(ดอกทิวลิป - เป็นดอกไม้แห่งความรู้สึกดีๆ และความสมบูรณ์แบบทั้งในเรื่องความรัก ความสัมพันธ์หรือความเป็นเพื่อน)
“โลกใบนี้สดใสขึ้น เพราะความน่ารักของคุณ”
[PUNDAO’S PART]
- PUNDAO’S APARTMENT-
“เชิญค่า” ไอโกะเปิดประตูห้องของฉันที่อยู่เพียงชั้น 2 ของอพาร์ทเมนท์แห่งนี้ ฉันเดินตามไอโกะเข้าไปภายในห้องก่อนที่มายูจะลากกระเป๋าตามฉันมา ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ไม่ขาดคิดขึ้นที่สนามบินมายูก็ยังไม่ยอมให้ฉันลากกระเป๋าเองอีกเลย
“ว๊าวววว!!”
“อาจจะเล็กไปหน่อยนะ แถวนี้ไม่มีห้องว่างแล้วน่ะ” มายูเอ่ยบอกกับฉันพร้อมกับลากกระเป๋าของฉันเข้ามาภายในห้องขนาด 107 ตารางฟุต ซึ่งถือว่าเล็กมากที่นี่มี 2 ชั้น มีบันไดขนาดเล็กที่สามารถเลื่อนไปทางซ้าย-ทางขวาได้ เพื่อขึ้นไปด้านบนซึ่งเป็นส่วนของที่นอนนั่นเอง ห้องขนาดเท่านี้เหมาะสำหรับพักอาศัยอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
อพาร์ทเมนท์นี้ถูกตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟท์ เฟอร์นิเจอร์ที่ทางเจ้าของจัดไว้ให้ก็เข้ากับพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด ในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายของผู้พักอาศัย
“ดาวอยู่ได้สบายมากเลย ขอบคุณมายูกับไอโกะมากเลยนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางต้องหน้าเสียงอ่อนพร้อมกับโค้งหัวให้กับพวกเธอเล็กน้อยอย่างนอบน้อม
“ดาวชอบฉันก็ดีใจ” ไอโกะหันมาบอกกับฉันพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้
“มีห้องครัวด้วย”
“ใช่จ้า มีแต่จาน ชาม ช้อน ซ้อม และก็ตะเกียบนะอย่างอื่นฉันให้เขาเอาออกไปหมดแล้ว” มายูลากกระเป๋าของฉันไว้ตรงหน้าตู้ผ้า ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามายืนข้างกายของไอโกะพร้อมกับกอดอกมองมาที่ฉันนิ่งๆ ตามนิสัยของเธอ
“ทำไมเหรอ?”
“พันดาวเผื่อเธอจะลืมไปนะ...เธอทำอาหารไม่เป็น และฉันก็ไม่อยากให้เธอเผาอพาร์ทเมนท์นี้ด้วยสงสารเจ้าของที่นี่น่ะ”
“อธิบายซะยาวเชียวไม่มีก็ไม่มีสิ” ฉันเอ่ยบอกกับมายูอย่างงอนๆ ก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากห้องครัวเท่าไหร่นัก
“มายูนี่นะ ชอบแกล้งดาวอยู่เรื่อย” ไอโกะบ่นร่างบางที่ยื่นอยู่ข้างๆ ของเธอเบาๆ พร้อมกับเดินไปนั่งลงยังโซฟาที่อยู่ไม่ไกล
“ฉันพูดเรื่องจริงทั้งนั้น ยัยนี่แค่ถือกิ่งไม้ยังสามารถทำให้ตัวเองเลือดไหลได้ ขืนมีมีดอยู่ใกล้ๆ เลือดคงได้หมดตัวก่อนเรียนจบแน่ๆ”
“มายูฉันได้ยินนะ”
“ฉันก็พูดให้เธอได้ยินนี่แหละ”
“มายู”
“โอเคๆ ไม่ต้องเถียงกันเลยทั้งคู่ เก็บของเลยไหมดาวเราจะได้รู้ว่าดาวขาดอะไรบ้างจะได้ซื้อมาเพิ่มได้ถูก” ไอโกะหันมาบอกฉันกับมายูด้วยน้ำเสียงสดใสปนเหนื่อยใจให้กับฉันทั้งสองคน ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับช่วยเอาเสื้อผ้าของฉันออกจากกระเป๋าพร้อมกับผับมันเข้าไปไว้ในกล่องสำหรับเก็บเสื้อผ้า
เราทั้งสามคนเป็นนักศึกษาปริญญาโทเหมือนกัน แต่อาจจะต่างกันตรงที่เราเรียนกันคนละคณะ จริงๆ แล้วมายูมีหอพักเช่นกันแต่หอพักของเธออยู่ห่างจากฉันไปอีกประมาณ 800 เมตร ส่วนไอโกะเธออาศัยอยู่ที่บ้านกับครอบครัวซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากพวกฉันเท่าไหร่นัก
เหตุผลที่ฉันต้องมาอยู่แถวนี้นั่นก็คงเป็นเพราะฉันพึ่งจะมาอาศัยอยู่ที่นี่พี่ทิวาค่อยข้างจะเป็นกังวลจึงอยากให้ฉันอยู่ใกล้กับมายูให้มากที่สุด อย่างน้อยถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็ยังมีมายูที่สามารถช่วยเหลือฉันได้ นี่ถ้าไม่ติดว่าอพาร์ทเมนท์ของมายูเต็มไปแล้วฉันก็คงได้อยู่ที่เดียวกันเธอแน่นอน
และอีกเหตุผลหนึ่งพวกเรากำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยโตเกียวซึ่งมีอยู่ 5 วิทยาเขต และวิทยาเขตที่พวกเราอยู่ก็คือฮงโง ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตบุงเกียว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของย่านอูเอโนะ เป็นย่านการศึกษาที่สำคัญตั้งแต่สมัยเมจิ (สมัยเมจิ เป็นศักราชในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นตั้งแต่ตุลาคม ค.ศ.1868 ถึง กรกฎาคม ค.ศ.1912) ย่านที่ฉันอยู่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยโตเกียว มหาวิทยาลัยจุนเทนโด และมหาวิทยาลัยโทโยกาคุเอ็ง จึงทำให้คนที่พักอาศัยอยู่ระแวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกนักศึกษา ทำให้ราคาที่พักบริเวณนี้ถือว่าค่อนข้างถูกกว่าย่านอื่นๆ
“เย้ๆๆ เสร็จแล้ว”
“งั้นก็ไปอาบน้ำเลย จะได้มาพัก” มายูเอ่ยบอกกับฉันเรียบ ฉันคิดว่ามายูนี่จะเหมือนพี่ทิวาเข้าไปทุกวันแล้วนะ ฉันหันไปมองค้อนร่างบางตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหอบเสื้อผ้าที่จะนำไปเปลี่ยนเข้าไปในห้องน้ำกับฉันด้วยไว้
เพียะ!!!
“มายูชอบแกล้งดาว”
“ก็น่าแกล้งจริงๆนี่” ฉันหยุดเดินก่อนจะหันกลับไปมองมายู พร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกเธอ
“น่ะ! ดูดาวทำดิ”
“ก็พอกันนั่นแหละ”
…
~ครืนนนนนนนน~ ~ครืนนนนนนนน~
“อือออ ดาวโทรศัพท์เธอดังรึป่าว” เสียงมายูเอ่ยบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ฉันจึงควานหาโทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะกดรับทันทีทั้งที่ตาของฉันยังคงหลับอยู่อย่างนั้น
“ค่า”
(นี่พันดาวน้องลืมพี่รึไงบอกว่าถึงแล้วให้โทรหาพี่ด้วย) เสียงพี่ทิวาดังออกมาจากโทรศัพท์เสียงเข้มๆ ของเขาปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ ก่อนที่ฉันจะพบว่าเราทั้ง 3 นอนหลับกอดกายกันอยู่บนเตียนนอนขนาด 5 ฟุตของฉัน ‘นี่พวกเรานอนคุยจนต่างคนต่างหลับไปเลยเหรอเนี่ย’ ฉันค่อยๆคลายอ้อมกอดออกจากไอโกะที่นอนอยู่ตรงกลางระหว่างฉันกับมายู พร้อมกับมองไปยังชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจออีกครั้ง
(ได้ยินพี่รึป่าวตัวแสบ)
“ค่าได้ยิน หนูหลับอยู่แต่ตอนนี้ตื่นแล้วค่า”
(พี่ก็เป็นห่วง ที่พักเป็นไงบ้างโอเคไหมหนูชอบรึป่าว) ปลายสายเอ่ยถามฉันออกมาด้วยความเป็นห่วง
“โอเคค่ะหนูชอบมาก เดียวหนูส่งรูปที่ถ่ายไว้ให้ดูนะคะ”
(ได้ครับ...ดูแลตัวเองให้ดีพันดาว มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะเข้าใจไหม)
“เข้าใจค่า”
(ดีมาก)
ติ๊ด! !!
“ดาวหิวแล้วอะ” ฉันหันไปมองร่างบางทั้งสองก่อนจะเห็นว่าพวกเธอมองมาที่ฉันอยู่ก่อนแล้ว ฉันจึงเอ่ยบอกกับทั้งคู่อย่างออดอ้อน
“ฉันจองร้านอาหารเอาไว้แล้ว ทานข้าวเสร็จแล้วเราค่อยไปซื้อของกันโอเคไหมดาว”
“โอเคที่สุด ไอโกะน่ารักที่สุด” ฉันขยับเข้าไปกอดเอวบางของไอโกะเอาไว้ก่อนจะเอ่ยบอกกับเธออย่างอ้อนๆ
“ชิ!”
“มายูอิจฉาเหรอ”
“รีบไปไม่หิวไง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฉันปีนบันไดตามไอโกะลงไปด้านล่าง พร้อมกับหันไปหัวเราะใส่มายูที่กำลังปีนบันไดตามฉันลงมา
Mimoza
(ดอกมิโมซ่า - ดอกไม้แห่งความอ่อนไหวแต่ไม่อ่อนแอ มิโมซ่าถูกมองว่าเป็นวัชพืชที่ใครๆ ต่างก็มองว่าไร้ค่าหากใครตั้งใจมองให้เห็นคุณค่า ดอกมิโมซ่าจะกลายเป็นดอกไม้ที่สวยงามและน่าจดจำ)
“สำหรับฉันแล้ว...เธอเป็นคนที่แสนพิเศษเสมอเลยนะ”
[PUNDAO’S PART]
-SHIBUYA (ชิบูย่า) -
เรานั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีชิบูย่าก่อนจะพากันเดินไปยังทางออกฮาจิโกะ ห้าแยกซิบูย่าเป็นแยกขนาดใหญ่ที่อยู่หน้าสถานีชิบูย่า ที่นี่เป็นอีกจุดแลนด์มาร์คของโตเกียวเป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต่างพากันมาเก็บภาพเพื่อเป็นที่ระลึก
“คนเยอะจริงๆด้วย นี่ขนาดตอนเย็นนะเนี่ย”
“ที่นี่มีคนพลุกพล่านแทบจะตลอดทั้งวันนั้นแหละ” มายูเอ่ยบอกกับฉันพร้อมกับดันหลังฉันกับไอโกะให้เดินไปตามทางเพื่อมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่ไอโกะได้จองเอาไว้
“ดาวอยากไปถ่ายรูปกับฮาจิโกะ” ฉันหันไปบอกกับร่างบางทั้งสองคนอย่างออดอ้อน
รูปปั้นที่ระลึกของ ‘ฮาจิโกะ (Hachiko)’ น้องเป็นสุนัขพันธุ์อากิ ซึ่งได้ถูกขนานนามว่าเป็นสุนัขยอดกตัญญู นั่นก็เพราะว่าเจ้าฮาจิโกะจะมารอเจ้านายกลับมาจากที่ทำงานทุกวัน แม้ว่าเจ้านายจะเสียชีวิตไปหลายปีแล้วก็ตาม แต่น้องก็ยังคงมาเฝ้ารอเจ้านายทุกวันจนกระทั่งน้องได้เสียชีวิตลง
“ตอนนี้คนเยอะ เราไปทานข้าวกันก่อนดีกว่า” ไอโกะหันมาบอกกับฉันเสียงอ่อน พร้อมกับกอดแขนเรียวของฉันให้เดินไปกับเธอ
“ก็ได้ค่ะ”
“ฉันขออนุญาตหมั่นไส้ได้ปะ” มายูที่เดินตามหลังฉันกับไอโกะมาพูดขึ้นเสียงเรียบ พร้อมกับมองมาที่เราสองคงอย่างเอือมๆ
“ไม่อนุญาตค่ะ” ไอโกะหันกลับไปบอกร่างบางด้านหลังพร้อมกับส่งยิ้มไปให้กับมายู
“ฮ่าฮ่าฮ่า มายูน่าสงสารจัง”
“พันดาว”
“ไอโกะมายูดุดาว” ฉันรีบหันไปร้องหาตัวช่วยทันที
“โอ๋ๆ ไม่ต้องทะเลาะกันถึงแล้วค่ะ” ไอโกะหันมาบอกกับฉันและมายู ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปคุยกับพนักงานของร้านทิ้งให้ฉันยืนเถียงกับมายูอยู่สองคน
“เป็นแฟนกันแล้วใช่ปะ” ฉันกระซิบถามเพื่อนสนิทของตัวเองเบาๆ เพื่อให้เราได้ยินกันแค่สองคน พร้อมกับมองไปที่ร่างบางตรงหน้าอย่างรอคำตอบ
“ดูออกเหรอ” ร่างบางตรงหน้าเอ่ยถามฉันพร้อมกับมองมาที่ฉันอย่างอึ้งๆ
“นี่อย่ามาดูถูกสายตาอันเฉียบคมของพันดาวคนนี้นะ อีกอย่างมองจากนอกโลกยังดูออกเลย...ตอบคำถามดาวก่อนสิ ว่าไง...” ฉันยังคงเซ้าซี้ร่างบางตรงหน้าไม่เลิก
“อืม”
“แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ฉันเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย เพราะสีหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีเอาซะเลยน่ะสิ
“ที่นี่ไม่ค่อยเหมือนที่ไทยน่ะ ที่บ้านของไอโกะเองก็น่าจะยังไม่ยอมรับเรื่องนี้” มายูเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อนลง
“เอาน่า...ทุกอย่างมันจะดีขึ้นนะ ขอแค่คนสองคนรักกัน จับมือไปด้วยกัน ดาวเชื่อว่าไม่มีใครทำลายความรักของมายูกับไอโกะได้หรอกนะ...เชื่อฉันสิ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมกับส่งยิ้มไปให้เธออย่างให้กำลังใจ
“ดาวคิดแบบนั้นจริงน่ะเหรอ” ไอโกะที่เดินกลับมาได้ยินพอดีเอ่ยถามฉันขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างจากมายูเท่าไหร่นัก
“ใช่ค่ะ...ความรักไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้นะ แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นกับมายูและไอโกะแล้ว ดาวเชื่อว่ามันจะสดใสและงดงาม แต่ถ้าวันไหนที่มันมืดมนไปบ้างก็ขอแค่ทั้งสองคนจับมือกันไว้ยังไงก็ต้องผ่านไปได้...ดาวเชื่อแบบนั้น เชื่อแบบนั้นจริงๆ” ฉันเอ่ยบอกกับทั้งสองตรงหน้าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับพวกเธอ
ฉันไม่ใช่คนโลกสวยอะไรหรอกนะ แต่ฉันเชื่อมาตลอดว่าถ้าเมื่อไหร่ที่คนสองคนรักกันมากพอ ต่อให้มีคนอื่นมาทำลายความรักของพวกเขาสักกี่ครั้ง ก็ไม่ทำให้คนสองคนที่รักกันมากปล่อยมือออกจากกันได้หรอก ‘โจทย์ที่มันยากก็เผื่อพิสูจน์ว่าคนสองคนรักกันมากพอรึป่าว พอที่จะพากันผ่านบททดสอบเหล่านั้นไปได้หรือไม่’ ถึงสุดท้ายจะไปต่อด้วยกันไม่ได้ ฉันก็เชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจว่าต่างคนต่างทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดแล้ว และความรักของคนทั้งคู่ก็เคยเกิดขึ้นมาจริงๆ นี่เนอะ
“ขอบคุณนะดาว ไอโกะโชคดีจริงๆที่มีดาวเป็นเพื่อน” ไอโกะเดินเข้ามากอดฉันไว้ฉันจึงกอดตอบเธอกลับไปเช่นกัน ก่อนที่มายูจะเดินเข้ามากอดเราทั้งสองคนเอาไว้
“ดาวก็โชคดีที่มีมายูกับไอโกะเป็นเพื่อน” ฉันเอ่ยบอกกับทั้งสองคนออกไปเสียงอ่อน สิ่งที่ฉันพูดออกไปเป็นความรู้สึกที่ออกมาจากใจของฉันจริงๆ
“ความรักเป็นสิ่งสวยงามไม่ว่าจะรูปแบบไหน มันก็จะยังงดงามเสมอ”
“พอๆ พวกเราจะมาดราม่ากันหน้าร้านเนื้อย่างไม่ได้ ไปทานข้าวกันเถอะ” มายูพูดขึ้นพร้อมกับดันหลังของฉันและไอโกะให้เดินเข้าไปด้านใน
ร้านอาหารที่ไอโกะจองไว้เป็นร้านปิ้งย่างธรรมดา แต่ต้องจองมาก่อนเท่านั้นไม่รับวอล์คอิน เราเดินตามพี่พนักงานเข้าไปด้านในก่อนจะหยุดที่โต๊ะของเราซึ่งอยู่ติดกับกระจกใสหน้าร้าน ‘กินไปดูคนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็น่าจะเพลินดีเหมือนกัน’
“สั่งเลยเรากินได้หมด” ฉันเอ่ยบอกกับไอโกะที่นั่งอยู่ข้างกับมายูซึ่งทั้งคู่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉัน
ระหว่างที่รอมายูกับไอโกะสั่งเนื้อฉันจึงมองไปรอบร้าน ก่อนที่จะหันไปสนใจกับผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาที่อยู่ด้านนอกสายตาของฉันก็ไปสะดุดเข้ากับคนคนหนึ่ง นี่ขนาดมองไกลๆ ความหล่อของเขายังกระแทกตาของฉันได้ขนาดนี้เลยอะ
“โอ้โห!...โคตรหล่อเลยอะ” ฉันร้องออกมาอย่างอึ้งๆ พร้อมกับมองไปที่ร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่ยอมละสายตาไปไหน ทำให้มายูและไอโกะที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหันไปมองตามสายตาของฉัน
“หนุ่มรูปหล่อที่นี่มีให้ดาวได้เชยชมอีกเยอะ จะรีบตื่นเต้นไปทำไมกัน”
“หื้ม?” ฉันหันไปมองไอโกะเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่กำลังเดินมาทางเรา ยิ่งเข้ามาใกล้ออร่าของเขาก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นไปอีก ‘นี่เขาเป็นพระเอกที่ออกมาจากมังงะที่ฉันชอบอ่านรึไงนะ’
SPECIAL EPISODE 02 : Wintersweet(ดอกวินเทอร์สวีท เป็นดอกไม้แห่งความรัก ความเอ็นดู เหมือนกับมีใครบางคนที่เฝ้ามองดูการเติบโตของอีกคนเสมอ คอยสนับสนุน และอยู่เคียงข้างทุกช่วงเวลาของเขา)“ไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ฉันคนนี้ก็จะคอยอยู่เคียงข้างพวกคุณเอง”[PUNDAO’S PART]9 ปีต่อมา...-Niseko, Japan-“รัน…คุณพ่อบอกไว้ว่ายังไงครับ” เร็นคุงในวัน 9 ขวบเอ่ยบอกกับน้องชายของเขาออกไปเสียงเรียบ ก่อนจะก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้กับเด็กน้อยตรงหน้าอีกครั้ง เร็นนอกจากเขาจะมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับดันแล้ว เขายังได้นิสัยและความเฉลี่ยวฉลาดมาจากพ่อของเขาทั้งหมด“ต้องตรวจสอบอุปกรณ์ทุกครั้งก่อนออกมาครับ” รันตอบพี่ชายกลับไปเสียงอ่อน พร้อมกับก้มมองพี่ชายตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสดใส รันลูกชายคนเล็กในวัย 7 ขวบของเราถึงเขาจะมีนิสัยที่เหมือนกับฉันมากกว่าดันเขารู้จักออดอ้อนคนอื่นเหมือนกับฉัน แต่ในเรื่องความฉลาดหลักแหลมต้องขอบอกเลยว่าลูกชายทั้งสองคนของฉันไม่มีใครได้ฉันมาเลยสักคน ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่พวกเขาได้เรื่องนี้มาจากดันทั้งหมด เพราะคุณสามีของฉันน่ะเก่งที่สุดแล้ว“พร้อมไหมครับ” ดันเดินเข้
SPECIAL EPISODE 01 : Zinnia(ดอกซินเนีย เป็นสัญลักษณ์ของความเสมอต้นเสมอปลาย ความสม่ำเสมอ แทนความรู้สึกของคนที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด วันแรกเป็นยังไง วันนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น)“ฉันเคยรักคุณมากแค่ไหน วันนี้ฉันก็ยังคงรู้สึกแบบนั้น”[PUNDAO’S PART]แอ๊ดดดดด!! ปัง!!“สรุปหมอว่ายังไงบ้าง” พี่ทิวาวิ่งเข้ามาในบ้านหน้าตื่น ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ในมือของคุณพ่อมาถือเอาไว้ ก่อนจะมองมาที่ฉันกับดันผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์ตรงหน้าของเขาอย่างรอคำตอบ“ดาวท้องได้ 13 สัปดาห์แล้วค่ะ”“ห๊ะ!! 13 สัปดาห์ 3 เดือนเหรอ นี่น้องท้องแล้วไม่รู้ตัวเหรอพันดาว” พี่ทิวาเอ่ยถามฉันออกมาเสียงดุ“อย่าดุน้องนะเดี๋ยวหลานก็ตกใจหรอกค่ะ” ฉันแกล้งบอกปลายสายออกไปเสียงอ่อน แต่มันก็เป็นอย่างที่พี่ทิวาบอกฉันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังตั้งท้อง ถ้าดันไม่สงสัยเรื่องที่ประจำเดือนของฉันไม่มา ฉันก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าในกายของฉันกำลังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาฉันไม่เคยแพ้ท้องเลยจะมีอ่อนเพลียซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่กำลังตั้งครรภ์“ถ้า 3 เดือน นี่อย่าบอกนะว่าติดตั้งแต่คืนเข้าหอน่ะ” พี่ทิวาหันไปถามดันที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย
EPISODE 52 : Jasmine (THE END)(ดอกมะลิ เป็นดอกไม้แห่งความปรารถนาดี ความรักและความกตัญญู เปรียบได้กับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว หรือแม้แต่คนที่รักเราด้วยใจที่บริสุทธิ์ ดอกมะลิยังมีอีกความหมายก็คือ ความรักที่เร่าร้อนจากกลิ่นหอมที่ชวนให้คลั่งไคล้อย่างง่ายดายของมันจึงไม่แปลกเลยหากใครจะอยากสัมผัสและดอมดม)“จนเป็นตัวของตัวเองเถอะนะ เพราะทั้งหมดที่เป็นคุณทำให้ฉันตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า”[PUNDAO’S PART]2 ปีต่อมา...-THAILAND-หลังจากที่ฉันจบการศึกษาปริญญาโทได้เพียงไม่นาน เรื่องงานแต่งงานระหว่างฉันกับดันก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาดันเป็นคนจัดการงานเองทั้งหมดโดยมีพี่ทิวาเป็นคนคอยช่วยเหลือเรื่องสถานที่จัดงาน ส่วนฉันมีหน้าที่ออกความคิดเห็นเท่านั้นและทำตัวให้เรียบร้อยที่สุดในงานก็พองานแต่งงานของเราถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่ ‘ไร่พันแสง’ ไร่ของครอบครัวฉัน ภายในงานมีเพียงครอบครัวและคนสนิทของเราทั้งคู่เท่านั้น งานแต่งของเราจึงอบอวลไปด้วยความอบอุ่น รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ“If one day you ever have a change of heart that you don’t love my daughter anymore, please don’t hurt her, just
EPISODE 51 : Lily of the Valley(ลิลลี่แห่งหุบเขา ดอกไม้แห่งความสุขที่นุ่มนวล หอมหวาน ชวนให้ตกหลุมรักระฆังน้อยแห่งหุบเขาไม่ว่าจะเป็นกลิ่น หรือรูปร่างที่เหมือนระฆังอันเล็กอันน้อยแสนน่ารัก ซึ่งหมายถึงความสุขและการเริ่มต้นใหม่ เหมือนกับความสุขที่เคยขาดหายไปกลับคืนมาอีกครั้ง)“รู้ตัวไหมคุณเป็นคนเข้ามาเติมเต็มความสุขให้กับผม ความสุขที่ผมเคยขาดหายไป”[PUNDAO’S PART]ฉันค่อยๆ ขยับขึ้นไปนั่งคล่อมร่างสูงตรงหน้าก่อนที่สะโพกงามของฉันจะเริ่มขยับถูไถกับท่อนเอ็นอันใหญ่โตของเขา ในขณะที่มือหนาทั้งสองข้างเขายังคนขย้ำและนวดคลึงอกอวบอิ่มของฉันอย่างหลงใหล ใบหน้าหล่อเหลามองมาที่ฉันด้วยแววตาที่หวานหยาดเยิ้ม พร้อมกับริมฝีปากหนาที่กำลังยิ้มออกมาอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้สายตาของดันก็ยังคงจ้องมองมาที่ฉันอย่างไม่ยอมละไปไหน“อะ อ่าส์ที่รักครับ” ดันครางเรียกฉันเสียงกระเส่าพร้อมกับมือหนาของเขาลูบไล้อยู่ที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉัน ร่างสูงค่อยๆ ชันตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพิงหลังแกร่งของเขากับโต๊ะญี่ปุ่นตัวใหญ่ ในขณะที่มือหนายังคงประคองร่างบางของฉันเอาไว้ไม่ยอมห่าง“อื้อออ ขา ที่รัก”“อืมมมม ดันต้องการดาวคร
EPISODE 50 : Stock(ดอกสต็อกเป็นดอกไม้แห่งความสุขอันเป็นนิรันดร์ ความยินดีและยังเป็นดอกไม้แห่งสายใยรักระหว่างกันและกัน เป็นทั้งความรักความผูกพันที่ยากจะตัดขาด)“ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ คนพิเศษของผมก็จะยังเป็นคุณ”[PUNDAO’S PART]“ดาว” ร่างสูงตรงหน้าดึงฉันเข้าไปกอดไว้ทันทีที่เขาวิ่งมาเจอฉันซึ่งกำลังยื่นคุยกับคุณตาและคุณปู่อยู่ที่บริเวณทางเข้าบ้าน แขนแกร่งกอดรัดฉันไว้แน่นพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาของเขาซุกไซ้ซอกคอขาวเนียนของฉันอย่างโหยหา หูของฉันแนบลงกับอกแกร่งของเขาทำให้ฉันรู้ว่าหัวใจของเขาเต้นแรงจนฉันกลัวว่ามันจะหลุดออกมาด้านนอก ฉันผงกหัวขึ้นมามองใบหน้าแดงก่ำพร้อมกับเสียงหอบเหนื่อยของร่างสูงตรงหน้า ‘นี่อย่าบอกนะว่าเขาวิ่งตามหาฉันซะทั่วเลยเลยน่ะ’จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! !!“ดะ ดัน” ฉันร้องเรียกร่างสูงตรงหน้าเสียงสั่นพร้อมกับมองไปยังคนอื่นๆ ที่กำลังจ้องมองพวกเราอยู่อย่างเขินอาย ก็ดันเล่นจุ๊บทั่วทั้งใบหน้าของฉันแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นๆ ใครจะไม่เขินยังไงไหว และอีกอย่างคุณปู่กับคุณตาของเขาก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ด้วย ถึงพวกท่านจะไม่ได้ว่าอะไรแต่ฉันก็อดเกรงใจพวกท่านไม่ได้จริงๆ“ดะ ดัน”“ครับ?”ทันท
EPISODE 49 : Caspia(ดอกแคสเปีย ดอกไม้แห่งความทรงจำ ความสัมพันธ์หรือเรื่องราวของใครบางคนที่ยังติดอยู่ในใจ และอีกความหมายหนึ่ง นั่นก็คือดอกไม้แห่งความสำเร็จ เป็นแรงผลักดันให้คนคนนั้นลุกขึ้นมาสู้เพื่อตัวเองอีกครั้ง)“อย่ายอมแพ้นะคะ หนูจะคอยเป็นกำลังใจให้เอง”[PUNDAO’S PART]-KYOTO (นครเกียวโต)-“คุณปู่อยู่ที่นี่เหรอคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกไปด้วยความสงสัย พร้อมกับมองออกไปยังบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าอย่างตกตะลึงกับความอลังการของมัน ลักษณะของบ้านเรือนเป็นหลังคาทรงสูงมุงหลังคาด้วยหญ้าคายะ (Kaya) ซึ่งเรียกหลังคารูปแบบนี้ว่าคายาบุกิ (Kayabuki) หลังคาโครงสร้างแบบดั้งเดิมที่สร้างขึ้นเมื่อราวๆ เกือบ 200 ปีมาแล้ว คนในเกียวโตเรียกบ้านแบบนี้ว่าแบบคิตายามะ (Kitayama Style Farmhouse)“ไม่ได้อยู่หรอกครับ”“อ้าว...”“ดันอยากพาดาวมาพบคนคนหนึ่งก่อนน่ะครับ” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อนพร้อมกับมือหนาลูบลงที่มือบางของฉันอย่างอ่อนโยน ฉันก้มลงไปดูนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองที่กำลังสวมใส่แหวนเพชรเม็ดงามอยู่ด้วยความสงสัย ในทุกๆ เช้าดันจะเป็นคนหยิบแขวนขึ้นมาสวมใส่ให้กับฉันด้วยตัวเองถ้าวันไหนที่ฉันอยู่บ