายได้ไม่กี่ดอกไม่มีเงินทอนหรอกจ้ะ”“ไม่ต้องทอนหรอกค่ะ เก็บไว้ซื้อขนมกินเถอะ พี่ให้”“คุณครับ ไฟเขียวแล้ว” คนขับหันมาเตือน ทำให้หญิงสาวต้องรีบยัดเงินใส่มือเด็กน้อยที่สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น พลางเงยหน้าส่งยิ้มแป้นให้ ดวงหน้าขะมุกขะมอมสว่างสดใสขึ้น ดุจแสงแรกของดวงตะวัน ก่อนยกมือไหว้ท่วมหัว“ขอบคุณค่าพี่สาวคนสวย หนูขอให้พี่โชคดี มีแฟนหล่อๆ รวยๆ นะจ้ะ” คนได้ฟังอดยิ้มเศร้าๆ กับตัวเ
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ”คุณหมอเดินออกมาแจ้งกับผู้หญิงร่างบางที่ยืนรออยู่หน้าห้อง แล้วหันไปกล่าวกับชายร่างสูงที่สวมชุดปลอดเชื้อซึ่งเดินตามออกมาทีหลัง“โชคดีมากๆเลยนะครับที่ได้คุณหมอเก่งๆอย่างคุณไรวินทร์มาช่วยอีกแรง”“คุณหมอชมผมเกินไปแล้วครับ ที่จริงผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเลย”“แต่ดิฉันเห็นด้วยกับคุณหมอนะคะ โชคดีมากๆ ที่คุณวินทร์ยอมกลับมา ไม่งั้นฉันก็คงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ ยิ่งตอนนี้คุณระพีวิชญ์ก็ไม่อยู่ด้วย มีหวังดิฉันแย่แน่ๆ เลยค่ะ” สราวดีส่งยิ้มบางๆ ให้“ติ๊ดๆ”เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สราวดีรีบเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา หล่อนหันไปบอกชายหนุ่มข้างๆ ที่เตรียมเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างรู้มารยาท“เบอร์ที่บ้านน่ะค่ะ” ไรวินทร์พยักหน้าน้อยๆ เชิงรับรู้“ค่ะ คุณนิ่ม...ว่าไงนะคะ ใครเป็นอะไรนะคะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ค่ะๆ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย... ”คนฟังไม่ทันเอ่ยถาม หญิงสาวก็รีบหันมาบอกเสียก่อน “คุณวินทร์คะ คุณนิ่มเพิ่งโทรมาบอกให้รีบไปที่โรงพยาบาลค่ะ เรื่องคุณระพีวิชญ์...”“จริงสิ! นายระพีวิชญ์ถูกยิง” ไรวินทร์เพิ่งนึกได้ “เขาเป็นไงบ้าง”“ตอนนี้ยังอยู่ในไอซียูค่ะ”“งั้นคุ