Home / รักโบราณ / ฮูหยินตัวร้ายพ่ายรักท่านแม่ทัพ / บทที่ 13. ตอน ช่วงเวลาดีๆ ของสองเรา

Share

บทที่ 13. ตอน ช่วงเวลาดีๆ ของสองเรา

last update Last Updated: 2025-03-02 17:14:02

บทที่ 13. ตอน ช่วงเวลาดีๆ ของสองเรา

เมืองหนานไห่เป็นเมืองท่าชายทะเล ผู้คนค้าขายกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะอาหารทะเล มีพ่อค้าจากเมืองต่างๆ มารับซื้อไปขายต่อ กุ้งหอยปูปลาสดๆ ราคาถูก อาหารที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องของสดจากทะเล 

ยามค่ำคืน จะมีแผงขายอาหารและของกินเล่น ชาวบ้านล้วนมาเดินเล่นดื่มกินกันเป็นเรื่องปกติ ยามเมื่อมีเทศกาลโคมไฟ ยิ่งคึกคักมากกว่าเดิม ตามถนนบ้านเรือน ประดับโคมไฟสวยงาม 

เยี่ยเหวินจ้าวพาหลิวซืออินออกมาเดินเล่น ชมความคึกคักของผู้คน รวมถึงอยากให้นางลองชิมอาหารทะเลสดๆ ด้วย เขาจูงมือภรรยาสาว เดินชมโคมไฟไปตามถนน เขาหยุดซื้อโคมไฟรูปผีเสื้อให้นางอันหนึ่ง 

"ให้เจ้า"

"ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านพี่"

หลิวซืออินรับโคมไฟมาดูด้วยท่าทางตื่นเต้น

"เจ้าชอบหรือไม่ หรืออยากได้แบบอื่น"

เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยถาม เขามองใบหน้างามที่ตอนนี้ ดูตื่นเต้นดีใจเพียงแค่ได้โคมไฟอันหนึ่ง

"ข้าชอบมากเจ้าค่ะ นับตั้งแต่ท่านพ่อท่านแม่จากไป ไม่เคยมีผู้ใดซื้อโคมไฟให้ข้าอีกเลย"

คำพูดของนางทำให้คนฟังสะท้อนใจ เขาเองโชคดีท่านลุงรักและเอาใจใส่ จึงไม่ขาดแคลนสิ่งใด แต่หลานหรือจะสู้บุตรแท้ๆ ท่านป้าสะใภ้มักจะให้สิ่งที่ดีกว่ากับหลินตง ตัวเขากับจางเฉียนได้ของรองลงมา เทียบกับหลิวซืออินเขานับว่าดีกว่านางมาก 

"เอาไว้ข้า จะซื้อให้เจ้าอีก ถ้าเรามีลูกข้าจะซื้อให้เขาด้วย"

เยี่ยเหวินจ้าวกุมมือนางไว้ พาเดินไปยังจุดปล่อยโคมลอย

"เจ้าดูสิ ผู้คนพากันปล่อยโคมไฟอธิษฐาน เราไปปล่อยโคมกันดีหรือไม่"

เมืองหนานไห่ มีการปล่อยโคมให้ลอยขึ้นฟ้า โดยเชื่อว่าหากเขียนคำอธิษฐานไว้บนตัวโคม จะส่งสารถึงเทพบนสวรรค์ช่วยประทานพรให้สมหวัง ตัวโคมทำจากกระดาษวาดลวดลายสวยงาม ด้านล่างร้อยเส้นลวดมัดผ้าดิบชุบน้ำมัน ยามเมื่อจุดไฟควันจะเข้าไปในตัวโคม ทำให้ลอยขึ้นฟ้าได้ จนกว่าไฟที่จุดจะมอดดับลง

บนท้องฟ้ามีโคมหลายร้อยใบ ลอยอยู่คล้ายกับดวงดาว ลมทะเลทำให้โคมลอยได้สูง ยามเมื่อผู้คนพากันปล่อยโคมพร้อมกัน ยิ่งดูงดงามราวกับฝูงหิ่งห้อยบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

"ท่านลุง ข้าซื้อโคมอธิษฐานใบหนึ่ง"

เยี่ยเหวินจ้าวส่งเงินให้คนขาย ตามราคาที่ติดป้ายไว้ เขาหยิบพู่กันมาเขียนชื่อของตนกับหลิวซืออิน และเขียนคำว่า

'ครองคู่มิพรากจาก ชั่วฟ้าดินสลาย'

"พ่อหนุ่ม เจ้าคงเพิ่งแต่งภรรยาสินะ แม่หนูช่างโชคดีนัก มีสามีที่รักเจ้าสุดหัวใจเช่นนี้ ข้าแถมพู่คู่รักให้พวกเจ้าไว้แขวนโคมนะ"

คนขายเห็นคำอธิษฐานของเยี่ยเหวินจ้าว ก็รู้สึกชอบใจ คนที่มาซื้อโคมอธิษฐานของเขา ล้วนขอพรให้ร่ำรวยบ้าง ให้อายุยืนบ้าง มีชายหญิงคู่นี้ ที่ขอพรให้ได้ครองคู่กัน ตัวเขาภรรยาตายจากและไม่คิดแต่งงานใหม่ จึงยกย่องคู่หนุ่มสาวที่มั่นคงในความรักเช่นนี้

"ขอบคุณท่านลุง"

ทั้งสองเอ่ยขอบคุณ แล้วรับพู่มาห้อยใต้โคมอธิษฐาน แล้วเริ่มจุดไฟให้ควันลอยเข้าไปในโคม ตัวโคมเริ่มพองขึ้นเรื่อยๆ ดันให้ลอยขึ้น

"เจ้าขอพรสิ คืนนี้ดวงจันทร์เต็มดวง พวกเราเชื่อว่า จะทำให้คำขอเป็นจริง"

เยี่ยเหวินจ้าวถือโคมไว้ เขาให้หลิวซืออินได้ขอพร นางมองหน้าเขาก่อนจะยิ้มแล้วหลับตาขอพรในใจ 

"ข้าขอพรเสร็จแล้ว ตาท่านบ้าง"

นางมาช่วยจับโคมให้ เยี่ยเหวินจ้าวมองใบหน้าของนางแล้วยิ้มละมุน เขาเอ่ยว่า

"หากเทพเซียนบนสวรรค์ จะให้ข้าสมหวังเรื่องใด ขอให้พรนั้นจงเป็นของเจ้า ให้คำขอของเจ้าสมหวังทุกสิ่ง"

เขาไม่ขอพรให้ตัวเอง แต่ขอให้นางสมหวัง หลิวซืออินได้ฟัง ก็รู้สึกตื้นตันใจ คนผู้นี้คิดถึงนางก่อนตัวเอง นางไม่เคยมีผู้ใดสนใจนอกจากท่านย่า เติบโตมาได้ด้วยความยากลำบาก เสื้อผ้าล้วนเป็นของเก่าเหลือใช้จากหลิวชิงหลิน อาหารก็ได้กินอิ่มท้องบ้าง ไม่อิ่มบ้าง ปีหนึ่งจะได้กินของดีๆ อย่างเนื้อหมูแค่วันปีใหม่ บางครั้งนางหิวจนต้องแอบเอามันเทศที่เลี้ยงหมูมาเผากิน สุดท้ายนางเป็นได้แค่ต้นหลี่ที่ตระกูลหลิวสละทิ้ง 

"ข้าขอบคุณท่าน"

นางเอ่ยขอบคุณออกมาจากใจ มองใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษผู้ที่นางร่วมแต่งงานผูกผม ครั้งแรกนางคิดว่าการได้พบเขาคือโชคร้าย แต่ตอนนี้นางรู้สึกโชคดีที่ได้เป็นภรรยาของเขา

"มาเถอะ เราปล่อยโคมกัน"

เยี่ยเหวินจ้าวจุดไฟที่พู่แล้วปล่อยให้โคมลอยขึ้นฟ้า ดอกไม้ไฟที่ห้อยติด พ่นละอองไฟกระจายลงมา โคมดวงนั่นค่อยลอยสูงขึ้นเรื่อย ไปรวมกับโคมอีกหลายร้อยดวงบนฟ้า

หลิวซืออินแหงนหน้ามองดูโคมไฟด้วยใจอิ่มสุข ข้างกายมีร่างสูงใหญ่ยืนเคียง แขนของเขาโอบไหล่นางไว้ ถ้อยคำที่เขาเขียนประทับอยู่ในความทรงจำ

"เจ้าชอบกินปูหรือไม่ ด้านนั้นมีแผงขายปูนึ่ง ข้าเคยกินครั้งหนึ่งรสชาติไม่เลว"

เมื่อเดินกลับเข้ามาในเมือง เยี่ยเหวินจ้าวเดินผ่านแผงขายของทะเล จึงคิดอยากให้หลิวซืออินลองกินปูทะเลนึ่ง 

"ข้าไม่เคยกินปูมาก่อน ข้าไม่รู้ว่ามันรสชาติเป็นอย่างไร หากท่านพี่บอกว่ารสชาติไม่เลว ข้าก็คิดว่าน่าจะลองกินดูสักครั้ง"

หลิวซืออินไม่เคยกินปูมาก่อน แม้แต่ไก่กับหมู นางก็แทบจำรสชาติไม่ได้ อยู่บ้านตระกูลหลิวมีข้าวให้กินอิ่มท้อง ก็ดีมากแล้ว จะให้เลือกกินคงไม่ได้

"เช่นนั้นเราไปกินปูนึ่งกัน"

เยี่ยเหวินจ้าวจูงมือพานางไปยังแผงขายปูนึ่ง สั่งปูสดสองชั่งให้ร้านนึ่งให้ เขานั่งรอที่โต๊ะ สั่งของกินเล่นจากแผงข้างๆ มาให้นางกินระหว่างรอ

"ขนมสลัดงา เจ้าลองกินดู มีหลายไส้ ทั้งหวานและเค็ม"

เขาสั่งขนมสลัดงา ไส้ถั่วกวนกับไส้กุ้งสับมาให้นางกิน ตัวขนมทำจากแป้งปั้นเป็นลูกกลมๆ ด้านในมีไส้ต่างๆ ด้านนอกคลุกงาจนทั่ว นำไปทอดจนสุกพอง 

"ระวังร้อน เพิ่งทอดมาใหม่ๆ"

เขาเอ่ยเตือนเมื่อเห็นนางทำท่าจะกัด หลิวซืออินยิ้มเขิน ไม่กล้าเอาเข้าปาก 

"มาข้าบิให้ เจ้ากัดไปแบบนั้นลวกปากพองพอดี"

เยี่ยเหวินจ้าวหยิบขนมในมือนาง มาบิแบ่งครึ่ง ใช้ปากเป่าให้คลายร้อน ก่อนจะยื่นส่งให้นาง 

"นี่เป็นไส้กุ้งสับ เจ้าลองชิม"

"ขอบคุณเจ้าค่ะ"

นางรับมากิน รสชาติขนมทำให้แทบหลั่งน้ำตา มันอร่อยยิ่งนัก แป้งข้างนอกกรอบข้างในนุ่ม มีไส้กุ้งปรุงรสด้วยเครื่องเทศอย่างดี ให้รสชาติกลมกล่อม นางเคี้ยวกลืนอย่างมีความความสุข 

"ไส้ถั่วกวนก็หวานอร่อย"

เยี่ยเหวินจ้าวหยิบขนมไส้ถั่วกวนมาบิ แล้วส่งให้นางลองชิม หลิวซืออินกินอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้คนมองรู้สึกเอ็นดู 

"ปูนึ่งมาแล้ว ร้านเรามีน้ำจิ้มรสเด็ด เชิญกินตามสบาย ถ้าไม่พอสั่งเพิ่มได้"

เจ้าของร้านยกปูนึ่งร้อนๆ มาส่งให้ กลิ่นหอมของมัน ทำให้หลิวซืออินเลิกสนใจขนม นางมองดูเจ้าสัตว์ทะเลเปลือกแข็ง ที่ตอนนี้ถูกนึ่งจนเปลือกกลายเป็นสีส้มน่ากิน 

"ข้า... ข้าแกะไม่เป็น"

แม้อยากกินเพียงใด แต่จนปัญญาเมื่อนางแกะปูไม่เป็น ได้แต่มองตาปริบๆ น่าสงสาร

"เดี๋ยวข้าแกะให้เจ้ากินเอง"

เยี่ยเหวินจ้าวหยิบปูมาวาง ใช้พัดที่เจ้าของร้านวางไว้บนโต๊ะ มาพัดให้ปูคลายความร้อน เขาค่อยๆ แกะเนื้อปูทีละส่วน วางเรียงใส่จานเปล่า เมื่อแกะเสร็จตัวแรก ก็ส่งจานใส่เนื้อปูให้นาง

"ลองชิม สองส่วนนี้อร่อยที่สุด"

เขาชี้ที่ก้ามปู และกรรเชียงปู หลิวซืออินจึงใช้ตะเกียบคีบเนื้อปูมาจิ้มน้ำจิ้ม น้ำมันพริกผสมงา ให้รสชาติเผ็ดและหอมงา มีรสเปรี้ยวจากน้ำส้มหมัก รสชาติแปลกลิ้น แต่ก็อร่อยยิ่งนัก นางอยากหลั่งน้ำตาเป็นครั้งที่สองกับรสชาติของปู

"อร่อย... ท่านพี่ ท่านกินด้วยสิ"

นางคีบปูส่งให้เขาบ้าง วันนี้นางทำตัวเห็นแก่กินจนน่าเกลียดไปแล้ว จึงต้องชวนเขากินด้วย

"เจ้ากินให้อิ่ม ข้าจะแกะให้เจ้าอีก"

เยี่ยเหวินจ้าวส่ายหน้า เขาเคยกินปูนึ่งหลายครั้งแล้ว จึงไม่ได้อยากกินมากมาย เห็นนางกินได้ก็อยากให้นางกินมากสักหน่อย เขาแกะปูในถาดวางใส่จานให้นาง มองนางกินด้วยสายตาเอ็นดู นางผอมไม่ค่อยมีเนื้อหนัง เขาจะขุนให้นางอ้วนกลมขาวกว่านี้ จะได้คลอดบุตรแข็งแรงให้เขาสักคนสองคน 

มุมหนึ่ง มีใครบางคนกำลังจ้องมองทั้งสองอยู่ รอจนทั้งคู่เดินกลับบ้าน ก็เร่งฝีเท้าตามติดไป

///

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินตัวร้ายพ่ายรักท่านแม่ทัพ   บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)

    บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ

  • ฮูหยินตัวร้ายพ่ายรักท่านแม่ทัพ   บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1

    บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ

  • ฮูหยินตัวร้ายพ่ายรักท่านแม่ทัพ   บทที่78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2

    บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ

  • ฮูหยินตัวร้ายพ่ายรักท่านแม่ทัพ   บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1

    บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม

  • ฮูหยินตัวร้ายพ่ายรักท่านแม่ทัพ   บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2

    บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา

  • ฮูหยินตัวร้ายพ่ายรักท่านแม่ทัพ   บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1

    บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status