Share

บทที่ 13

Author: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
“พี่สาม สิ่งที่นายท่านยัดเข้าไปในท้องปลาคือหญ้าเซียนนู๋หรือไม่ หญ้านั่นกินได้ด้วยหรือ!”

ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัวว่าไม่รู้เหมือนกัน อย่างไรเสีย นางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหญ้าเซียนนู๋กินได้

“พี่สาม!” ฉินเย่ว์โหรวชี้ไปที่กองมันสำปะหลังในลานสวน “นั่นคืออะไรเจ้าคะ!”

“ข้าไม่รู้” ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัว

“เหมือนท่อนไม้เลย ใช้เป็นฟืนรึ!”

“ไม่ใช่!” ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัวอีก “นายท่านบอกว่าเป็นของกิน”

“ของกิน! ท่อนไม้กินได้ด้วยหรือเจ้าคะ!”

“กินได้สิ! มันไม่ได้เรียกว่าท่อนไม้ มันชื่อว่ามันสำปะหลัง” เฉินฝานยืนขึ้นแล้วไปหยิบมันสำปะหลังสามอันยาวยี่สิบกว่าเซนติเมตรมา “มา พวกเจ้ามานี่แล้วเอามันสำปะหลังสามอันนี้ไปขูดเปลือกออกซะ จากนั้นนำไปต้มนะ”

มันสำปะหลังในหม้อต้มสุกอย่างรวดเร็ว ปลาเผาบนถ่านก็ส่งกลิ่นหอมอบอวล เฉินฝานโรสเกลือลงไปเล็กน้อย กลิ่นหอมของปลาเผาลอยออกอบอวลไปทั่วเรือนในทันใด

“หอมจัง!”

แม้ว่าฉินเย่ว์โหรวออกเรือนเป็นภรรยาคนแล้ว แต่นางยังเด็กมาก นางจ้องปลาเผาที่อยู่บนฝืนไม่ขยับพลางกลืนน้ำลายอย่างควบคุมไม่ได้

ฉินเย่ว์เจียวโตกว่าเล็กน้อย จึงไม่ได้แสดงออกชัดเจนเท่าฉินเย่ว์โหรว แต่นางแอบกลืนน้ำลายไปหลายครั้งเหมือนกัน

พวกนางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสามารถทำปลาให้หอมได้ถึงเพียงนี้

เฉินฝานมองสองพี่น้องสาวที่หิวโหยแล้วทั้งอยากหัวเราะและรู้สึกสงสาร จากนี้ไปเขาจะให้พวกนางมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

“พวกเจ้าหยุดมองได้แล้ว รีบไปเอามันสำปะหลังออกจากหม้อเร็วเข้า ได้เวลากินข้าวแล้ว!”

ฉินเย่ว์โหรวที่ไม่สะดวกเดิน เวลานี้กลับวิ่งได้อย่างรวดเร็ว

แม้ว่าน้ำลายในปากเกือบไหลออกมา แต่ฉินเย่ว์โหรวก็ยังอดทนเอาไว้ นางหักมันสำปะหลังเป็นชิ้น ๆ เพื่อให้เฉินฝานกินสะดวกมากขึ้น

เมื่อทำมันสำปะหลังเสร็จ นางหยิบปลาขึ้นมาหนึ่งตัวแล้วเอาก้างออกอย่างระมัดระวังจากนั้นถึงวางในถ้วยแล้วยื่นให้เฉินฝาน

“นายท่านกินก่อนเจ้าค่ะ!”

“พวกเจ้าก็กินด้วย” ได้รับการปรนนิบัติเช่นนี้ เฉินฝานรู้สึกไม่คุ้นชิน

“ขอบคุณนายท่านเจ้าค่ะ!”

ฉินเย่ว์โหรวพูด ขอบคุณเสร็จก็ยกอาหารออกไปพร้อมกับฉินเย่ว์เจียว

“พวกเจ้าจะไปไหน” เฉินฝานประหลาดใจจึงวางอาหารในมือทันที

ฉินเย่ว์โหรวกับฉินเย่ว์เจียวตื่นตกใจเช่นกันเมื่อหันกลับมา

เขาไม่เคยให้พวกนางนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยเลยสักครั้ง วันนี้เขาเป็นอะไรไป

“ให้ตายเถอะ!” เฉินฝานตบหน้าผาก เขาจำกฎการร่วมโต๊ะได้แล้วว่าเจ้าของร่างเดิมไม่อนุญาตให้สองพี่น้องร่วมโต๊ะอาหารกับเขา

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าต้องนั่งที่โต๊ะ พวกเราต้องกินข้าวพร้อมกัน นี่คือคำสั่ง”

มีสองสาวสวยนั่งด้วยเวลากินข้าว ดีจะตาย

แต่งงานกับเฉินฝานหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา สองพี่น้องตระกูลฉินได้กินข้าวอย่างดีและอิ่มเป็นครั้งแรก

หลังจากกินข้าวเสร็จ เฉินฝานคำนวณเวลาแล้วน่าจะบ่ายสองบ่ายสาม เวลานี้ตลาดหมู่บ้านคงแยกย้ายกันกลับแล้ว จะนำกระต่ายกับไก่ป่าไปขายคงต้องรอพรุ่งนี้

พระอาทิตย์ตกดินเร็วขึ้นเมื่อถึงฤดูหนาว ถ้าออกไปข้างนอกเวลานี้คงเป็นไปไม่ได้ เฉินฝานจึงสั่งให้สองพี่น้องฆ่าปลาที่เหลือจากนั้นหมักด้วยเกลือ

เฉินฝานก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เขานำตระกร้าสานที่ผุพังไปแล้วดัดแปลงเป็นข้องปลา

ทุกคนมีงานทำอยู่ในลานสวนที่ไม่ใหญ่มาก

สองพี่น้องเงยหน้ามองเฉินฝานเป็นพัก ๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่เวลาพวกนางทำงานแล้วเฉินฝานไม่ได้นอนอยู่บนเตียงเตา

และไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำอะไรอยู่ ทำตะกร้าสานอยู่รึ! แต่ดูแล้วต่างจากตะกร้าสานทั่วไปมาก

สองพี่น้องสนใจข้องปลาในมือเฉินฝานมาก แต่ทำได้เพียงมองอยู่ไกล ๆ และไม่กล้าเข้าไปถาม

“ไข่ไก่! ไก่ป่าตัวนี้ออกไข่ด้วย!”

“จริง ๆ ด้วย!”

เฉินฝานที่กำลังทำข้องปลาเงยหน้าไปตามเสียงหลังจากได้ยินเสียงตื่นตกใจของสองคนนั้น เขาเห็นสองพี่น้องตระกูลฉินกระโดดโลดเต้นดีใจอยู่ข้างเล้าไก่

เฉินฝานส่ายหัวและยิ้ม ช่างแหมือนเด็กผู้หญิงสองคนจริง ๆ

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราเก็บไก่ที่ออกไข่ไว้เถอะ ไม่เอาไปขายแล้ว” เฉินฝานกล่าว

“ไม่ขาย!” ฉินเย่ว์โหรวมองเฉินฝานด้วยสีหน้าประหลาดใจ

เมื่อก่อนฉินเย่ว์เจียวเคยจับไก่ป่ากลับมาเหมือนกัน ทุกครั้งที่ล่าสัตว์กลับมา เจ้าของร่างเดิมจะนำไปขายทันที เมื่อได้เงินมาแล้วไม่ใช่ซื้อสุราก็เอาไปเล่นพนัน

“ใช่ ไม่ขายแล้ว เย่ว์โหรว ร่างกายของเจ้าอ่อนแอมาก เจ้าควรบำรุงกินไข่ให้มาก ๆ”

“……”

ฉินเย่ว์โหรวชะงักอยู่พักใหญ่ถึงดึงฉินเย่ว์เจียวที่ยืนชะงักเหมือนกันพร้อมกล่าวเสียงต่ำ “พี่สาม พี่ได้ยินหรือไม่! นายท่านพูดว่า......”

“เจ้าอย่าเชื่อเขาง่าย ๆ เช่นนี้ ใครเล่าจะรู้ว่าเขาวางแผนอะไรอยู่!” ฉินเย่ว์เจียวที่ได้สติกลับคืนมาดับฝันฉินเย่ว์โหรวทันที

“พี่สาม……” ฉินเย่ว์โหรวอยากพูดแต่ไม่กล้าพูดออกมา

เขายอมเชื่อเฉินฝาน แต่ก็กลัวมากว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงตาของนาง

ซุปไข่จากไก่ป่าในคืนนี้ ฉินเย่ว์โหรวกินเข้าไปตามคำสั่งของเฉินฝานอย่างไม่สบายใจ

เพียงซุปไข่เล็ก ๆ หนึ่งถ้วย นางสามารถชะงักถึงห้าหกครั้ง ชะงักหนึ่งครั้งแอบมองเฉินฝานหนึ่งครั้ง

“หืม! จะให้ข้าป้อนเจ้าจริง ๆ รึไง!”

“ห้ะ! เปล่า เปล่าเจ้าค่ะ!” สองแก้มของฉินเย่ว์โหรวแดงขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดนางไม่แอบมองเฉินฝานอีกและยังกินซุปไข่หมดถ้วย จากนั้นรีบไปอุ่นเตียงให้เฉินฝาน

คืนที่สองของการทะลุมิติมายังรัชสมัยต้าชิ่ง เริ่มต้นด้วยการที่ฉินเย่ว์เจียวอุ่นเตียงให้เขาแล้วเหมือนกัน

แต่คืนนี้ไม่มีความรู้สึกตึงเครียดเหมือนคืนแรกแล้ว

ฉินเย่ว์โหรวเริ่มไม่กลัวเฉินฝาน ฉินเย่ว์เจียวก็ไม่ได้แอบจับคานธนูเงียบ ๆ เพื่อป้องกันเฉินฝานหลังจากนอนเช่นกัน

เช้าวันถัดมา

เฉินฝานที่นอนหลับสบายตื่นขึ้นมาก็พบว่าฟ้าสว่างแล้ว

สองพี่น้องตระกูลฉินที่อยู่อีกฝั่งของเตียงเตายังหลับอยู่

แต่งงานนานขาดนี้ เป็นครั้งแรกที่พวกนางกินอิ่ม นอนอิ่ม สบายใจและหลับเกินเลยไปเช่นนี้

เฉินฝานมองใบหน้าที่หลับสนิทของเขาสองคนแล้วไม่อาจทำใจปลุกพวกนางให้ตื่น

เขาคลุมผ้าห่มให้ฉินเย่ว์โหรวที่ชอบเตะผ้าห่ม จากนั้นย่องเบาลงจากเตียง

“นายท่าน!”

เพียงเฉินฝานขยับตัว สองคนนั้นก็ตื่นทันที

พวกนางมองเฉินฝานอย่างไม่สบายใจ

เฉินฝานถอนหายใจ “ไปกันเถอะ ไปแลกของกัน”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Chainiwat
สนุกสนุกสนุก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1315

    “อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1314

    “ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1313

    “นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1312

    สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1311

    เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1310

    การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status