Share

บทที่ 8

Author: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
เฉินฝานย่อมฟังออกถึงความสงสัยของฉินเย่ว์โหรว เขายิ้มแล้วพูด "ไม่ต้องกังวล ข้าเป็นนายท่านของพวกเจ้านะ"

ยุคปัจจุบันเขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน จะมีงานบ้านใดที่ไม่เคยทำเล่า

ฉินเย่ว์โหรวยังคงไม่ขยับ

นายท่าน...เขา เขายิ้มให้นางจริง ๆ

นางกำลังฝันอยู่หรือเปล่า

“เย่ว์โหรว เย่ว์โหรว เย่ว์โหรว”

จนกระทั่งเฉินฝานเรียกนางเป็นครั้งที่สาม ฉินเย่ว์โหรวก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง

“จะ จะจุดไฟทันทีเลยเจ้าค่ะ!” ฉินเย่ว์โหรวรีบ ใบหน้าของนางแดงเล็กน้อย

เนื้อที่จูต้าอันนำมาด้วยในวันนี้ครึ่งหนึ่งมีไขมัน

ในยุคนี้ เนื้อติดมันแพงกว่าเนื้อไม่ติดมัน

เฉินฝานหั่นเนื้อมันออกทีละน้อย แล้วใส่ลงในหม้อ ทอดจนออกน้ำมัน

กลิ่นหอมของน้ำมันผุดออกมาจากหม้อ ฉินเย่ว์โหรวก็แอบกลืนน้ำลายเต็มปากในขณะที่นางกำลังจุดไฟ

ฉินเย่ว์เจียวซึ่งยืนอยู่ข้างกรอบประตูก็อดไม่ได้เช่นกัน

มันหอมมาก

หนึ่งปีแล้วที่ไม่เคยได้กินเนื้อสัตว์เลย สองพี่น้องรู้สึกหิว

ไขมันไม่เยอะ จึงกลั่นน้ำมันได้ไม่เยอะ แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย

เฉินฝานเทเนื้อที่เหลือลงในหม้อพร้อมกับผักป่า

ทันทีที่ผักป่าถูกเทลงในหม้อ แสงในดวงตาของสองพี่น้องฉินทั้งก็หรี่ลง

เฉินฝานไม่แม้แต่จะให้ผักป่าพวกนางกินเลยหรือ

เฉินฝานที่กำลังทำอาหารโดยก้มหน้าก้มตาไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวหญิงสาวทั้งสอง หลังใส่ผักป่าลงไปแล้ว ก็เทข้าวในชามลงผัดสักพักจึงโรยด้วยเกลือ ผัดอีกเล็กน้อย ใช้ตะหลิวตักขึ้นมาชิมนิดหน่อย

อืม แม้ว่าจะไม่อร่อย แต่ก็ดีกว่าการกินผักป่าที่ไม่มีน้ำมันไม่มีเกลือเป็นอย่างมาก

เฉินฝานตักข้าวผัดในหม้อ แบ่งออกเป็นสามชามแล้ววางลงบนโต๊ะเล็ก

“พวกเจ้าสองคนก็นั่งลงกินข้าวเสียสิ!” หลังจากที่เฉินฝานนั่งลงแล้ว ก็ให้สองพี่น้องฉินกินข้าวด้วยกันกับเขา

“...”

กินข้าว?!

เฉินฝานให้พวกนางกินข้าวหรือ?

ปฏิกิริยาแรกของสองพี่น้องฉินก็คือ เฉินฝานคงไม่วางยาในอาหารของพวกนางกระมัง จากนั้นจึงถือโอกาสขายพวกนาง

เฉินฝานไม่ได้สังเกตสีหน้าของสองพี่น้องฉิน เขาหยิบชามข้าวผัดขึ้นมาแล้วพูดขณะกินข้าว “มันดึกแล้ว ข้าเพิ่งมาที่นี่ ยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม คืนนี้กินแค่นี้ก่อนเถอะ พรุ่งนี้ข้าค่อยคิดหาวิธีทำอาหารอร่อย ๆ ”

——ข้าเพิ่งมาที่นี่ ยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม

ทำไมนายท่านถึงพูดแปลก ๆ นี่คือหมู่บ้านซานเหอ เขาไม่คุ้นเคย?

เฮ้อ นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ คืนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะให้พวกนางกินข้าว แต่พรุ่งนี้เขาจะหาวิธีทำอาหารให้พวกนางด้วย

พวกนางไม่ได้ฝันไปกระมัง

ฉินเย่ว์โหรวยังบีบต้นขาของนางด้วยซ้ำ

“ขาเจ็บหรือเปล่า” เฉินฝานถาม

“หา? เจ็บ…” ฉินเย่ว์โหรวฟื้นคืนสติขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน เป็นเฉินฝานที่ถามนาง

“แล้วยังจะบีบอีกหรือ”

“...”

ครั้นมองดวงตาอันอ่อนโยนของเฉินฝาน อีกทั้งกระแสเสียงที่มีเสน่ห์เล็กน้อยของเขา

ดวงตาของฉินเย่ว์โหรวสั่นไหว ทันใดนั้นความโศกเศร้าก็บังเกิดขึ้นมาในใจของนาง พลันหมอกก็บดบังการมองเห็นของนาง

นายท่าน......

ดีขึ้นแล้วจริง ๆ หรือ

นางไม่ได้ฝันจริง ๆ ใช่หรือไม่

หยาดน้ำตาใสหยดลงมาอย่างรวดเร็ว มีเสียงดังแปะ แล้วมันก็ตกลงมาที่มือของเฉินฝานพอดี

น้ำตาอุ่น ๆ กระจายอยู่ในฝ่ามือ

เฉินฝานรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาเป็นคนที่ละเอียดอ่อน แต่เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นนั้นในมือ ก้นบึ้งหัวใจก็รู้สึกนุ่มนวล

“เด็กโง่!” เฉินฝานบีบใบหน้าฉินเย่ว์โหรวเบา ๆ “เจ้าร้องไห้ทำไมกัน รีบกินเถอะ”

สองพี่น้องยังคงไม่นั่งลง คนหนึ่งร้องไห้ และอีกคนมองอย่างเคลือบแคลง

ด้วยไม่มีทางเลือก เฉินฝานเน้นน้ำเสียงหนัก

“ยังอึ้งอยู่อีก หรือจะให้ข้าป้อนอาหารพวกเจ้า”

สองพี่น้องฉินรีบนั่งลง

ในข้าวผัดมีก้อนเนื้อ ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวไม่ได้กินเนื้อสัตว์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เลย แต่ฉินเย่ว์เจียวกินไม่อร่อย ด้วยกังวลอยู่เสมอ

นายท่านเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นจริงหรือ หรือว่ามีจุดประสงค์อื่นใด

เฉินฝานกินข้าวเสร็จก่อน เขานั่งบนเตียงแล้วหลับตาพักผ่อน อีกด้านหนึ่งเขากำลังแยกแยะความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม อีกด้านหนึ่งเขาก็คิดว่าจะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวได้อย่างไร

ฟ้ายิ่งมืดก็ยิ่งหนาว

“แย่แล้ว!”

ทันใดนั้นฉินเย่ว์เจียวก็ตะโกน วางชามข้าวลงแล้ววิ่งออกไป

“พี่สาม ท่านจะไปไหน?”

“ฟืนของข้าอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน!”

ที่บ้านไม่เพียงแต่ขาดข้าวเท่านั้น แต่ยังไร้ฟืนอีกด้วย

ตอนนี้เป็นฤดูหนาว อุณหภูมิจะต่ำทั้งกลางวันและกลางคืน ที่บ้านไม่มีฟืนให้อุ่นเตียงจะทำให้นอนไม่หลับ

ไม่ต้องใช้ฟืนก็ยังสามารถผ่านมันไปได้ แต่ฉินเย่ว์โหรวอ่อนแอมากจนทนความหนาวเย็นไม่ได้ และเฉินฝานก็ทำไม่ได้เช่นกัน

เขาไม่ได้ออกกำลังกายมาเป็นเวลานาน หากร่างกายอ่อนแอ ไม่เพียงต้องอุ่นเตียงเท่านั้น แต่ยังต้องจุดไฟแรงด้วย

ถ้าไม่มีไฟ...

เมื่อนึกไปถึงเฉินฝานฟาดด้วยแส้หวาย หัวใจของฉินเย่ว์เจียวก็สั่นไหว นางยังทนรับไม่ไหว นับประสาอะไรกับน้องสี่

วันนี้เมื่อนางกลับมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ครั้นได้ยินว่าฉินเย่ว์โหรวถูกขายให้กับหอนางโลมอี๋ชุนย่วน และจูต้าอันได้นำคนมาพาตัวฉินเย่ว์โหรวไปแล้ว ถึงได้โยนฟืนในมือทิ้งแล้ววิ่งกลับไปทันที

“พี่สาม พี่สาม!” ฉินเย่ว์โหรวเดินกะโผลกกะเผลกพลางวิ่งออกไป

“นี่ พวกเจ้า…” เฉินฝานต้องการหยุดพวกนาง แต่ทันทีที่เขาพูด ทั้งสองก็หายตัวไปแล้ว

ตอนนี้เป็นฤดูหนาว อีกทั้งปีนี้ค่อนข้างแห้ง ไม้ฟืนจึงหายาก ถ้านางทิ้งไว้ที่ประตูหมู่บ้านเป็นเวลานาน คงต้องมีคนเอาไปแล้ว

เฉินฝานลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องครัว จึงเห็นว่ามีฟืนในครัวน้อยมากจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงการอุ่นเตียง อาหารก็ปรุงได้ไม่มากเช่นกัน

ลมกระโชกแรงพัดผ่านไป เฉินฝานตัวสั่นจากความหนาวเย็น

ร่างกายนี้ก็เหมือนกับไก่อ่อน

จากประสบการณ์ของเขาในยุคปัจจุบัน เฉินฝานประเมินว่าตอนนี้อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ตอนดึกอาจจะหนาวยิ่งขึ้นไปอีก

บนตัวมีเสื้อผ้าฝ้ายขาดวิ่น และผ้าห่มทั้งเก่าและบางบนเตียง หากไม่อุ่นเตียงในตอนกลางคืนคงทนไม่ไหว

ต้องหาหนทาง..

วิธีแก้นั้นถ้าเอาแต่อยู่ในบ้านคงคิดไม่ได้ ดังนั้นเฉินฝานจึงเดินตามออกไป เดินไปทางทางเข้าหมู่บ้านโดยอาศัยความทรงจำที่ไม่ชัดเจน

เช่นเดียวกับที่เฉินฝานคาดไว้ ฟืนของฉินเย่ว์เจียวหายไปแล้ว เมื่อเขามาถึงนางก็ยืนอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านกำลังด่าสาปส่ง

แต่ไม่ว่าการด่าจะรุนแรงแค่ไหน คนที่เอาฟืนของนางไปก็ไม่สามารถคืนให้นางได้

ในหมู่บ้านมีคนมากมาย ไหนเลยจะรู้ว่าใครเป็นคนเอาไป

“เย่ว์เจียว อย่าตะโกน ข้ามีวิธี คืนนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้านอนบนเตียงเย็น ๆ อย่างแน่นอน!”

“...” สองพี่น้องฉินตกตะลึงอีกครั้ง พวกนางชะงักค้างอยู่กับที่เป็นเวลานาน และในที่สุดฉินเย่ว์เจียวก็พูดเป็นคนแรก

“น้องสี่ ข้าคิดว่า ตอนที่เขาตกลงไปในหุบเขา ต้องตายไปแล้วแน่นอน”

ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงดูเหมือนเป็นคนอื่นได้เล่า

“พี่สาม ท่านพูดแบบนั้นกับนายท่านได้อย่างไรกัน ไปกันเถอะ!” ฉินเย่ว์โหรวจับมือของฉินเย่ว์เจียว “ไม่ว่านายท่านจะตายไปแล้วหรือไม่ก็ตาม เราจะรู้แน่ชัดก็ต่อเมื่อเราไปกับเขา”

ผู้เงียบขรึมเช่นฉินเย่ว์โหรวพูดเร็วมากเป็นครั้งแรก

การเปลี่ยนแปลงของเฉินฝานทำให้นางรู้สึกมีความสุข แต่นางไม่กล้าแสดงออกมา ด้วยกลัวว่ามันจะเป็นภาพลวงตาของนางเอง

สองพี่น้องฉินเดินตามกันไปและพบเฉินฝานเดินกลับมา สายตาจ้องมองไปที่พื้นราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่าง

ฉินเย่ว์โหรวสับสนเล็กน้อย

นี่คือวิธีการที่นายท่านคิดหรือ

แต่ถนนเส้นนี้เป็นถนนในหมู่บ้านจะมีฟืนได้อย่างไรเล่า
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (3)
goodnovel comment avatar
sabading.dingda
ขอเตือนเรื่องเติมเงิน คนที่ยังไม่เติมเงินน่ะดีแล้วนะ มันอัพเดทวันละตอน นี่เลิกอ่านละ คุณเก็บเหรียญฟรีเอาดีกว่า เติมเงินไปก็ไม่ได้อ่าน ตัองรอมันอัพวันละตอน จะรำคาญหงุดหงิดเปล่าๆ เราเลิกอ่านละ รอเบื่อ จนลืมเรื่องราวเดิมละ ไม่ต่อเนื่อง ถ้าไม่พร้อมก็ไม่ควรเอามาขายนะ เสร็จซัก 80%ขึ้นไปค่อยเอามาข่ยดีกว่า
goodnovel comment avatar
tom Promphibal
หนาวจังเลย
goodnovel comment avatar
Chainiwat
สนุกสนุกสนุก
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1315

    “อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1314

    “ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1313

    “นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1312

    สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1311

    เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1310

    การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status