สายๆ ของวันต่อมา
เหมียวตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าเพื่อนๆ ของเธอได้ออกไปพร้อมกับคุณครูในตอนเช้าแล้ว ในห้องเหลือเพียงเธอคนเดียวและโซนของผู้หญิงก็น่าจะเหลือเพียงเธอคนเดียวด้วย
"ตื่นสายเหมือนกันนะ"
"....." เธอหันไปมองตามเสียงที่พูดขึ้นทักทายเธอ ก่อนจะรีบหลบหน้าหนีทันที
ลืมไปเลยว่าเมื่อคืนธามก็บอกเอาไว้ว่าไม่ได้ไปกับพวกเพื่อนๆ ก็เลยน่าจะเหลือเธอกลับธามแค่สองคนที่ไม่ได้ไป
"พอทักแล้วก็ไม่ตอบ พอฉันไม่คุยด้วยก็หาว่าฉันหยิ่ง ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ"
"ไม่ต้องมายุ่งกับฉันหรอกไอ้เด็กเนิร์ด" เธอพูดตัดบทก่อนจะถือแก้วน้ำรีบเดินกลับมาที่ห้อง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถึงห้องธามก็เดินตามมาถึงตัวเธอซะก่อน
"มานี่ก่อน"
"โอ้ยย อะไรของนายอีกเนี่ย!?"
"มาเถอะน่า" เขาดึงแขนเหมียวให้เดินตามไป จนถึงโต๊ะม้าหินอ่อนที่เธอนั่งอยู่เมื่อวานตอนดึก "นั่งลงก่อนสิ"
"นายมีอะไรอีก?"
"ยังโกรธฉันเรื่องเมื่อคืนหรอ?"
"เปล่า"
"บอกว่าเปล่าแต่แสดงสีหน้าแบบนี้แปลว่ายังโกรธอยู่ฉันต้องทำยังไงถึงจะหายโกรธ?"
"ไม่ต้อง!" เหมียวปฏิเสธเสียงแข็ง
"จับของฉันคืนมั้ยล่ะ?"
"....." เธอหันขวับไปมองหน้าของธามทันที "ได้เหรอ?"
"อ่าว เธอจะไม่ปฏิเสธหน่อยหรอ"
"ไม่อะ มาสิฉันจะจับคืน"
"ดะ เดี๋ยวก่อน ฉันก็แค่พูดประชดเธอ จะบ้าหรอเหมียวเธอจะมาจับหน้าอกของฉันได้ยังไง เดี๋ยวก็มีใครมาเห็นหรอกเธอไม่กลัวว่าตัวเองจะเป็นประเด็นอีกหรอ"
"ทำไมต้องกลัว?"
"ดะ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวมีคนมาเห็น"
"ถ้าอย่างนั้นก็มาตรงนี้!"
เหมียวดึงตัวของธามให้เดินตามเธอไป ก่อนจะผลักตัวธามให้ชิดกับกำแพง
ที่เธอแสดงท่าทีว่าไม่พอใจเขาก็แค่อยากรู้ว่าธามจะมีวิธีจัดการยังไง จะทํายังไงให้เธอหายโกรธได้
"เอาจริงดิ?"
"จะกลัวทำไมเป็นคนท้าฉันเองหนิ อีกอย่างนายก็หุ่นดีจะตาย"
เหมียวค่อยๆ สอดมือเข้าไปใต้เสื้อของธาม ลูบไล้กล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยงามอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตของเขา
"หนะ ไหนบอกว่าจะจับหน้าอก ปะ ไปลูบท้องทำไม"
"นายออกกำลังกายแบบไหนหรอทำไมหุ่นดีจัง" เธอพูดเสียงแผ่วพร้อมกับลูบไล้ไปมาไม่หยุด
"กะ ก็ออกบ้างเป็นบางเวลาถ้ามีเวลาว่าง"
"ถ้าฉันอยากออกกำลังกายแบบไหนบ้างฉันต้องทำยังไง"
"ก็ไปฟิตเนสสิ"
"ฉันอยากให้นายสอน"
"อึก...." ธามกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อมือเล็กๆ ของเหมียวสัมผัสโดนกับหัวเข็มขัดของเขา
"ถอดแว่นหน่อยสิ"
"ไม่เอา"
"....." เหมียวเลื่อนมือไปดึงแว่นหนาเตอะของธามออกมา "ใส่ทำไม มันเสียบุคลิกเปล่าๆ ไม่ใส่แบบนี้ก็หล่อดี"
"....."
"ตกลงนายจะ...สอนฉันออกกำลังกายมั้ย"
"ฉันไม่ว่าง ฉัน..."
"ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะทำอยู่แบบนี้จนกว่าทุกคนจะกลับมา"
"เธอไม่กลัวตัวเองเสียหายหรอ เป็นผู้หญิงทำไมถึงกล้า..."
"สมัยนี้ทุกคนเท่าเทียมกันหมดแล้ว ผู้ชายทำได้ผู้หญิงก็ต้องทำได้" เธอเถียงกับทันทีเพราะเธอไม่ใช่คนหัวโบราณ
"....."
"ว่าไงธาม....รีบตัดสินใจสิ"
"อะ..โอเคๆ ฉันยอมสอนเธอก็ได้"
"ดีมากเด็กเนิร์ดสุดหล่อของฉัน"
เหมียวปล่อยธามให้เป็นอิสระจากนั้นเธอก็เดินกลับไปที่ห้องอย่างอารมณ์ดี และไม่นานเพื่อนๆ ของเธอก็พากันกลับมา
ต่อหน้าทุกคนเหมียวและธามทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งกลับมาเรียนตามปกติ
"เมื่อไหร่นายจะให้สอนฉันสักที?"
"เธอก็เห็นว่าช่วงนี้สอบเยอะขนาดไหน รอให้มันพ้นช่วงนี้ไปก่อนก็ได้หรือไม่ก็รอให้เรียนจบก่อน" ธามตอบ
"ก็ได้ หลังจากปิดเทอมฉันจะมารอคำตอบจากไหนอีกที"
เวลาผ่านไปอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งเหมียวเรียนจบมัธยมปลายเรียบร้อย
แต่แผนการที่เธอวางเอาไว้ก่อนหน้านั้นต้องยกเลิกทิ้งทั้งหมด เพราะแม่ที่เป็นเสาหลักของบ้านป่วยและเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน เธอเลยต้องรับหน้าที่เป็นเสาหลักของบ้านคอยดูแลน้องชายกับแม่แทน
หน้าร้านสะดวกซื้อขณะที่เหมียวกำลังจะกลับบ้านเธอแวะซื้อของกินกลับไปให้น้องชายก่อน
"เหมียว..."
"อ้าวธาม..."
"หายเงียบไปเลย ไหนบอกว่าจะให้ฉันสอนเธอออกกำลังกายไง"
"ขอโทษนะธามที่ทำให้รอ แต่คงต้องยกเลิกแหละ นายอยากทำอะไรก็ทำไปเลย"
"ทำไมล่ะ?"
"แม่ฉันป่วยเข้าโรงพยาบาลกะทันหันน่ะ ฉันก็เลยต้องรับหน้าที่เป็นเสาหลักของครอบครัวคอยดูแลแม่คอยดูแลน้องชาย"
"แม่เธอเป็นอะไรหรอ?"
"หมอบอกว่าเป็นเพราะแม่โหมงานหนักมากเกินไปร่างกายก็เลยรับไม่ไหว"
"อ๋อ แล้วแม่ของเธอพักอยู่ที่โรงพยาบาลไหนหรอ?"
"โรงพยาบาลXXX ฉันต้องไปแล้วขอตัวก่อนนะไว้ค่อยเจอกัน"
"อือ..."
เหมียวเดินไปขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของเธอจากนั้นก็ขับออกไปทันที
"เจ๊ๆ เจ๊พอจะมีเงินหรือเปล่าอะ"
"เพราะมีอยู่จะเอาไปทำอะไร?"
"พอดีว่าอาจารย์ให้ร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ น่ะ อาจารย์ให้ช่วยกันหาเงินออกค่าอุปกรณ์ แต่ถ้าเจ๊ยังไม่มีก็ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวผมไปคุยกับเพื่อนมันเอง"
"เท่าไหร่ล่ะ?"
"ไม่รู้เหมือนกันสิเจ๊"
"อะเจ๊มี 300 นี่เป็นเงินเศษส่วนที่เหลือเจ๊จะเอาไปจ่ายค่าโรงพยาบาลให้แม่"
"ขอบคุณมากๆ ครับถ้าเหลือเดี๋ยวผมจะเอามาคืนนะ"
"เอาไปเถอะให้แล้วไม่รับคืนหรอก"
"ขอบคุณมากครับเจ๊"
"พรุ่งนี้ไปโรงเรียนเองได้อยู่นะเจ๊ต้องไปหาแม่ที่โรงพยาบาล ถ้าแม่ได้ออกจากโรงพยาบาลวันพรุ่งนี้ก็จะได้พากลับมาเลย"
"ครับ เดี๋ยวผมเดินไปเองเจ๊ไปหาแม่เถอะ"
"อือๆ"
เช้าวันต่อมา
เหมียวตื่นแต่เช้าแล้วรีบขับรถไปที่โรงพยาบาลทันที เพราะคุณหมอบอกว่าจะอนุญาตให้แม่ของเธอกลับบ้านได้วันนี้
"คุณพยาบาลคะ รบกวนแจ้งค่าใช้จ่ายของแม่ฉันหน่อยได้ไหมคะ"
"ได้ค่ะสักครู่นะคะ ค่าใช้จ่ายของคุณปานดาวไม่เสียค่ะ"
"คะ? ไม่เสียหรือยังไงคะมาทุกทีก็เสียนี่คะ"
"อ๋อ ทางคุณหมอแจ้งว่าเป็นเคสฉุกเฉินน่ะค่ะก็เลยไม่ได้เรียกเก็บเงินจากทางคนไข้"
"อ๋อ แล้วฉันรับแม่กลับบ้านได้เลยใช่ไหมคะ"
"ค่ะ รับยาเสร็จแล้วก็กลับบ้านได้เลยค่ะ"
"ขอบคุณมากๆ นะคะ"
ถึงจะรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอมาโรงพยาบาลทุกครั้งต้องเสียเงินตลอดแต่ครั้งนี้กลับไม่เสียเงินเลยแม้แต่บาทเดียว เธอก็ได้แต่คิดว่าคงจะเป็นเคสฉุกเฉินอย่างที่พยาบาลบอกจริงๆ
หนึ่งปีต่อมาหลังจากที่เหมียวคลอดลูกคนที่สี่และพักฟื้นจนร่างกายหายเป็นปกติดีธามก็กลับไปทำงานที่บริษัทอีกครั้ง เพราะสามแฝดก็พูดรู้เรื่องบ้างแล้วและไม่ดื้อซนเหมือนตอนเด็กๆ เขาก็เลยสามารถกลับไปทำงานที่บริษัทได้ แต่ก็ต้องกลับมาก่อนเวลาเพื่อไปรับสามแฝดที่ศูนย์เด็กเล็ก เพราะเหมียวต้องคอยดูแลลูกน้อยอยู่ที่บ้าน จึงไม่สามารถไปรับลูกชายทั้งสามคนได้“แม่ค้าบ…มาแล้วค้าบ…” เสียงพี่ชายฝาแฝดคนโตดังมาแต่ไกลก่อนที่สามแฝดจะวิ่งแข่งกันเข้ามาในบ้านเสียงเอะอะดังลั่น“อย่าเสียงดังกันสิครับพี่ๆ น้องนอนหลับอยู่นะ”“ขอโทษครับ”“ลูกหลับไปนานแล้วหรอเหมียว”“เพิ่งหลับไปได้สักพักเอง วันนี้แกเป็นอะไรก็ไม่รู้งอแงทั้งวันเลย กว่าจะกล่อมให้นอนหลับได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน”“ฮันนี่ไม่สบายหรือเปล่าเหมียว”“ไม่รู้สิ แต่เท่าที่ดูแกก็ไม่ได้เป็นอะไรผิดปกติตรงไหนนะ ก็คงจะเหมือนพี่ชายของแกนั่นแหละตอนที่ยังอายุเท่ากันก็งอแงไม่แพ้กันแบบนี้เลย”“…..” ธามเดินไปดูลูกสาวที่นอนอยู่ในเปล “ลองพาไปหาหมอดูมั้ย เผื่อว่าแกจะไม่สบาย”“ตามใจสิ แต่แกนอนหลับอยู่ ขืนไปปลุกตอนนี้ได้อาละวาดเต็มบ้านแน่”“จริงด้วย”“นายพาสามแฝดไปอาบน้ำเปลี่ยนเส
5 เดือนต่อมา“ไหวเปล่าธาม…”“ไหวสิ แค่นี้เอง”เพราะตอนนี้เหมียวท้องใหญ่ขึ้นมากความรับผิดชอบในการเลี้ยงลูกก็เลยตกไปอยู่ที่ธามเพียงคนเดียว ไม่ว่าจะมีพี่เลี้ยงมากี่คนก็ไม่สามารถกำราบความดื้อของลูกชายทั้งสามคนได้เลยพวกแกทั้งดื้อซนและไม่เอาใครขนาดปู่กับย่าที่คิดว่าสามารถกำราบเด็กดื้อให้อยู่หมัดได้ก็ไม่สามารถเอาสามแฝดได้ลงเลย“เป็นไงบ้าง เจ้าตัวเล็กดื้อหรือเปล่า” ธามปล่อยสามแฝดไปวิ่งเล่นด้วยกัน ส่วนเขาก็มานั่งอยู่ข้างๆ ภรรยาพร้อมกับใช้มือลูบท้องของเธอไปมาอย่างอ่อนโยน ท้องนี้เธอได้ลูกสาวและก็คงจะสมใจคนเป็นพ่ออีกเช่นกัน เพราะธามอยากได้ลูกสาวเป็นลูกคนเล็กสุดท้องและก็คงไม่เอาอีกแล้ว เพราะเหนื่อยบวกกับกลัวว่าร่างกายของเหมียวจะรับไม่ไหวถ้าปล่อยให้ท้องติดๆ กันหลายครั้ง“ไม่ดื้อเลย น่ารักมาก” ท้องนี้เหมียวไม่มีอาการแพ้ท้องไม่มีอาการอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เธอกินได้ตามปกติไม่เหม็นหรือไม่รู้สึกอยากกินอะไรที่แปลกๆ อาหารของเธอก็กินเหมือนกับที่เคยกินทุกวัน“โตมาอย่าดื้อเหมือนพี่ๆ สามคนนะลูก หนูต้องเป็นเด็กดีคอยกำราบพี่ๆ นะ”“พูดอะไรแบบนั้น สามแฝดยังเด็กอยู่ก็ต้องดื้อเป็นธรรมดาตามประสาเด็ก เดี๋ยวพวกแกโตข
สามเดือนถัดมา“มีอะไรหรือเปล่าลูกหนูเหมียว”“นั่นสิ ทำไมถึงเรียกทุกคนมาเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ล่ะ มีเรื่องพิเศษอะไรหรอ?”พ่อกับแม่ของธามเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับมองหน้าของเหมียวด้วยความสงสัย“หนูมีเรื่องสำคัญจะบอกทุกคนค่ะ หนูคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับทุกคนมาก” คำพูดของเธอทำให้ทุกคนขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย แล้วก็อยากรู้ว่าเป็นเรื่องอะไรที่เหมียวบอกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญและน่าตื่นเต้นสำหรับพวกเขา“เหมียว…มันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดใช่มั้ย” ธามถามขึ้น“อ่าห๊ะ…นายเข้าใจถูกแล้ว” เหมียวหันไปมองหน้าธามพร้อมกับยิ้มจนตาหยีสิ่งที่เขาเข้าใจมันถูกแล้ว เธอกำลังจะมีลูกให้กับเขาอีกคนนึง และเธอก็เพิ่งจะมารู้ตัวเมื่อเช้าเองเพราะรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายตัวเอง ก็เลยลองซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจดูเอง แล้วก็พบกับข่าวดีว่าเธอกำลังมีลูกอีกคนไม่คิดว่ามันจะติดง่ายขนาดนี้ เพราะเธอกับธามมีอะไรกันแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวเอง และก็ป้องกันอย่างดีด้วย“ต๊าย…นี่แม่กำลังจะได้หลานอีกคนแล้วเหรอเนี่ย คราวนี้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอีกนะ หรือจะได้แฝดอีก”“โอ้วว…ผมขอเป็นลมก่อนนะครับคุณแม่”ธามถึงกับแข้ง
หนึ่งปีถัดมา“เหมียวจ๋า…” ธามเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเปล่งน้ำเสียงอ่อยภรรยาสาวที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง“ว่าไงหืม…คอแห้งเหรอคะ”“ครับ คอแห้ง อดอยากมานานแล้ว ไม่ทราบว่าคุณภรรยาจะใจดีหรือเปล่า”“แหม…ให้ฉันนับหน้าเจ็ดหลังเจ็ดขนาดนั้น คงไม่ต้องถามแล้วละมั้งว่าฉันอนุญาตมั้ย”“แหะๆ ฉันยังไม่อยากให้มีตอนนี้อ่ะดิ เข็ดกับสามแฝดมากเลย”ร่างหนาค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ๆ ภรรยาแล้วคลานขึ้นไปหาเธอบนเตียง พร้อมกับหยิบถุงยางที่ใส่ไว้ในลิ้นชักออกมาสองสามชิ้น เป็นถุงยางที่เขาซื้อมาไว้ตั้งแต่คบกับเธอแรกๆ จนถึงตอนนี้มันก็ยังอยู่ที่เดิม ถ้าไม่ได้ใช้ก็ไม่เคยเอาออกไปไหน“นับหน้าเจ็ดหลังเจ็ดยังไม่พอ ต้องป้องกันด้วย รอให้สามแฝดโตกว่านี้อีกนิดเราค่อยมีลูกคนที่สี่กันเนอะ”“สามคนก็พอแล้วมั้ง”“ขอลูกผู้หญิงคนสุดท้ายอีกคนนะ แต่รอให้สามแฝดก่อนก็แล้วกัน”“ตามใจ”ชุดนอนที่เหมียวใส่มันเป็นเพียงชุดนอนกระโปรงผ้าลาตินห์บางๆ และแทบจะไม่ต้องถอดชุดเลยกึด~“อึ๊…ธะ ธามมันแสบจัง อยะ อย่าดันลึกได้มั้ย”“มันคับอะ แน่นด้วย ยัดไม่เข้าเลย”เพราะทั้งสองคนห่างหายจากเรื่องอย่างว่ามานาน นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่ทั้งสองเพิ่งจะมี
8 เดือนต่อมา“ธามลูกร้องเสียงดังนายไม่ได้ยินหรอ” เหมียวเดินเข้ามาในบ้านเพราะได้ยินลูกร้องเสียงดัง ขณะที่เธอกำลังตากผ้าของพวกแกอยู่หลังบ้าน“อือ…ฉันพึ่งได้นอนเองนะ เมื่อคืนทั้งคืนก็ไม่ได้นอนเลย” ธามตอบอึมอำ ดีนะที่ฝาแฝดที่เหลือไม่ได้ตื่นเพราะเสียงร้องด้วย“เดี๋ยวฉันดูลูกเองนายนอนไปเถอะ”“อ่า…โอเค ฝากแป๊บนึงนะ”จากนั้นธามก็นอนหลับไปอีกทันที ช่วงนี้เขาเหนื่อยกับสามแฝดมากเพราะพวกแกไม่เอาใครเลยนอกจากธามคนเดียว แม้กระทั่งเหมียวที่เป็นแม่ อาจจะเป็นเพราะธามเลี้ยงและดูแลพวกแกมาตั้งแต่เด็กๆ จนถึงปัจจุบันก็เลยติดพ่อมากกว่าแม่“จุๆ เล่นอยู่กับแม่นะครับให้พ่อนอนหลับนะ” เธอพาลูกชายคนเล็กที่ตื่นก่อนเพื่อนออกมานั่งเล่นที่สนามหญ้านอกบ้าน ขณะที่เธอกำลังตากผ้าอยู่กับแม่บ้าน เพื่อไม่ให้รบกวนพี่ชายฝาแฝดทั้งสองคนที่กำลังนอนหลับอยู่“คุณหนูตื่นเร็วจังเลยนะคะ ป้าเห็นว่าเพิ่งจะหลับไปเอง”“คนนี้นอนหลับแป๊บเดียวเองค่ะป้า ไม่เหมือนพี่ชายของเขา แต่ถ้าตื่นมาพร้อมกันก็พากันวุ่นวายจนไม่ได้ทำอะไร”“ธรรมดาของเด็กวัยกำลังอยากรู้อยากเห็นค่ะ”เหมียวปล่อยลูกให้คลานเล่นไปบนพื้นสนามหญ้า ส่วนเธอก็รีบไปช่วยแม่บ้านตากผ้าต่อ มั
สองเดือนถัดมาธามแทบจะไม่ได้กลับไปทำงานที่บริษัทเลย เพราะต้องคอยช่วยเหมียวดูแลลูกๆ ถึงจะมีพี่เลี้ยง มีแม่บ้าน แต่เขาก็ไม่ได้ไว้ใจให้ใครดูแลมากนัก และเหมียวเองก็ยังไม่หายดี เธอยังทำอะไรไม่ได้มากทุกอย่างเลยตกไปอยู่ที่เขาคนเดียว การเลี้ยงลูกน้อยแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และบวกกความเหนื่อยไปอีกคูณสามงานไม่ได้ทำวันๆ ยุ่งอยู่กับลูกแฝดสามของตัวเอง“อึกแง้ แง้ แง้” เสียงแฝดคนกลางร้องออกมาลั่นบ้าน จากนั้นแฝดอีกสองคนก็พากันร้องออกมาตามๆ กันมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะให้แฝดทั้งสามคนนอนหลับพร้อมกัน เพราะถ้าคนใดคนหนึ่งร้องขึ้นมาคนที่เหลือก็จะร้องตามทันที ทำเอาคนเป็นพ่อถึงกับหัวหมุนเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าจะโอ๋คนไหนก่อน“แอ้ แอ้ แอ้”“ง้าก ง้าก ง้าก”“โอ๋ๆ ใจเย็นๆ กันก่อนนะลูก พ่อไม่รู้จะโอ๋คนไหนแล้วเนี่ย”“มีอะไรหรือเปล่าธาม ทำไมสามแฝดถึงพากันร้องดังแบบนี้ล่ะ” เหมียวที่นอนอยู่ไฟอยู่ด้านนอก เข้ามาดูด้วยความสงสัยเพราะได้ยินเสียงลูกชายสามคนร้องดังไปถึงนอกบ้าน“เหมือนเดิมแหละ ร้องคนนึงคนที่เหลือก็พากันร้องตาม” ธามตอบ“มาเดี๋ยวฉันช่วย”“ไม่ต้องๆ เธอไม่ต้องทำอะไรหรอกเดี๋ยวจะเจ็บแผลเอา ไปนอนพักเถอะเดี๋ยวฉ