“เก่งมาก ดีใจจังที่จิลมา เห็นเอกสารบนโต๊ะพี่ไหม” ปองรักนึกตามแล้วพยักหน้า
“ของจิลเนี่ยไม่ได้ครึ่งของพี่ที่กำลังทำอยู่นะ แต่ถ้าจิลเก่งแล้ว พี่จะทยอยเพิ่มให้ ตามสบายนะ ไม่เข้าใจให้เดินไปถามพี่หรือยกหู โอเค๊...” มุกดายิ้มอย่างยินดี อย่างน้อยปองรักมาฝึกงาน ก็ทำให้เธอสามารถเบาแรงลงไปได้บ้าง
“ค่ะ ขอบคุณพี่มากนะคะ”
ปองรักตั้งอกตั้งใจทำงาน แต่ก็ยกหน้ามองดูนาฬิกาว่าเมื่อไหร่จะถึง 9.50 น. เธอนั่งใจเต้นโครมคราม แต่พอเลยเวลาไปแล้ว เขาก็ยังไม่โผล่หน้าเข้ามาจนกระทั่งเที่ยงวัน
กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง... มือถือเครื่องใหม่ที่มุกดาให้ดังขึ้น
“บอสสุดที่รัก” เธออ่านชื่อไปพลางตกใจ รีบลนลานรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณฟาเบียน” เธอทักเขาไปด้วยน้ำเสียงที่สั่น
“ปิดคอมพิวเตอร์ เก็บของลงกระเป๋า แล้วเดินลงมาคอยฉันที่หน้าประตู เดี๋ยวเข้าไปรับ”
“ค่ะ” เธอเงยหน้าล่อกแล่ก แล้วเขารู้ได้ไงว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่
“ในห้องทำงานมีกล้องวงจรปิดซ่อนอยู่ มันบันทึกทุกอย่างในนั้นอยู่ในคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ใหญ่ที่บ้านของฉัน ทุกอย่างที่เกิดในห้องนี้ถูกบันทึกไว้ทั้งหมด แม้กระทั่งเรื่องระหว่างเราวันนั้น” เขาพูดขึ้นมา เธอถึงกับหน้าแดง เขาจะเอ่ยมันขึ้นมาอีกทำไม
“อย่าอ้อยอิ่งลงมาได้แล้ว ฉันจะถึงแล้ว” เขาวางสายทันที
ปองรักรีบทำตามที่เขาบอก ก่อนจะเดินกึ่งวิ่งออกไปที่ประตู
“พี่มุกดาคะ จิลต้องไปกับบอสนะคะ” เธอยกมือไหว้ลามุกดา ก่อนจะจ้ำอ้าวไปตามทางเดินอย่างรวดเร็ว พอลิฟต์ลงปุ๊บ ประตูเปิดเธอก็เดินอย่างเร็วไปที่ประตู แค่ขาก้าวพ้นออกไป รถสปอร์ตคันโก้ก็จอดอยู่แทบเท้าของเธอ
“ขึ้นมา” เขาออกคำสั่งเสียงเข้ม ปองรักรีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งอย่างระวังหญิงสาวยกมือไหว้เขา กล่าวสวัสดีตามนิสัยของเธอ เขาได้แต่พยักหน้าให้นิด ๆ แล้วมองตรงไปข้างหน้า เขากระชากตัวรถออกไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวได้แต่นั่งตัวลีบ เขาพาเธอทะยานไปตามถนนไฮเวย์ เหมือนจะมุ่งหน้าไปกรุงเทพฯ
“จะไปไหนคะ” เธอถามเขาเป็นคำแรก
“นึกว่าจะไม่พูดไม่ถาม” เขาหันมายิ้มให้ แล้วพูดยียวน
“นัดลูกค้าไว้ที่โรงแรมใกล้สุวรรณภูมิ เสร็จแล้วจะพาไปซื้อเสื้อผ้าทำงาน แล้วก็เสื้อผ้าใส่ไปเที่ยว จะควงกับคุณฟาเบียนก็ต้องดูสมหน้าสมตากันหน่อย จะมาใส่ชุดนักศึกษาฝึกงานแบบนี้ มันจะเสียสถาบันเขาเปล่า ๆ”
คำพูดของฟาเบียนทำให้เธอนึกอาย แต่จะทำยังไงได้ มันเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยคิดวางแผนเอาไว้ ว่าชีวิตต้องมาเป็นแบบนี้
“รออยู่แถวนี้นะ” เขาบอกเธอตอนที่เดินเข้าไปถึงล็อบบี้
“ค่ะ” ปองรักได้แต่รับปากเบา ๆ
เขายื่นบัตรเครดิตให้เธอหนึ่งใบ ปองรักรับมาถือเอาไว้แบบงง ๆ เขาเดินลิ่ว ๆ ขึ้นลิฟต์ไป เธอหมุนตัวไปรอบ ๆ ก่อนจะไปนั่งลงที่โซฟาในล็อบบี้
ติ๊ดๆ... มีเสียงเตือนในมือถือของที่ทำงาน
(“เที่ยงกว่าแล้ว เดินไปที่ร้านอาหารแล้วสั่งอะไรกิน แล้วจ่ายด้วยบัตรเครดิตนั้น หลังจากนี้ไปเราสองคนต้องใช้พลังงานอีกเยอะ”)
ฟาเบียนส่งข้อความเข้ามา ปองรักรีบลุกขึ้นทันที จริง ๆ ก็หิวมาก ตั้งแต่เช้าเพิ่งได้กาแฟไปแค่แก้วเดียวเอง เธอตรงดิ่งไปที่ห้องอาหารที่อยู่ใกล้ ๆ กับล็อบบี้ สั่งข้าวผัดทะเลหนึ่งจาน เมื่อพนักงานมาเสิร์ฟ เธอถึงกับร้องอู้ เพราะจานใหญ่เบ้อเริ่ม
‘กินเข้าไปก่อน กินเยอะ ๆ ไม่รู้บอสจะพาไปไหนมั่ง กินเอาแรง กินเอาพลัง สู้ ๆ จิล’ เธอบอกกับตัวเอง
“จิลทำงานวันแรกเป็นไงบ้าง” สุจิราส่งเสียงมาตามสาย
“ก็สนุกดี งานเยอะดี พี่ที่สอนงานก็ดีมาก ๆ แล้วของจิราเริ่มฝึกงานตอนไหน” ปองรักถามเพราะเธอได้ฝึกงานก่อนเพื่อน แต่ทุกคนไม่ว่าจะเริ่มตอนไหนก็ต้องฝึกให้ครบหกเดือน หรือหนึ่งพันห้าร้อยชั่วโมง
“ก็เริ่มวันจันทร์หน้านี่แหละ ไปฝึกงานที่บริษัทของพี่เดียวจำได้ไหม” สุจิราทวนความจำของปองรัก เธอเอ่ยถึงลูกชายเพื่อนสนิทของคุณพ่อของสุจิรา ซึ่งเขาอายุห่างกับพวกเธอเจ็ดแปดปี
“อ๋อ คนที่เราไปงานวันเกิดของคุณพ่อพี่เดียวใช่ไหม เขาก็ทำส่งออกเหมือนกันนี่”
“ใช่ ๆ เสียดาย จิลไม่น่าเล่นตัวเลยนะ ตอนนั้นพี่เดียวสนใจเธอมาก” สุจิราแซวเพื่อน
“บ้า เล่นตัวที่ไหน พี่เขาทั้งหล่อทั้งรวย ตอนนั้นพี่เขาก็แสดงหนังด้วย ใครจะมาจริงจังกับคนอย่างเรา” ปองรักนึกไปถึงภาพยนตร์ที่เขาแสดงแล้ว ตอนนี้ถือว่าดังมาก ๆ
“พี่เดียวเป็นคนน่ารักนะ เมื่อวันก่อนเจอกันยังถามถึงจิลอยู่เลย ปากหวานฝากมาด้วยว่า ฝากความคิดถึงให้น้องจิลด้วยนะ” สุจิราทำเสียงเล็กเสียงน้อย
“ไม่จริงแน่ ๆ ประโยคหลังเนี่ย จิราเสริมมาหรือเปล่า” ปองรักส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
“จริง ๆ พี่เดียวพูดแบบนั้นจริง ๆ ว่าแต่ว่า จิลไปทำงานกับคุณฟาเบียน ตัวจริงกับในทีวี คนไหนหล่อกว่ากัน” สุจิราถาม เพราะเธอก็ได้ยินชื่อเสียงของชายหนุ่มมาบ้าง
“ถามอะไรก็ไม่รู้ คนหน้าตาดีตอนไหนก็หน้าตาดี” ปองรักเอ่ยถึงเขา ใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อ
“ฮั่นแน่... อย่าหลงเสน่ห์เจ้านายเชียวนะ” สุจิรายังแซวไม่เลิก
“ไปกันได้หรือยัง” เจ้านายทำเสียงเข้มอยู่ด้านหลัง
“คะ” เธอหันหน้าไปหาเขาด้วยความตกใจแก้มของเธอเกือบชนปลายจมูกของเขาที่จงใจชิดใบหน้าลงมาใกล้ ๆ
“จิราแค่นี้ก่อนนะ ไว้ว่าง ๆ จะโทรหา”
“โอเคจ้า” สุจิราได้ยินเสียงทุ้ม ๆ เข้ามาในสาย เธอรีบวางทันที
ปองรักรีบเก็บโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋าสะพาย เขาดึงมือเธอขึ้นมาและเดินจับมือกันไป หญิงสาวเขินจนหน้าแดง เดินแทบขาขวิด
ห้าปีต่อมาเด็กสายสายฟ้าอายุได้ 6 ขวบ เขามีน้องสาวอีกหนึ่งคน ชื่อว่าน้องพรีม หรือว่าเด็กหญิง พีรดา ฟรองซัว ตอนนี้อายุ 4 ขวบแล้วและตอนนี้คุณแม่กำลังมีน้องของทั้งสองคนอยู่ในท้องอีกหนึ่งคน คุณพ่อบอกว่าไม่ต้องลุ้น ให้คุณหมออัลตร้าซาวด์ไปเลยว่าเป็นลูกสาวหรือลูกชายสรุปได้ผลออกมาแล้วว่าเป็นลูกชาย ฟาเบียนยิ้มแก้มปริเมื่อรู้เรื่อง ปองรักบอกว่าขอท้องอีกท้องนี้ท้องเดียว จะปิดอู่เลย พอรู้ว่าได้ลูกชายคุณพ่อก็ไฟเขียวให้คุณแม่ทำหมันได้หลังจากที่คลอดน้อง“จิลจ๊ะ ถึงไหนกันแล้ว จิรากับเดียว” ฟาเบียนเดินเข้ามาหาภรรยาคนสวย ตอนนี้เธอกำลังจัดการทุกอย่างเพื่อปาร์ตี้เล็กของสองครอบครัวที่นัดกันสามเดือนครั้ง“โทรมาเมื่อสักครู่ คงจะใกล้ถึงแล้ว” เธอหันไปตอบเขา ฟาเบียนเดินมาเลื่อนเก้าอี้ แล้วดันหลังให้เธอนั่งลง“ให้เด็กจัดการเถิดน่า จะคลอดอยู่แล้ว” ฟาเบียนทำเสียงดุ เธอส่งยิ้มให้สามี เขาก้มหน้าลงมาชิดแล้วจุ๊บไปที่ริมฝีปากของเธอเบา ๆ“คุณแม่ขา พี่สายฟ้าแกล้งลูก” เด็กหญิงพรีมพูดเสียงดังฟังชัดเดินเข้ามาฟ้องคุณพ่อกับคุณแม่ที่นั่งกอดกันอยู่ตรงนั้น“ผมไม่ได้แกล้งนะครับคุณแม่ ยายหนูพรีมขี้ฟ้อง” สายฟ้าทำเสียงดัง ก่อนชักส
“ใครโทรมาจ๊ะ” ฟาเบียนถามปองรัก เขาเดินเปลือยตัวท่อนบน ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก เช็ดหลังเดินเข้าไปหาเตียงเล็กของสายฟ้าที่วางอยู่ใกล้ ๆ เตียงใหญ่ของทั้งคู่“หมดฤทธิ์แล้วเหรอ” เขามองลูกชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ยกมือไปแตะที่หน้าผากขยี้เบา ๆ ก่อนจะหันกลับมาหาปองรักที่นั่งยิ้มรออยู่บนเตียง“จิราโทรมาค่ะ แจ้งข่าวดีว่าท้องได้สี่เดือนแล้ว” สีหน้ายินดีไปกับเพื่อนรักด้วย“จริงหรือจ๊ะ งั้นคุณฟาจะยอมแพ้ได้ไง จัดสิคืนนี้” ว่าแล้วเขาดึงผ้าเช็ดตัวที่พันกายออกไปให้พ้น แล้วก็รวบกอดเมียรักเขาสู่อ้อมแขน ดันร่างภรรยาคนสวยให้นอนลงไป ทาบร่างหนาใหญ่ขึ้นไปทับร่างกายของปองรักเอาไว้ทั้งตัว“ทำหน้าทำตาหื่นเชียว” เธอยกนิ้วจิ้มไปที่จมูกของเขา“คุณฟาจะเอาลูกสาวนะคืนนี้ จิลจะได้ไม่เหนื่อย วุ่นทั้งวันเหมือนเลี้ยงสายฟ้า เด็กผู้หญิงน่าจะน่ารัก แล้วคงพูดง่ายกว่านี้”“แหนะไปว่าลูก สายฟ้าได้ยินน้อยใจแย่” เธอทำจมูกย่นใส่เขา“ลูกสาวจะได้น่ารักเหมือนแม่” ฟาเบียนพูดต่อ“อ่อ... ที่สายฟ้าเป็นทุกวันเนี่ย คงเหมือนคุณพ่อแน่สินะคะ” เธอได้ทีว่าเข้าให้“หื้อ... หาเรื่องนี่นา แบบนี้ต้องลงโทษ” พูดจบเขาก็ฉกใบหน้าลงไปคลุกวงใน ก่อน
ก๊อก... ก๊อก... เคาะได้สองที นิจิตก็เปิดผลัวะเข้ามา เดินตรงมายังเตียงนอนของคนไข้“จิราเป็นอะไรครับ เป็นอะไร ผมโทรหาใครก็ไม่มีใครรับ ไม่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่ก็อยู่ตรงนี้กันพร้อมหน้า” เขายืนเหนื่อยหอบเอาการอยู่ ก็ไม่ให้เหนื่อยได้ยังไง วิ่งมาตัวปลิวนิจิตจับมือสุจิราเอาไว้แน่น พอเห็นหน้าซีด ๆ ของเมีย ก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เขายกมือขึ้นแตะหน้าผากของเธอเหมือนวัดไข้“เมื่อเช้าก็เห็นดี ๆ อยู่” เขาพูดกับเธอคุณแม่ของนิจิตยกมือของท่านวางไว้บนไหล่ของลูกชายที่ตอนนี้หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ใกล้ภรรยาสุดที่รักที่สุดนิจิตยกหน้าขึ้นไปมองแม่“หมอว่ายังไงครับ” เขายังมีสีหน้าเคร่งเครียด สองคุณแม่มองหน้าลูกชายแล้วส่งยิ้มให้นิจิตถึงกับเหวอ“จิราไม่สบาย คุณแม่ยังยิ้มกันออกอีกหรือครับ ดูสิหน้าซีด ตัวซีดหมดแล้ว” เขาว่าแม่ของเขาแบบงอน หันหน้าไปมองเมียรักที่นอนยิ้มกว้างอยู่เช่นเดียวกัน“หึ... อะไร จิราเป็นอะไร” เขารีบเขย่ามือเธอเพราะอยากรู้“ท้องค่ะ พี่เดียว จิราท้อง” คำบอกของเมียทำให้เขากระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ วิ่งไปวิ่งมาในห้องผู้ป่วย ทำสีหน้าว่าดีใจสุด ๆ วิ่งเข้าไปหาคุณพ่อของตัวเอง ก่อนจะกอดท่านเอา
“อะไรกัน พวกแกเป็นใคร” เธอชะงักงันยืนนิ่งอยู่กับที่ตอนนี้ในห้องนอนที่ว่างเปล่าเมื่อกี้เต็มไปด้วยชายฝรั่งฉกรรจ์หน้าตาดี หล่อล่ำกล้ามเป็นมัด ๆ ทาตัวด้วยน้ำมันวาววับ นับได้ตั้งห้าคน ทุกคนกรูกันเขามาจับตัวของทิพย์ดาราเอาไว้ทันที แล้วพูดออกมาเป็นเสียงภาษาอะไรก็ไม่รู้ ที่หญิงสาวไม่เคยได้ยินมาก่อนคนหนึ่งจูบปาก อีกคนล้วงควักท่อนบน อีกคนล้วงจ้วงนิ้วแทรกเข้าไปใต้กระโปรง ทั้งฝ่ามือหนา และริมฝีปากลากไล้ไปทั้งเนื้อทั้งตัวของหญิงสาวหนึ่งในห้าหนุ่มถือกล้องวีดีโอขนาดพอดีมือเอาไว้ด้วยหนุ่มที่จูบปากป้อนยาเม็ดเล็กเข้าไปในปากของเธอ ทิพย์ดาราฝืนกินเข้าไป เพราะเขาไม่ปล่อยริมฝีปากของเธอให้เป็นอิสระตอนนี้ในหัวสมองของเธอมืดบอดไปหมด ฝ่ามือหนาร้อนที่ระร้ายไปตามลำตัวทำให้เธออารมณ์กระเจิดกระเจิงเพียงหลังขาวเนียนเปลือยเปล่าสัมผัสผ้าปูที่นอน เธอก็หมดอิสรภาพ ร่างหนาใหญ่รุมเร้าทาบทับ และทุกคนต่างกำลังทำให้เธอทรมาน ทิพย์ดาราดิ้นพล่าน ไปด้วยอุปกรณ์ที่บรรดาหนุ่มใช้มันไปบนร่างกายของเธอ และฤทธิ์ยาปลุกเซ็กส์ที่เธอถูกบังคับให้กินไปชายหนึ่งยื่นกระบองของเขาอันใหญ่เขื่องหัวมันแผล็บมาตรงหน้า เธอคว้ามันเข้าไปในปากทันทีแล้
“มาแล้วครับ คุณพ่อกลับมาแล้ว” ฟาเบียนทิ้งข้าวของทุกอย่างใส่ในมือของลัดดา รีบเดินลิ่วพร้อมกับส่งเสียงดังเข้าไปในบ้านสายฟ้าแค่ได้ยินเสียง ก็ดิ้นตัวขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นปู่ คุณคาโรรีบปล่อยตัวเด็กชายลง พอทั้งตัวแตะพื้น เด็กน้อยก็กระเด้งตัวขึ้นคลานสี่ขา แล้วมุ่งหน้าไปตามเสียงเรียกของฟาเบียนคุณพ่อหยุดยืนนิ่งมองดูลูกชายที่คลานเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว พอถึงตัวคุณพ่อ เด็กน้อยก็รีบยึดขากางเกงของคุณพ่อเอาไว้แน่น แล้วพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน ปากก็พูดออกเสียงอ้อแอ้ตลอดเวลา“มา เจ้าหนูน้อย” ฟาเบียนโน้มตัวของเขาลงไปอุ้มสายฟ้าขึ้นมาแนบอก แล้วก็ใช้จมูกซุกไซ้ให้หนูน้อยจั๊กจี้ตามลำตัว เด็กชายหัวเราะเอิ้ก ๆ ออกมาอย่างมีความสุข“ดื้อกับคุณแม่ไหมครับลูกพ่อ” ฟาเบียนชวนคุย พลางอุ้มลูกตรงไปนั่งใกล้ ๆ พ่อของเขา“ซนเอาเรื่องเลยแหละ” ผู้เป็นปู่วิจารณ์หลานตัวเล็กสายฟ้าพอได้ยืนบนตักของคุณพ่อแล้ว ก็กระโดดอย่างสนุกอยู่บนนั้น จึงได้เห็นรอยยิ้มอย่างมีความสุขของผู้เป็นปู่และผู้เป็นพ่อ“ทุกอย่างพร้อมแล้วค่ะ คุณพ่อขาคุณแม่รออยู่” ปองรักเดินเข้ามาหาทั้งสามคนคุณคาโรรีบลุกขึ้น เดินไปยังสนามหน้าบ้าน สถานที่จัดงานเลี้ย
(“งานแต่งงานสุดหรูของเดียว นิจิต กับหวานใจ สุจิรา ลูกสาวเจ้าของร้านเพชรชื่อดัง มีเพื่อนฝูงทั้งในและนอกวงการเข้ารวมแสดงความยินดีอย่างมากมาย งานนี้มีความสุขชื่นมื่นกันทั่วหน้า ทีมข่าวหัวเห็ดเก็บภาพมาฝากแฟนคลับของเดียว นิจิต มาให้ดูกันแล้วแต่ที่เซอร์ไพรส์ที่สุดของงาน ต้องเป็นแขกคนนี้ ฟาเบียน ฟรองซัว ควงแขนภรรยาสาวสวย และลูกชายวัยใกล้ขวบมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวด้วยสายข่าวแจ้งมาแล้วจ้าว่า นางสาวปองรัก ได้เปลี่ยนไปใช้นามสกุล ฟรองซัว เป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนฟาเบียนไป งานนี้เล่นเอาสาว ๆ หลายคนต้องหาคนดามอกกันยกใหญ่สุดท้ายก็ต้องกล่าวอวยพรให้คู่บ่าวสาว และคู่รักทุกคู่ มีความสุข และครองรักกันจนมีลูกมีหลานเต็มบ้านเต็มเมืองค่ะ”)ทิพย์ดารามองมือถือในมือนิ่ง ภาพคู่บ่าวสาว และคู่นอนเก่าของเธอที่โชว์หน้าหรา ยิ้มกว้างด้วยความยินดี เธอมองฝ่ามือหนาที่วางบนไหล่ของภรรยา และสายตาของฟาเบียนที่จ้องมองปองรักด้วยความรัก แล้วเจ็บหนึบในหัวใจ“มีความสุขกันมากจริง ๆ นะคะ” เธอเอ่ยออกมาน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยาะหยันตัวเอง คนอย่างทิพย์ดาราไม่เคยแพ้ใคร เธอจะเอาฟาเบียนกลับมาให้ได้คราวนั้นเธอเขลาไปเองที่ยอมลบ