มือใหญ่ของสามีลูบบนแก้มขาวเปื้อนน้ำตาอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าบุรุษพร้อมสายตาทอประกายอ่อนโยนทำให้ลี่ชิงเกิดความรู้สึกอยากอ่อนแอขึ้นมายิ่งกว่าเดิม คุณป้าสมหญิงคิดแล้วว่า
'ข้าจะใช้ชีวิตในร่างของสาวน้อยลี่ชิงให้ดี ต่อจากนี้ไปข้าคือลี่ชิง หญิงฟ้าประทานลูกสอง สามีหนึ่ง'
ในเมื่อถูกเยว่เหล่าถีบวิญญาณเข้าร่างใหม่อย่างไร้ปราณีแถมช่างเลือกเวลาเหมาะเจาะตอนอ้าขาคลอดลูกเป็นเวลาที่ผู้หญิงต้องเจ็บปวดที่สุด ช่างเลือกเวลาเข้าร่างนี้ให้ข้าอย่างพิถีพิถันโดยแท้
คนเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป
อะไรไม่เคยมีจะต้องมีให้หมด
หนึ่งมีเจ้าเด็กซาลาเปาอ้วนขาวสองคนกำลังดื่มนมเสียงดังจุ๊บจั๊บ
สองมีสามีผู้หล่อเหลาสง่างามกำลังนั่งผมสยายมองด้วยสายตารักใคร่จนอ่อนระทวย
ฮึ! ใครไม่ลองโสดแล้วเปลี่ยนมาเจอโหมดนี้ดูบ้างล่ะ ใจละลายเชียวล่ะแม่เอ๊ย...ดูกล้ามแน่น ๆ โผล่พ้นสาบเสื้อนั่นเล่า ดูแววตาเจ้าเล่ห์มีเสน่ห์นี้อีก เอาสิ! จ้องหน้าข้าอีกแล้ว เฮ้ย! คนแก่ก็เขินเป็นนะคะ จ้องอยู่ได้ แน่ะ เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้ มือยังมาลูบหน้าอีก โอย!เขินค่ะ เขิน อยากบิดตัวไปมา ถ้าไม่ติดว่าสองมืออุ้มเจ้าซาลาเปายักษ์กินนมอยู่นี่ คงบิดเป็นเลขแปดเหมือนบิดผ้าหมาดรอตากไปแล้ว
ตอนนี้ลี่ชิงทำหน้าขวยเขินมองหน้าสามีของตน โอมายก็อด หน้าก็หล่อยิ่งกว่าพวกดาราเกาหลีหล่อ รวย กระบวยใหญ่ อูยยย สมหญิงหนอสมหญิง เธอช่างโชคดีเหลือเกิน อยากหยิกแขนตัวเอง สาวเทื้อ ทึนทึก ขึ้นคานอายุ 48 ปี แถมตายเพราะขนมติดคอเรียกว่าตายอนาถอนาถา ตื่นมาจะโชคดีขนาดนี้เลยเรอะ?
เอาล่ะ พักก่อน ตั้งสติแป๊บ ลี่ชิงมองหน้าสามี สูดลมหายใจเข้าลึก หลับตาลงนึกถึงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม สิ่งที่ได้คือความว่างเปล่า ว่างเปล่าโบ๋เบ๋ ไม่มีอะไรเลยเหมือนคนความจำเสื่อม
ไม่น่ะ ไม่!
เวลานางเอกทะลุมิติมาเข้าร่างคนอื่นต้องจำได้แบบว่าจะได้หมดเลยทุกอย่าง นิยายบางเรื่องมาแก้แค้นแทนนางเอกคนเก่าที่ตายด้วย คือเทพทรูมาก เก่งเซียน แซ่บฟาดเบอร์สุด นี่อะไร จำอะไรไม่ได้เลย มีแต่ความทรงจำชาติก่อนของตัวเองล้วน ๆ
เธอสะบัดศีรษะอีกครั้ง พยายามตั้งสตินึกถึงความทรงจำของร่างสาวน้อยลี่ชิง เหมือนเดิม พระเจ้า!ช่วยป้าด้วย ไม่มีอะไรเลยค่ะ ว่างมากเหมือนกระดาษขาวว่างเปล่า ความทรงจำขาวสะอาดเรียกได้ว่าสมองโล่งมาก เยว่เหล่าหนอเยว่เหล่า ทำไมทำแบบนี้
ลี่ชิงยิ้มแห้ง ๆ ก้มมองเจ้าก้อนแป้งดูดนมดังจุ๊บจั๊บ ฟันบนขบเม้มบนริมฝีปากล่าง ทำตาล่อกแล่กเหมือนครุ่นคิด นางมองบุรุษผู้หล่อเหลาสง่างามตรงหน้า สรุปว่าแม้แต่ชื่อนางก็นึกไม่ออก
วิญญาณคุณป้าสมหญิงได้แต่คิดแผนการคลอดลูกจนความจำเสื่อม ดวงหน้าหวานนวลกลอกตาไปมา กำลังนึกถึงแผนการแกล้งความจำเสื่อม
"ชิงเอ๋อร์เป็นอะไรไปรึ เจ้าทำหน้าแปลกๆ เหตุใดจึงมองพี่เช่นนี้"
"ข้า เอ่อ ข้าปวดหัวมาก ข้าฟื้นขึ้นมาหลังคลอดข้าจำอะไรไม่ได้เลย อารมณ์ก็ขึ้น ๆ ลง ๆ"
"หมายถึงความทรงจำช่วงคลอดอย่างนั้นรึ"
สามีเอ่ยถามเป็นจริงเป็นจัง ตาคอยมองเจ้าก้อนซาลาเปาดื่มนมจากอกอวบใหญ่ ริมฝีปากบุรุษยกยิ้มขึ้นอย่างยินดีปลาบปลื้มนักเมื่อทอดสายตามองเจ้าหมูน้อยทั้งสองดื่มนมมารดา
"ข้าหมายถึงทุกอย่าง ข้าเหมือนความจำเสื่อม"
"เจ้าต้องล้อพี่เล่นแน่นอน แม้แต่พี่เจ้าก็จำไม่ได้เลยรึ" เขายิ้มทำหน้าล้อเลียน
"เจ้าค่ะ ท่านชื่ออะไร คิดว่าน่าจะเป็นสามีของข้า" นางยิ้มแหยๆ
"ข้ามีนามว่าเฉินเซียวหลาง แน่นอนว่าข้าเป็นสามีของเจ้า" เขาขมวดคิ้วพร้อมทำหน้าประหลาดใจ
"โอ๊ย ข้าปวดหัวอีกแล้ว ข้าอยากพักผ่อน ปวดมาก ท่านหมอบอกว่าตอนคลอดเด็กคนที่สองข้าสลบไปเกินหนึ่งเค่อ เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอทำให้ข้าความจำเสื่อมเจ้าค่ะ" แผนการแกล้งความจำเสื่อมก็เริ่มต้นขึ้น เอามันง่าย ๆ แบบนี้แหละ
"ตอนนี้เจ้าอย่าเพิ่งคิดมาก นอนพักผ่อนเสียก่อน บุตรเราดื่มนมเสร็จพอดี เจ้าดูสิ หลับตาพริ้มเชียว" เขามองเจ้าเด็กหมูตอนทั้งสองก้อนหลับตาพริ้มคาปลายถันสีชมพู
ตอนนี้นางยิ่งหน้าแดงขึ้นอีกหลายเท่า เหมือนโชว์เต้าพร้อมปลายถันสีหวานให้เขาดูแบบเต็ม ๆ ตื่นมาก็แจ็คพอตแบบนี้เลยรึไง ให้นมเด็กต่อหน้าผู้ชาย
หืม! นี่ยังไม่ได้ส่องกระจกเลยว่าหน้าตาของร่างนี้เป็นยังไง จะสวยเหมือนนางเอกสายเกาหลี สายดิวอี้เหมือนซีรีส์จีนซีรี่ส์เกาหลีที่เคยดูรึเปล่า
ลี่ชิงขยับสาบเสื้อมาปิดหน้าอก ใบหน้าแดงซ่านยิ่งกว่าเดิม
"หากบุตรดื่มนมไม่ทัน ปากของพี่ยังว่าง ช่วยเจ้าคลายคัดเต้านมได้นะ" สายตาวาบหวามพูดทีเล่นทีจริง
ตอนนี้วิญญาณสาวใหญ่ได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ นะ ..น่ะ..นี่มันคือการขอดูดนมซึ่งหน้า
กรี๊ดดดดดด ป้ากรีดร้อง กรี๊ดดดดดดด
วิญญาณคุณป้าเวอร์จิ้นได้แต่กรีดร้องอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ในใจ ก้มหน้าหลบสายตาคมกริบที่จ้องมองนางทั้งเนื้อทั้งตัว
เขินค่ะ
เขินแรงบอกตรง ๆ
ราชโองการสมรสพระราชทานประกาศออกไปทั่วเมืองหลวง จวนพระราชทานหลังใหญ่มีแปดห้องนอนพร้อมเรือนย่อยอีกสี่เรือน พระสนมเฟยฉางให้ชื่อจวนนี้ว่าอ้ายหนี่ แรงงานมากมายถูกเกณฑ์มาสร้างจวนอ้ายหนี่ขึ้นอย่างเร่งด่วนให้แล้วเสร็จทันงานสมรสพระราชทาน จวนขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตกแต่งด้วยคิ้วไม้หลี่สีน้ำตาลทอง เป็นจวนที่ถอดประกอบมาจากเมืองอื่นคล้ายกับเป็นการซื้อสำเร็จมาตั้งบนที่ดินที่เตรียมไว้ แล้วทาสีตกแต่งใหม่เพื่อให้ทันวันงาน ด้วยความที่ต้องสร้างจวนนี้ให้แล้วเสร็จภายในสองสัปดาห์ ช่างไม้ทั่วสารทิศรวมถึงช่างไม้หลวงรวมกับช่างไม้ที่ร้านของท่านราชครูแทบไม่ได้หลับได้นอน จวนอ้ายหนี่แล้วเสร็จในเวลาเพียงสิบวัน ใช้งบการสร้างส่วนพระองค์ประทานให้แก่แม่ทัพเหวินซูเป็นรางวัลทำศึก ส่วนเฉินเซียวหลางถูกองค์ฮ่องเต้กึ่งบังคับให้กลับไปรับตำแหน่งเดิมที่เคยสอบได้คือตำแหน่งจอหงวนหรือจ้วงหยวน รับหน้าที่ดูแลกรมการค้า ระดับขุนนางขั้นสาม บัญชีรายชื่อของเขายังอยู่ในระยะเวลาสองปีเพื่อเรียกมารายงานตัว พระสนมเฟยฉางรับเด็กฝาแฝดเป็นบุตรบุญธรรม พระสนมทูลเสนอให้เฉินเซียวหลางกลับไปรับตำแ
ลี่ชิงให้นมบุตรเรียบร้อย เด็กทั้งสองอิ่มจนหลับไป ญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ทัพเหวินซูเอาเด็กน้อยทั้งสองไปอุ้มเล่น ผลัดกันอุ้มกับฮูหยินใหญ่ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาของแม่ทัพดีใจมาก อุ้มหลานชายไม่ยอมปล่อย ท่านราชครูอี้ชวนเข้ามาแย่งอุ้มพร้อมสวมกำไลข้อเท้าทำจากทองคำลายอินทรีย์ให้เด็กชายน้อย ท่านราชครูมอบกำไลข้อเท้าให้เด็กหญิงน้อยเช่นกัน เมื่อเหล่าคนแก่เห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของเด็ก ยิ่งหลงใหลกว่าคราวที่ตนมีลูกเสียอีก ลี่ชิงนั่งหน้ามุ่ยเป็นกังวลเรื่องของตนเอง นางกลัวว่าทุกคนจะแย่งเจ้าลูกหมูน้อยไปจากอ้อมอก ลี่ชิงทั้งหวาดกลัวทั้งกังวลกับทุกเรื่องจนร้องไห้ออกมา เหวินซูกับเฉินเซียวหลางได้แต่เข้ามาปลอบนาง ช่วยเช็ดน้ำตาให้ไม่ห่าง ฮ่องเต้เสด็จ! ขันทีกล่าวด้วยเสียงแหลมเสียดแก้วหูดังขึ้นด้านนอก องค์ฮ่องเต้เสด็จมาจากทางตำหนักใหญ่ พระองค์อยากใช้ความคิดเพียงลำพังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม่ทัพคนโปรดคู่บัลลังก์หาเรื่องยุ่งยากซับซ้อนมาให้พระองค์ปวดหัวในรอบสิบปี ไหนจะเรื่องรางวัลทำศึกที่ขอไว้อีก มีอย่างที่ไหน อยากได้สตรีในจวนผู้อื่นเป็นรางวัลทำศึก
ทั้งแม่ทัพเหวินซูและเฉินเซียวหลางรวมถึงทุกคนทำหน้าเหมือนเห็นผี เจ้าลูกหมูก็ร้องโยเยขึ้นมา ลี่ชิงเดินไปอุ้มลูก ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาช่วยนางโอ๋เด็กน้อยทั้งสองให้เงียบเสียงลง เมื่อเจ้าลูกหมูถูกลี่ชิงอุ้มไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยซุกหน้าเข้าหาอ้อมอกมารดาอย่างคุ้นเคย ฮูหยินใหญ่อุ้มเด็กหญิงน้อยไว้ในอ้อมแขน เด็กหญิงดันกายออกจากอก ยื่นมือน้อยไปทางมารดา ลี่ชิงจำต้องนั่งลง อุ้มบุตรทั้งสองไว้ในอ้อมกอด “ข้าขออธิบายทีหลัง ที่นักพรตกล่าวเป็นความจริง ข้าไม่ใช่ลี่ชิง” คุณป้าสมหญิงถอนหายใจ กลัวอย่างเดียวว่าจะถูกแย่งลูกหมูไป แล้วคนพวกนี้ก็จับคุณป้าไปทรมานเหมือนในภาพยนตร์สยองขวัญ “พิสูจน์เลือดบุตรให้เสร็จสิ้นก่อนเถิด” เหวินซูกล่าวออกมา เขายังมองไปทางร่างบางกอดบุตรไว้ในอ้อมแขน นักพรตเริ่มพิธีกรรมอีกครั้ง นำจอกเลือดทั้งสองจอกมาวางตรงหน้าเหวินซู จอกเลือดอีกสองจอกมาวางตรงหน้าเฉินเซียวหลาง สองบุรุษลุ้นจนแทบขาดอากาศหายใจ เลือดของแม่ทัพเหวินซูรวมกับเลือดของเด็กชาย ส่วนเลือดของเด็กหญิงรวมกับเลือดของเฉินเซียวหลาง “เด็กชายเป็นบุตร
องค์ฮ่องเต้ประทับที่เก้าอี้ตำแหน่งประธาน ด้านข้างมีองค์สนมกุ้ยเฟยประทับเยื้องอยู่ทางด้านซ้าย ตำแหน่งรองลงมาคือราชครูอี้ชวนผู้เป็นท่านตาของแม่ทัพ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาแม่ทัพกับฮูหยินผู้เป็นมารดาแม่ทัพนามว่าอี้ฟางเจิน บุตรสาวราชครูอี้ชวน “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ คารวะเสด็จอาหญิง คารวะท่านพ่อท่านแม่” แม่ทัพเหวินซูคารวะองค์ฮ่องเต้ พร้อมด้วยญาติผู้ใหญ่ทุกคน แม่ทัพเหวินซูไม่ได้คาดคิดว่าญาติผู้ใหญ่ฝ่ายตนจะแห่กันมามากมายขนาดนี้ ดูหน้าบิดามารดากับท่านตาของเขานั่นเล่า เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาแอบเห็นมือท่านตาถือกำไลข้อเท้าเด็กทองคำ นักพรตราชวงศ์แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวขลิบเทา กำลังนำกระดานชนวนออกมาขีดเขียนอักขระ แพทย์หลวงต่างเข้ามายืนด้านข้างเพื่อช่วยการตรวจพิสูจน์ไม่ให้บิดพลิ้วได้ “ถึงเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้ทำพิธีที่กรมพิธีการหรือทำที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้านักพรตกล่าวกับองค์ฮ่องเต้ “ทำที่นี่ เจิ้นขี้เกียจเดิน” องค์ฮ่องเต้อยากรู้เต็มทน เช่นเดียวกับทุกคนในห้องนี้ หากจะเดินย้อนกลับไปที่กรมพิธีการก็ใช้เวลาอีกไม
รถม้าคันงามตีตราสัญลักษณ์อินทรีย์ ทำจากไม้หลี่เนื้อดีสลักลายอินทรีย์กรุด้วยทองคำแผ่นบาง รถม้าแล่นไปตามถนนสายหลักของเมืองหลวง แม่ทัพเหวินซู เฉินเซียวหลางและลี่ชิงนั่งอยู่ภายในรถม้าคันเดียวกัน เฉินเซียวหลางรินชาให้ศิษย์พี่ เขารินให้ตนเองกับลี่ชิงทีหลัง “ข้าผิดเอง” เฉินเซียวหลางถอนหายใจ “เรื่องนี้คงไม่ถือว่าเจ้าเป็นคนผิด เจ้าเองก็ดูแลลี่ชิงเป็นอย่างดี ทั้งช่วงนางตั้งครรภ์จนเด็กทั้งสองคลอดออกมา” “แล้วหากเด็กทั้งสองเป็นบุตรของท่าน” เฉินเซียวหลางมองหน้าศิษย์พี่เหวินซู “ข้าต้องรับเด็กทั้งสองไปเลี้ยงดูในฐานะบุตรข้า”เหวินซูตอบ เขาลอบมองหน้าลี่ชิง อยากรู้ว่านางคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ “แล้วเจ้าเล่าลี่ชิง จะทำอย่างไรต่อ” เฉินเซียวหลางหันไปถามลี่ชิง เฉินเซียวหลางนึกถึงคราวที่เขาขอนางแต่งงาน เขามองสร้อยข้อมือที่เคยใช้ขอนางแต่งงาน นางยังสวมอยู่บนข้อมือไม่เคยถอด แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราชโองการ เฉินเซียวหลางถึงกับถอนหายใจออกมา “ข้าตกลงแต่งให้คุณชายเฉิน” ลี่ชิงเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ทัพเหวินซู “แล้วข้าเล่า” แม่
ยามเหม่า ณ จวนสกุลเฉิน บ่าวไพร่สาวใช้ในจวนสกุลเฉินคึกคักตั้งแต่ต้นยามเหม่า ฟ้ายังไม่ทันสางดีเสียด้วยซ้ำ ทุกคนวิ่งวุ่นกันจ้าละหวั่น สาวใช้ตระเตรียมอาภรณ์งดงามและเครื่องประดับให้ฮูหยินน้อยอย่างสมฐานะ อาภรณ์ไหมตัวนอกถูกส่งมาจากจวนแม่ทัพเหวินซู พร้อมเครื่องประดับทำจากปะการังแดง ฮูหยินใหญ่เลือกเครื่องประดับผมให้ลี่ชิง ฮูหยินใหญ่หลี่เฟยปักปิ่นทำจากทับทิมบนมวยผมของลี่ชิง “เจ้างามมากลี่ชิง” “ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” “วันนี้ผลจะเป็นอย่างไร พวกเราคงต้องยอมรับความจริง” ฮูหยินใหญ่แววตาหม่นเศร้า เมื่อนึกถึงผลตรวจพิสูจน์โลหิตเด็กน้อยทั้งสอง หากเป็นบุตรแม่ทัพเหวินซูจริง สกุลเฉินต้องคืนทั้งแม่ทั้งลูกให้กับเหวินซูตามราชโองการ เฉินเซียวหลางมองลี่ชิงแต่งกายอย่างงดงาม ผิวขาวอมชมพูตัดกับอาภรณ์ไหมสีส้มแดง เครื่องประดับเข้าชุดขับเน้นความงามของผิวพรรณสตรีตรงหน้า เฉินเซียวหลางถึงกับลืมหายใจเมื่อเห็นลี่ชิงเดินออกมาหน้าเรือน หลากหลายความรู้สึกถาโถมเข้ามาในห้วงอารมณ์ ทั้งกลัวสูญเสียนางกับลูกไป ทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง เมื่อนึกถึงความเป็นจริงที