Chapter 5
[5/2] @โรม, อิตาลี่ (หมอชลกันต์ ทอร์ค) 1 ปีกว่าแล้ว ที่ผมแต่งงานและได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ผมรัก ตอนนี้ผมและหยกมีเจ้าตัวน้อยที่ชื่อปกป้องเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของเราให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แต่จะเรียกว่าครอบครัวสมบูรณ์แล้วก็คงจะไม่เชิงหรอก เพราะถ้าให้สมบูรณ์แบบโดยวัดจากสิ่งที่คนทั่วไปมองก็คงต้องตอบว่าใช่ แต่ถ้าเอาตามจริงคำนิยามสำหรับผม ‘ครอบครัวสมบูรณ์แบบ’ ก็คงจะเป็นเรื่องของความรู้สึกรักกันของคนในครอบครัวมากกว่า ซึ่งผมรับรู้แล้วก็สัมผัสได้มาโดยตลอดว่า แม่ของปกป้องก็ยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับเรื่องนี้ แม้เวลาจะผ่านมานานมากแล้ว แต่ผมรู้ว่าปิ่นหยกยังคงมีความรู้สึกดีๆ ให้คนรักเก่า และถึงแม้ผมจะทำเป็นไม่สนใจไยดีสักแค่ไหน แต่ก็หนีไม่พ้นความจริงที่เจ็บปวดแบบนี้ได้เลย ผมคงเป็นไอ้ขี้แพ้ที่ไม่กล้ายอมรับความจริง และเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากคนหนึ่งก็เท่านั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมคิดอยู่เสมอว่าอนาคตอีก 10 ปี หรือ 20 ปี ระหว่างผมกับหยกเราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ได้จริงๆ หรอ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้รักผมเลยด้วยซ้ำ หลายวันก่อนผมเลยตัดสินใจพาปกป้องและปิ่นหยกมาเที่ยวที่อิตาลี่ โดยให้เหตุผลว่ามาเที่ยวฮัลนีมูล เพราะตั้งแต่ตอนแต่งงานเราสองคนยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนด้วยกันเลย จริงๆ จุดประสงค์ของผมไม่ได้พาสองแม่ลูกมาเที่ยวหรอก ผมรู้ว่าใครอีกคนอยู่ที่นี่ คนคนเดียวกันกับที่ปิ่นหยกเฝ้ารอคอยเงียบๆ มาโดยตลอด ในเมื่อผมทำให้เธอมีความสุขไม่ได้ ผมควรจะต้องยอมแพ้และปล่อยให้ครอบครัวเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสักที ‘กันต์คิดดีแล้วใช่ไหม? คือน้าก็พอจะช่วยได้นะ แต่กันต์จะไม่เสียใจใช่ไหมที่ทำแบบนี้น่ะ?’ “ผมคิดมาดีแล้วครับ” ‘เฮ้อออ! น้าไม่รู้จะสงสารทางไหนก่อนดี’ “ถึงมิลานแล้วเดี๋ยวผมโทรหาอีกทีนะครับ” ก่อนหน้านี้ผมได้มีโอกาสคุยกับน้าสาวที่เป็นดีไซเนอร์ดังในอิตาลี่ และผมก็เพิ่งรู้ว่าน้าสาวของผมมีไซน์เนอร์อีกคนที่ทำงานร่วมกัน เธอคนนั้นเป็นแม่เลี้ยงของภัทรกาฬคนรักเก่าของหยก ผมเลยได้ขอร้องน้าสาวให้ช่วยเรื่องนี้ด้วย ทันทีที่ผมและสองแม่ลูกถึงอิตาลี่ สิ่งที่น้าสาวหาข้อมูลมาให้เป็นประโยชน์ต่อผมมากมาย ทั้งตารางงานของภัทรกาฬ หรือแม้กระทั่งกิจกรรมจิปาถะของเขาในแต่ละวัน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้น้าสาวของผมได้มาจากแม่เลี้ยงของภัทรกาฬซึ่งทำงานอยู่กับน้าผมตลอด โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวว่าแอบเผลอบอกอะไรไปให้น้าสาวผมฟังบ้าง Vanika: ตากันต์อยู่ไหนแล้ว น้าได้ยินมาว่าพรุ่งนี้เขาจะมางานที่มิลานด้วยนะ ข้อความแชทจากน้าสาวที่ส่งมา ทำให้ผมรู้ในทันทีเลยว่าเหลือเวลาไม่มากแล้ว และกำลังจะเข้าแผนอีกขั้นที่จะทำให้สองคนเขาได้เจอกัน วันนี้ก็เช่นกันน้าสาวผมได้ยินมาจากปากแม่เลี้ยงของภัทรกาฬว่าเขาชอบมาดื่มไวน์ที่ร้านคาเฟ่แถวๆ ย่านจัตุรัส Piazza Navona ในกรุงโรม ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่ได้รับรายงานมา ระหว่างพาปิ่นหยกและปกป้องมาหาอะไรทานร้านอาหารในย่านเดียวกันกับภัทรกาฬเพื่อหวังว่าจะได้เจอเขา และมันเป็นไปตามที่ผมคิดเอาไว้ทุกอย่าง ภัทรกาฬเจอหยกและลูกแล้ว เพียงแต่เขายังไม่ปรากฏตัวให้สองแม่ลูกนั้นรับรู้ ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันหรือว่าเขาจะไม่อยากเจอหยกกับลูกแล้ว “พรุ่งนี้ไปมิลานกันนะครับ ออกจากที่ซัก 5 โมงเย็น” ระหว่างที่นั่งทานอาหารกันอยู่ผมก็บอกกับหยกเรื่องที่จะไปมิลานพรุ่งนี้ “หื้ม? ไปทำไมกันคะ? แล้วปกป้องล่ะ?” หยกทำหน้างงใส่ผม “พอดีคุณน้าของพี่เค้าทำแบรนด์เสื้อผ้าอยู่ที่นั่นกับเพื่อน และพรุ่งนี้สุดสัปดาห์พอดีกับมีงานแฟชั่นวีค เลยถือโอกาสชวนเราไปร่วมงานด้วย ท่านอยากเจอปกป้องนะครับ หยกว่าไง?” “ลูกจะไม่เหนื่อยหรอคะ หยกเกรงว่าลูกจะงอแง” “ไม่เป็นไรครับ เราจะไปนอนที่นั่นซักคืนค่อยกลับมาที่โรงแรมครับ” แผนต่อไปคือร่วมงานแฟชั่นวีคที่มิลานพรุ่งนี้ เพราะน้าสาวของผมรวมทั้งแม่เลี้ยงของภัทรกาฬจะมีโชว์คอลเลคชั่นเสื้อผ้าของพวกเธอในงาน ซึ่งแบรนด์ของน้าสาวผมได้คิวแสดงประมาณช่วงเย็นของวันพรุ่งนี้ @มิลาน, อิตาลี่ ภายในงานแฟชั่นระดับโลกที่ซึ่งจะถูกจัดขึ้นปีละแค่ 2 ครั้งใน 4 เมือง ซึ่งในมิลานก็เป็นหนึ่งใน 4 เมืองนั้นด้วย หลักๆ ของงานในวันนี้ก็จะแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ดังต่างๆ ซึ่งจะได้โชว์คอลเลคชั่นใหม่ล่วงหน้า 1 ซีซั่น ก่อนวางจำหน่ายขาย เหล่าเซเลบฯ คนดังมากมายเดินวุ่นวายถ่ายรูปกันยกใหญ่ ยิ่งถ่ายเยอะก็ยิ่งช่วยโปรโมทแบรนด์นั้นไปด้วย พร้อมทั้งแม่ลูกคู่ใจเดินทางมาถึงภายในงานแล้ว ณ ตอนนี้ทั้งสามกำลังถูกจับตามองจากเหล่าช่างภาพและเซเลบฯ คนดังมากมาย ด้วยอาจจะเพราะว่าไม่รู้ว่าพวกเราเป็นใครอยู่หรือเปล่า เพราะภายในงานก็ไม่ใช่ใครที่ไหนจะเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ หากไม่มีบัตรรับเชิญโดยตรง “ที่จริงคุณน้าไม่ต้องเดินออกมารับด้วยเองก็ได้นะครับ” ผมบอกน้าสาววัยเลขสี่ปลายๆ ที่เดินออกมารับถึงหน้างาน “ไม่ได้ๆ น้าเชิญตากันต์มาทั้งทีก็ต้องต้อนรับอย่างดีสิ โอ้โห... แล้วนี่ดูสิจ้ำม่ำเชียวหลานย่าคนนี้ มาๆๆ ขออุ้มหน่อยนะครับคนเก่ง” “คุณวาณิการ์ระวังนะคะ ปกป้องอาจจะทำให้คุณปวดแขนได้ค่ะ” หยกบอกน้าสาวผมพลางยกปกป้องให้อีกคนได้อุ้ม “จริงหรอจ้ะ อู้ว.. ไม่เบาเลยนะคะเนี่ย ฮ่าๆๆ พอเจอหนูหยกตัวจริงแล้วสวยกว่าที่ตากันต์ส่งมาให้น้าอีกนะเนี่ย” น้าสาวของผมเป็นคนที่อัธยาศัยดี กระตือรือร้นยิ้มแย้มแจ่มใสได้ตลอดเวลา แล้วยิ่งพอมาเจอหยกกับลูกชาย ผมคิดว่าเธอคงจะรักทั้งสองคนนี้อย่างแน่นอน “อ่ะ อ้าว! อยู่นี่เองฉันตามหาทั่วงานเลย” จู่ๆ ก็มีผู้หญิงอีกคนเดินเข้ามาทางพวกผม ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดคนนี้น่าจะเป็นแม่เลี้ยงของภัทรกาฬ “ตามหาฉันอยู่ทำไมหรอ ยุวดี?” ใช่แล้ว... คนที่มาใหม่เป็นแม่ของภัทรกาฬจริงๆ ด้วย ตัวจริงเธอดูเหมือนจะยังสาวอยู่เลยด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะดูแลตัวเองดีหรือไม่ เพราะน้าสาวเคยเล่าถึงคุณยุวดีให้ผมฟังบ่อยๆ ถึงได้รู้ว่าเธอมีความสัมพันธ์ทางครอบครัวกับภัทรกาฬคนรักเก่าของหยก “แหม... ก็จะให้ไปเตรียมตัวได้แล้วอีก 20 นาทีงานก็จะเริ่มแล้ว เอ๊ะ! แล้วนี่ใครเอ่ย? เซเลบดาราที่ไหน?” “สวัสดีครับคุณน้า // สวัสดีค่ะ.....” ผมและหยกยกมือไหว้คุณยุวดีตามมารยาท “นี่หลานชายของฉันเองมาเที่ยวที่นี่ ส่วนคนนี้ภรรยาและลูกชาย ดูสิน่ารักไหม?” วาณิการ์ น้าสาวของผมอุ้มปกป้องหันหน้าเข้าหาคุณยุวดี เธอจะรู้ไหมนะ... ว่านี่คือหลานชายแท้ๆ ของเธอเอง “อู้ว แม่เจ้าน่ารักน่าชังจริงๆ” ดูเหมือนว่าเธอจะเอ็นดูปกป้องมากอยู่ “แอ๊ะๆๆ แอ๋ คิกคิกๆๆ ...” “หัวเราะชอบใจใหญ่เลยนะเนี่ย สงสัยหลานฉันจะชอบเธอล่ะ” น้าสาวผมบอกกับคุณยุวดีไป “น่ารักจริงเล๊ย หึๆ” “ป่ะ! เราเข้าไปด้านในกันดีกว่า” ใกล้จะถึงตอนเริ่มงานแล้ว น้าสาวของผมเลยชวนทุกคนเข้าไปในงาน “เธอเข้าไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันขอรอลูกชายก่อน” พอผมได้ยินคุณยุวดีพูดแบบนั้น มันยิ่งชัดเจนเลยว่าคืนนี้ภัทรกาฬจะต้องมาร่วมงานแสดงความยินดีกับแม่เลี้ยงของเขาอย่างแน่นอน “โอเคจ้ะ ไปกันเด็กๆ” เราทั้งสี่คนเดินเข้ามาในงาน จะเหลือเพียงคุณยุวดีที่กำลังยืนรอภัทรกาฬอยู่ ถึงคราวที่ต้องมานั่งรอชมการเปิดตัวแบรนด์ VANIDEE แล้วตอนนี้หยก ปกป้อง และผมกำลังนั่งชมคอลเลคชั่นชุดต่างๆ ในซีซั่นของฤดูใบไม้ร่วงช่วงนี้ ถึงแม้ว่าเราจะนั่งอยู่ตรงแถวกลางๆ ไม่ได้นั่งตรง front row ก็ไม่ได้รู้สึกเรื่องมากอะไรเลย เพราะที่ตรงนั้นทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเขาจัดไว้ให้เฉพาะพวกเหล่าเซเลบฯ ตัวท็อป หรือ บก.นิตยสารชื่อดัง เท่านั้น ช่วงแถวกลางๆ ถึงจะเป็นกลุ่ม Buyer พวกค้าลูกกระเป๋าหนัก ผมหัวหันหน้าไปมองหยกที่ดูตื่นเต้นไปกับการแสดงโชว์ ส่วนเจ้าตัวกลมของผมก็เหมือนจะตื่นเต้นตามไปด้วย ดูจากสีหน้าแล้ววันนี้คงจะอยู่ได้นานหน่อย เพราะคงไม่งอแง นั่งดูไปสักพักก่อนจะถึงชุดฟีนาเล่ ผมเห็นสายตาของหยกกำลังจ้องมองแผ่นหลังของผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าพวกเรา และจ้องอยู่แบบนั้นนานมาก ถ้าให้เดาผมคิดว่าเธอกำลังสงสัยและรู้สึกคุ้นๆ ด้านหลังของคนนั้น และให้เดาอีกผมว่าคนคนนั้นก็คือภัทรกาฬ จนกระทั่งโชว์ฟีนาเล่จบลง ดีไซเนอร์ขึ้นมากล่าวขอบคุณและอำลาลงเวทีไป แขกทั้งหลายจึงเริ่มทยอยกลับหรือบางคนอาจจะรอนั่งรถดูโชว์จากแบรนด์อื่นต่อ “กลับห้องเลยไหมครับ? คุณน้าคงจะวุ่นอยู่หลังเวที” ผมลุกขึ้นตามคนอื่นที่ทยอยกลับบ้าง และเอื้อมมือไปอุ้มปกป้องออกจากอ้อมแขนของหยก “กลับเลยก็ได้ค่ะ ดูหน้าปกป้องเหมือนเริ่มง่วงแล้วด้วยค่ะ” ด้วยความสถานที่จัดงานอยู่ห่างจากโรงแรมที่พวกเราอยู่ไม่มากนัก โดยคนที่จองให้ก็คือน้าสาวของผมเอง ซึ่งหลังจากนอนคืนนี้เสร็จ พรุ่งนี้ก็จะกลับไปโรงแรมที่กรุงโรมเหมือนเดิม “เอ่อ พี่หมอคะ ขึ้นห้องไปก่อนเลยก็ได้ค่ะ” ทันทีที่เดินมาถึงหน้าโรงแรมที่อยู่ติดกับสถานที่จัดงาน จู่ๆ หยกก็หยุดเดินกะทันหัน “อ้าว ทำไมล่ะหยก? นี่ก็2 ทุ่มแล้วนะ จะไปไหน?” “หยกเพิ่งนึกได้ว่าต่างหูตัวเองหาย น่าจะหลุดตอนที่เราเดินมานี่แหละคะ หยกว่าจะกลับไปหา” “ซื้อใหม่ก็ได้ครับ มืดแล้วจะเดินไปหายังไงเจอ ถึงในงานกับที่พักของเรามันจะอยู่ติดกันก็เถอะ” ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเธอกำลังจะกลับไปในงานอีก เพราะเรื่องอะไร แต่เอาเป็นว่าผมจะตามน้ำไปก่อน “ไม่เป็นไรค่ะพี่หมอ คนในงานยังเยอะอยู่ไม่น่าจะอันตรายอะไร อีกอย่างหยกก็แค่ไปดูตรงทางที่เราเดินมาเมื่อกี้นี้เองค่ะ ถ้าไม่เจอเดี๋ยวก็กลับ” “เอางั้นก็ได้ครับ” “พี่รีบพาปกป้องขึ้นไปนอนเถอะค่ะ ลูกง่วงแล้ว.... หยกปั๊มนมไว้ให้แล้วในตู้เย็นนะคะ หยิบออกมาได้เลย” “ครับ” ผมพาปกป้องขึ้นมาบนห้องพักแล้วก่อนจะจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจ้าก้อนกลมของผมได้นอนหลับสบายมากขึ้น หลังป้อนนมลูกเสร็จและพาเข้านอน ผมก็หยิบโทรศัพท์ต่อสายหาน้าสาวของผมทันที ‘คุณน้าครับ ผมรบกวนหน่อยได้ไหมครับ?…'Special X[ปกป้อง x ใยไหม]บอสตัน เป็นเมืองที่มีวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมากกว่าร้อยแห่ง มีนักเรียนต่างชาติมากกว่าหลักแสนคน เมืองนี้ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีการศึกษาดีที่สุดของโลก และยังเป็นเมืองที่สร้างโอกาสในการทำงานให้แก่เหล่านักเรียนอีกมากมายแน่นอนว่าในบรรดานักธุรกิจในเมืองไทยหลายต่อหลายคน ล้วนอยากส่งเสริมให้ลูกของตนเองนั้นได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด และหนึ่งในตัวเลือกหลักของคนกลุ่มนี้ก็มักจะส่งลูกตนเองมาเรียนกันที่นี่" ปก ดูสิ ตอนนี้ชุดของเพชรเปื้อนไปหมดแล้วเนี่ย เพราะยัยบ้านนอกนั่นคนเดียวเลย เจอกันในคลาสก็ทำให้ฉันหงุดหงิดแล้วนะ นี่ยังจะมาเจอกันข้างนอกอีก หึ่ยย!"สาวสวยร่างระหงรีบกอดแขนออเซาะเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ หลังจากที่ตัวเองโดนผู้หญิงอีกคนซุ่มซ่ามทำน้ำกาแฟหกเลอะใส่ตัวน้ำเพชรเป็นหญิงสาวชาวไทยที่เติบโตในต่างแดน หล่อนย้ายมาอยู่กับครอบครัวตั้งแต่สมัยยังเด็กแล้ว ทั้งชีวิตของหล่อนได้รับการศึกษาที่ดีจากเมืองนี้มาโดยตลอดจนกระทั่งหล่อนโต ก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่บอสตันอีกเช่นเคย เมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ หล่อนก็แยกย้ายจากเพื่อนเก่าที่เคยเรียนมาด้วยกันสมัยไฮสคูล จะเหลือก็แต่ ‘ปกป
Special IXpart 2“เข้ามาก่อนก็ได้ครับ” ชลกันต์บอกคนที่เอาแต่ยืนนิ่งเข้าทรงอยู่หน้าประตู ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงและเริ่มขยับตัวตาม“ขอโทษค่ะ รักไม่รู้ว่าอาจารย์หมอมีแขก”ใยบัวมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกันกับผ้าเช็ดหน้าที่เธอคนนี้ถืออยู่ ผ้าผืนนั้นมันคือผืนที่เธอเป็นคนซื้อให้สามีเอง แล้วที่เธอบอกว่าหมอกันต์ลืมเอาไว้ในกระเป๋าของเด็กผู้หญิงตรงหน้า มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน นี่สามีเธอกลายเป็นคนขี้ลืมของไว้ในกระเป๋าคนอื่นได้ด้วยงั้นเหรอ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณ...?”“รักค่ะ คุณคงจะเป็นภรรยาของอาจารย์หมอใช่ไหมคะ? ตัวจริงสวยกว่าในรูปในกระเป๋าตังค์ของอาจารย์อีกนะคะเนี่ย”“กระเป๋าตังค์?” ใยบัวยกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม ขณะที่เด็กผู้หญิงคนนี้ยังยืนพูดอยู่ กลิ่นน้ำหอมของเธอถูกพัดโชยเข้ามาเตะปลายจมูก กลิ่นนี้ที่ใยบัวเคยได้สัมผัสมันมาก่อน มันคือกลิ่นเดียวกันกับที่เคยติดอยู่บนเสื้อเชิ้ตที่เคยซักให้สามี และเมื่อครู่นี้ผู้หญิงคนนี้ยังบอกอีกว่าเคยเห็นรูปของเธอในกระเป๋าเงินของสามีเธออย่างนั้นเหรอเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่?ใยบัวเปลี่ยนอิริยาบถการนั่ง ก่อนจะเดินเข้าหาสามี เธอแตะไหล่หนาเอาไว้มั่นมือ จากนั
Special IXpart 1“สวัสดีค่ะคุณบัว …แต่งตัวสวยจังเลยนะคะ ดึกแล้วแท้ๆ” นางพยาบาลสาวสวยที่รับหน้ามี่ประจำหน้าห้อทักทายขึ้น เมื่อเห็นว่ามีแขกคนสำคัญของเจ้าของห้องนี้มา“ขอบคุณค่ะ คุณฝน พอดีบัวคิดว่าคุณหมออยู่เวรดึกน่าจะหิว บัวก็เลยทำกับข้าวมื้อดึกแล้วก็รีบเอามาให้ค่ะ”เธอถือปิ่นโตใบเล็กยกขึ้นเล็กน้อยขณะที่คุยอยู่กับพยาบาลหน้าห้องของสามี อันที่จริงเธอก็รู้อยู่แล้วว่าต่อให้ตนเองไม่ทำมา อย่างไรซะสามีของเธอก็ออกไปหาอาหารทานข้างนอกได้อย่างสบายอยู่แล้ว แต่ที่อุตส่าห์ทำมื้อดึกมาให้เขาตอนนี้ ก็เพราะว่าอยากมาให้เห็นกับตาตัวเองมากกว่า ว่าเรื่องที่เธอสงสัยอยู่มันเป็นมาอย่างไรกันแน่“แหม…. ช่างเป็นภรรยาที่เอาใจใส่มากเลยนะคะ แต่คุณบัวคงมาช้าไปแล้วมั้งคะ”“?” ใยบัวยกคิ้วขึ้นสูงเป็นเครื่องหมายคำถาม ขณะที่พยาบาลสาวพูดให้เธอได้เกิดความสงสัย“ก็คุณหมอน่ะ เพิ่งจะเอาไปกินก๋วยเตี๋ยวโต้รุ่งกับน้องรัก เมื่อตะกี้นี้เองค่ะ”“รัก?” เธอไม่คุ้นหูกับชื่อนี้มาก่อนเลย“อ๋อ ก็น้องต้องรัก ที่เป็นเด็กเอ็กเทิร์นของแผนกเราน่ะค่ะคุณบัว คนนี้เก่งใช้ได้เลยนะคะ…. ถ้าไม่เก่งจริงก็คงไม่ได้คำชื่นชมจากปากคุณหมอกันต์ง่ายๆ หรอกค่ะ ค
Special VIIIหลังจากที่ผ่านพ้นช่วงกลางวันไปแล้ว ก็ถึงเวลาส่งลูกเข้านอนที่ห้องพักของพี่เลี้ยงที่ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ เด็กๆ ดูตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้นอนกับนภา เพราะที่ผ่านมานภาจะมาทำงานที่บ้านของเจ้านายเฉพาะช่วงตอนกลางวันเท่านั้น เธอทำงานแบบไปเช้าเย็นกลับตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นโอกาสที่จะได้นอนกับพี่เลี้ยงในค่ำคืนนี้จึงเป็นคืนพิเศษสำหรับเด็กน้อยทั้งสอง“ป้าภาขา~ วันนี้น้องไหมจะนอนฝั่งนี้นะคะ” พอเข้ามาห้องของพี่เลี้ยงแล้ว เด็กหญิงก็รีบอุ้มตุ๊กตากระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงทางฝั่งที่ตัวเองได้เลือกเอาไว้เลย“แอร๊~ อี่ๆ” ส่วนเจ้าหนูใยแก้วก็ไม่น้อยหน้าพี่สาวเลย แม้จะยังไม่ประสีประสาอะไร ทว่าก็ยังอยากจะสื่อสารออกมาเหมือนคนอื่นๆ และเมื่อเห็นพี่สาวขึ้นไปนอนบนเตียงบ้าง ใยแก้วก็อยากจะทำเหมือนอย่างพี่สาว โดยที่ชี้นิ้วเล็กๆ ไปทางอีกฟากมุมของเตียง เป็นการสื่อว่าเจ้าหนูตัวน้อยอยากจะได้พื้นที่ตรงนั้นคนมาส่งเด็กทั้งสองอย่างใยบัวถึงกับอดขำเจ้าตัวแสบไม่ได้ ใยแก้วกำลังมีพฤติกรรมเลียนแบบพี่สาวของตัวเอง ไม่ว่าใยไหมจะทำอะไรหรือพูดอะไรน้องสาวของเธอก็มักจะทำตามเสมอ“บัวฝากด้วยนะคะพี่ภา”“ได้เลยค่ะ คุณบัวไม่
Special VIIชลกันต์ทำตามที่ตนเองรับปากกับลูกเมียเอาไว้ได้อย่างที่พูดจริงๆ เพราะวันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะได้เดินทางไปเที่ยวจริงๆ แล้ว เด็กหญิงใยไหมดูเหมือนจะดีใจมากเป็นพิเศษเพราะนานๆ ทีจะได้ไปเปิดหูเปิดตาไกลบ้านตัวเองคราวนี้ชลกันต์ถึงขั้นให้โบนัสพี่เลี้ยงเด็กอย่างนภาเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับ รวมทั้งที่พักแบบฟรีๆ ในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากกลัวว่าภรรยาของเขาจะเหนื่อยหากทั้งเที่ยวและยังต้องดูแลลูกน้อยทั้งสองอีก ดังนั้นการพาพี่เลี้ยงเด็กไปด้วยอาจจะเป็นผลดีมากกว่าส่วนเด็กหญิงใยแก้วที่ยังไม่ประสีประสาอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ใหญ่จะพาตนเองไปไหน เพียงแต่เห็นพี่สาวมีท่าทางดีอกดีใจจนออกนอกหน้า เห็นดังนั้นแล้วก็อดตื่นเต้นตามพี่สาวไม่ได้“คิกกๆ คูมแม่ขา~ ทำไมเยาต้องขึ้นเครื่องบินไปคะ? ทำไมเยาไม่ยั่งยดไปอ่า” เด็กหญิงใยไหมหยุดสนใจไอศกรีมในมือของตัวเองก่อนจะตั้งคำถามที่ยังสงสัยมานานแล้ว“เรานั่งรถไปไม่ได้หรอกนะคะ มันไกลมากกก”“ใช่แล้วจ้ะใยไหม” พี่เลี้ยงเด็กพูดเสริมคุณแม่ของเด็กตัวน้อย“ใช่ครับลูก ที่ที่เราไปมีแต่ทะเลภูเขาล้อมรอบ พ่อขับรถไปเองไม่ไหวหรอกนะครับ”“อ๋อออ อย่างงั้นเองหยอ”“ครับ”ชลกันต์นึกขำก
Special VIหลายวันถัดมาหลังจากที่ชลกันต์กลับบ้านดึกวันนั้น ใยบัวก็เริ่มตงิดในใจมากขึ้นแล้ว วันนี้โชคดีที่ใยไหมไปโรงเรียนและเจ้าตัวเล็กก็ไปนอนกับคุณยายที่จันทบุรีแล้ว กว่าจะกลับกรุงเทพฯ ก็น่าจะตอนเย็นเลยคุณแม่ลูกสองจึงถือโอกาสเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยภายในโรงพยาบาลของสามี อันที่จริงในวันแต่งงานนอกจากสินสอดทองมั่นที่เธอควรจะได้แล้ว คุณหญิงและท่านผู้ว่าฯยังมีเมตตากรุณายกหุ้นส่วนในเครือโรงพยาบาลในเธอได้มีสิทธิ์เป็นเจ้าของร่วมอีก ซึ่งเธอเองก็ซาบซึ้งน้ำใจของพ่อกับแม่สามีเป็นอย่างมากวันนี้ร่างบางแต่งตัวด้วยชุดออกแนวเป็นทางการสักหน่อย เพราะมีคุยธุระกับคุณหญิงวิมลรัตน์และคุณหมอตุลา เรื่องสาขาในเครือที่ต่างจังหวัดอีกด้วย เพราะเห็นว่าจะลงทุนซื้อเครื่องมือการแพทย์แบบใหม่เพิ่มอีกทุกสาขาดังนั้นในฐานะหุ้นส่วนสำคัญที่เจ้าของโรงพยาบาลให้เกียรติคนอย่างเธอก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อีกทั้งถ้าหากเด็กน้อยที่บ้านโตขึ้นจนดูแลตัวเองกันได้แล้ว เธอก็อยากจะเข้ามาทำงานช่วยกิจการครอบครัวบ้าง“หนูบัวจ้ะ แม่คิดว่าเครื่องมือแพทย์ของบริษัทที่ตาตุลย์เสนอมาให้มันก็ราคาค่อนข้างสูงมากเลยนะ หรือหนูคิดว่าไง?” แม่สามีทั