หลิวซืออินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่คนหื่นไม่ยอมปล่อยนาง เขาลากตัวนางลงไปในอ่างอาบน้ำด้วยกัน
"อื้อ ปล่อยข้า..."
นางใช้มือดันหน้าเขาออก หอบหายใจแรง เขาจูบนางจนหายใจแทบไม่ทัน
"ท่านทำบ้าอะไร"
"ข้าแค่หิว"
"หิว... ท่านหิวสิ่งใด"
หลิวซืออินไม่เข้าใจคำว่าหิวของสามี แต่อีกฝ่ายแสดงความหิวโหยออกมาทางสายตา
"ข้าหิวเจ้า"
"เมื่อคืนก็ทั้งคืนแล้ว ท่านยัง..."
ใบหน้างามร้อนผ่าว นึกถึงช่วงเวลาร้อนแรงบนเตียงตลอดคืน เขาทำกับนางหลายรอบ หลายท่า จนนางแทบหมดแรง นี่เขายังจะ... ทำอีกหรือ
"ความสามารถของข้า สามวันสามคืนก็ยังไหว เจ้าอยากพิสูจน์หรือไม่"
เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยเสียงพร่า เขาจับนางนั่งคร่อมบนขาของเขา หันหน้าชนกัน ดวงตาของเขามองร่างงามของนางอย่างหลงใหล มือจับเอวดึงตัวมาแนบชิด
"ไม่... ข้าไม่อยากพิสูจน์ ท่านทำข้าเปียกหมดแล้ว ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า"
นางขยับจะลุกหนี แต่เขารั้งตัวนางกดลงที่เดิม เสื้อผ้าเดิมเปียกครึ่งตัว ตอนนี้ชุ่มไปทั้งตัว มองเห็นเรือนร่างอรชรของนางชัดเจน
"เจ้าเปียกแล้ว ก็อาบน้ำพร้อมข้าเถอะนะ"
คำพูดนี้ของเขา ทำให้หลิวซืออินห่อไหล่ หลบสายตาวาววามของสามี คนบ้าคนนี้จ้องนางราวกับนางเป็นเนื้อติดมัน ด้วยสายตาหิวกระหายมือไม้ไม่อยู่สุข ทั้งลูบไล้ ทั้งคลึง ขยำบั้นท้ายและทรวงอกนางไม่หยุด แล้วยังจะอะไรบางอย่างที่กำลังดุนอยู่ใต้สะโพกนาง ใบหน้าของหลิวซืออินแดงก่ำไปหมด
"ท่านอย่าแกล้งข้าเลย..."
นางเอ่ยเสียงสั่นหวิว มือของเขาเริ่มทำงานหนักกว่าเดิม ด้วยการแหวกเสื้อนางออกดึงสาบเสื้อจนแยกออกจากกัน เขาดึงเสื้อนางลงมากองที่เอว เผยให้เห็นไหล่มนขาวผ่อง ตู้โต่วสีชมพูบังทรวงอวบของนางไว้ แต่เมื่อมันเปียกน้ำก็บางจนเห็นปลายยอดเม็ดกะจิดริดนูนออกมา
"ข้าชอบสีชมพู"
เยี่ยเหวินจ้าวทอดสายตามองตู้โต่วสีชมพูแล้วเอ่ยชมออกมา เถ้าแก่เนี้ยบอกว่าภรรยาของเขาต้องชอบสีชมพู ตอนนี้เขารู้สึกว่าตนเองก็เริ่มชอบสีชมพูขึ้นมาแล้ว
"เอาไว้คืนนี้ได้ไหม นี่ตอนกลางวันมันไม่ดี"
นางพยายามต่อรอง แต่เขากลับไม่สนใจสักนิด ยื่นหน้ามากดจมูกบนซอกคอ แตะริมฝีปากตาลำคอของนาง เมื่อนางยังเอ่ยห้ามอีก เขาก็ขบคอนางจนหลิวซืออินสะดุ้ง ด้วยความเจ็บปนสยิว
"อ๊ะ ท่านกัดข้า"
"เจ้าจะกัดข้าบ้างก็ได้ เลือกเอาอยากกัดตรงไหน"
เขาเสนอให้นางกัดคืน ขณะใช้ฟันตัวเองกัดสายคล้องตู้โต่วของนาง คาบแล้วกระตุกจนคลายปม มือข้างหนึ่งกระตุกสายมัดด้านหลังจนหลุด ผ้าผืนน้อยเลื่อนไหลลงมา เผยให้เห็นทรวงอวบขาวราวกับซาลาเปาน่าลิ้มลอง ดวงตาของเยี่ยเหวินจ้าวลุกวาว ขณะดันฝ่ามือให้นางแอ่นอก เขาก้มลงฝังจมูกและปาก ลงไปเฟ้นฟ้อนความขาวอวบนั้น
"อ๊ะ ท่านพี่ อุ๊ย !"
หลิวซืออินร้องออกมา มือจิกไหล่ของเขาไว้แหงนใบหน้าหลับตาแน่น ขณะเม้มปากกลั้นไม่ให้ตัวเองส่งเสียงน่าอายออกมา นางอยากขัดขืนแต่ร่างกายกับทรยศเจ้าของ สนองตอบปากและลิ้นของเขาที่กำลังดื่มกินยอดทรวงของนางอยู่
"ภรรยา เจ้าหวานยิ่งนัก"
ความหวานของนางเหมือนน้ำผึ้ง ยิ่งลิ้มรสยิ่งอยากกินซ้ำแล้วซ้ำเล่า เยี่ยเหวินจ้าวไม่ใช่ชายไร้เดียงสา เขามีเวลากับสาวงามในหอนางโลมอยู่บ่อยครั้ง ยอดหญิงงามลือชื่อในแคว้นต่างๆ ที่เคยผ่านทาง ก็ลิ้มรสชาติมาหมดสิ้น แต่เมื่อได้ครอบครองหลิวซืออิน เขากลับรู้สึกว่านางคือสตรีที่เขาตราตรึงใจที่สุด อาจจะเป็นเพราะเขาได้ครอบครองนางเป็นคนแรก และตอนนี้นางคือภรรยาผู้ร่วมผูกผมของเขา จึงเกิดความผูกพันลึกซึ้งต่อกัน และยิ่งหลงใหลมากกว่าเดิม
"ท่านพี่ ข้า... อ๊ะ !"
หลิวซืออินส่ายหน้าไปมา นางเผยเสียงครางน่าอายออกมาจนได้ ขณะที่ร่างกายกำลังถูกสามีปลุกปั่นอย่างหนัก เสื้อผ้าของนางถูกเขาดึงทึ้งแล้วโยนออกไป ตอนนี้นางกับเขาเหลือเพียงเนื้อตัวเปล่าๆ โอบล้อมด้วยน้ำเย็นๆ แต่ภายในกายกับระอุร้อน วูบวาบไปทั้งตัว นางบิดตัวไปมาจนสะโพกเสียดสีกับแท่งหยกร้อนผ่าว ที่กำลังขยายตัวตามแรงอารมณ์ของเขา
"ภรรยาข้าหิว อยากกินเจ้า"
เยี่ยเหวินจ้าวเอ่ยเสียงพร่า ริมฝีปากยังคงกัดกินยอดทรวงหวานของนาง ดูดแรงสลับกับขบเม้ม จนเจ้าของสั่นสะท้านไปทั้งตัว ส่งเสียงครางราวกับเสียงสะอื้น หน้าท้องบิดเกร็ง นิ้วมือขูดข่วนหลังเขาจนเป็นรอยแดง เขาปลุกเร้านางด้วยปาก และยังใช้มือคลึงขยี้เกสรบุปผางาม สอดปลายนิ้วเข้าไปในคูหาสวรรค์อันแสนคับแน่น ขยับนิ้วร่ายบรรเลงเพลงพิณ จนหยาดน้ำหวานหลั่งริน
"ท่านพี่ ข้าไม่ไหวแล้ว !"
นางร้องขอสิ่งที่เหนือกว่านิ้วเรียวยาวของเขา ประสบการณ์เมื่อคืน ทำให้หลิวซืออินผ่านช่วงเวลาไร้เดียงสามาเป็นสตรีเต็มตัว เพลิงในกายของนางถูกเขาจุดจนแทบเผานางให้สิ้นใจ นางร้อนรนดีดเด้งสะโพกไปมา เสียดสีกับแท่งหยกของเขา สามีของนางเป็นจอมมารหรือไร เขาถึงได้ทำให้นาง กลายเป็นสตรีร่านร้อนเช่นนี้
"เมื่อสามีหิว ภรรยาเช่นเจ้าจะทำเช่นไร"
เขาแกล้งจับแท่งหยกมาแตะบนบุปผาของนาง แต่ไม่ยอมปล่อยให้รุกล้ำเข้าไป กลับเอ่ยถามนางเช่นนี้เสียก่อน
"เมื่อสามีหิว ภรรยาย่อมต้องยอมให้... กิน อ๊า..."
เมื่อนางตอบเขาก็กินนางทันที แท่งหยกร้อนถูกนำพาไปสัมผัสบุปผา ให้กลืนกินน้ำหวานอย่างกระหายหิว เปรียบดั่งมังกรแหวกผ่านม่านวารี มุ่งสู่ถ้ำใต้บาดาล เสียงราวกับแส้กำลังฟาดบนผืนน้ำดังก้องขึ้น
ตั่บ ตั่บ ตั่บ !
มือหนาจับเอวคอดบางไว้ ขณะเด้งสะโพกเข้าหา ร่างงามให้ความร่วมมือขยับเอวยกสะโพกขึ้นลง มือเกาะบ่าหนาเป็นที่ยึด สองกายสอดประสานตอบโต้กัน จนน้ำในอ่างกระเพื่อมไหวไหลกระฉอกนองพื้น
จากนั้นเขาก็พลิกกายให้นางหันหลังจับขอบอ่างไว้ ตัวเขายืนอยู่ด้านหลัง ด้วยท่วงท่าราวกับนักรบบนหลังม้า ควบขับโจนทะยานไปบนเส้นทางแสนแน่นหนึบ มือข้างหนึ่งรัดเอวบางมืออีกข้างกุมทรวงอวบ ยื่นหน้าไปจุมพิตริมฝีปากนุ่มอย่างเร่าร้อน สะโพกสอบยังคงขยับโจนจ้วงเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้น ผสานกับเสียงลมหายใจหอบกระเส่า และเสียงครางผะแผ่ว เร่งเร้าให้บรรยากาศคุโชนจนสุดขีด
สองสามีภรรยาร่วมน้ำหนึ่งใจเดียว จับจูงกันไปบนเส้นทางสู่สรวงสวรรค์
///
ด้านนอกรั้ว มีคนสองคนซุ่มอยู่ใต้ต้นไม้ มองไปยังหลังคาบ้าน สีหน้าเคร่งขรึม
"ที่นี่คือที่หลบซ่อนของโจร ที่ฆ่าหยวนจงเหลียง"
คนพูดเป็นหญิงวัยกลางคนนามว่าหลี่เจียน อีกคนเป็นมือปราบจากอำเภอต้าโจว เขาได้รับมอบหมายจากนายอำเภอ ให้ออกตามล่าโจรที่ปล้นขบวนแต่งงานของหยวนจงเหลียง ซึ่งเป็นน้องภรรยาของนายอำเภอ คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญมาก โจรบุกเข้าฉุดเจ้าสาวและฆ่าเจ้าบ่าว คนในขบวนต่างถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม นายอำเภอจึงตั้งรางวัลนำจับ หากผู้ใดรู้เบาะแสที่อยู่ของพวกโจร จะมีรางวัลให้ถึงหนึ่งร้อยตำลึง
"คนผู้นี้ฝีมือไม่ธรรมดา ท่านมือปราบอย่าเพิ่งวู่วาม เรียกกำลังคนมาล้อมจับจะดีกว่า"
นางหลี่เจียนจับแขนมือปราบไม่ให้บุกเข้าไป นางรู้ว่าเยี่ยเหวินจ้าวมีวิทยายุทธสูง มือปราบเพียงคนเดียวย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
"ข้าทราบแล้ว ท่านป้าหากข้าจับเจ้าโจรชั่วนี้ได้ รางวัลนำจับจะเป็นของท่านป้า"
มือปราบเองก็ไม่อาจประเมินฝีมือของคนร้ายได้ จึงไม่กล้าบุกเดี่ยวเข้าไป หญิงผู้นี้พาเขามายังที่ซ่อนตัวของคนร้าย ก็ถือว่ามีความดีความชอบ ท่านนายอำเภอย่อมตอบแทน
"เช่นนั้นเราไปจากที่นี่กันเถอะ"
มือปราบเดินนำออกไป นางหลี่เจียนหันกลับไปมอง ริมฝีปากกระตุกยิ้ม
"เยี่ยเหวินจ้าว เจ้ามันไอ้โง่ !"
///
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู